เมื่อได้ยินเสวียนเทียนยืนยันว่าเพลงกระบี่ที่ใช้เมื่อครู่คือเพลงกระบี่ดับเงาดวงตาของหลิงซิงเยว่กับไป๋หลิงล้วนฉายแววตะลึง ส่วนเติ้งเฟยเม้มปากนิดๆตามด้วยแสร้งทำท่าดูถูก
ส่วนฉู่เฟิงนิ่งที่สุด ไม่แสดงท่าทีแม้สักนิดดวงตายังคงทะมึนและมีแววตาที่ดูถูกเสวียนเทียนอยู่ “เ้าบรรลุเพลงกระบี่ดับเงาจริงๆหรือ? เพลงกระบี่นี้เดิมเป็วิชากระบี่ชั้นนิลสำนักของเราได้มาสิบสามปีแล้ว ทั้งท่านเ้าสำนักและผู้าุโสูงสุดไม่มีใครบรรลุได้สามารถสร้างวิถีจิตที่เข้ากับเพลงกระบี่ดับเงาได้ แต่ศิษย์สำนักนอกที่ยังไม่บรรลุชั้นเบิกนภาคนหนึ่งกลับบรรลุได้?เื่เช่นนี้...เื่เช่นนี้...ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี”
ไป๋หลิงทุ่มเทหยาดเหงื่อแรงใจไปกับเพลงกระบี่ดับเงามากมาย วิเคราะห์และวิจัยมาตลอดเป็เวลาหลายปีแล้วอีกทั้งนางยังเป็ยอดฝีมือชั้นเบิกนภาขั้นสองเผชิญหน้ากับการโจมตีของผึ้งเหล็กในั์เหมือนกัน ผลกลับกลายเป็ว่าเสวียนเทียนบรรลุแล้วแต่นางกลับไม่บรรลุ เื่นี้ทำร้ายจิตใจนางเป็อย่างมาก
เสวียนเทียนกล่าวว่า “ข้าโดนผึ้งเหล็กในั์หกตัวโจมตีมาถึงตรงหน้าจะป้องกันก็ทำไม่ได้แล้ว ชีวิตข้าแขวนบนเส้นด้ายถึงได้ใช้เพลงกระบี่ดับเงาออกไปในเสี้ยววินาทีวิกฤต ขนาดตัวข้าเองก็ยังไม่เข้าใจว่ากระบี่แทงออกไปอย่างไรศิษย์พี่ไป๋ ท่านมีพลังแข็งแกร่งกว่าข้า ดังนั้นท่านจึงไม่ได้เผชิญกับห้วงวิกฤติเช่นนั้นถ้าหากท่านเผชิญสถานการณ์เช่นเดียวกันนั้นกับข้าก็คงบรรลุถึงวิถีความเร็วของเพลงกระบี่ดับเงาเช่นกัน”
ความจริงแล้ว นาทีวิกฤติระหว่างความเป็ตายนั้นกระตุ้นกระบี่หยกขาวเล่มน้อยกลางหว่างคิ้วเขาขึ้นมาตอนนั้น ในสมองของเขาปลอดโปร่งอย่างยิ่งวิถีจิตที่ใช้ขับเคลื่อนกระบวนท่าทั้งหกของเพลงกระบี่ดับเงาล้วนกระจ่างแจ้งแก่ใจ
ต่อไปนี้เขาจะใช้เพลงกระบี่ดับเงาออกมาตอนไหนก็ได้ ทั้งยังสามารถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้ด้วยแต่นี่เป็ความลับของเขา แน่นอนย่อมไม่บอกแก่ผู้อื่นอยู่แล้ว
ไป๋หลิงย่นจมูก กล่าวขึ้นว่า “ยกให้เ้าเถอะสถานการณ์เช่นนั้น ห่างจากความตายเพียงเศษเสี้ยวเส้นผม ถ้าเกิดไม่บรรลุขึ้นมาจะไม่ถูกผึ้งเหล็กในั์แทงเป็รูเบ้อเริ่มหรือ?เืเนื้อต้องโดนดูดจนแห้งเหือด สภาพแบบนั้นข้าไม่เอาด้วยหรอก!”
หลิงซิงเยว่ถอนหายใจออกมาเบาๆ “น่าเสียดายแล้ว!”
เติ้งเฟยหัวเราะขึ้น กล่าวว่า “วิทยายุทธ์ที่บรรลุใน่วิกฤตของความเป็ความตายแต่ไม่มีวิถีจิตที่สมบูรณ์เข้าคู่กันก็เป็แค่การเข้าถึงภาวะจิตธรรมดาเท่านั้นมีแต่ในสถานการณ์พิเศษจึงจะเข้าถึงภาวะจิตแบบนนั้นได้ จากนั้นจึงจะใช้วิทยายุทธ์ออกมาอีกครั้งได้วิทยายุทธ์เช่นนี้ขนาดตัวข้ายังใช้ได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างจะสอนแก่คนอื่นยิ่งเป็ไปไม่ได้สิ่งที่ศิษย์น้องหวงเทียนเข้าใจที่จริงไม่ใช่เพลงกระบี่ดับเงาที่สมบูรณ์ศิษย์น้องไป๋ ศิษย์น้องหวงเทียนกล่าวถูกแล้ว ผู้ใดตกอยู่ในวิกฤตใหญ่หลวงความเป็ความตายแขวนอยู่บนเส้นด้าย ก็ปลุกความสามารถขึ้นมาได้ทั้งนั้นอย่างเช่นเขาที่บรรลุวิทยายุทธ์พิการนี้ขึ้นมาได้ ไม่นับเป็สิ่งใดได้ทั้งนั้น!”
ฉู่เฟิงก็ข่มเช่นกัน “ไม่อาจนับเป็สิ่งใดได้จริงๆก็แค่ของธรรมดาอย่างที่สุดเท่านั้นบนเส้นทางวิถียุทธ์ต้องอาศัยทั้งพร์และปัญญา ต่อให้สติปัญญาสูงเท่าไรพลังวัตรต่ำเตี้ยก็ไม่อาจใช้ประโยชน์ได้ ศิษย์น้องหวงเทียนแม้ว่าเ้าจะบรรลุเพลงกระบี่ดับเงาพิกลพิการนี้ แต่พลังวัตรข้าแข็งแกร่งกว่าเ้าแค่นิ้วเดียวก็ขยี้เ้าให้ตายได้แล้ว เ้าเชื่อหรือไม่เล่า?”
“แม่เ้าโว้ย เ้าฉู่เฟิงนี่จะโอหังเกินไปแล้วก็แค่พลังวัตรชั้นเบิกนภาขั้นสามไหมเล่า? ฮึสักวันพ่อจะก้าวข้ามเ้า เหยียบกดเ้าให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าข้าเสีย”
อยู่ดีๆ ก็โดนเหยียบเท้าเข้าอีกที เสวียนเทียนพาลอารมณ์เสียแต่ฉู่เฟิงกับเติ้งเฟยเป็ศิษย์หัวแถวอันดับหนึ่งอันดับสองของสำนักในพวกเขาใช้อำนาจข่มคน เสวียนเทียนที่เป็เพียงศิษย์สำนักนอก ฐานะต่ำกว่าหนึ่งชั้นความโกรธแค้นในใจอยากแสดงออกมาก็แสดงออกมาไม่ได้ สีหน้าเริ่มเขียวคล้ำ
เห็นเสวียนเทียนสีหน้าเริ่มเปลี่ยน หลิงซิงเยว่รีบไกล่เกลี่ยพูดขึ้นว่า “ศิษย์น้องหวงเทียนยังเล็กนักเื่ของอนาคตใครก็พูดแน่นอนไม่ได้ ศิษย์พี่ฉู่ ศิษย์พี่เติ้งท่านปู่ของข้าให้พวกเราออกมาเก็บประสบการณ์ครั้งนี้้าให้พวกเราสังหารสัตว์อสูรขั้นสามให้มาก ไม่เช่นนั้นคงไม่สมใจท่าน พวกเราต้องตามหาสัตว์อสูรขั้นสามนั่นสำคัญที่สุด”
ฉู่เฟิงกับเติ้งเฟยเดิมทีจะพูดโจมตีเสวียนเทียนต่อแต่ได้ยินหลิงซิงเยว่พูดถึงท่านปู่ของนางขึ้นมา ก็เก็บสีหน้าท่าทีกลับคืนไปมากฉู่เฟิงพูดว่า “ศิษย์น้องหลิงกล่าวถูกต้อง พวกเราต้องตามหาสัตว์อสูรขั้นสามเป็สำคัญศิษย์น้องหวง พวกเราต้องเข้าไปในเขตของอสูรขั้นสามเขตลึกของเทือกเขาเร้นลมอาจพบแม้กระทั่งสัตว์อสูรขั้นสี่ เ้าอย่าตามพวกเรามา นั่นอันตรายมาก”
“พวกเราไปกันก่อนเถอะ ที่นี่มีศพผึ้งเหล็กในั์ถึงหลายหมื่นตัวพอให้ศิษย์น้องหวงเก็บกวาดแล้ว เป็เงินตั้งหลายหมื่นตำลึงเชียว” เติ้งเฟยกวาดตามองผึ้งเหล็กในั์ที่เกลื่อนพื้นอยู่ แล้วหัวเราะขึ้นมา
ผึ้งเหล็กในั์เป็สัตว์อสูรขั้นหนึ่งสัตว์อสูรขั้นหนึ่งไม่มีผลึกอสูร ราคาถูกมาก โดนเฉพาะผึ้งเหล็กในั์ทั้งตัวมีเพียงเหล็กในตรงก้นแท่งนั้นที่พอมีค่าสองตำลึงเหล็กในั์ร้อยแท่งกองรวมกันก็เป็กองใหญ่มากแล้ว หากเสวียนเทียนจะรวบรวมเหล็กในั์จริงอย่างไรก็แบกไปได้ไม่ถึงร้อยแท่ง
ที่เติ้งเฟยกล่าวว่ามีค่าเป็เงินหลายหมื่นตำลึงหมายถึงมูลค่าของผึ้งเหล็กในั์ทั้งหมดแต่เสวียนเทียนไม่อาจขนไปได้ แฝงความหมายแดกดันเต็มๆ
“ศิษย์น้องหวงเทียน พวกเราไปก่อนนะ เ้าอยู่คนเดียวในเทือกเขาเร้นลมต้องระวังให้มากเล่า” หลิงซิงเยว่เห็นฉู่เฟิงกับเติ้งเฟยมองเสวียนเทียนด้วยความแค้นลึกล้ำก็รู้ว่ายิ่งหยุดอยู่นานเสวียนเทียนก็ยิ่งโดนทั้งสองเล่นงาน
“ศิษย์น้องหวงเทียน ถ้าว่างข้าจะมาหาเ้า ให้เ้าช่วยขัดเกลาเพลงกระบี่ดับเงานะ”ไป๋หลิงขยิบตาให้เสวียนเทียน หลังจากนั้นก็เดินออกไปทางนอกหุบเขากับหลิงซิงเยว่ฉู่เฟิง และเติ้งเฟยสามคน
“ศิษย์พี่ทั้งหลายรักษาตัวด้วย!” เสวียนเทียนกล่าวขึ้นสีหน้าและน้ำเสียงราบเรียบ
ขณะที่มองเื้ัของทั้งสี่ เสวียนเทียนก็ลอบเอ่ยกับตัวเองในใจ “ฉู่เฟิง เติ้งเฟย ไป๋หลิง วันนี้พวกเ้าดูถูกข้า อีกไม่นานข้าจะให้พวกเ้าได้รู้ว่า อะไรคืออรุณฉายแสง อำนาจผันเปลี่ยน เด็กรุ่นใหม่ลุกผงาดไม่อาจต้านทานได้”
รอจนกระทั่งทั้งสี่คนลับหายไปจากสายตาเสวียนเทียนก็กินยาพลังปราณสองเม็ด ย่างก้าวดุจโผบิน ออกห่างจากหุบเขาไปไกลในทันใดหลังจากนั้น ตลอดทางเขาก็เร้นกายเดินทางอ้อมคดเคี้ยวไปในป่าหลายสิบลี้กลับมายังโพรงต้นไม้ในป่าทึบ
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม กำลังของเสวียนเทียนก็ฟื้นกลับมาพลังภายในฟื้นกลับมาจนอยู่ในสภาพที่พร้อมที่สุด
หลังผ่านเื่วุ่นวายเมื่อครู่มา เสวียนเทียนก็ไม่มีอารมณ์จะสังหารสัตว์อสูรต่อเขาจึงแบกถุงผลึกอสูรที่อยู่ในโพรงต้นไม้ขึ้นหลัง เริ่มออกเดินทางกลับสำนักกระบี่์
เสวียนเทียนวิ่งทะยานตลอดทาง ระหว่างทางก็สังหารสัตว์อสูรไปหลายตัวก่อนราตรีมาเยือนก็มาถึงโพรงต้นไม้ที่เขาใช้พักค้างคืน่ก่อนหน้านี้นอนค้างหนึ่งคืนวันที่สองเสวียนเทียนก็เก็บรวบรวมผลึกอสูรที่ซุกซ่อนไว้บริเวณนั้นกลับมา
ผลึกอสูรสองถุงเสวียนเทียนใช้หนังสัตว์อสูรที่ตระเตรียมไว้ก่อนแล้วห่อไว้อย่างดีมองดูแล้วเหมือนกับหนังสัตว์อสูรมัดหนึ่ง ใครก็คาดไม่ถึงว่าข้างในจะเป็ผลึกอสูรของสัตว์อสูรชั้นสองหนึ่งพันสี่ร้อยกว่าเม็ด
เมื่อทำทั้งหมดนี้เรียบร้อยแล้วเสวียนเทียนก็แบกหนังสัตว์อสูรขึ้นหลังมุ่งออกไปทางหมู่บ้านชิงสุ่ยซึ่งใกล้ที่นี่ที่สุด
หมู่บ้านชิงสุ่ยเป็เขตของพรรคฝูเวยแต่เสวียนเทียนมั่นใจเต็มร้อยว่าพรรคฝูเวยต้องเก็บตัวซ่อนร่องรอย และออกจากเขตเดิมไปแล้วเป็แน่เพราะโจมตีลูกศิษย์ของสำนักใหญ่แต่ปรากฏว่าสังหารไม่สำเร็จพรรคฝูเวยย่อมต้องเผชิญกับความเสี่ยงของการถูกล้างพรรค คงไม่โง่ขนาดยังคงหยุดอยู่ที่ถิ่นเดิมไม่หลบหนีไปได้
เสวียนเทียนคิดไม่ผิด ในวันที่หัวหน้าสามหนีออกมาจากเทือกเขาเร้นลมพรรคฝูเวยทั้งพรรคก็ย้ายหนีออกไปไกลแล้ว อีกทั้งยังเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาปิดซ่อนร่องรอยจนไม่เหลือเค้าเดิม
ทว่าเสวียนเทียนกลับคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจอมยุทธ์พเนจรไร้สังกัดจำนวนหนึ่งเมื่อรู้ว่ามีคนมีสมุนไพรทิพย์อยู่กับตัวจะมุ่งมั่นมากขนาดนี้
หัวหน้าสามเพียงบอกว่าเด็กหนุ่มชั้นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดผู้หนึ่งที่ตัวมีสมุนไพรทิพย์ แต่ไม่ได้พูดว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็ลูกศิษย์ของสำนักกระบี่์
ดังนั้น หนึ่งเดือนก่อนเมื่อหัวหน้าสามปล่อยข่าวนี้ออกไปจอมยุทธ์พเนจรแทบจะเป็ร้อยเป็พันคนก็แห่กันมาที่เทือกเขาเร้นลมแถวหมู่บ้านชิงสุ่ยตามหาร่องรอยของเสวียนเทียนจากรูปพรรณสัณฐานที่หัวหน้าสามบอกไว้
ในบรรดาคนเ่าั้มีแม้กระทั่งมหาโจรร้ายแห่งยุทธภพที่มีพลังวัตรชั้นเบิกนภาก็มากันด้วย
แต่ว่า คนทั้งหลายล้วนจับได้เพียงอากาศเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าก็เริ่มแยกย้ายกันไป
โดยเฉพาะมหาโจรร้ายแห่งยุทธภพที่มีพลังวัตรชั้นเบิกนภาบางทีมีแค้นกับสำนักใหญ่ บางทีคู่แค้นก็เชิญศิษย์ของสำนักใหญ่มาล่าสังหารไม่กล้าหยุดอยู่ที่เดียวนานเกินไป
ตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งเดือนแล้วจอมยุทธ์พเนจรที่แห่มาคิดฉวยโอกาสจากความวุ่นวาย เก้าในสิบก็แยกย้ายกันไปแล้วแต่ก็ยังมีจอมยุทธ์พเนจรส่วนน้อยที่ความอดทนค่อนข้างดียังคงรั้งอยู่ในแถบนี้สังหารสัตว์อสูรไปพลาง ตามหาร่องรอยของเสวียนเทียนไปพลาง
สมุนไพรทิพย์ต้นหนึ่ง อย่างน้อยก็มีค่าหลายหมื่นตำลึงหรืออาจถึงหลายแสนตำลึง สำหรับยอดฝีมือชั้นเบิกนภาแล้ว เงินจำนวนนี้อาจไม่นับเป็อะไรแต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ในชั้นผู้ฝึกยุทธ์นับว่าเป็ทุนรอนก้อนใหญ่
โดนเฉพาะอย่างยิ่งจอมยุทธ์พเนจรทั่วไป ไม่มีตระกูล ไม่มีสำนักเส้นทางวิถียุทธ์ล้วนพึ่งตนเองต่อสู้ดิ้นรนไม่ต้องพูดถึงของล้ำค่ามูลค่าเกินแสนตำลึงต่อให้เป็ของราคาเกินหมื่นตำลังก็เป็ไปได้มากที่จะหลั่งเืแย่งชิงกัน
ในครึ่งชั่วยาม เสวียนเทียนถูกขวางไว้ถึงสามครั้งครั้งแรกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดสองคน ครั้งที่สองเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าคนหนึ่งกับขั้นแปดคนหนึ่งครั้งที่สามเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสิบคนหนึ่งครั้งที่หนึ่งกับครั้งที่สองผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้ามาขวางเสวียนเทียนเมื่อเห็นตราสัญลักษณ์‘สำนักกระบี่์’ บนหน้าอกของเสวียนเทียนก็ไม่พูดต่อหันหลังวิ่งหนี เกลียดตัวเองว่ามีขาน้อยไปสองขา
ทว่าชื่อ ‘สำนักกระบี่์’ ไม่อาจขู่ผู้ฝึกยุทธ์ที่เข้ามาขวางครั้งที่สามให้หวาดกลัวหนีไปได้
คนผู้นี้อายุสามสิบกว่าปี อายุขนาดเขาผู้นี้ หากไม่มีเหตุมหัศจรรย์หรือปัจจัยภายนอกเข้ามาช่วยชีวิตนี้ก็ยากที่จะก้าวขึ้นไปอีกขั้นของวิถีผู้ฝึกยุทธ์ ไร้วาสนากับชั้นเบิกนภา
สมุนไพรทิพย์ต้นหนึ่งบางทีอาจทำให้เขามีหวังได้เหยียบชั้นเบิกนภาคุ้มค่าให้เขาสู้แลกชีวิต ถึงแม้จะต้องผิดใจกับสำนักกระบี่์ก็ไม่เสียดาย
มหาโจรร้ายแห่งยุทธภพมากมาย ในมือมีคดีสังหารลูกศิษย์สำนักใหญ่ขอเพียงก้าวขึ้นสู่ชั้นเบิกนภาก็มีพลังมากพอที่จะยุ่งเกี่ยวกับสำนักใหญ่ได้
ในมือของคนผู้นี้ถือกระบี่อยู่เล่มหนึ่งดูแล้วคงเป็ยอดฝีมือผู้ใช้กระบี่
สายตาของเขาเคลื่อนออกไปจากตราสัญลักษณ์ของ ‘สำนักกระบี่์’แล้วพลันทะมึนเย็นเยียบ มือของเขาค่อยๆ ยกกระบี่ขึ้นชักออกมาจากฝักทีละนิ้วๆ ประกายเย็นเยียบปรากฏขึ้น นี่เป็กระบี่ที่ดีเล่มหนึ่ง
พอกระบี่ออกจากฝัก คนผู้นี้ก็พูดเสียงดังขึ้นว่า “เจอกับข้า เ้าตาย...”
ฟึ่บ!
เสวียนเทียนขยับ กระบี่ออกจากฝักตวัดฟัน ทำทั้งหมดในพริบตาเดียว
เพลงกระบี่ชั้นนิลเพลงกระบี่ดับเงา...บั่นเอว
คนผู้นั้นยังไม่ทันกล่าวคำจบ ่เอวพลันเย็นวาบรู้สึกร่างกายร่วงหล่นลงมาอย่างแรง ด้านหน้าของเขามีขาสองข้างยืนตั้งอยู่บนขากลับมีเอวเพียงครึ่งหนึ่ง ไม่มีลำตัว
“เป็ไปได้อย่างไรกัน?” ดวงตาของเขาค่อยๆ ดับแสงลงจนกระทั่งหมดลมก็ยังไม่เข้าใจว่าเสวียนเทียนลงมืออย่างไร
กระบี่เก็บเข้าฝัก สายตาของเสวียนเทียนกวาดมองศพสองท่อนบนพื้น พูดขึ้นด้วยยเสียงเ็าว่า“ใช้เพลงกระบี่ดับเงามารับมือเ้าเท่ากับใช้มีดชำแหละวัวมาฆ่านกนั่นแล”