ท้องฟ้าเพิ่งสว่างเพียงรำไร เซวียเสี่ยวหรั่นมีงานต้องทำอีกมาก แต่ก็ดันมาตกหมอน จึงได้แต่เดินคอแข็งแล่นไปโน่นมานี่
เธอซื้อซาลาเปา หม่านโถว และน้ำเต้าหู้มาเป็อาหารเช้า ยังเอาเทียบยาที่เหลียนเซวียนเขียนให้ไปจัดยามาให้อูหลันฮวา และแวะซื้อผ้าสองผืนมาให้นาง
เดิมทีเื่จิปาถะเหล่านี้ไม่นับว่าวุ่นวายมาก แต่เธอปวดคอ พอเดินไปเดินมาก็ยิ่งทรมานหนัก
อาจเป็เพราะว่าเจอโจรป่าเมื่อวาน วันนี้คาราวานวาณิชสกุลเมิ่งถอนกระโจมช้าหน่อย
ขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นกุมต้นคอปีนขึ้นรถม้า ท้องฟ้าก็สว่างจ้าแล้ว
เดิมทีนางคิดจะนั่งรถคันเดียวกับอูหลันฮวา เพื่อสะดวกแก่การดูแล
"ต้าเหนียงจื่อ คอท่านเจ็บอยู่ ต้องเป็เพราะเมื่อคืนหลับไม่สบายแน่เลย" อูหลันฮวารู้สึกผิด "ท่านไปนั่งรถม้าคันหน้าดีกว่า คันนั้นกว้างขวางสามารถนอนชดเชยบนรถได้ด้วย"
อูหลันฮวาเห็นนางฝืนทำงานทั้งที่ปวดคอมาตลอด่เช้าก็คะยั้นคะยอให้ไปนั่งรถม้าคันหน้า
เซวียเสี่ยวหรั่นจำต้องกำชับเซวียเสี่ยวเหล่ยสองสามประโยค และขึ้นรถม้าคันเดียวกับเหลียนเซวียน
รถม้าเคลื่อนไปข้างหน้า วันนี้สีหน้าขาวซีดของเหลียนเซวียนกลับมาเป็ปรกติแล้ว
"ตกหมอนรึ?"
เหลียนเซวียนได้ยินข่าวเื่ที่นางปวดคอั้แ่เช้า
"อื้อ" เซวียเสี่ยวหรั่นนวดต้นคอพลางสูดปาก
"ยื่นมือมา" เหลียนเซวียนหัวเราะเบาๆ
"จะทำไม?" เซวียเสี่ยวหรั่นถามอู้อี้ แต่ก็ยื่นมือไปด้วยจิตใต้สำนึก
"สามารถกดจุดที่มือบรรเทาอาการตกหมอนได้" เหลียนเซวียนกุมมือนางไว้แล้วค่อยๆ หาตำแหน่งรักษา
"มีจุดสำหรับรักษาโรคตกหมอนโดยเฉพาะเลยหรือ" เซวียเสี่ยวหรั่นประหลาดใจ
"อื้อ" เหลียนเซวียนหาจุดตกหมอนบนหลังฝ่ามือพบ ก็เริ่มประจุกำลังภายในแล้วกดนวดลงไปทีละครั้ง ทีละครั้ง
มือของเซวียเสี่ยวหรั่นเล็กจ้อยและอ่อนนุ่ม ฝ่ามือไม่นับว่าบอบบาง มีส่วนแข็งเป็ไตตื้นๆ อยู่บ้าง
เหลียนเซวียนคุ้นเคยกับมือคู่นี้เป็อย่างดี กระทั่งสามารถจินตนาการภาพได้ในหัว มือเรียวขาวกระจ่าง แม้เล็กจ้อยแต่หยิบจับอะไรคล่องแคล่วว่องไว
"เอ๊ะ ดูเหมือนจะได้ผลจริง" เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยๆ หมุนขยับคอ ไม่รู้สึกปวดทรมานเหมือนตอนแรก
เหลียนเซวียนยกเปลือกตาขึ้น "อีกสักครู่ก็จะหายดี"
แรงส่งจากนิ้วมือหนักขึ้นกว่าเดิมสองส่วน
"ซี้ด เจ็บ" เซวียเสี่ยวหรั่นทนไม่ไหวร้องเบาๆ
"ทนหน่อย" เขาทิ้งคำพูดไว้ก่อนจะนวดต่อไป
เซวียเสี่ยวหรั่นได้แต่ทำฝืนทนใบหน้าเหยเก
ผ่านไปครึ่งเค่อ เซวียเสี่ยวหรั่นลองเอี้ยวศีรษะอีกครั้ง ความเ็ปหายเป็ปลิดทิ้งแล้ว
"วิเศษมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นตื่นเต้นดีใจ
เหลียนเซวียนยิ้ม ขณะกำลังจะปล่อยมือ รถม้าพลันะเือย่างแรงกะทันหัน เซวียเสี่ยวหรั่นตัวเบา จึงโถมทับเหลียนเซวียนเข้าไปทั้งตัว
"โอ๊ย"
เหลียนเซวียนร้องออกมา ร่างกายกายไม่มีแรง ทั้งยังกุมมือนางไว้ ไม่อาจรองรับได้ทัน เซวียเสี่ยวหรั่นจึงชนเข้ากับตัวเขาเต็มแรง
ดวงหน้าน้อยกระแทกกับไหล่ของเขา เจ็บจมูกจนน้ำตาเล็ด
"อูย เจ็บจังเลย" เซวียเสี่ยวหรั่นทั้งเจ็บทั้งมึน ยกมือขึ้นกุมจมูกของตนเอง
เมื่อลมหายใจอุ่นรดบนต้นคอ ร่างของเหลียนเซวียนก็แข็งทื่อ
"เ้าไม่เป็ไรนะ?" มือของเขาโอบไหล่นางเบาๆ
"เป็สิ จมูกถูกชนจนจะหักแล้ว" น้ำเสียงของเซวียเสี่ยวหรั่นอู้อี้ สงสัยอยู่ว่าจมูกของตนเองจะถูกชนจนเบี้ยวไปแล้วหรือไม่ "ไหล่ของท่านแข็งเกินไป"
ช่างหาเหตุใส่ความกันดื้อๆ เหลียนเซวียนรู้สึกจนใจอย่างมาก ได้ยินเสียงนางร้องซี้ดๆ ดวงตาก็จมดิ่งลง
ขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังลุกขึ้นจากตัวเขา รถก็สั่นะเือีกหน เธอเพิ่งลุกขึ้นมาไม่ทันไรก็ถูกเหวี่ยงกลับไปในอ้อมแขนของเหลียนเซวียนอีกรอบ
"โอ๊ย"
่อกกระแทกกับตัวเขาอย่างแรง ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน สองร่างแนบชิดจนไม่เหลือช่องว่าง
"ต้าเหนียงจื่อ หลางจวิน ขออภัยด้วย ถนนเส้นทางนี้เป็หลุมเป็บ่อ ทั้งสองโปรดนั่งให้ดี" เสียงขอขมาของอู๋โจวแว่วมาจากนอกรถ
ัันุ่มและอบอุ่นบนแผงอกประกอบกับลมหายใจที่คุ้นเคยซึ่งพรมรดใบหน้าชวนให้คนเคลิบเคลิ้มไปชั่วขณะ แววตาของเหลียนเซวียนเข้มขึ้นในบัดดล
ดวงตาเห็นไม่ชัด ประสาทัักลับยิ่งไว เรือนร่างอ่อนนุ่มอิงแอบแนบชิดกับแผงอกแกร่งของเขา อกกระเพื่อมขึ้นลงััได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
"เป็ปีที่ดวงซวยจริงๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นไม่คิดมาก ครั้งนี้เธอใช้มือป้องจมูกไว้ไม่ให้เพื่อเป็หลักประกันว่าจะไม่าเ็ซ้ำสอง
ส่วนอีกมือก็เลื่อนไปเกาะตัวรถ พยายามลุกขึ้นมาจากตัวของเหลียนเซวียน ก่อนหย่อนก้นลงไปนั่งด้านหลัง
"คอเพิ่งหาย จมูกยังมาเจ็บซ้ำอีก" เธอนวดจมูกที่เริ่มแดง
"แฮ่ม เจ็บมากไหม" เหลียนเซวียนถามอย่างไม่เป็ธรรมชาตินัก
"ก็เจ็บมากอยู่ ไม่รู้ว่าดั้งจมูกจะหักหรือเปล่าสิ" เซวียเสี่ยวหรั่นลูบๆ ดั้งจมูกอย่างไม่แน่ใจ
"ให้ข้าดู" เหลียนเซวียนยื่นมือเข้ามา
เซวียเสี่ยวหรั่นรีบดึงมือเขามาไว้ที่จมูกของตนเอง "เดิมทีจมูกก็ไม่ได้โด่งมากมายอยู่แล้ว หากดั้งหักซ้ำอีกละก็จบเห่เลย"
"ไม่หัก" เหลียนเซวียนทำหน้านิ่ง หลังลูบสันจมูกของนางแล้วรั้งมือกลับ
เซวียเสี่ยวหรั่นค่อยถอนหายใจโล่งอก "เช่นนั้นก็ดี หากดั้งจมูกหักนอกจากจะไม่ใช่เื่ตลก ยังกลายเป็อัปลักษณ์อีกด้วย"
"เหลวไหล หักก็ต่อได้ รักษาตัวดีๆ ก็หาย" เหลียนเซวียนเห็นนางสนใจแต่จมูกของตนเองก็อดอมยิ้มไม่ได้
"ถึงหักแล้วต่อใหม่ก็ไม่รู้จะเบี้ยวรึเปล่า" เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงนวดๆ ที่จมูกต่อไป "มีผู้สูงอายุท่านหนึ่งในหมู่บ้านของข้า ตอนเด็กๆ ไม่ระวังดั้งจมูกหักเพราะดูแลไม่ดีพอ ผลต่อมาพอโตขึ้นดั้งจมูกนับวันก็ยิ่งเบี้ยว"
"นั่นก็เพราะดูแลไม่ดี" เหลียนเซวียนนั่งหยัดกายตรง
"ใครจะรับประกันได้เล่าจะดูแลได้ดีแน่หรือไม่"
หลังจากชนเข้าไปครานี้ คอของเซวียเสี่ยวหรั่นหายปวด แต่จมูกยังแสบๆ อยู่บ้างเล็กน้อย ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เธอหันไปเกาะขอบหน้าต่างมองออกไป เห็นถนนลูกรังเป็หลุมเป็บ่อไม่น้อย ขบวนรถต้องค่อยๆ หลบเลี่ยง ความเร็วจึงค่อนข้างช้า
คาราวานสินค้าด้านหน้าก็ไปไม่เร็วมาก
"ถนนเละตุ้มเป๊ะขนาดนี้ยังไม่ซ่อมกันอีก" หลังจากบ่นไปชุดหนึ่ง ในอกก็รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นอีกหน
ให้ตายเถอะ โรคเมารถกลับมาอีกแล้ว
เป็ปีที่ดวงซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
"เหลียนเซวียนมีจุดที่รักษาอาการเมารถหรือไม่" เซวียเสี่ยวหรั่นฝืนทำหน้าหนาเอ่ยถาม
ชั่วขณะเหลียนเซวียนกุมมือเธอไว้แล้วนวดให้เบาๆ พวงแกมของเธอก็แดงซ่าน วันนี้เหตุใดจึงมีแต่เื่
หลังจากนั้นสองวัน ถนนก็เริ่มราบเรียบ การเดินทางจึงราบรื่นขึ้นมาก
อู๋โจวบอกว่าอีกประมาณห้าวัน หากไม่มีสิ่งใดติดขัดก็จะถึงเมืองชางตานแล้ว
เซวียเสี่ยวหรั่นหงุดหงิดอยู่บ้าง
เมิ่งเฉิงเจ๋อไม่ให้คนมาตามเธอเลย
หากไม่ลืมเื่นี้ไปแล้วก็อาจไม่เห็นความสำคัญ
เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มบ่นกับเหลียนเซวียน ว่าเมิ่งเฉิงเจ๋อคนนี้ก็ไม่มีวิสัยทัศน์ทางการค้า โอกาสดีๆ เช่นนี้ยังไม่รู้จักคว้าไว้
เหลียนเซวียนฟังนางบ่น กลับไม่คิดเช่นนั้น
เดิมทีนี่ก็เป็ความคิดปุบปับของนางเอง แต่ในทางปฏิบัติไหนเลยจะง่ายอย่างที่คิด
เซวียเสี่ยวหรั่นหยิบรองเท้ามาเย็บไปบ่นไป เหลียนเซวียนอดกลอกตาไม่ได้ ขี้บ่นเป็นิสัยที่ไม่ดี ต้องแก้
เที่ยงวันนี้ กองคาราวานหยุดพักที่เชิงเขาแห่งหนึ่ง ก่อไฟทำอาหาร
ขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังเคี่ยวโจ๊กอยู่
พ่อบ้านนามว่าต่งชิ่งก็เดินมาหาแต่ไกล
