เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้ก่อปัญหาทั้งสองก็หันมองหน้ากันโดยปริยาย ทั้งสองเห็นคำพูดเดียวกันในสายตาของกันและกัน นั่นคือ บอกตามตรง ข้าไม่ได้สนใจท่านเลยจริงๆ
แต่พวกเขาล้วนรู้ว่าหากพวกเขากล้าพูดออกไปเช่นนั้น ฮองเฮาจะโกรธมากจนอาเจียนเป็เื
ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงดูเหมือนจะรู้กันได้โดยปริยาย สำหรับคำถามที่เต็มไปด้วยความโกรธนี้ พวกเขาคิดว่า ต้องทำเพื่อความผาสุกของพระวรกายของฮองเฮา
คนใจดำทั้งสองจึงหาทางเลือกที่แสดงถึง ‘ความปรารถนาดี’ ยอมก้มหัวลงอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดสิ่งใด
ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังก้มหน้าลงและยอมรับความผิดพลาดโดยไม่พูดอะไร แต่จริงๆ แล้วพวกเขาราวกับกลายเป็คนหูหนวก กล่าวได้ว่า พวกเขาเพิกเฉยต่อฮองเฮาอย่างสมบูรณ์
ทั้งสองยังคงนิ่งเงียบ ดวงตาที่ก้มมองต่ำก็ไม่รู้เลยว่ากำลังมองไปที่ใด ราวกับว่าการที่ฮองเฮาทุบถ้วยด้วยความโกรธและดุพวกเขาเมื่อครู่นี้มันไม่เคยเกิดขึ้นเลย
ความเงียบก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้คนโกรธ ควบคู่ไปกับการเพิกเฉยเช่นนี้ ก็เปรียบได้กับสัญญาณว่าูเาไฟกำลังจะปะทุ!
ดังนั้น ท่าทีที่เพิกเฉยและเงียบสงบเช่นนี้ จึงหนักหนายิ่งกว่าการให้พวกเขาเปิดปากตอบฮองเฮา ทั้งยังทำให้คนโกรธจนกระอักเืได้!
อันที่จริง ยามที่เห็นว่าทั้งสองปฏิบัติต่อนางราวกับไม่มีตัวตน ความโกรธในหัวใจของฮองเฮาก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ผู้ใดให้ความกล้าหาญแก่พวกเ้า ถึงได้กล้าที่จะอวดดีต่อหน้าเปิ่นกง?” ฮองเฮากัดฟันของนาง เืร้อนๆ ที่คอยแผดเผาท่วมอยู่ในอก จนแทบจะะเิออกมา ใบหน้าที่แต่งมาอย่างดีบิดเบี้ยวไปนานแล้ว
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนที่ถูกซักถามยังคงแสร้งทำเป็ปรารถนาดีด้วยการนิ่งเงียบต่อไป
เพิ่มความสุขให้กับตัวเองด้วยเพลิงพิโรธของฮองเฮา ไม่ต้องพูดถึงว่าหัวใจของหลงเซี่ยวเจ๋อมีความสุขมากมายเพียงใด เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่ง จะสามารถทำให้ฮองเฮาผู้มากเล่ห์ผู้นี้โกรธได้ถึงเพียงนี้
มู่จื่อหลิงเหลือบมองฮองเฮาราวกับกำลังมองคนโง่เขลา ลอบิ่ประมาทอยู่ภายในใจว่า ยังต้องให้ผู้ใดมามอบความกล้าให้อีกเล่า? แน่นอนว่ามันย่อมมีมาแต่กำเนิด หากไม่มีความกล้าสักนิด จะเล่นสนุกกับท่านได้อย่างไร?
เนื่องจากเป็การต่อกร เช่นนั้นย่อมแน่นอนว่ายิ่งอวดดีมากก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น เล่นสนุกเพียงครั้งเดียวก็เพียงพอ นางคงไม่มีใจที่จะเล่นกับฮองเฮาอีกในวันหน้า
อันที่จริง นางแน่ใจด้วยว่าฮองเฮาจะไม่โกรธเคือง ดังนั้นนางจึงกล้าได้กล้าเสีย
ความเงียบและการเมินเฉยของมู่จื่อหลิงกับหลงเซี่ยวเจ๋อ อธิบายทุกอย่างแล้ว
ในยามนี้อย่าว่าแต่พวกเขาจะกลัวเมื่อได้เห็นความพิโรธของฮองเฮาผู้สูงส่งเลย ด้วยในความเป็จริงแล้วพวกเขายังคงลอบหัวเราะอยู่ภายใน
พวกเขาเพิกเฉยต่อความยิ่งใหญ่อันไร้ที่ติและการเสแสร้งของฮองเฮา ใบหน้าของพวกเขาสงบมากยิ่งขึ้น ทั้งยังใจเย็นไม่หวั่นไหว
ความไร้มารยาทเช่นนี้ ทำให้คนเหลือทนจริงๆ
“เปิ่นกงกำลังถามพวกเ้า” ไม่รู้ว่าฮองเฮาทรงเอาความอดทนมาจากไหน ด้วยสง่าราศีของผู้มีตำแหน่งอันสูงส่ง นางยกมือเปื้อนเืที่สะดุดตาขึ้นมาตบโต๊ะลงไปอย่างแรง
ผู้ใดกันที่ให้ความกล้ากับพวกเขา กล้าดีอย่างไรถึงได้เพิกเฉยต่อนาง ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลย
คนบ้าบิ่นทั้งสองคนนี้...ทำให้นางโกรธจริงๆ!
“เหตุใดฮองเฮาถึงโกรธมากถึงเพียงนี้? เป็ไปได้ไหมว่าพระองค์จะเป็ผู้สนับสนุนที่ไร้สมองผู้อยู่เื้ัการใส่ร้ายที่น่าขันนี้ ทำให้ฉีอ๋องต้องเสื่อมเสีย?” มู่จื่อหลิงยกมือขึ้นมาแตะใบหน้าเล็กของตนแล้วเท้าศอกลงบนโต๊ะ แสดงสีหน้างุนงง
ถ้อยคำเหล่านี้เปรียบเสมือนการเติมเชื้อเพลิงลงในไฟ แต่ก็เป็การป้องกันไม่ให้ไฟลุกลามด้วยเช่นกัน
เห็นได้ว่าฮองเฮายังคงหลีกเลี่ยงการจ้องมองของมู่จื่อหลิงอย่างอึดอัด เืที่ร้อนระอุในหัวใจของนางสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ความโกรธเคืองภายในแววตาของนางเพิ่มมากขึ้น เหมือนว่ามันกำลังถูกกระตุ้น
มู่จื่อหลิงแสดงออกว่าไม่เห็นด้วย นางค่อยๆ ใช้นิ้วชี้ลูบไล้ไปตามแก้มขาวของตน แสร้งทำเป็ครุ่นคิด และชำเลืองมองฮองเฮา “หรือ...ฮองเฮา ท่านคือผู้อยู่เื้ัสิงกู้เหวิน เป็ผู้ที่ไร้…”
ก่อนที่คำพูดสองสามคำสุดท้ายจะพูดออกไป ก็ถูกขัดจังหวะด้วยการตบโต๊ะดังปังอีกครั้งจากฮองเฮา
“บังอาจ!” ฮองเฮาโกรธมากจนะโอย่างโกรธเคือง “มู่จื่อหลิง เ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้มาสบประมาทต่อหน้าเปิ่นกงเช่นนี้”
ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ช่างบ้าระห่ำและใจกล้านัก
หากนางไม่ขัดจังหวะ ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้คงจะกล้าดูิ่นางต่อหน้าใช่หรือไม่? ความโกรธในใจของฮองเฮาเพิ่มขึ้นทีละน้อย แม้แต่การหายใจของนางก็เริ่มหนักขึ้น
ต้องบอกว่า ฮองเฮา ท่านกล่าวถูกแล้ว ยังดีที่ท่านตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ไม่เช่นนั้น ฮองเฮาจะเสียหน้าเมื่อคำพูดเ่าั้หลุดออกมา
ในเวลานี้ หลงเซี่ยวเจ๋อได้เรียนรู้จากกลอุบายของมู่จื่อหลิง และเอ่ยเตือนความจำถึงประโยคที่เคยบอกไปก่อนหน้า “เสด็จแม่ ท่านลืมไปแล้วหรือ เมื่อครู่พี่สะใภ้สามไม่ได้บอกว่านางโตมาด้วยการกินน้ำดีเสือไปแล้วหรอกหรือ”
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เมื่อกินน้ำดีเสือเข้าไปแล้ว การมีความกล้าย่อมเป็เื่ธรรมชาติ
มู่จื่อหลิงกลั้นยิ้มของนางไว้และยกนิ้วให้หลงเซี่ยวเจ๋อโดยไม่ลังเล
ความสามารถในการได้รับการยกย่องจากมู่จื่อหลิงนั้น หลงเซี่ยวเจ๋อยังคงรักษาไว้ได้อย่างดี
เห็นเขาเชิดคางขึ้นและมองไปทางฮองเฮาด้วยรอยยิ้ม และรอยยิ้มนั้นช่างประจบสอพลอ
การโต้ตอบระหว่างทั้งสองดูมีความเที่ยงธรรมที่สว่างไสว [1] และฮองเฮาก็มองเห็นมันได้อย่างชัดเจน
บ้า บ้าไปแล้ว โกรธจนแทบบ้าแล้วจริงๆ จิตใจของฮองเฮากำลังบ้าคลั่งอยู่ภายใน แต่บั้นท้ายของนางก็ยังไม่อาจขยับได้อยู่เช่นเดิม
ในความเป็จริง ยามได้มองดูฮองเฮาที่โกรธเคืองจนหายใจไม่ออกเช่นนี้ ความอยากรู้อยากเห็นในหัวใจของหลงเซี่ยวเจ๋อในยามนี้นั้นยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าชื่นชมยินดีในความโชคร้ายของผู้อื่นเสียอีก
ในคืนนี้ฮองเฮาถูกพวกเขาทรมานอย่างสาหัสด้วยการล่วงเกินอย่างใจกล้า จนกระทั่งบัดนี้ นางยังคงนั่งนิ่งมั่นคงดุจเขาไท่ซาน [2]
ในยามนี้ ฮองเฮาไม่มีเจตนาจะหนีแต่อย่างใด อีกทั้งนางยังไม่้าเรียกคนเข้ามาลงโทษผู้ที่ไม่เชื่อฟังนาง นี่เป็เื่ที่น่าเหลือเชื่อมาก
สำหรับสิ่งนี้ หลงเซี่ยวเจ๋อยังคงสับสนอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถเข้าใจมันได้จริงๆ
หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดหลงเซี่ยวเจ๋อก็ได้ความคิดที่ไร้เดียงสาเพียงข้อเดียวเท่านั้น นั่นคือ คงเป็เพราะฮองเฮาไม่เคยถูกทารุณกรรม และยามนี้นางกำลังเพลิดเพลินกับความรู้สึกที่ถูกทารุณ
มู่จื่อหลิงแสดงความรังเกียจต่อการตำหนิของฮองเฮา และยังคงกลอกตาอยู่ในใจ ฮองเฮา แล้วความอ่อนโยนดุจมารดาของท่านเล่า? ความยิ่งใหญ่ของมารดาแห่งแผ่นดินเล่า? นอกจากนี้ยังมีทักษะในการพูดในยามปกติ ไม่ใช่ว่าท่านเก่งมากหรอกหรือ?
ท่านนี้นะ บัดนี้นอกจากคำกล่าวว่าบังอาจและช่างกล้าแล้ว ท่านยังมีสิ่งอื่นจะพูดอีกไหม?
หึ นาง มู่จื่อหลิง มาที่นี่ในวันนี้เพื่อแสดงความโอหังอวดดีและความใจกล้า แล้วจะต้านทานนางได้อย่างไร?
มู่จื่อหลิงยักไหล่อย่างไม่สนใจ มุมปากกระตุกขึ้นราวกับจะยิ้ม ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดูิ่ที่ไม่อาจละเลยได้ “ยังคงเป็ประโยคเดิม ถ้าไม่อยากให้ผู้ใดรู้ก็จงอย่าทำ ทำไปแล้วก็คือทำไปแล้ว เหตุใดฮองเฮาต้องโกรธด้วยเล่า”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ทุกคนรู้เื่นี้ดี หากกล้าทำก็อย่ากลัวการถูกคนนำมากล่าวถึง เป็ฮองเฮาแล้วอย่างไร? สิ่งนี้มีแต่จะทำให้คนดูถูกเหยียดหยามมากขึ้นก็เท่านั้น
“เ้า...” ฮองเฮากระอักอีกครั้งในทันที นางไม่สนใจอีกแล้ว ดวงตาคู่หนึ่งที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงจ้องไปทางมู่จื่อหลิง แต่น่าเสียดายที่ความโกรธกลายเป็ความสยดสยองภายในเวลาเพียงครู่เดียว
ทันใดนั้น อารมณ์ที่วุ่นวายในหัวใจของฮองเฮาเริ่มกลายเป็ความสับสน รู้สึกอึดอัดใจ เต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจปลดปล่อย...ทั้งยังมีความกลัวในใจที่นางจงใจละเลยมัน
“อะไร หรือเปิ่นหวางเฟยกล่าวสิ่งใดผิดหรือ?” มู่จื่อหลิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย การแสดงออกของนางเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา
มันเป็เื่จริง ทั้งยังมีความสมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตาม การพูดเช่นนี้กับฮองเฮาผู้สูงส่งก็ยังถือว่าไม่ถูกต้อง
ไม่ต้องพูดถึงว่ามู่จื่อหลิงก่อความผิดอันใหญ่หลวงขึ้นมาด้วยเหตุนี้ บอกได้เพียงว่ามารดาแห่งแผ่นดินถูกกลั่นแกล้งและเยาะเย้ยซ้ำแล้วซ้ำเล่า หน้าของฮองเฮาจะยังหลงเหลืออยู่ได้อย่างไร?
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่มู่จื่อหลิง้า
ณ เวลานี้ ไม่มีผู้ใดมีใจมาคิดว่าสิ่งที่นางพูดมันผิดหรือไม่ แต่ทว่า...
เปิ่น เปิ่นหวางเฟย? หลงเซี่ยวเจ๋อรู้สึกยุ่งเหยิงราวกับอยู่ท่ามกลางสายลม [3]
กำลังกล่าวถึงสิ่งใด [4] ? กำลังอ้างสิทธิ์ในตัวตนของตนเองอยู่หรือ? ทั้งยังเอ่ยออกมาอย่างฉะฉาน
การไม่เชื่อฟังอย่างกล้าหาญเมื่อครู่นี้ก็ช่างมันเถอะ แต่การกระทำในยามนี้มันเป็การฏอย่างแท้จริง!
นี่นับเป็การฏโดยไม่ร่วมมือกับผู้ใดครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แข็งแกร่ง แข็งแกร่งจริงๆ พี่สะใภ้สามของเขาช่างยอดเยี่ยม!
คืนนี้พวกเขาสู้กับฮองเฮาอย่างกล้าหาญโดยไม่สนแม้แต่ชีวิตอย่างแท้จริง!
แม้จะน่าเหลือเชื่อ แต่ทุกคำและทุกประโยคล้วนใช้ชีวิตเป็เดิมพันในการโต้ตอบ แต่กลับรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง
ในยามนี้ สิ่งที่ฮองเฮากังวลมากที่สุดก็คือการที่มู่จื่อหลิงประกาศตัวออกมา ความผิดเช่นนี้มันช่างอุกฉกรรจ์
“มู่จื่อหลิงผู้อาจหาญ เ้า้าที่จะฏหรือ?” การหายใจของฮองเฮายากเย็นมากขึ้นเรื่อยๆ
“หึ” มู่จื่อหลิงรู้สึกขบขันอย่างมากในทันใด
ฏ? ขอโทษนะ ไม่ต้องพูดถึงว่านางไม่มีความสามารถนั้น แม้ว่านางจะมีความสามารถนั้น นางก็ไม่สนใจมันเช่นกัน
“โอ้ ฮองเฮา ในยามพูดเช่นนี้ท่านต้องระวังให้ดี! ฏหรือ? ท่านกำลังปฏิบัติตนในฐานะฮ่องเต้อยู่หรือ?” มู่จื่อหลิงยิ้มแล้วขยับเข้าไปใกล้หูของฮองเฮา ก่อนจะเตือนอย่างระมัดระวัง
ไม่น่าแปลกใจที่มู่จื่อหลิงพูดอย่างตรงไปตรงมา แต่ตำแหน่งของฮองเฮาก็ไม่มั่นคงเช่นกันเมื่อคำพูดเหล่านี้แพร่กระจายออกมา
ใน่เวลาหนึ่ง ฮองเฮารู้สึกว่าเืของนางกำลังพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่าง สมองของนางส่งเสียงดังหึ่งหึ่ง ราวกับหัวของนางกำลังจะะเิเมื่อนางกำลังถูกขัดโดยคำพูดของมู่จื่อหลิง
ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้ ฉวยโอกาส! ทำการต่อต้าน
เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มีความหมายเช่นนั้น แต่มันกลับถูกบิดเบือนไปเป็ความหมายเช่นนั้น และการเบือนนั้นก็ช่างสมเหตุสมผล จนไม่อาจหักล้างได้
มู่จื่อหลิงลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน ฮองเฮาผู้ถ่อมตัวหรี่ตามองนาง นางเบื่อที่จะสร้างสถานการณ์หลอกล่อแล้ว “คนฉลาดย่อมไม่พูดจาอ้อมค้อม ไม่ใช่ว่าฮองเฮา เป็ท่านที่สั่งสิงกู้เหวินให้เข้าไปในเรือนจำแล้วตั้งศาลเตี้ยลงโทษเปิ่นหวางเฟย ตั้งใจจะทุบตีให้ยอมรับผิดด้วยการถูกทรมานจนไม่อาจทนได้ไม่ใช่หรือ?”
ซ้ายก็เปิ่นหวางเฟย ขวาก็เปิ่นหวางเฟย [5]
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเย่อหยิ่งและอวดดีของมู่จื่อหลิง ใบหน้าของฮองเฮาได้แตกสลายไปนานแล้ว
การแสดงออกทางสีหน้าของนางหยุดนิ่งไป และนางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ยายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้กำลังจะต่อกรกับตน และกำลังทำมันให้ขยายออกไปเรื่อยๆ นางยังต้องกลัวว่ามันจะไม่สำเร็จอีกหรือ?
อันที่จริงฮองเฮารู้สึกกลัวจริงๆ แต่นางไม่มีวันยอมรับมัน
“เ้า้าอะไร?” ฮองเฮาพ่นลมอย่างเ็า ระงับความหงุดหงิดในใจ และมองมาอย่างภาคภูมิ
เป็ความจริงที่นางประมาทเกี่ยวกับสิงกู้เหวิน แม้ว่ายายเด็กหน้าเหม็นผู้นี้จะรู้ว่านางทำแล้วอย่างไร หรือนางคิดว่าจะสามารถล้มตนได้ด้วยสิ่งนี้? เพ้อเจ้อเสียจริง
สี่คำง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มุมปากของมู่จื่อหลิงก็กระตุกเล็กน้อย ฮองเฮา ท่านดูน่ารักขึ้นเยอะเลย
มู่จื่อหลิงเลือกเวลาที่เหมาะสม มองออกไปนอกประตูสีดำสนิท และกวาดตาไปทางหลงเซี่ยวเจ๋ออีกครั้ง บ่งบอกว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะออกไป
หลงเซี่ยวเจ๋อเข้าใจในทันที เขากุมท้องที่สั่นระริกเนื่องจากการหัวเราะของตน แล้วเดินออกไปอย่างตื่นเต้นโดยไม่สนใจฮองเฮา
อย่างไรก็ตาม คืนนี้พวกเขาได้รุกรานฮองเฮามากพอแล้ว ส่วนพรุ่งนี้เช้าจะเป็อย่างไร...ปล่อยให้ม้านำไป [6] ใครกลัวกัน?
คราวนี้หลงเซี่ยวเจ๋อะโและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาคิดเพียงว่ามาเพื่อชมการแสดงเท่านั้น
ยามนี้ได้ก้าวหน้ามาจนถึงจุดที่น้ำและไฟเข้ากันไม่ได้ [7] สัญชาตญาณของเขาบอกว่าฉากต่อไปจะน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้น
เพียงแต่ หลงเซี่ยวเจ๋อผู้น่าสงสารไม่รู้ว่า เมื่อเขาออกไปแล้ว เขาจะไม่มีความคิดที่จะเข้ามารับชมการแสดงดีๆ เช่นนี้อีกเลย
มู่จื่อหลิงมองไปที่ด้านหลังของผู้ที่เคลื่อนไหวอย่างมีชีวิตชีวา แล้วถอนหายใจอย่างเห็นอกเห็นใจ “เ้าหนูผู้น่าสงสาร อีกสักครู่ เ้าจะไม่สามารถะโได้แล้ว”
ยาที่ใส่เข้าไปในปากของหลงเซี่ยวเจ๋อเมื่อครู่นี้ น่าจะเริ่มให้ผลแล้ว หลังจากรับประทานอาหารมื้อพิเศษนี้ไปแล้ว ไม่ว่าจะกินอะไรเข้าไปก็ตาม เขาก็จะต้องอาเจียนมันออกมาทั้งหมด
และไม่เพียงแค่นั้น เ้าหนูผู้น่าสงสารผู้นี้ยังได้รับการปกป้องเพียงน้อยนิดเท่านั้น ดังนั้นเขาควรจะมีความทรงจำที่ยาวนานเช่นกัน
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ความเที่ยงธรรมที่สว่างไสว (光明正大) เป็สำนวน มีความหมายว่ามีความซื่อสัตย์สุจริตด้วยวาจาและการกระทำ ความเป็กลาง และความไม่เห็นแก่ตัว
[2] มั่นคงดุจเขาไท่ซาน (稳如泰山) เป็สำนวน มีความหมายว่า มั่นคง ไม่สั่นคลอนและแน่วแน่อย่างยิ่ง
[3] รู้สึกยุ่งเหยิงราวกับอยู่ท่ามกลางสายลม (风中凌乱) เป็วลี มีความหมายว่า อารมณ์และความรู้สึกที่สับสนวุ่นวาย ส่วนใหญ่จะนำมาใช้ขยายความรู้สึกหดหู่และเศร้าซึม
[4] กำลังกล่าวถึงสิ่งใด (哪跟哪) เป็วลี มีความหมายว่าสิ่งที่พูดมันไม่สมเหตุสมผล หรือไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างคำพูดจนทำให้คนเกิดความงุนงง
[5] ซ้ายก็...ขวาก็... (左一...右一...) เป็รูปประโยครูปแบบหนึ่ง มีความหมายว่าจำนวนมาก หรือสิ่งที่ซ้ำไปซ้ำมา
[6] ปล่อยให้ม้านำไป (放马过来好) เป็วลี มีความหมายว่าต่อให้มีเื่เข้ามาก็ไม่หวั่น เป็การบอกว่าตนพร้อมรับการปะทะได้อย่างไม่กลัวตาย
[7] จุดที่น้ำและไฟเข้ากันไม่ได้ (水火不容的地步) เป็วลี มีความหมายว่า ไม่อาจอยู่รวมกันได้อีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้