ทางด้านนั้น หลานเยว่หรูยังคงเอ่ยวาจาเยาะเย้ยถากถางอยู่กับหลินไห่เฟิง
“ควรให้ศิษย์พี่ชิงเซียวมาเห็นจริงๆ เขาจะได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเฟิ่งเฉี่ยนที่อยู่เื้ัหน้ากากจอมปลอมให้เร็วขึ้น!”
“คุณชายมู่ผู้นั้นก็ตาบอดเช่นกัน น้องสาวของข้าโดดเด่นเช่นนี้ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา กลับไปสนใจสตรีจอมหลอกลวงคนหนึ่ง ช่างมีปัญญาตื้นเขิน ตื้นเขินเป็ที่สุด!”
“ห้ามท่านกล่าวถึงศิษย์พี่ชิงเซียวเช่นนี้นะ! ศิษย์พี่ชิงเซียวเพียงแค่ถูกคนปิดตาไว้เท่านั้น!” หลานเยว่หรูพยายามปกป้องมู่ชิงเซียว นางพลันส่งเสียงร้อง ไอหยา ขึ้นมาเมื่อถูกสิ่งของบางอย่างลอบโจมตีเข้าที่บั้นเอว นางมองไปรอบๆ แล้วพูดอย่างมีโทสะ “ใคร ใครลอบโจมตีข้า”
เมื่อนางส่งเสียงดัง คนที่อยู่รอบๆ จึงพากันมองนางด้วยสายตาแตกต่างกันออกไปอย่างประหลาดใจเหลือเกิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่นั่งอยู่ข้างกายพวกเขาถึงกับทนไม่ไหวอีกต่อไป “ข้าว่าพวกเ้าทั้งสองคน ั้แ่เข้ามาเอาแต่พูดจาให้ร้ายแม่นางเฟิง พวกเ้าเป็ไส้ศึกที่แคว้นหนานเยียนส่งมากระมัง”
หลานเยว่หรูหน้าแดงก่ำ นางรีบชี้แจง “เ้าว่าใครเป็ไส้ศึกกัน”
“หากพวกเ้าไม่ใช่ไส้ศึก เช่นนั้นเหตุใดพวกเ้าจึงเอาแต่เยาะเย้ยถากถางแม่นางเฟิงตลอดเวลาเล่า แม่นางเฟิงไปทำอะไรพวกเ้าไว้หรือ”
“ใช่ๆๆ! หากพวกเ้าไม่ใช่ไส้ศึก ก็หุบปากให้สนิทเดี๋ยวนี้! พวกเราไม่มีทางละเว้นผู้ที่ลบหลู่แม่นางเฟิง!”
“ถูกต้อง เราจะไม่ทน!”
เกิดเสียงต่อต้านจากพลังปวงชนชั่วขณะ
หลานเยว่หรูหน้าถอดสี จากขาวเผือดกลายเป็สีม่วง “พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร อาศัยอะไรพวกเ้าจึงกล้ามาดูแคลนข้า”
“เชอะ! ใครจะสนว่าเ้าเป็ใคร”
“เ้าคิดจะเอาบิดามาข่มหรือ บอกเ้าไว้ก่อน เอาท่านปู่ของเ้ามาก็ไม่มีประโยชน์! พวกเราไม่หลงกลหรอก!”
“เกลียดที่สุดก็คนชอบใช้อำนาจรังแกผู้อื่นนี่แหละ!”
“ทำให้พวกเราเสียบรรยากาศในการชมหมากล้อม ต่อให้เ้าเป็องค์หญิง พวกเราก็จะด่าทอแบบนี้!”
“พวกเ้า...” หลานเยว่หรูยังคิดจะอ้าปากโต้แย้ง ทว่าหลินไห่เฟิงรีบยับยั้งนางทันที “ช่างเถิด น้องสาว! พวกเราอย่าได้ไปถือสาคนพวกนี้!”
หลานเยว่หรูโมโหทุกคน ได้แต่กล้ำกลืนโทสะนี้ลงไป
มุมปากของเฟิ่งเทียนรุ่ยยกยิ้มเล็กน้อย ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มเ้าเล่ห์
ณ วังหลวง ภายในตำหนักหงเหวิน เหล่าขุนนางใหญ่วิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด
“ไฉนหมากขาวจึงไม่เดินแล้ว”
“หมากดำก้าวนี้ วางตำแหน่งได้มหัศจรรย์โดยแท้!”
“หมากขาวลำบากแล้ว!”
“ไม่เสียแรงที่ ซือคงเซิ่งเจี๋ย เป็เซียนหมากผมเงิน ฝีมือไม่ธรรมดา!”
“แม่นางเฟิงคิดจะเอาชนะ เกรงว่าคงยาก!”
“...”
เฟิ่งชังมองสถานการณ์บนกระดาน เขาอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ “ชัดเจนเหลือเกินว่า ฝีมือการเดินหมากของแม่นางเฟิงไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับซือคงเซิ่งเจี๋ย หากนางต่อกรกับนักเดินหมากธรรมดาทั่วไปยังพอได้ ทว่าการประมือกับยอดฝีมือระดับแนวหน้า ก็เห็นความแตกต่างทันที”
หลี่หรงเต๋อแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง เหตุใดข้าดูแล้วเหมือนท่านคาดหวังให้ซือคงเซิ่งเจี๋ยชนะมากกว่า ท่านอย่าลืมว่า ซือคงเซิ่งเจี๋ยเป็คนแคว้นหนานเยียน แม่นางเฟิงจึงจะเป็คนของแคว้นเป่ยเยียน! ท่านในฐานะของมหาเสนาบดีแห่งแคว้นเป่ยเยียน อย่าได้มีใจไปฝักใฝ่แคว้นอื่น เหยียบย่ำดูแคลนนักเดินหมากของแคว้นเรา!”
เฟิ่งชังมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาถลึงตา “ใต้เท้าหลี่ ท่านอย่าได้พูดจาส่งเดช! ข้าฝักใฝ่แคว้นอื่นั้แ่เมื่อใดกัน”
หลี่หรงเต๋อไม่มีท่าทีหวาดกลัว เขาตอบโต้กลับ “นับั้แ่เริ่มการเดินหมาก ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่งกลับรีบตัดสินใจแล้วว่าแม่นางเฟิงสู้ซือคงเซิ่งเจี๋ยไม่ได้ ไม่ใช่ฝักใฝ่แคว้นอื่นแล้วคืออะไร”
“เ้าใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น!” เฟิ่งชังมีโทสะเสียแล้ว เขาลุกขึ้นตบโต๊ะดังปัง
การกระทำเช่นนี้ ทำให้คนที่อยู่ในท้องพระโรงตื่นใ
ท้องพระโรงพลันเงียบลงทันใด ทุกคนหันไปมองเฟิ่งชังเป็ตาเดียว
เฟิ่งชังได้สติคืนมารู้สึกว่าตนเองเสียกิริยา เขารีบก้าวออกมา หันมาโน้มกายคารวะ“กระหม่อมเสียกิริยา ฝ่าาโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ดวงตาเ็าของเซวียนหยวนเช่อกวาดผ่านเขาเรียบๆ และเอ่ยปากเนิบๆ ว่า “ทุกคนล้วนมีความเห็นแตกต่างกันต่อหมากกระดานนี้ ไม่ได้มีอะไร! เจิ้นคาดว่าหมากกระดานนี้จะเป็การต่อสู้ที่กินเวลายาวนานกระดานหนึ่ง! เพื่อมิให้เกิดความเบื่อหน่ายระหว่างชมหมากล้อม ไม่สู้พวกเรามาวางเดิมพันกันดีกว่า จะได้สนุกสนานมากขึ้นเป็อย่างไร”
สิ้นคำพูดของเขา มีขุนนางออกมาตอบรับทันที
“ยากนักที่ฝ่าาจะอารมณ์ดีเช่นนี้ กระหม่อมยินดีวางเดิมพันพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
“ฝ่าา ใช้วิธีใดในการเดิมพันพ่ะย่ะค่ะ”
เซวียนหยวนเช่อครุ่นคิดครู่หนึ่ง คิ้วกระบี่นั้นคลายออก “ในคลังสุราของเจิ้นยังมีสุราดีหมักร้อยปีอีกสิบกว่าไห พวกท่านเลือกวางเดิมพันด้วยตัวเอง เดิมพันว่าหมากขาวหรือหมากดำชนะหรือพ่ายแพ้ คนที่วางเดิมพันถูกต้อง เจิ้นจะมอบสุราหมักร้อยปีให้คนผู้นั้นหนึ่งไห เป็อย่างไร”
ขุนนางใหญ่ได้ยินว่าเป็สุราดีหมักร้อยปี แต่ละคนล้วนน้ำลายสอด้วยอยากลิ้มลอง
“ฝ่าา วางเดิมพันได้ตามอำเภอใจจริงๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ” มีคนลองถามหยั่งเชิง
เซวียนหยวนเช่อพยักหน้า “เป็แค่การวางเดิมพันเล่นๆ เท่านั้น ทุกท่านไม่ต้องวิตกกังวลมากเกินไป ขอเพียงวางเดิมพันตามที่จิตใจ้าก็พอ!”
ได้ยินเช่นนั้น เหล่าขุนนางวางใจแล้ว แต่ละคนปรึกษาหารือกัน
“ใต้เท้าเฉิน ท่านคิดจะวางเดิมพันฝ่ายใด”
“แม้ข้าจะปรารถนาให้แม่นางเฟิงชนะเช่นกัน ทว่าชัดเจนเหลือเกินว่ามีความเป็ไปได้มากกว่าที่ซือคงเซิ่งเจี๋ยจะเป็ฝ่ายชนะ ดังนั้นข้าวางเดิมพัน ซือคงเซิ่งเจี๋ย!”
“ข้าวางเดิมพันข้าง ซือคงเซิ่งเจี๋ย เช่นกัน! นั่นน่ะสุราดีหมักร้อยปีเชียวหนา! นั่นเป็สุราดีที่เริ่มหมักบ่มั้แ่สมัยอดีตฮ่องเต้ จะต้องเป็สุราที่เลิศรสหาใดเปรียบแน่นอน แค่คิดถึงตรงนี้ข้าก็เริ่มเมาแล้ว!”
“ดูนิสัยเ้าซิ! อายหรือไม่”
“นิสัยเช่นข้าเรียกว่า ตรงไปตรงมา!”
“ฮ่าๆๆๆๆ...”
ได้ยินขุนนางอื่นๆ สนทนาเื่การวางเดิมพัน หลี่หรงเต๋อถามเฟิ่งชัง “ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง ท่านคิดจะวางเดิมพันข้างไหน”
เฟิ่งชังถลึงตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์ “หากตัดฐานะของนักเดินหมากทั้งสองฝ่ายออกไป เปรียบเทียบแค่เพียงทักษะการเดินหมากแล้ว ข้าย่อมอยากจะวางเดิมพันข้าง ซือคงเซิ่งเจี๋ยมากกว่า ใต้เท้าหลี่ ท่านเล่า”
หลี่หรงเต๋อเลิกคิ้ว “ในเมื่อท่านมหาเสนาบดีเลือกที่จะวางเดิมพันข้าง ซือคงเซิ่งเจี๋ย เช่นนั้นข้าย่อมต้องวางเดิมพันข้าง แม่นางเฟิง แน่นอน! ใครใช้ให้ข้าและท่านมหาเสนาบดีดวงชะตาอักษรแปดตัวไม่ถูกโฉลกกันเล่า”
เฟิ่งชังแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ดูแล้วข้าน่าจะได้ลิ้มรสชาติสุราดีเพียงคนเดียว”
หลี่หรงเต๋อแค่นเสียงฮึ “นั่นยังไม่แน่!”
เห็นขุนนางใหญ่ทั้งสองท่านตอบโต้เ้าประโยคหนึ่งข้าประโยคหนึ่ง ไม่มีใครยอมลงให้ เซวียนหยวนเช่อลอบหัวเราะในใจ พวกเขาคนหนึ่งเป็บิดาของฮองเฮา ทว่ากลับไม่เคยเห็นว่าบุตรสาวของตนมีความสามารถ กลับเป็คู่ต่อสู้ของเขาเสียอีกที่เห็นว่าบุตรสาวของเขามีความสามารถ หากวันหน้ามหาเสนาบดีเฟิ่งรู้ความจริง ไม่รู้ว่าจะแสดงสีหน้าท่าทางตลกขบขันเพียงใด
เขาอดที่จะตั้งหน้าตั้งตารอคอยไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง ไท่จื่อน้อยโบกมือไปมา “เสด็จพ่อ ลูกวางเดิมพันว่า หมากขาว ชนะพ่ะย่ะค่ะ!”
สหายน้อยข้างกายเขา ลั่วเฟิงและซิงกู่ยกมือขึ้นโบกไปมาบ้าง
“พวกเราวางเดิมพัน หมากขาว เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ!”
“องค์ไท่จื่อวางเดิมพันฝ่ายใด พวกเราก็วางเดิมพันฝ่ายนั้นพ่ะย่ะค่ะ!”
เด็กน้อยทั้งสามคนสบตากันแล้วหัวเราะอย่างไร้เดียงสาและบริสุทธิ์
เซวียนหยวนเช่อเหลือบตามองเด็กน้อยเ่าั้ ในแววตาปรากฏให้เห็นความอ่อนโยนที่ยากจะสังเกตเห็น มุมปากโค้งเล็กน้อยและหันไปพูดกับจ้าวกงกง “ได้ จดไว้!”
ทั้งหมดวางเดิมพัน สี่ในห้าส่วนของคนทั้งหมดล้วนวางเดิมพันฝ่ายหมากดำ มีเพียงหนึ่งในห้าส่วนที่เป็คนส่วนน้อยวางเดิมพันฝ่ายหมากขาว
หลังจากจ้าวกงกงรายงานการวางเดิมพัน เขาถามเซวียนหยวนเช่อ “ทูลฝ่าา พระองค์วางเดิมพันฝ่ายใดพ่ะย่ะค่ะ”
ได้ยินเขาถาม ขุนนางคนอื่นๆ เริ่มพากันเมียงมองมา
ใช่แล้ว ฝ่าาจะวางเดิมพันฝ่ายใด
ฝ่าายืนอยู่ข้างใดสำหรับพวกเขาแล้ว สำคัญจริงๆ
พวกเขาย่อมต้องวางเดิมพันตามทิศทางที่ฮ่องเต้ชื่นชอบ แม้สุราดีหมักร้อยปีจะเยี่ยมยอด ทว่าไม่มีทางสู้การเอาอกเอาใจฮ่องเต้ได้!
ดวงตาเรียวหงส์ของเซวียนหยวนเช่อหรี่ลงเล็กน้อย แววตาของเขาไหววูบ เขาเอ่ยปากช้าๆ “แค่การเดิมพันเล่นๆ เจิ้นไม่ร่วมด้วย!”
ขุนนางทั้งหลายได้ยินเช่นนั้นจึงพรูลมหายใจโล่งอก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้