เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

        จุดประสงค์หลักอีกอย่างที่เซี่ยเสี่ยวหลานตามกวนฮุ่ยเอ๋อมางานเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้ เพราะคนตระกูลจี้

        เจอกับเซี่ยจื่ออวี้และหวังเจี้ยนหัวเป็๞เ๹ื่๪๫นอกแผน เซี่ยเสี่ยวหลานสามารถจัดการตบหน้าสองคนนั้นได้อย่างง่ายดาย ผลกระทบจากเ๹ื่๪๫ชั้นเรียนกวดวิชาของเซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวยังไม่คลี่คลาย และปัจจุบันเซี่ยเสี่ยวหลานมีชีวิตที่ดีกว่าทั้งสองคน ไม่จำเป็๞ต้องพูดอะไรมาก ขอเพียงทั้งคู่รู้สภาพชีวิตของเธอในปัจจุบัน เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จำเป็๞ต้องทำอะไรทั้งสิ้น เพียงเธอมีสภาพชีวิตที่ดีหวังเจี้ยนหัวกับเซี่ยจื่ออวี้ก็ทุกข์ระทมมากพอแล้วน่ะสิ!

        โดยเฉพาะเซี่ยจื่ออวี้ ป่านนี้คงกังวลว่าเธอจะแก้แค้นตนเองหรือไม่สินะ

        ทำให้เซี่ยจื่ออวี้กับหวังเจี้ยนหัวจุกจนพูดไม่ออกเป็๞เ๹ื่๪๫บังเอิญเท่านั้น เป้าหมายหลักของเซี่ยเสี่ยวหลานคือตระกูลจี้ เธอเข้างานมาหนึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว ในที่สุดก็ได้เจอจี้หลิน พี่ชายของจี้หย่าเสียที

        หลังจี้หลินลงจากบันไดก็ตรงมาหาเซี่ยเสี่ยวหลานและกวนฮุ่ยเอ๋อทันที

        กระทรวงการต่างประเทศคือแม่งาน แขกที่มาวันนี้คือใครบ้าง หากจี้หลินอยากรู้ย่อมไม่ใช่เ๹ื่๪๫ยาก

        เ๱ื่๵๹ดำเนินมาถึงจุดนี้ทำให้จี้หลินเข้าใจ ‘คำเตือน’ จากหนิงเยี่ยนฝานทันที

        สหายกวนฮุ่ยเอ๋อคือภรรยาของโจวกั๋วปิน

        ทังหงเอินมีอำนาจ แล้วโจวกั๋วปินไม่มีอำนาจอย่างนั้นหรือ?

        อีกทั้งผู้เฒ่าโจวก็ยังแข็งแรงดีอยู่ด้วย

        แม้กระทั่งตอนที่ผู้เฒ่าจี้ยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลจี้ก็ไม่อาจต่อกรกับตระกูลโจวได้ ผู้เฒ่าจี้ถือปากกา ส่วนผู้เฒ่าโจวถือปืน คนหลังจะคุยกันด้วยเหตุผลหรือไม่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ล้วนๆ

        จี้เจียงหยวนคือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของจี้หย่า?

        ถ้าเช่นนั้นโจวเฉิงก็คือทายาทเพียงคนเดียวที่มีความสามารถของตระกูลโจวรุ่นที่สาม

        แม้ทุกคนจะพูดว่าอนาคตของจี้เจียงหยวนคงไม่แย่สักเท่าไร อีกทั้งเขายังเป็๞เด็กที่ยอดเยี่ยม มีโอกาสก้าวหน้าในอนาคต

        แต่โจวเฉิงที่อายุต่างจากจี้เจียงหยวนไม่มาก กลับก้าวหน้าแล้ว

        ตระกูลโจวกับตระกูลจี้เดินกันคนละเส้นทาง ดังนั้นโจวเฉิงไม่จำเป็๞ต้องมีการศึกษาสูงมากมาย สิ่งที่๻้๪๫๷า๹มีเพียงแนวโน้มในการเลื่อนตำแหน่งของโจวเฉิงเท่านั้น

        เด็กรุ่นหลังอย่างโจวเฉิง อยู่ตระกูลไหนย่อมได้รับการประคบประหงม

        จี้หย่ายืนกรานว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือคนที่ทังหงเอินส่งไปตีสนิทจี้เจียงหยวน และถึงกับไปเหยียดหยามเซี่ยเสี่ยวหลานที่มหาวิทยาลัยถึงสองครั้ง ตอนนี้ความจริงกระจ่างแล้วว่า ไม่ว่าทังหงเอินจะเก่งกาจเพียงใด ก็ไม่มีวันที่เขาจะสามารถบงการว่าที่ลูกสะใภ้ของตระกูลโจวได้!

        ตระกูลจี้ถูกจี้หย่าถ่วงความเจริญจริงๆ

        ใช้เวลาแค่ไม่กี่วัน จี้หลินก็รับรู้ได้เลยว่า เมื่อสิ้นบารมีของผู้เฒ่าจี้ การทำงานของเขายากลำบากขึ้นมากจริงๆ

        ตระกูลโจวไม่จำเป็๲ต้องลงมือแก้แค้นอะไร ขอเพียงแสดงออกให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขากำลังไม่พอใจตระกูลจี้ จี้หลินก็ต้องแบกรับแรงกดดันจากทังหงเอินและตระกูลโจวพร้อมกัน นี่ทำให้เขาไม่อาจยึดติดในศักดิ์ศรีอีกต่อไป พอรู้ว่ากวนฮุ่ยเอ๋อพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาที่งานเชื่อมสัมพันธ์ จี้หลินก็นั่งไม่ติดทันที

        เมื่อครู่เขาสังเกตการณ์อยู่ที่ชั้นบนมาพักใหญ่ เซี่ยเสี่ยวหลานมีอุปนิสัยไม่เลวทีเดียว ดูแล้วคงพูดคุยด้วยไม่ยาก

        อีกทั้งยังเป็๲นักศึกษามหาวิทยาลัย เช่นนั้นก็น่าจะเป็๲คนมีเหตุผล

        จี้หลินเตรียมสิ่งที่๻้๪๫๷า๹พูดไว้หมดแล้ว พอลงมาที่ชั้นล่างเขาจึงเดินตรงไปหาเซี่ยเสี่ยวหลานทันที

        เซี่ยเสี่ยวหลานเห็นคนตระกูลจี้เดินตรงมาด้วยบุคลิกน่ามอง และสีหน้าที่เป็๲มิตร

        “สหายกวน นักศึกษาเซี่ย สวัสดีครับ หากมีความเห็นอย่างไรกับงานเชื่อมสัมพันธ์วันนี้ขอให้บอกทางเรา โปรดให้โอกาสปรับปรุงและพัฒนาแก่พวกเราด้วย จริงสิ ลืมไปเลยว่าผมยังไม่ได้แนะนำตัว ผมชื่อจี้หลิน มาจากกระทรวงการต่างประเทศ”

        กวนฮุ่ยเอ๋อไม่พูดอะไร ส่วนเซี่ยเสี่ยวหลานแค่ยิ้มออกไป

        “ฉันไม่มีความเห็นอะไรหรอกค่ะ งานเลี้ยงวันนี้ดีมากทีเดียว”

        เทียบกับรอยยิ้มหวานและจริงใจที่เธอมอบให้คนอื่น กับจี้หลินเซี่ยวเสี่ยวหลานแค่ยกมุมปากตามมารยาทเท่านั้น

        เซี่ยเสี่ยวหลานรู้จักรักษามารยาท แต่การมีมารยาทไม่ได้หมายความว่าหลังถูกคนตบหน้าซ้ายแล้ว เธอยังต้องยื่นใบซีกขวาไปให้อีกครั้ง จนถึงตอนนี้ เธอไม่คิดรอคำขอโทษจากตระกูลจี้อีกต่อไป ตอนอยู่ที่สำนักงานภาควิชาจี้หย่าไม่ยอมขอโทษเธอนั้นยังพอเข้าใจได้ แต่หากคนอื่นในตระกูลจี้ไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของจี้หย่าแล้วอยากมาขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลาน พวกเขาไม่มีทางหาตัวเธอไม่เจอน่ะสิ

        จี้หลินพูดเป็๲มิตรเพียงสองประโยคก็หวังอยากให้เ๱ื่๵๹นี้ผ่านพ้นไป ทว่าต่อให้เซี่ยเสี่ยวหลานยอมให้อภัย แล้วกวนฮุ่ยเอ๋อจะยอมหรือ

        เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานกับกวนฮุ่ยเอ๋อมีท่าทีเ๶็๞๰า จี้หลินก็เริ่มรู้สึกใจเสีย

        เขาอยากพาจี้หย่ามาขอขมา แต่จี้หย่ากลับปาข้าวของในโรงแรมจนระเนระนาด จี้เจียงหยวนเองก็รับความเอาแต่ใจของแม่ตัวเองไม่ได้จนวิ่งออกจากโรงแรมกลางดึก ไม่มีใครรู้ว่าคืนนั้นจี้เจียงหยวนไปพักอยู่ที่ไหน จนกระทั่งเที่ยงวันของวันถัดมาจี้เจียงหยวนถึงกลับมาบ้าน

        จี้เจียงหยวนที่กลับมายังบ้านตระกูลจี้ เงียบขรึมลงทุกวัน

        คำว่าสดใสดั่งแสงอาทิตย์ ไม่อาจเชื่อมโยงกับจี้เจียงหยวนในเวลานี้ได้อีกแล้ว

        โชคดีที่จี้เจียงหยวนเป็๞ผู้ชาย ไม่กลับบ้านคืนเดียวย่อมไม่เสียหาย หากเป็๞ผู้หญิงล่ะก็ จี้หลินคงต้องไปแจ้งความที่โรงพักอย่างแน่นอน!

        เซี่ยเสี่ยวหลานได้ยินคุณลุงของจี้เจียงหยวนปรับมาใช้น้ำเสียงจริงใจขึ้น

        “นักศึกษาเซี่ย ฉันอยากขอโทษเธอ เป็๞ฉันที่ดูแลคนในครอบครัวได้ไม่ดีพอ น้องสาวของฉันทำให้เธอต้องเสื่อมเสีย ตระกูลจี้จะรับผิดชอบอย่างแน่นอน!”

        เขาไม่ได้ขอโทษกวนฮุ่ยเอ๋อ เพราะเขา๻้๵๹๠า๱สื่อว่าเ๱ื่๵๹นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะเขารู้สึกเกรงกลัวอำนาจของตระกูลโจว การที่จี้หย่าไปหาเซี่ยเสี่ยวหลาน จี้หย่าเป็๲ฝ่ายผิด ดังนั้นการขอโทษเซี่ยเสี่ยวหลานเป็๲เ๱ื่๵๹ที่สมควรแล้ว

        เซี่ยเสี่ยวหลานรอจนจี้หลินพูดจบถึงถามกลับ

        “คุณจี้ น้องสาวของคุณบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่แค่คำขอโทษเธอก็พูดไม่เป็๲หรือคะ”

        จี้หลินสะอึก เมื่อครู่เขาเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานเป็๞คนอัธยาศัยดี พอได้ทำความรู้จักอย่างใกล้ชิดจึงพบว่า เซี่ยเสี่ยวหลานพูดจาบีบคั้น ไม่ว่านอนสอนง่ายสักนิด เ๹ื่๪๫ที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่เ๹ื่๪๫ใหญ่โตอะไรด้วยซ้ำ แต่ตระกูลโจวกลับวางอำนาจเช่นนี้ อีกทั้งเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ยอมรับคำขอโทษจากเขาอีก

        จี้หลินเกือบตอกกลับออกไป ทว่ากวนฮุ่ยเอ๋อยืนมองอย่างเ๾็๲๰าอยู่ข้างๆ จี้หลินจึงต้องสะกดความไม่พอใจ แล้วอธิบายอย่างกล้ำกลืน

        “น้องสาวฉันสภาพจิตใจไม่ค่อยสู้ดีนัก มีปัญหาด้านอารมณ์บางอย่าง เธอจึงมาขอโทษนักศึกษาเซี่ยด้วยตัวเองไม่ได้...”

        เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้ง

        “คุณจี้หมายความว่า คุณจี้หย่าป่วยเป็๞โรคทางจิตบางอย่าง ส่งผลให้เธอไม่อาจรับผิดชอบต่อคำพูดและการกระทำของตัวเองได้ และการมาหยามเกียรติฉันถึงที่มหาวิทยาลัยไม่ใช่เจตนาเดิมของคุณจี้หย่า แต่เป็๞เพราะอาการของโรคกำเริบขึ้นมาอย่างนั้นหรือคะ”

        จี้หลินไม่อยากยอมรับ แต่นี่คือวิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดแล้วในตอนนี้

        ยอมรับว่าจี้หย่าป่วย อย่างไรเสียคนทั่วไปคงไม่ถือสาคนป่วยสินะ

        “เป็๲เช่นนั้นจริง หวังว่านักศึกษาเซี่ยจะเข้าใจ หากมีความ๻้๵๹๠า๱อะไรขอให้กล่าวมา ถ้าตระกูลจี้ทำได้ ทางเราจะชดเชยให้อย่างแน่นอน”

        เห็นจี้หลินใช้วิธีการนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานได้แต่ลอบส่ายศีรษะอยู่ในใจ

        มิน่าทังหงเอินถึงบอกว่าตระกูลจี้จะตกต่ำลงเรื่อยๆ แม้แต่คำประชดประชันของเธอจี้หลินก็แยกแยะไม่ออก ทักษะแบบนี้ทำงานอยู่ในกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องระมัดระวังคำพูดอยู่เสมอได้หรือ?

        “คุณจี้ คุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันหมายความว่า หากคุณจี้หย่ามีอาการป่วยรุนแรงถึงขั้นรับผิดชอบต่อการคำพูดและการกระทำของตัวเองไม่ได้ ตระกูลจี้ก็ไม่ควรปล่อยให้เธอไปไหนมาไหนตามอำเภอใจ ฉันรู้ค่ะว่าประเทศเรายังศึกษาวิจัยด้านอาการป่วยทางจิตไม่ลึกซึ้งพอ แต่ก็มีโรงพยาบาลเฉพาะทางด้านจิตเวช ฉันขอแนะนำให้ตระกูลจี้รีบส่งตัวคุณจี้หย่าเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด... เพราะฉันคงไม่ถือสาคนป่วย คุณจี้คิดว่าถูกต้องไหมคะ”

        ป่วยก็ทำการรักษาสิ

        อาการป่วยไม่ใช่เกราะกำบังให้คนเราทำตามใจชอบ

        เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อเพียงคำวินิจฉัยของโรงพยาบาลเท่านั้น หากอาการป่วยของจี้หย่าร้ายแรงถึงขั้นไม่อาจควบคุมตัวเอง ตระกูลจี้ก็ควรรีบพาตัวไปส่งโรงพยาบาลจิตเวชเสีย!

        ไม่ส่งตัวไปที่โรงพยาบาลก็แสดงว่ายังสามารถดูแลตัวเองได้ หญิงวัยกลางคนอย่างจี้หย่ามีสิทธิ์อะไรถึงไม่มาขอโทษด้วยตัวเอง?

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่เคยติดหนี้ตระกูลจี้ เธอเพิ่งเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่งเท่านั้น แต่คนไร้เหตุผลอย่างจี้หย่าทำตัวลอยหน้าลอยตา กลับกลายเป็๲ว่าคนมีเหตุผลอย่างเซี่ยเสี่ยวหลานต้องทนรับชะตากรรมอย่างนั้นหรือ?!

        “เธอ...”

        จี้หลินเกือบทนไม่ไหวแล้วด่ากลับ เซี่ยเสี่ยวหลานอัธยาศัยดีเสียที่ไหน คงคิดว่ามีตระกูลโจวเป็๲ที่พึ่งสินะถึงได้กล้าโอหังเช่นนี้!