ชุ่ยหลิวคิดไม่ถึงว่าหลิวเต้าเซียงจะโหดร้ายถึงเพียงนี้
“หลานสาวเต้าเซียง ข้าว่ารอให้พ่อเ้ากลับมาก่อนดีกว่าแล้วค่อยว่ากัน”
ขืนกลับไปมือเปล่าเช่นนี้ แม้ว่าหลิวฉีซื่อจะไม่ทุบตีด่าว่า แต่ก็คงต้องบ่นพอสมควร
ชุ่ยหลิวไม่อยากฟังนางเอาเื่นี้มาบรรเลงทั้งวันทั้งคืน จึงคิดอยากรอให้หลิวซานกุ้ยกลับมาก่อน
นางรู้ว่าไม่ว่าอย่างไร หลิวซานกุ้ยที่เป็บุตรชายแท้ๆ คงไม่มีทางทนเห็นมารดาตนเองอยู่อย่างยากลำบากได้
“ถ้าเ้าอยากรอ ก็รอไป”
หลิวเต้าเซียงยิ้มจนตาโค้ง ท่านพ่อนางเดินทางไปซื้ออิฐสีน้ำเงินที่ต่างอำเภอ ได้ยินว่าน่าจะใช้เวลาราวสี่ถึงห้าวันกว่าจะกลับบ้าน
นางไม่อยากสนใจชุ่ยหลิว จึงพาพี่น้องไปที่ลานบ้านเพื่อปรึกษากันว่าจะสร้างบ้านอย่างไรจึงจะใช้งานได้ดี
ถูกต้อง พวกนางไม่ใช่ลูกคุณหนูที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด สิ่งที่คิดได้เริ่มแรกเป็แบบเรียบง่ายทั่วไป ใช้งานได้ แล้วก็ไม่สิ้นเปลืองมากจนเกินไป
“น้องรอง พ่อเรามีคนสืบสกุลแล้ว คิดว่าเรือนตะวันออกต้องเก็บไว้ให้น้องชายทั้งสอง เราต้องพักที่เรือนตะวันตก ข้าหวังว่าเราจะสามารถอยู่ด้วยกัน ถึงตอนนั้นก็ปลูกต้นท้อ ต้นสาลี่ แล้วก็ทำซุ้มองุ่นในสวนด้วย”
หลิวชิวเซียงได้ยินเด็กๆ ในหมู่บ้านบอกว่า ในบ้านบรรดาเซียงเซินทั้งปีจะมีดอกไม้ให้ชม นางเองก็อยากทำสวนให้สวยงามแล้วปลูกไม้ผลไว้ ทั้งสามารถชมดอกและกินผลไม้ได้ด้วย ได้ประโยชน์สองอย่าง
“ท่านพี่ชอบหรือ? ดี อีกเดี๋ยวข้าจะไหว้วานคนไปหาต้นไม้ผลดีๆ กลับมา แล้วก็ปลูกพุทราจีนไม่กี่ต้น กับต้นเหมยแดงหน้าบ้านเรา เวลาที่หิมะตกแล้วมีดอกไม้สีแดงผลิบาน คงทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ”
หลิวเต้าเซียงมีความสุขที่ได้ทำตามความปรารถนาของพี่สาว
อีกยี่สิบกว่าวัน หลิวชุนเซียงที่เกือบสี่ขวบกลัวว่าพี่สาวจะหลงลืมตนเอง จึงรีบเขย่งเท้าแล้วคว้ามือของหลิวเต้าเซียง และเอ่ยเสียงใส “ยังมีข้าด้วย ข้าขอดอกจื๋อเจี่ยฮัว [1] ด้วย”
“นี่ น้องสาม ดอกจื๋อเจี่ยฮัวไม่มีผล อีกอย่างดอกไม้ที่ผลิบานก็ไม่ได้สวยที่สุด ข้าว่า สู้เราปลูกดอกเฉียงเวย [2] ดีกว่า”
หลิวชุนเซียงขยับริมฝีปากน้อยๆ “ข้าอยากย้อมสีเล็บเล่น”
ร่างเด็กแต่ิญญาผู้ใหญ่!
หลิวเต้าเซียงบีบผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วเหยียดนิ้วชี้มาจิ้มหน้าผากนาง ยิ้มก่อนจะตำหนิ “ตัวเล็กแค่นี้ก็รักสวยรักงามแล้ว”
“รักสวยรักงามแล้วอย่างไร ท่านแม่บอกว่าจะทำชุดสวยๆ ให้พวกเรา แล้วก็ซื้อมาลาสวยๆ ให้เราด้วย”
หลิวชิวเซียงที่อยู่ด้านข้างยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “น้องสามช่างมีชีวิตดีเหลือเกิน ตอนที่อยู่ในท้องแม่ ก็ไม่เคยได้รับความลำบากแม้แต่น้อย”
“ท่านพี่ ขมนำหวานตาม ชีวิตต่อจากนี้ของเราจะดีขึ้นเรื่อยๆ”
สามพี่น้องหัวเราะและเดินไปรอบๆ กําแพงบ้าน ชั่วพริบตาก็เที่ยงแล้ว หน้าผากของทั้งสามมีเหงื่อซึมออกมาเล็กน้อย
หลิวชิวเซียงยิ้มและกล่าวว่า “เรากำลังวางแผนเช่นนี้ หากท่านพ่อท่านแม่รู้ ไม่รู้ว่าจะเสียดายเงินอย่างไรบ้าง!”
หลิวเต้าเซียงไม่สนใจ “เสียดายก็เสียดาย ถึงอย่างไรข้าก็้าอยู่บ้านหลังใหญ่”
“ข้าด้วยๆ” หลิวชุนเซียงมีชีวิตชีวาที่สุดกำลังดึงแขนเสื้อของพี่สาวสองคน
หลิวเต้าเซียงพูดด้วยสีหน้าไม่ไยดี “ข้าว่าเ้าไปเบียดกับพ่อแม่เถิด”
หลิวชุนเซียงยังไม่ชินกับการถูกเย้าแหย่ จึงรีบะโ “ข้าไม่เอา พี่ๆ ต่างก็มีห้องของตัวเอง ข้าจะเอาด้วย ข้าไม่อยากนอนกับพ่อแม่และยาย”
หลิวเต้าเซียงกับหลิวชิวเซียงมองหน้ากัน แล้วโล่งอกอย่างเงียบๆ
“เ้าพูดเองนะ ถึงเวลาอย่าร้องไห้เหมือนแมวล่ะ”
“พี่รอง ข้าสี่ขวบแล้ว สี่ขวบแล้วนะ!” นางไม่เหมือนน้องชายที่น่ารักไปวันๆ พอหิวก็ร้องไห้ อยากเล่นก็ร้อง ปัสสาวะก็ร้อง ร้องอย่างเดียว...
สามพี่น้องเดินวนกลับมาที่ห้องเดิมอีกครั้ง
ชุ่ยหลิวก็จากไปแล้วอย่างที่คาดไว้
“ท่านยาย ชุ่ยหลิวไปแล้วหรือ?” หลิวชิวเซียงเห็นเฉินซื่อยุ่งไม่ได้ จึงรีบพุ่งเข้าไปช่วยนางเด็ดผัก
“ไปแล้วๆ ขืนไม่ไปแล้วจะอยู่กินข้าวเปล่าๆ ที่นี่หรือ?” เฉินซื่อคิดดู ดูเหมือนว่าคนในบ้านเดิมจะไม่กินดื่มเปล่าๆ ที่นี่ มักจะแอบหยิบฉวยของไปไม่น้อย
“ไม่ใช่ว่าข้าชอบจู้จี้หรอกนะ พวกเ้าต้องใจแข็งหน่อย คนไร้ยางอายเหล่านี้ ไม่ควรตามใจ” เฉินซื่อกล่าวอีกครั้ง
ยิ่งตามใจก็จะเหยียบจมูกขึ้นหน้า
หลิวเต้าเซียงแลบลิ้นน้อยๆ แล้วเอื้อมมือไปโอบแขนของเฉินซื่อเพื่ออ้อน “ก็มีท่านยายอยู่ทั้งคนนี่นา ท่านยายคนเดียวก็สามารถแทนชายกำยำได้สิบคน ท่านยายรักพวกข้าที่สุด”
ส่วนคนในบ้านเดิมช่างน่ารำคาญยิ่งนัก แต่ก็ตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขาไม่ได้
บางครั้งก็มักจะมาหยิบเอาไข่ไก่ ไข่เป็ด พร้อมกับเก็บผักไป หรือไม่ก็เดินไปหิ้วหมูเค็มในห้องครัวบ้านนางไปอย่างเงียบๆ
หลิวซานกุ้ยและภรรยาไม่กล้าพูดออกมาเพราะว่าคนที่ทำเช่นนี้มีสถานะเป็ทั้งมารดาและแม่สามี เฉินซื่อเองก็ไม่มีจุดยืนที่พูดได้ ส่วนหลิวเต้าเซียงเป็ผู้เยาว์ ก็ยิ่งพูดไม่ได้
หากไม่ยอมให้คนเหล่านี้ วันรุ่งขึ้นก็คงเอาครอบครัวของนางไปนินทาลับหลังว่าใจแคบตระหนี่ หรือไม่ก็อกตัญญู
แม้จะไม่ทำให้สูญเสียอะไรมาก แต่ก็สร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้แก่พวกนาง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มันไม่เป็ผลดีต่อตัวหลิวซานกุ้ย
“พวกเ้าเองก็เคยเห็นมาบ้าง ต่อไปพวกเ้าจะได้เห็นมากกว่านี้ คนที่ประจบประแจงมีแต่จะเยอะขึ้น”
ใครใช้ให้นางมีบุตรสาวและบุตรเขยที่ได้เื่กัน
ฮ่องเต้เองยังมีญาติที่ยากจนเลย!
หลิวเต้าเซียงจึงไม่สนใจเื่นี้
ถือเสียว่าปีหนึ่งจ่ายเงินสิบถึงยี่สิบตำลึงเพื่อซื้อความสงบ และซื้อชื่อเสียงดีๆ ให้กับท่านพ่อ
ครอบครัวหลิวเต้าเซียงนั้นมีความสุขหัวเราะร่า ส่วนชุ่ยหลิวรอทั้งเช้าแต่ก็ไม่เห็นหลิวซานกุ้ยกลับมา
เมื่อถามเฉินซื่อจึงรู้ว่าเขาออกเดินทางไกล ต้องรอหลายวันกว่าจะกลับมา
ชุ่ยหลิวแอบเกลียดกลอุบายของหลิวเต้าเซียงที่ทำให้นางติดกับ และริษยาที่ครอบครัวหลิวซานกุ้ยนั้นมั่งคั่งรุ่งเรืองแล้วจริงๆ
แม้ว่าจะไม่ได้สร้างบ้านใหม่ แต่อาหารการกินในบ้านก็ดีขึ้นไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร
ก่อนหน้านี้นางตาแหลมมองเห็นโต๊ะในห้องครัว มีเนื้อสามชั้นที่มีเนื้อกำลังดี ในบรรดาเนื้อหมูส่วนที่หอมที่สุดก็คือส่วนนี้
นางยังเห็นเฉินซื่อเก็บต้นกระเทียมมากำใหญ่ คงเตรียมผัดหมูแล้วก็สับพริกใส่เข้าไปด้วยกัน
ชั่วขณะนั้น ชุ่ยหลิวได้แต่กลืนน้ำลาย ในใจเหมือนมีแมวหลายสิบตัวกำลังข่วนหัวใจ อดอยากปากแห้งนัก!
“เหตุใดเ้าถึงกลับมามือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น?” หลิวซุนซื่อมองด้วยหางตา นางกำลังยืนแคะเมล็ดทานตะวันอยู่ตรงหน้าประตูฉุยหัวเหมิน มีเด็กรับใช้ยืนถือจานเมล็ดทานตะวันอยู่ข้างๆ
ชุ่ยหลิวมองหลิวซุนซื่อด้วยหางตา “เกี่ยวอะไรกับเ้า?”
ชุ่ยหลิวตั้งใจจะเพิกเฉยต่อนาง จึงบิดเอวแสนอรชรและเตรียมเข้าไปหาหลิวฉีซื่อด้านใน
หลิวซุนซื่อโยนเมล็ดทานตะวันในมือลงพื้น ก่อนจะเอ่ยอย่างโมโห “หยุด มีมารยาทหรือไม่!”
ชุ่ยหลิวสวมชุดสีมรกตที่รัดรูป เผยให้เห็นสัดส่วนที่โค้งเว้า ทำให้รูปร่างสะโอดสะองนั้นเผยออกมา
หลิวซุนซื่อทนดูคนแต่งกายเช่นนี้ไม่ได้เป็ที่สุด
“เรียนฮูหยิน ฮูหยินมีอะไรรับสั่งเ้าคะ หากว่าเฒ่าฮูหยินรอนาน แล้วส่งคนมาตามหาบ่าว คงเป็การไม่ดี”
ชุ่ยหลิวคำนับนางก่อน แต่ไม่รอให้หลิวซุนซื่อบอกให้ลุกขึ้นก็ยืนหลังตรงและยิ้มน้อยๆ อยู่ตรงนั้นแล้ว
“นางแก่ไม่ตายดีจะเรียกเ้าไปทำอะไรได้ ก็แค่นางแพศยา ฮึ คงสอนวิธีอ่อยเหยื่อให้สามีคนอื่นอีกละสิ นางหน้าไม่อาย!”
“ฮู ฮู ฮูหยิน บ่าว บ่าวเพียงแค่ เพียงแค่รับคำสั่งเฒ่าฮูหยิน...ฮูหยินอย่าได้ถือโทษบ่าวเลย...”
ชุ่ยหลิวที่ยังคงหยิ่งผยอง ชั่วพริบตาก็ทำตัวอ่อนแอบอบบางราวกับถูกรังแก
หลิวซุนซื่อที่ยืนอยู่หน้าประตูฉุยหัวเหมินถึงกับเบิ่งตาโตอึ้งไป
“ซุนซื่อ ผู้หญิงป่าเถื่อน รังแกชุ่ยหลิวอีกแล้วนะ” เสียงของหลิวเหรินกุ้ยดังขึ้น
ผู้ชายมักจะชอบของใหม่ รังเกียจของเก่าไม่ใช่หรือ?
อย่างน้อยหลิวเหรินกุ้ยก็เป็เช่นนั้น!
เช่นเดียวกับผู้ชายหลายคนในโลกที่รักหญิงสาวที่งดงามและบอบบาง!
ตอนนี้ในสายตาของเขา ชุ่ยหลิวอยู่เหนือกว่าหลิวซุนซื่อที่ให้กำเนิดบุตรแก่เขาเสียอีก
หากเปรียบเปรยชุ่ยหลิวว่าเป็ดอกเฉียงเวยที่มีสีสันสดใส เช่นนั้นหลิวซุนซื่อก็คือผ้าขี้ริ้วที่ทั้งสกปรกและขาด
หากไม่ใช่เพราะหลิวจื้อไฉมีความสามารถ ไม่แน่ว่าชุ่ยหลิวที่มีหลิวฉีซื่อคอยให้ท้ายคงจัดการปลดหลิวซุนซื่อและอุ้มชูนางขึ้นแทนแล้ว
“นายท่าน อย่าโทษท่านพี่เลย นางไม่รู้ความ” ชุ่ยหลิวเอ่ย
“ถุย ใครเป็พี่เ้า ข้าไม่มีน้องสาวที่ไต่ขึ้นเตียงผู้ชายหรอกนะ” เสียงเรียกท่านพี่นั้นฟังดูแหลมทิ่มหู และทิ่มแทงเข้าไปในใจของหลิวซุนซื่อ
หลิวเหรินกุ้ยไม่อาจทนเห็นชุ่ยหลิวเศร้าใจได้ จึงหันไปตวาดหลิวซุนซื่ออย่างแรงทันที “ผู้หญิงร้ายกาจอย่างเ้า ชอบรังแกคนอ่อนแอกว่าก็ไสหัวไป ข้าแค่เห็นก็รำคาญแล้ว”
เขาเอื้อมมือออกไปโอบชุ่ยหลิวไว้ในอ้อมอก แล้วปลอบประโลมราวกับเป็ของล้ำค่า เมื่อเห็นใบหน้าที่มีอายุของหลิวซุนซื่อบึ้งตึงและมองมาด้วยสายตาเหี้ยมโหด เขาจึงเอ่ยอีกครั้งอย่างโมโห “ยังจะยืนโง่อยู่ทำไม นี่ใกล้เที่ยงแล้วยังไม่รีบไปทำกับข้าวอีก”
พูดจบก็หาได้สนใจหลิวซุนซื่อไม่ จึงเดินโอบชุ่ยหลิวไปห้องปีกตะวันออก
ไม่จำเป็ต้องพูด เพียงแค่มองด้วยตาก็รู้ว่าสองคนนี้เข้าห้องไปทำอะไร หลิวซุนซื่อมองดูเงาด้านหลังของทั้งสองแล้วถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างแรง พร้อมกับด่า “นางจิ้งจอกหน้าไม่อาย เก่งแต่ยั่วยวนสามีชาวบ้าน ถุย!”
แม้จะสวมใส่ชุดผ้าไหมหูโจวชั้นดี แต่ก็ไม่อาจปกปิดความหยาบคายของหลิวซุนซื่อได้มิด นางยังคงยืนเท้าเอวอยู่ตรงนั้นแล้วพ่นคำหยาบคายมากมายออกมา
“ท่านแม่ อย่าโกรธเลย ลูกโตแล้ว จะช่วยท่านแม่ไล่ชุ่ยหลิวออกไป รอลูกโตกว่านี้อีกจะหาเงินให้ท่านแม่ใช้ ไม่ต้องขอเงินเหม็นๆ ของท่านพ่อ”
“อื้อ เป่าเอ๋อร์ ไม่เสียแรงที่แม่รักและเอ็นดูเ้า!” หลิวซุนซื่อโอบหลิวจื้อเป่าตัวน้อยที่อายุใกล้จะแปดขวบและปาดน้ำมูกกับน้ำตา
หลังจากที่หลิวเหรินกุ้ยและชุ่ยหลิวเกลือกกลิ้งกันบนเตียงเรียบร้อย ทั้งสองก็ค่อยไปหาหลิวฉีซื่อที่เรือนหลัก
“เมื่อครู่ข้าได้ยินซุนซื่อด่ากราดอีกแล้ว ตอนนั้นข้าบอกว่าไม่สู่ขอนาง แต่เ้าดึงดันอยากได้ ครอบครัวนางทำโรงเชือดหมู โเี้นัก ไม่มีเหตุผลแล้วยังชอบตามใจ โชคดีที่ไม่ได้เลี้ยงหลานชายสองคนของเราเป็หมูไปด้วย”
หลิวฉีซื่อด่าหลิวซุนซื่อทางอ้อมว่าไร้สมอง
หลิวเหรินกุ้ยตอบรับ หากไม่มีการเปรียบเทียบก็ไม่เกิดการทำร้าย นับั้แ่มีชุ่ยหลิว เขาก็พบว่านางต่างหากที่เป็รสนิยมของเขา
“ท่านแม่ ก่อนหน้านี้ท่านสั่งให้ชุ่ยหลิวไปขอเนื้อหรือ?”
เมื่อเห็นว่าหลิวฉีซื่ออารมณ์ไม่ดี เขาจึงรีบเอ่ยต่อ “ท่านแม่ ใช่ว่าท่านไม่รู้ ชุ่ยหลิวเกิดและโตมาในจังหวัด ไฉนเลยจะเข้าใจลูกไม้ของคนชนบท เรียกให้นางไปก็เท่ากับส่งนางไปให้คนรังแก”
เดิมทีหลิวฉีซื่อกำลังจะตำหนิชุ่ยหลิวว่ายั่วยุความสัมพันธ์ของนางกับลูกชาย แต่เมื่อได้ยินหลิวเหรินกุ้ยพูดเช่นนี้ ในใจก็นึกเป็ห่วงจึงรีบถาม “เป็เช่นไร พวกนางกล้าชักสีหน้าใส่เ้าหรือ?!”
ชุ่ยหลิวคือคนที่นางส่งไป หากพวกนั้นชักสีหน้าใส่ก็เท่ากับตบหน้าหลิวฉีซื่อ
ชุ่ยหลิวอยากจะบอกว่าครอบครัวของหลิวเต้าเซียงนั้นรับมือไม่ง่าย
แต่ก็ไม่อาจตอบไปตามนี้ได้ เพราะครอบครัวนั้นมักจะใช้มีดอ่อนแทงคน แม้จะยิ้มแย้มให้ แต่ของที่ขอไปกลับไม่ได้กลับมาสักชิ้น
“ก็ไม่ใช่แบบนั้นเ้าค่ะ” ชุ่ยหลิวเอ่ย ครอบครัวนั้นเพียงแค่ไม่ชอบหน้านาง
-----
เชิงอรรถ
[1] 指甲花 จื๋อ-เจี่ย-ฮัว หรือ ดอกเทียนบ้าน คำว่า จื๋อเจี่ย แปลว่า เล็บ ฮัว แปลว่า ดอกไม้ ไม้ดอกชนิดนี้เป็ไม้ล้มลุก ลำต้นสีเขียวอ่อน อุ้มน้ำ ใบเดี่ยว ตัวกลีบดอกไม้หลากสีสันสามารถนำมาทำสีเล็บได้ จึงเรียกว่าจื๋อเจี่ยฮัว รูปประกอบ
[2] ดอกเฉียงเวย 蔷薇花 เฉียง-เวย-ฮัว คือดอกไม้ในตระกูลกุหลาบ ซึ่งเป็ที่รู้จักกันในชื่อกุหลาบญี่ปุ่น มักจะปลูกตามกำแพงผนังบ้าน ทนความหนาวได้ สามารถใช้เป็ยาสมุนไพรได้ด้วย