จุดประสงค์หลักอีกอย่างที่เซี่ยเสี่ยวหลานตามกวนฮุ่ยเอ๋อมางานเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้ เพราะคนตระกูลจี้
เจอกับเซี่ยจื่ออวี้และหวังเจี้ยนหัวเป็เื่นอกแผน เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถจัดการตบหน้าสองคนนั้นได้อย่างง่ายดาย ผลกระทบจากเื่ชั้นเรียนกวดวิชาของเซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวยังไม่คลี่คลาย และปัจจุบันเซี่ยเสี่ยวหลานมีชีวิตที่ดีกว่าทั้งสองคน ไม่จำเป็ต้องพูดอะไรมาก ขอเพียงทั้งคู่รู้สภาพชีวิตของเธอในปัจจุบัน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จำเป็ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพียงเธอมีสภาพชีวิตที่ดีหวังเจี้ยนหัวกับเซี่ยจื่ออวี้ก็ทุกข์ระทมมากพอแล้วน่ะสิ!
โดยเฉพาะเซี่ยจื่ออวี้ ป่านนี้คงกังวลว่าเธอจะแก้แค้นตนเองหรือไม่สินะ
ทำให้เซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวจุกจนพูดไม่ออกเป็เื่บังเอิญเท่านั้น เป้าหมายหลักของเซี่ยเสี่ยวหลานคือตระกูลจี้ เธอเข้างานมาหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ในที่สุดก็ได้เจอจี้หลิน พี่ชายของจี้หย่าเสียที
หลังจี้หลินลงจากบันไดก็ตรงมาหาเซี่ยเสี่ยวหลานและกวนฮุ่ยเอ๋อทันที
กระทรวงการต่างประเทศคือแม่งาน แขกที่มาวันนี้คือใครบ้าง หากจี้หลินอยากรู้ย่อมไม่ใช่เื่ยาก
เื่ดำเนินมาถึงจุดนี้ทำให้จี้หลินเข้าใจ ‘คำเตือน’ จากหนิงเยี่ยนฝานทันที
สหายกวนฮุ่ยเอ๋อคือภรรยาของโจวกั๋วปิน
ทังหงเอินมีอำนาจ แล้วโจวกั๋วปินไม่มีอำนาจอย่างนั้นหรือ?
อีกทั้งผู้เฒ่าโจวก็ยังแข็งแรงดีอยู่ด้วย
แม้กระทั่งตอนที่ผู้เฒ่าจี้ยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลจี้ก็ไม่อาจต่อกรกับตระกูลโจวได้ ผู้เฒ่าจี้ถือปากกา ส่วนผู้เฒ่าโจวถือปืน คนหลังจะคุยกันด้วยเหตุผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ล้วนๆ
จี้เจียงหยวนคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของจี้หย่า?
ถ้าเช่นนั้นโจวเฉิงก็คือทายาทเพียงคนเดียวที่มีความสามารถของตระกูลโจวรุ่นที่สาม
แม้ทุกคนจะพูดว่าอนาคตของจี้เจียงหยวนคงไม่แย่สักเท่าไร อีกทั้งเขายังเป็เด็กที่ยอดเยี่ยม มีโอกาสก้าวหน้าในอนาคต
แต่โจวเฉิงที่อายุต่างจากจี้เจียงหยวนไม่มาก กลับก้าวหน้าแล้ว
ตระกูลโจวกับตระกูลจี้เดินกันคนละเส้นทาง ดังนั้นโจวเฉิงไม่จำเป็ต้องมีการศึกษาสูงมากมาย สิ่งที่้ามีเพียงแนวโน้มในการเลื่อนตำแหน่งของโจวเฉิงเท่านั้น
เด็กรุ่นหลังอย่างโจวเฉิง อยู่ตระกูลไหนย่อมได้รับการประคบประหงม
จี้หย่ายืนกรานว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนที่ทังหงเอินส่งไปตีสนิทจี้เจียงหยวน และถึงกับไปเหยียดหยามเซี่ยเสี่ยวหลานที่มหาวิทยาลัยถึงสองครั้ง ตอนนี้ความจริงกระจ่างแล้วว่า ไม่ว่าทังหงเอินจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่มีวันที่เขาจะสามารถบงการว่าที่ลูกสะใภ้ของตระกูลโจวได้!
ตระกูลจี้ถูกจี้หย่าถ่วงความเจริญจริงๆ
ใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน จี้หลินก็รับรู้ได้เลยว่า เมื่อสิ้นบารมีของผู้เฒ่าจี้ การทำงานของเขายากลำบากขึ้นมากจริงๆ
ตระกูลโจวไม่จำเป็ต้องลงมือแก้แค้นอะไร ขอเพียงแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขากำลังไม่พอใจตระกูลจี้ จี้หลินก็ต้องแบกรับแรงกดดันจากทังหงเอินและตระกูลโจวพร้อมกัน นี่ทำให้เขาไม่อาจยึดติดในศักดิ์ศรีอีกต่อไป พอรู้ว่ากวนฮุ่ยเอ๋อพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาที่งานเชื่อมสัมพันธ์ จี้หลินก็นั่งไม่ติดทันที
เมื่อครู่เขาสังเกตการณ์อยู่ที่ชั้นบนมาพักใหญ่ เซี่ยเสี่ยวหลานมีอุปนิสัยไม่เลวทีเดียว ดูแล้วคงพูดคุยด้วยไม่ยาก
อีกทั้งยังเป็นักศึกษามหาวิทยาลัย เช่นนั้นก็น่าจะเป็คนมีเหตุผล
จี้หลินเตรียมสิ่งที่้าพูดไว้หมดแล้ว พอลงมาที่ชั้นล่างเขาจึงเดินตรงไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานทันที
เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นคนตระกูลจี้เดินตรงมาด้วยบุคลิกน่ามอง และสีหน้าที่เป็มิตร
“สหายกวน นักศึกษาเซี่ย สวัสดีครับ หากมีความเห็นอย่างไรกับงานเชื่อมสัมพันธ์วันนี้ขอให้บอกทางเรา โปรดให้โอกาสปรับปรุงและพัฒนาแก่พวกเราด้วย จริงสิ ลืมไปเลยว่าผมยังไม่ได้แนะนำตัว ผมชื่อจี้หลิน มาจากกระทรวงการต่างประเทศ”
กวนฮุ่ยเอ๋อไม่พูดอะไร ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานแค่ยิ้มออกไป
“ฉันไม่มีความเห็นอะไรหรอกค่ะ งานเลี้ยงวันนี้ดีมากทีเดียว”
เทียบกับรอยยิ้มหวานและจริงใจที่เธอมอบให้คนอื่น กับจี้หลินเซี่ยวเสี่ยวหลานแค่ยกมุมปากตามมารยาทเท่านั้น
เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักรักษามารยาท แต่การมีมารยาทไม่ได้หมายความว่าหลังถูกคนตบหน้าซ้ายแล้ว เธอยังต้องยื่นใบซีกขวาไปให้อีกครั้ง จนถึงตอนนี้ เธอไม่คิดรอคำขอโทษจากตระกูลจี้อีกต่อไป ตอนอยู่ที่สำนักงานภาควิชาจี้หย่าไม่ยอมขอโทษเธอนั้นยังพอเข้าใจได้ แต่หากคนอื่นในตระกูลจี้ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของจี้หย่าแล้วอยากมาขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลาน พวกเขาไม่มีทางหาตัวเธอไม่เจอน่ะสิ
จี้หลินพูดเป็มิตรเพียงสองประโยคก็หวังอยากให้เื่นี้ผ่านพ้นไป ทว่าต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานยอมให้อภัย แล้วกวนฮุ่ยเอ๋อจะยอมหรือ
เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานกับกวนฮุ่ยเอ๋อมีท่าทีเ็า จี้หลินก็เริ่มรู้สึกใจเสีย
เขาอยากพาจี้หย่ามาขอขมา แต่จี้หย่ากลับปาข้าวของในโรงแรมจนระเนระนาด จี้เจียงหยวนเองก็รับความเอาแต่ใจของแม่ตัวเองไม่ได้จนวิ่งออกจากโรงแรมกลางดึก ไม่มีใครรู้ว่าคืนนั้นจี้เจียงหยวนไปพักอยู่ที่ไหน จนกระทั่งเที่ยงวันของวันถัดมาจี้เจียงหยวนถึงกลับมาบ้าน
จี้เจียงหยวนที่กลับมายังบ้านตระกูลจี้ เงียบขรึมลงทุกวัน
คำว่าสดใสดั่งแสงอาทิตย์ ไม่อาจเชื่อมโยงกับจี้เจียงหยวนในเวลานี้ได้อีกแล้ว
โชคดีที่จี้เจียงหยวนเป็ผู้ชาย ไม่กลับบ้านคืนเดียวย่อมไม่เสียหาย หากเป็ผู้หญิงล่ะก็ จี้หลินคงต้องไปแจ้งความที่โรงพักอย่างแน่นอน!
เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินคุณลุงของจี้เจียงหยวนปรับมาใช้น้ำเสียงจริงใจขึ้น
“นักศึกษาเซี่ย ฉันอยากขอโทษเธอ เป็ฉันที่ดูแลคนในครอบครัวได้ไม่ดีพอ น้องสาวของฉันทำให้เธอต้องเสื่อมเสีย ตระกูลจี้จะรับผิดชอบอย่างแน่นอน!”
เขาไม่ได้ขอโทษกวนฮุ่ยเอ๋อ เพราะเขา้าสื่อว่าเื่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขารู้สึกเกรงกลัวอำนาจของตระกูลโจว การที่จี้หย่าไปหาเซี่ยเสี่ยวหลาน จี้หย่าเป็ฝ่ายผิด ดังนั้นการขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลานเป็เื่ที่สมควรแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานรอจนจี้หลินพูดจบถึงถามกลับ
“คุณจี้ น้องสาวของคุณบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่แค่คำขอโทษเธอก็พูดไม่เป็หรือคะ”
จี้หลินสะอึก เมื่อครู่เขาเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนอัธยาศัยดี พอได้ทำความรู้จักอย่างใกล้ชิดจึงพบว่า เซี่ยเสี่ยวหลานพูดจาบีบคั้น ไม่ว่านอนสอนง่ายสักนิด เื่ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เื่ใหญ่โตอะไรด้วยซ้ำ แต่ตระกูลโจวกลับวางอำนาจเช่นนี้ อีกทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ยอมรับคำขอโทษจากเขาอีก
จี้หลินเกือบตอกกลับออกไป ทว่ากวนฮุ่ยเอ๋อยืนมองอย่างเ็าอยู่ข้างๆ จี้หลินจึงต้องสะกดความไม่พอใจ แล้วอธิบายอย่างกล้ำกลืน
“น้องสาวฉันสภาพจิตใจไม่ค่อยสู้ดีนัก มีปัญหาด้านอารมณ์บางอย่าง เธอจึงมาขอโทษนักศึกษาเซี่ยด้วยตัวเองไม่ได้...”
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง
“คุณจี้หมายความว่า คุณจี้หย่าป่วยเป็โรคทางจิตบางอย่าง ส่งผลให้เธอไม่อาจรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตัวเองได้ และการมาหยามเกียรติฉันถึงที่มหาวิทยาลัยไม่ใช่เจตนาเดิมของคุณจี้หย่า แต่เป็เพราะอาการของโรคกำเริบขึ้นมาอย่างนั้นหรือคะ”
จี้หลินไม่อยากยอมรับ แต่นี่คือวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้
ยอมรับว่าจี้หย่าป่วย อย่างไรเสียคนทั่วไปคงไม่ถือสาคนป่วยสินะ
“เป็เช่นนั้นจริง หวังว่านักศึกษาเซี่ยจะเข้าใจ หากมีความ้าอะไรขอให้กล่าวมา ถ้าตระกูลจี้ทำได้ ทางเราจะชดเชยให้อย่างแน่นอน”
เห็นจี้หลินใช้วิธีการนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่ลอบส่ายศีรษะอยู่ในใจ
มิน่าทังหงเอินถึงบอกว่าตระกูลจี้จะตกต่ำลงเรื่อยๆ แม้แต่คำประชดประชันของเธอจี้หลินก็แยกแยะไม่ออก ทักษะแบบนี้ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องระมัดระวังคำพูดอยู่เสมอได้หรือ?
“คุณจี้ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันหมายความว่า หากคุณจี้หย่ามีอาการป่วยรุนแรงถึงขั้นรับผิดชอบต่อการคำพูดและการกระทำของตัวเองไม่ได้ ตระกูลจี้ก็ไม่ควรปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนตามอำเภอใจ ฉันรู้ค่ะว่าประเทศเรายังศึกษาวิจัยด้านอาการป่วยทางจิตไม่ลึกซึ้งพอ แต่ก็มีโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช ฉันขอแนะนำให้ตระกูลจี้รีบส่งตัวคุณจี้หย่าเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด... เพราะฉันคงไม่ถือสาคนป่วย คุณจี้คิดว่าถูกต้องไหมคะ”
ป่วยก็ทำการรักษาสิ
อาการป่วยไม่ใช่เกราะกำบังให้คนเราทำตามใจชอบ
เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อเพียงคำวินิจฉัยของโรงพยาบาลเท่านั้น หากอาการป่วยของจี้หย่าร้ายแรงถึงขั้นไม่อาจควบคุมตัวเอง ตระกูลจี้ก็ควรรีบพาตัวไปส่งโรงพยาบาลจิตเวชเสีย!
ไม่ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลก็แสดงว่ายังสามารถดูแลตัวเองได้ หญิงวัยกลางคนอย่างจี้หย่ามีสิทธิ์อะไรถึงไม่มาขอโทษด้วยตัวเอง?
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยติดหนี้ตระกูลจี้ เธอเพิ่งเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่งเท่านั้น แต่คนไร้เหตุผลอย่างจี้หย่าทำตัวลอยหน้าลอยตา กลับกลายเป็ว่าคนมีเหตุผลอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานต้องทนรับชะตากรรมอย่างนั้นหรือ?!
“เธอ...”
จี้หลินเกือบทนไม่ไหวแล้วด่ากลับ เซี่ยเสี่ยวหลานอัธยาศัยดีเสียที่ไหน คงคิดว่ามีตระกูลโจวเป็ที่พึ่งสินะถึงได้กล้าโอหังเช่นนี้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้