ก่อนมื้ออาหาร อวิ๋นซีได้ไปช่วยจับชีพจรตรวจดูอาการให้หยวนอวี่ ซึ่งเวลาผ่านไปเพียง่สั้นๆ ไม่กี่สิบวัน คนกลับผ่ายผอมลงไปไม่น้อยเลย อวิ๋นซีพูดขึ้นเรียบๆ “ไม่เหมาะกับดินฟ้าอากาศที่นี่ ไม่ว่าจะเป็อาหารเลิศรสสักเพียงใดก็กลืนไม่ลง”
เตี๋ยอีที่ยืนอยู่อีกด้านพยักหน้าสนับสนุน “เป็เช่นนั้นจริงๆ เพคะ ไม่ว่าจะคาวหวานที่เมื่อก่อนคุณหนูเคยชอบกิน ยามนี้เพียงปรายตาก็พะอืดพะอมแล้ว”
“ไม่เป็ไร ข้าจะช่วยรักษาระบบในร่างกายให้เ้าเอง” อวิ๋นซีนำเข็มเงินออกมาพลางพูดกับหยวนอวี่ที่กำลังป่วยหนัก “หากเ้าอยากสบายตัวขึ้นสักหน่อย และกินอาหารได้มากขึ้น ข้าก็จะช่วยฝังเข็มให้เ้า หากทำเช่นนี้จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้เร็วหน่อย”
“ฝังเข็มเถิด” หยวนอวี่นึกถึงคำที่สาวรับใช้พูด ยามนี้องค์ชายสี่และชิวิมาถึงแล้ว ตัวนางเองย่อมรู้จักสองคนนั้นดี อีกทั้ง ในตอนนี้ตนต้องอยู่ที่นี่อย่างโดดเดี่ยวไร้เรี่ยวแรงสู้ ดังนั้น หากคิดอยากจะต่อกรกับนังชั้นต่ำอวิ๋นซีนี่ นางจำต้องขอความช่วยเหลือจากชิวิ
อวิ๋นซีหารู้ไม่ว่าหลังจากที่ชิวิมาถึงแล้วนั้น ในใจของหยวนอวี่ก็ปรากฏความคิดชั่วร้าย
ถึงกระนั้นในตอนที่นางกำลังจะไปจากเรือนฉิ่นเยว่ก็ไม่ลืมที่จะเอ่ยปากชวนหยวนอวี่ “ท่านอ๋องตรัสว่า วันนี้พระองค์จะรับรองแขกสูงศักดิ์ทั้งสองท่านที่ศาลาริมน้ำในเรือนชั้นสาม เสี้ยนจู่จะไปด้วยกันหรือไม่? ”
“แน่นอนเพคะ ขอบพระทัยเพคะชายาหานอ๋อง” หยวนอวี่คิดว่า อย่างน้อยๆ ตนก็ควรไปเจอชิวิก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ยามโหย่ว [1] สามเค่อ อวิ๋นซีพาเซียงเอ๋อร์และฉุนเอ๋อร์สองสาวใช้ไปยังศาลาริมน้ำ โดยที่นี่ได้จัดเตรียมสถานที่ไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว เมื่อนางไปถึงก็สั่งให้สาวใช้ยกสำรับขึ้นมา
เพียงไม่นาน จวินเหยียน องค์ชายสี่โอวหยางเทียนหลาน และผิงหยางโหวซื่อจื่อชิวิก็มาถึง ณ ที่แห่งนี้ นับแต่เกิดใหม่นี่ถือเป็ครั้งแรกที่ได้เจอชิวิ ในกาลก่อนสิ่งเดียวที่ทำให้นางได้รู้จักมักคุ้นกับอีกฝ่ายก็คือ ชิวิและพี่รองของตนเข้ากันได้ดี ดังนั้น ตอนที่นางยังเด็ก ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาจึงนับว่าไม่เลวทีเดียว
นอกจากนี้ นางยังจำได้ว่า ในครั้งแรกที่ได้เห็นเขาและโอวหยางเทียนหัวอยู่ด้วยกัน ตอนนั้นนางยังแอบคิดในใจว่า หากตระกูลชิวยอมอยู่ฝั่งเดียวกับรัชทายาท เขาก็ราวกับเป็เสือติดปีก ดูท่าในตอนนี้ตระกูลชิวก็คงจะยืนอยู่ฝั่งรัชทายาทแล้ว แต่ก็น่าแปลกที่บุรุษผู้นั้นเลือกกำจัดตระกูลเฉียวทิ้ง เพื่อเว้นที่ว่างไว้ให้คนตระกูลชิว
เื่การใส่ร้ายคนตระกูลเฉียวในตอนนั้น นางก็ไม่รู้ว่าตระกูลชิวเองจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ด้วยเื่นี้ ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องสืบหาความจริงที่แน่ชัดให้จงได้ และหากว่าคนตระกูลชิวทำเื่ที่ผิดต่อตระกูลเฉียวจริงๆ ละก็ นางก็จะให้พวกเขาใช้เืเพื่อชดใช้หนี้เืด้วยเช่นกัน
เื่ในตอนนั้น ขอแค่เป็คนที่เข้าร่วม นางก็จะไม่ปล่อยใครไว้แม้แต่คนเดียว
ทันทีที่โอวหยางเทียนหลานเห็นอวิ๋นซีก็ส่งยิ้มให้แล้วพูดขึ้น “พี่สะใภ้รอง”
อวิ๋นซีอมยิ้มมองไปยังโอวหยางเทียนหลาน “องค์ชายสี่”
“องค์ชายสี่ที่ไหนเล่า เรียกน้องสี่ไปเลยก็ได้” จวินเหยียนยืนอยู่ข้างกายนาง พูดพร้อมรอยยิ้มบางๆ
เมื่ออวิ๋นซีได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มพยักหน้า “เพคะ”
ชิวิในชุดขาวสะอาดที่ยืนอยู่ข้างองค์ชายสี่ก้าวขึ้นมาด้านหน้าสองก้าว จากนั้นจึงแสดงความเคารพต่ออวิ๋นซี “ผิงหยางโหว ชิวิคารวะชายาหานอ๋อง ขอพระองค์ทรงพระเจริญพันปีพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อนางได้ยินคนตรงหน้าเรียกขานชื่อตระกูลตนออกมาก็อดไม่ได้ให้ยิ้มรับแล้วจึงพูดว่า “ชิวซื่อจื่อเดินทางมาไกลนับเป็แขก ดังนั้น มิต้องเกรงใจ เชิญนั่งลงเถิด” พูดจบ นางก็เม้มปากยิ้มน้อยๆ “สำหรับค่ำคืนนี้ อาหารที่จัดเตรียมมาล้วนเป็อาหารขึ้นชื่อของหานโจว พวกท่านลองชิมดูเถิดว่าจะแตกต่างจากของเมืองหลวงอย่างไรบ้าง”
“พี่สะใภ้รอง ลำบากท่านแล้ว” โอวหยางเทียนหลานมองอาหารชั้นเลิศจานเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า สีสันของอาหารเ่าั้มีทั้งเขียวบ้างแดงบ้าง แค่ได้มองก็ชวนให้คนอยากอาหารแล้ว
ขณะเดียวกันนั้นชิวิที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับองค์ชายสี่มีสีหน้าที่พิศแล้วไม่ค่อยเป็ธรรมชาติอยู่เล็กน้อย และแน่นอนว่าอวิ๋นซีย่อมสังเกตเห็นสีหน้าทั้งหมดของเขา อย่างไรเสียอาหารเลิศรสในคืนนี้นางก็ตั้งใจจัดเตรียมไว้ให้ชิวิเป็พิเศษ
“ทำไมเล่า อาหารที่พระชายาจัดเตรียมไว้ไม่ถูกปากชิวซื่อจื่อหรือ? ” จวินเหยียนมองชิวิ ก่อนจะถามเรียบๆ
เมื่อชิวิได้ยินก็รีบตอบปฏิเสธโดยพลัน “มิได้พ่ะย่ะค่ะ อาหารเหล่านี้เพียงแค่ได้มองก็รู้สึกอยากอาหารแล้ว” เขาไม่เคยคบค้าสมาคมใดกับหานอ๋องมาก่อน จึงไม่รู้ว่าหานอ๋องผู้มีชื่อเสียงโด่งดังและโดดเด่นในยามนั้นมีนิสัยใจคอเป็เช่นไร ดังนั้น เขาจึงทำได้เพียงตอบโต้กับอีกฝ่ายอย่างระมัดระวัง จะให้คนจับผิดตนในเื่ใดไม่ได้เป็เด็ดขาด
“ในเมื่อเป็เช่นนั้นก็กินให้มากหน่อยเถิด ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่พอ เพราะหากไม่พอจริงๆ ละก็ ข้าจะสั่งให้ห้องเครื่องจัดเตรียมมาเพิ่ม” เมื่อพูดจบ นางก็คีบเนื้อขึ้นมาชิ้นหนึ่ง “วันนี้พวกเรากลับมาค่อนข้างกะทันหัน ไว้วันหลังพวกท่านน่าจะลองไปล่าสัตว์กับท่านอ๋องบนเขาดูบ้าง เราจะได้นำเนื้อสดที่ท่านล่าได้ด้วยตนเองกลับมาย่างกิน เพราะนั่นจะยิ่งช่วยให้อาหารมื้อนั้นเลิศรสทีเดียว”
ถึงแม้จะอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว ทว่าองค์ชายสี่ที่โปรดการเล่นเป็ที่สุดเมื่อได้ยินว่าสามารถขึ้นเขาไปล่าสัตว์ได้ เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “พี่รอง พี่รอง วันพรุ่งพวกเราไปล่าสัตว์ด้วยกันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ? ”
เขาคิดในใจว่า การมาที่นี่ถือเป็ความคิดที่ถูกต้องจริงๆ เพราะหากอยู่ในเมืองหลวง ตนคงได้แต่ต้องเข้าประชุมขุนนางทุกวี่วัน จากนั้นก็ยังต้องไปทำงานที่กรมพระคลังอีก ทั้งวันมีแต่ต้องพบเจอกับเื่เช่นนี้พาให้เขาแทบจะเป็บ้า
“วันพรุ่งคงยังมิได้ รออีกสักสองสามวันเถิด หากจะไปล่าสัตว์บนเขาก็ต้องมีคนไปด้วยมากหน่อยถึงจะสนุก เปิ่นหวางจะเชื้อเชิญเหล่าคุณชายในเมืองไปด้วย อีกทั้ง รสชาติของเนื้อป่าเคล้าสุราก็เลิศรสนัก เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะทำให้พวกเ้าหวนคิดถึงวันคืนในป่าเขาอย่างไม่มีทางลืมเลือนเป็แน่นอน” จวินเหยียนกล่าวยิ้มๆ
ตอนที่อวิ๋นซีเห็นอีกฝ่ายกลับไปเป็หานอ๋องที่ชอบกินดื่มเที่ยวเล่นเหมือนดั่งคำเล่าลือของชาวบ้านก็อดหัวเราะขึ้นในใจไม่ได้ หากจะบอกว่าคนผู้นี้ไม่มีหลายบุคลิก ก็คงเชื่อได้ยากจริงๆ
“ได้ พี่รอง ท่านพูดแล้วนะ หากว่าหลอกข้า ข้าจักอยู่ที่นี่ไม่ไปไหนแล้ว” โอวหยางเทียนหลานพูดยิ้มแย้ม ก่อนจะรู้สึกว่าอาหารที่มีรสเผ็ดนี่ยิ่งกินก็ยิ่งอร่อย และเมื่อกินไปเรื่อยๆ อาหารที่วางอยู่ตรงหน้าก็เป็เขาที่กินเสียจนเกลี้ยง
เมื่ออวิ๋นซีเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มพูดกับเซียงเอ๋อร์ “ไปบอกคนครัวที ให้เตรียมอาหารมาเพิ่มอีกสักสองสามอย่าง และให้มีรสเผ็ดปานกลางเป็พอ”
เมื่อเซียงเอ๋อร์ได้ยินก็มองไปยังองค์ชายสี่ ท่าทีของเขาทำให้นางอดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะน้อมรับคำสั่งและจากไป
ในทางตรงกันข้าม ชิวิกลับกล้ำกลืนอาหารลงคอไปด้วยใบหน้าขมขื่น อวิ๋นซีกับจวินเหยียนทำทีราวกับมองไม่เห็น เอาแต่กินอาหารของตนเอง ทว่า เพียงไม่นานหลังจากนั้น หยวนอวี่ก็พาเตี๋ยอีและอิ๋งอิ๋งเดินเยื้องย่างเข้ามา
“หยวนอวี่คารวะหานอ๋อง องค์ชายสี่ ชายาหานอ๋องเพคะ” จากนั้นนางก็เสมองไปทางชิวิ อมยิ้มแล้วพูดขึ้น “ชิวซื่อจื่อ”
“ข้านึกว่าเ้าจะไม่มาแล้วเสียอีก ในเมื่อมาแล้ว ก็รีบนั่งลงกินข้าวเถิด” อวิ๋นซียิ้มน้อยๆ พูดกับหยวนอวี่ “สุขภาพร่างกายเ้ายังไม่ค่อยดีนัก ตอนนี้ไม่ควรกินอาหารที่มันจนเกินไป ดังนั้น ข้าจึงได้ให้คนช่วยจัดเตรียมอาหารเหล่านี้ไว้ให้เ้า”
หยวนอวี่มองอาหารตรงหน้าที่ถูกทำขึ้นอย่างประณีตงดงาม แล้วจึงหันมองไปยังอวิ๋นซีที่อมยิ้มน้อยๆ ยิ่งได้มองใบหน้านี้ นางก็ยิ่งรู้สึกราวกับรอยยิ้มของอวิ๋นซีบาดตาบาดใจตน ถึงกระนั้นที่เปลือกนอก นางก็ยังส่งยิ้มเพื่อขอบคุณอีกฝ่ายพลางลอบคิดในใจว่า อวิ๋นซี ยิ้มไปเถิด ตอนนี้เ้ายิ้มสดใสปานใด ข้ารับประกันเลยว่าวันหนึ่งเ้าจะต้องร้องไห้อย่างทรมานปานนั้น
องค์ชายสี่ที่อยู่อีกด้านพอจะทราบเป้าประสงค์ในการมาที่นี่ของหยวนอวี่มาจากพระมารดาตนอยู่บ้าง ถึงกระนั้นแรกเริ่มเดิมทีเขาก็หาได้มีความประทับใจอันดีต่อหยวนอวี่ไม่ และเมื่อตอนนี้ได้มาเจอพี่สะใภ้รองที่พี่รองเลือกสรรมาด้วยตัวเอง เขาก็ยิ่งรู้สึกว่า เมื่อเทียบกันแล้ว หยวนอวี่ผู้นี้ยังห่างชั้นจากพี่สะใภ้รองไปมาก ทว่า พี่สะใภ้รองกลับยังคงทำดีต่อสตรีที่หวังจะแย่งชิงสามีตนด้วยท่าทีราวกับคนโง่งมถึงเพียงนี้ ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดจนแทบบ้าแล้ว
หากอวิ๋นซีได้ล่วงรู้ว่า ในสายตาขององค์ชายสี่ที่มองนางเป็สตรีผู้แสนอ่อนโยนมีเมตตาแล้วละก็ นางจักต้องหัวเราะงอหงายอย่างแน่นอน นางดีต่อหยวนอวี่? เื่นี้จะเป็ไปได้หรือ?
อวิ๋นซีมองหยวนอวี่ ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “หยวนอวี่เสี้ยนจู่ อาหารที่ข้าให้คนจัดเตรียมไว้ไม่ถูกปากเ้าหรือ? หรือว่าเ้ายังคงรู้สึกกินไม่ลงอยู่เช่นเดิม? ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] ยามโหย่ว(酉时)เวลา 17.00-19.00 น.
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้