เหลียนเซวียนลากผูหยางชิงหลันไปคุยที่ข้างตำหนัก
"ศิษย์พี่ไม่อยากไปจริงหรือ" เหลียนเซวียนเห็นเขาทำสีหน้าไม่เต็มใจ ก็ยกหางตาขึ้นเล็กน้อย
"ข้าไปมิยิ่งทำให้นางตกที่นั่งลำบากหรือ" ผูหยางชิงหลันเม้มริมฝีปาก
"ท่านน่าจะรู้ หากท่านไม่ไปยิ่งทำให้นางตกที่นั่งลำบาก" เหลียนเซวียนเหลือบมองเขาปราดหนึ่ง เ้าคนดื้อด้าน จะดันทุรังไปถึงไหน
"เ้านึกว่าชื่อเสียงของหย่งเจียตอนนี้ดีนักหรือไง ข่าวซุบซิบนินทาข้างนอกมีไม่น้อยบอกว่านางเป็คนเย่อหยิ่งจองหอง ไม่ชอบบุรุษเพศ แล้วก็มีแอบมีคนรักอยู่ลับๆ แต่ฐานะไม่เหมาะสมกัน มีแต่การคาดเดาส่งเดชทั้งนั้น"
ผูหยางชิงหลันสีหน้าดำทะมึน โมโหจนหน้าอกกระเพื่อมไม่หยุด
"่นี้ท่านอาดูเหมือนจะสนใจหม่าหย่งิบุตรชายสายตรงคนรองของจวนหย่งเฉียนโหวอยู่" เหลียนเซวียนใส่ยาแรง
หม่าหย่งิ? ผูหยางชิงหลันนึกดู ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี นั่นมันเ้าหมูตอนจอมลามกที่อ่อนกว่าหย่งเจียปีหนึ่งมิใช่หรือ
สายตาขององค์หญิงคังเต๋อไฉนถึงได้ตกต่ำลงมากเพียงนี้?
คนแบบนั้นคู่ควรกับหย่งเจียที่ไหน?
"เ้าได้ข่าวนี้มาจากไหน" ผูหยางชิงหลันมองเขาอย่างเคลือบแคลง
"จากแหล่งข่าวเชื่อถือได้แน่นอน" เหลียนเซวียนสีหน้าไม่เปลี่ยน
ความจริงเป็เช่นนี้ เมื่อก่อนหม่าหย่งิเคยอ้วนไม่ผิด แต่หลังจากที่ล้มป่วยหนักมาหนหนึ่ง คนไม่เพียงแต่จะผอมลง ยังรู้ความขึ้นไม่น้อย
ก่อนที่จ้าวหย่งเจียจะออกจากเมืองหลวง องค์หญิงใหญ่คังเต๋อไปร่วมงานฉลองวันเกิดของเหล่าไท่ไท่จวนหย่งเฉียนโหว เพื่อไปดูหม่าหย่งิผู้นี้ให้เห็นกับตา
แต่ผลที่ตามมาภายหลังยังไม่เห็น ถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการตัดสินใจอันใด
ผูหยางชิงหลันนึกเข่นเขี้ยว ต่อให้เป็ความจริง ตนเองก็ไม่มีคุณสมบัติจะพูดอะไร
เห็นเขายังคงมีทิฐิเต็มเปี่ยม เส้นเืเขียวของเหลียนเซวียนก็เต้นตุบ "ยังมีเวลาอีกสามสี่วัน ท่านไตร่ตรองดูเองเถอะ"
จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อเดินกลับเข้าไปในตำหนัก ผูหยางชิงหลันเดินหน้าง้ำตามเข้าไป
จ้าวหย่งเจียเห็นสีหน้าพวกเขาก็รู้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หัวใจนางยิ่งหม่นหมอง แต่พยายามข่มความผิดหวังไว้
สูดหายใจเข้าลึก เอื้อมมือไปหยิบไพ่กระดาษสองสำรับจากกระเป๋าที่พกติดตัวมา
"ป๋ออวิ๋น นี่คือไพ่พูเค่อกระดาษแข็งที่โรงกระดาษทำออกมาใหม่ รู้ว่าท่านชอบ ก็เลยเอามาให้สองชุด"
นี่คือเหตุผลที่นางยังรออยู่ที่นี่
ผูหยางชิงหลันดวงตาสว่างวาบ เดินเข้ามารับของทันที "ทำเสร็จรวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ"
"อื้อ ในโรงกระดาษมีช่างเก่าแก่ประสบการณ์สูงทำกระดาษทั้งหนาบางมามากมาย หวงซุ่ยแจ้งสิ่งที่้าเพียงรอบเดียว พวกเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้ง ส่วนที่เสียเวลามากหน่อยโดยหลักแล้วก็คือรูปภาพกับจำนวนเหล่านี้"
เห็นเขาชอบ อารมณ์ซึมเซาของจ้าวหย่งเจียก็ดีขึ้นมาบ้าง
ผูหยางชิงหลันลองคลี่ไพ่ออกมาดู ทั้งความหนาและทนทานแตกต่างจากเดิมมาก ไพ่พูเค่อแบบนี้ไม่ยับและเสียง่ายอย่างแน่นอน
"ไม่เลว ไม่เลว" ่สองวันมานี้เขาว่างเสียจนรู้สึกเซ็ง มีไพ่พูเค่อก็ช่วยฆ่าเวลาไปได้บ้าง "ขอบใจมาก หย่งเจีย"
เขาเงยหน้าขึ้นมองดวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราของนางพลางเอ่ยขอบคุณ
แต่จ้าวหย่งเจียกลับเศร้าใจ ไม่นึกว่าเขาจะทำห่างเหินกับนางแบบนี้ เมื่อก่อนยามมอบของให้ เขาไม่เคยเอ่ยถ้อยคำแสดงมารยาทเหล่านี้เลย
"นี่หรือไพ่พูเค่อ?" เหลียนเซวียนหยิบไพ่กระดาษแข็งออกมาวางเรียงบนโต๊ะ พลางพลิกดูด้วยความประหลาดใจ
"ใช่ๆๆ นี่เป็การละเล่นเป็นิยมที่บ้านเกิดของญาติผู้น้องข้า" ผูหยางชิงหลันกระตือรือร้นขึ้นมา "ถ้าสนใจเดี๋ยวข้าสอนเ้า เอาไว้เล่นเป็แล้วพวกเรามาดวลโต่วตี้จู่ [1] กัน"
ผูหยางชิงหลันถูมือ เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
"ข้าไม่ว่าง" เหลียนเซวียนกลับส่ายหน้า เขายังอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ ไหนเลยจะมีเวลาว่าง "เอาไว้วันหลังแล้วกัน"
ไพ่แต่ละใบแลดูคล้ายคลึงกัน ้ามีสัญลักษณ์และอักษรกำกับที่เหลียนเซวียนไม่รู้จัก แต่เขาค่อนข้างสนใจไพ่พูเค่อนี้
น่าเสียดาย ตอนนี้เขาไม่มีเวลา
ใบหน้าของผูหยางชิงหลันห่อเหี่ยวในบัดดล
คนที่เล่นไพ่พูเค่อเป็ตรงหน้ามีแต่หย่งเจีย อวี๋เฟิงหยางและเขา ทว่าหย่งเจียก็สามารถอยู่ได้ใน่เวลาจำกัด เช่นนั้นก็เหลือแค่ตนเองกับอวี๋เฟิงหยางแล้ว ขาขาดไปหนึ่ง ก็หมดสนุกแล้ว
เหลียนเซวียนคร้านจะสนใจเขา หันมายิ้มคุยกับหย่งเจีย "เสี่ยวหรั่นแค่พูดไปอย่างนั้นเอง แต่เ้ากลับให้โรงกระดาษทำออกมาได้จริงๆ นายช่างในโรงกระดาษของเ้าไม่เลวเลย"
"ล้วนเป็ช่างฝีมือเก่าแก่ แค่บอกความ้าให้พวกเขารับรู้ไม่กี่วันก็ทำเสร็จแล้ว" จ้าวหย่งเจียกล่าวด้วยรอยยิ้ม "่บ่าย ข้าจะไปจวนสกุลเซวีย เอาไพ่พูเค่อไปส่งให้เสี่ยวหรั่น"
"หย่งเจีย ช่วยทำให้ข้าอีกยี่สิบชุด" ผูหยางชิงหลันรีบวิ่งเข้ามา
"ท่านจะเอาไปทำอะไรเยอะแยะ" เห็นเขาเดินเข้ามา รอยยิ้มของจ้าวหย่งเจียยิ่งเข้มขึ้น
"ไหนว่ามันเสียง่ายมิใช่หรือ ตุนไว้เยอะหน่อยเผื่อไว้ก่อน หากรอพังแล้วไม่มีเล่นจะเสียอารมณ์เปล่าๆ" สิ่งที่ผูหยางชิงหลันกลัวที่สุดคือไพ่ขาดระหว่างเล่นมาครึ่งทาง
เหลียนเซวียนเห็นเขาทำตัวเหมือนเด็ก ก็นึกละเหี่ยใจ ไพ่พูเค่อประหลาดเหล่านี้สนุกมากขนาดนั้นเชียว?
่บ่ายหลังนอนกลางวันมาตื่นหนึ่ง เซวียเสี่ยวหรั่นก็ได้ยินเสียงอูหลันฮวาเรียกมาแต่ไกล
"คุณหนู ท่านหญิงหย่งเจียมาเ้าค่ะ"
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบวิ่งออกมาโถงด้านหน้า
"จวิ้นจู่ ยินดีต้อนรับๆ มีแขกสูงศักดิ์มาเยี่ยมเยือน รู้สึกเป็เกียรติอย่างยิ่ง"
เซวียเสี่ยวหรั่นเดินเข้ามาก่อนยอบกายคำนับ
"ดูเ้าสิ ยังมาล้อเล่นกันอีก" จ้าวหย่งเจียเอื้อมมือมาประคอง
"สองสามวันมานี้ยุ่งมากใช่หรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นเชิญให้นางนั่งลง ชิงเยว่ยกน้ำชาใส่ถาดกระเบื้องขอบทองเข้ามา
"เพิ่งกลับมาเมืองหลวง งานเลยค่อนข้างยุ่งหน่อย โอ้... แม้แต่สาวใช้ยังเตรียมให้เสร็จสรรพ พี่เจ็ดช่างพิถีพิถันยิ่งนัก" จ้าวหย่งเจียเห็นกิริยาท่าทางที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็อย่างดี ก็รู้ว่าพวกนางไม่ใช่บ่าวรับใช้ธรรมดา
"อืม เขายืนกรานจะเพิ่มคนเข้ามาในจวนให้ได้ บอกว่าเรือนหลังใหญ่ขนาดนี้หากไม่มีลมหายใจมนุษย์อยู่เลยจะทรุดโทรมง่าย" เซวียเสี่ยวหรั่นเลียนแบบสีหน้าจริงจังของเหลียนเซวียน
จ้าวหย่งเจียหัวเราะเสียงดัง "พี่เจ็ดทำเพื่อประโยชน์ของพวกเ้าทั้งนั้น ลมหายใจมนุษย์ ลมหายใจมนุษย์ ไม่มีคนจะเอาลมหายใจมาจากไหน"
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบจมูก ่นี้เธอกับจ้าวหย่งเจียสนิทสนมกันแล้ว คำพูดคำจาจึงค่อนข้างเป็กันเอง
"นี่คือเทียบเชิญสองฉบับ วันที่ยี่สิบนี้เป็วันเกิดข้า เ้ากับเสี่ยวเหล่ยก็มาสนุกด้วยกันสิ"
จ้าวหย่งเจียหยิบเทียบเชิญทองคำจากกระเป๋าสีส้ม แล้ววางลงด้านหน้า นางนำเทียบเชิญร่วมงานเลี้ยงวันเกิดมาให้พวกนางสองพี่น้องด้วยตนเอง
เซวียเสี่ยวหรั่นรับเทียบมาอย่างอึ้งๆ ก่อนที่จะอ่านอย่างละเอียด "จวิ้นจู่เชิญคุณหนูทั่วเมืองหลวงเลยหรือ"
"ฮ่าๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เชิญเฉพาะสตรีจากตระกูลขุนนางระดับสี่ขึ้นไป" จ้าวหย่งเจียหัวเราะ "เ้ากับเสี่ยวเหล่ยก็มาด้วยกันสิ ไม่ต้องเขินหรอก"
เซวียเสี่ยวหรั่นเกาหน้าผาก ยังลังเลอยู่บ้าง "แต่ว่าในนั้นมีแต่สตรีจากตระกูลขุนนาง ข้าไม่รู้จักใครสักคน"
ไปแล้วไม่รู้จักใครกลัวว่าจะเก้อเขินเปล่าๆ
"ไม่เป็ไรหรอก ไม่ต้องรู้จักใครก็มาร่วมได้ จริงสิ พี่เจ็ดบอกว่าเ้ากับเสี่ยวเหล่ยควรคบหาสหายใหม่ให้มากขึ้น" จ้าวหย่งเจียกล่าวด้วยรอยยิ้ม
"ท่านพบกับพี่เจ็ดของท่านแล้วหรือ ตอนนี้เขาเป็อย่างไรบ้าง?"
เธอไม่เจอเหลียนเซวียนมาหลายวันแล้ว เซวียเสี่ยวหรั่นขยับเข้าไปใกล้อีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว
...
[1] เป็ชื่อเกมไพ่ชนิดหนึ่ง
