ฟู่ฟู่!
พ่นอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสาอย่างต่อเนื่อง ส่วนร่างของจี๋เสวี่ยและเซียวเฉินก็อยู่ภายใต้การห่อหุ้มของอัคคีเทพ
หงส์ร้องไม่ขาดสาย แสงไฟลุกท่วมนภา
หงสาลงสู่หล้า สลายไอเย็นในพริบตา
แต่จี๋เสวี่ยยังไม่ได้สติ ร่างกายเย็นเป็น้ำแข็ง แผ่ไอเย็นออกมารางๆ ดังเดิม เพียงแต่ถูกอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสาสะกดไว้อย่างหนาแน่นเท่านั้น
วิ้ง!
น้ำค้างแข็งแตกเป็เสี่ยงๆ ยามนี้อุณหภูมิร่างกายของจี๋เสวี่ยค่อยๆ ฟื้นฟู
ความคิดของเซียวเฉินขยับ เขากรีดนิ้วแล้วส่งโลหิตของตนเองเข้าปากจี๋เสวี่ย หลังจากจี๋เสวี่ยที่หมดสติอยู่ในอ้อมอกรู้สึกได้ถึงหยดโลหิตก็ดูดนิ้วของเซียวเฉินโดยสัญชาตญาณ
โลหิตของเซียวเฉินร้อนระอุดั่งน้ำแห่งชีวิตที่ก่อเกิดไม่ขาดสาย หล่อเลี้ยงร่างของจี๋เสวี่ยอย่างต่อเนื่อง ทำให้ใบหน้าของนางค่อยๆ มีสีเื
ในที่สุดเซียวเฉินก็ระบายลมหายใจ
โลหิตแก่นชีวิตไหลออกมา เห็นได้ชัดว่าเซียวเฉินเหน็ดเหนื่อยสุดขีด
เซียวเฉินมองจี๋เสวี่ยที่นอนหลับอยู่แล้วอดยิ้มไม่ได้ “นับจากขณะนี้ไป พวกเราหายกันแล้ว” ว่าแล้ว เซียวเฉินก็เดินหมดเรี่ยวแรงออกมาจากประตูห้อง
เห็นเซียวเฉินหมดแรง มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ก็ใ
“เซียวเฉิน เ้าเป็อย่างไรบ้าง?” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์รีบประคองเซียวเฉิน สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความกังวล
เซียวเฉินส่ายศีรษะ
“ไม่เป็ไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย”
“ข้าจะส่งเ้ากลับไปพักผ่อน” มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์เอ่ย เซียวเฉินผงกศีรษะ ระหว่างทาง เซียวเฉินพิงมู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์ครึ่งหนึ่ง แต่สุดท้ายร่างกายของเขาหมดแรงหนักมากจึงหมดสติไป
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อุ้มเซียวเฉินขึ้น กลับถึงที่พักของเซียวเฉินอย่างรวดเร็ว มองสีหน้าของเซียวเฉินแล้ว มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์อดปวดใจไม่ได้
หากมิใช่เพราะตนเองให้เขาช่วยเหลือ เขาคงไม่เป็แบบนี้...
เซียวเฉิน...
เซียวเฉินราวกับจมอยู่ในจิตใต้สำนึกของตนเอง เข้าสู่การหลับใหลระดับลึก หลายวันนี้เขาสิ้นเปลืองพลังขจัดไอเย็นให้จี๋เสวี่ย ทำให้เขาใช้เรี่ยวแรงมากเกินไป
การหลับครั้งนี้ กินเวลาห้าวันเต็มๆ
ห้าวันผ่านไป เซียวเฉินค่อยๆ ได้สติ
การพักผ่อนตลอดห้าวันที่ผ่านมานั้น ทำให้เซียวเฉินฟื้นฟูเป็ดังเดิมและถึงขั้นเหนือกว่าเดิม แต่เซียวเฉินกลับรู้สึกได้ว่าบนเตียงมีอะไรนุ่มๆ อยู่ เขาก้มหน้าแล้วมองลงไป เห็นจี๋เสวี่ยนอนฟุบอยู่ข้างเตียงของตนเอง
เมื่อเซียวเฉินขยับกาย จี๋เสวี่ยก็ตื่นทันที
“ทำไมเ้าถึงมาอยู่ในที่พักข้าได้? ยึดห้องฝึกวิชาแล้ว ตอนนี้ยังมายึดห้องข้าอีกหรือ?” เซียวเฉินมองจี๋เสวี่ยที่ยังงัวเงียยิ้มๆ
จี๋เสวี่ยหน้าแดงก่ำ
“ข้า...ข้า...ขอบคุณนะ”
เซียวเฉินมองจี๋เสวี่ยแล้วอดยิ้มไม่ได้ “ขอบคุณข้า? ขอบคุณข้าทำไม”
จี๋เสวี่ยเบิกตาโต ใบหน้าเล็กๆ พองขึ้น จากนั้นเหมือนลูกโป่งลมรั่ว พูดอ้ำๆ อึ้งๆ “ขอบคุณที่เ้าสะกดไอเย็นให้ข้า และช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
เซียวเฉินกล่าว “ไม่ใช่สะกด ขจัดต่างหาก”
จี๋เสวี่ยอึ้งงัน จากนั้นเบิกตาโตแบบไม่อยากจะเชื่อ
“เ้าบอกว่าขจัดไอเย็นของข้าแล้วหรือ?”
เซียวเฉินผงกศีรษะ
จากนั้นกล่าวว่า “พูดให้ถูกคือ ข้าดูดซับไอเย็นของเ้าเข้าสู่ร่างกายของข้า ตอนนี้เ้าก็ไม่ต้องลำบากเื่คุณสมบัติร่างกายที่เย็นจัดอีกแล้ว เป็เหมือนคนปกติได้”
จี๋เสวี่ยอ้าปาก อยากจะพูด กลับเหมือนสำลักอะไรบางอย่างในลำคอ พูดไม่ออก มองใบหน้าของเซียวเฉิน ดวงตาค่อยๆ แดงก่ำ
“เ้าดูดซับไอเย็นเข้าสู่ร่างกาย แล้วเ้าจะทำอย่างไร เ้าไยมิใช่เป็เช่นข้า ไอหนาวแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายทุกเดือน เ็ปจนไม่อยากมีชีวิตอยู่” ว่าแล้ว น้ำตาก็ไหลพรั่งพรู
เซียวเฉินช่วยนางไว้แบบนี้ แต่นางกลับเคียดแค้นเขามาโดยตลอด ทุกครั้งที่นึกถึง จี๋เสวี่ยก็รู้สึกว่าตนเองน่าชังยิ่งนัก ชั่วขณะก็ร้อนใจจนร้องไห้
คราวนี้เซียวเฉินแตกตื่นลนลาน
เขารีบเอ่ยว่า “เ้าอย่าร้องไห้ ข้าไม่เป็ไรหรอก เ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าช่วยเ้าได้อย่างไร?” คำพูดของเซียวเฉิน ทำให้จี๋เสวี่ยเช็ดน้ำตาจนแห้งทันควันและมองดูเซียวเฉิน
“จริงสิ เ้ามีไฟ ไฟสามารถขจัดไอเย็นได้ ฮ่าฮ่าฮ่า” ว่าแล้วก็กลอกตาให้เซียวเฉิน “แล้วทำไมเ้าไม่บอกั้แ่แรก ทำให้ข้ากังวลไปเปล่าๆ จริงๆ เลย”
เซียวเฉินมองจี๋เสวี่ยแล้วรู้สึกว่าน่าหัวเราะ
เป็หญิงสาวที่ใสซื่อจริงๆ
หลังจี๋เสวี่ยจากไป เซียวเฉินก็เริ่มฝึกวิชาต่อ เพราะในใจเขามีความยึดติด
ความยึดติดเป็แรงผลักดันเขา
กล่าวได้ว่าเซียวเฉินฝึกวิชาเพราะความแค้น
เซียวเฉินฝึกวิชาตลอดราตรีที่เงียบงัน จนกระทั่งเช้าวันที่สอง เขาจึงหยุด
เขาเข้าสู่สถานศึกษาชางหวงมาสองเดือนแล้ว จากขั้นแรกกำเนิดหกชั้นฟ้าในตอนแรกจนเป็ขั้นตานฟ้าสามชั้นฟ้าในปัจจุบัน
จากเศษสวะในตอนต้นจนเป็อัจฉริยะในตอนนี้
ดวงตาของเซียวเฉินมีประกายเย็นเยียบ
ตระกูลเนี่ย เมื่อข้าเซียวเฉินเข้าสู่ขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้า นั่นคือเวลาที่ข้าจะกลับไปล้างอาย พวกเ้ารอก่อนเถอะ!
“เซียวเฉิน”
นอกประตูมีเสียงดังขึ้น เซียวเฉินรู้ว่ามู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยมาหาตน แต่กลับเห็นคนทั้งสองมีสีหน้าไม่น่ามองจึงก้าวไปถาม “เกิดเื่อะไรขึ้น?”
มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์กล่าว “เซียวเฉิน เ้าเกิดเื่แล้ว”
เซียวเฉินไม่เข้าใจอยู่บ้าง
“ข้าเกิดเื่อะไร?”
“่ก่อนเ้าบอกว่าใครมีความสามารถก็มาท้าสู้เ้าเพื่อชิงตำแหน่งอันดับที่ยี่สิบสามบนผังชางหวงได้ ตอนนี้มีคนมาท้าสู้แล้ว”
เซียวเฉินได้ยินก็ยิ้มกล่าว “ข้านึกว่าเื่อะไรเสียอีก รับคำท้าก็สิ้นเื่ มาคนหนึ่งข้าก็อัดคนหนึ่ง”
จี๋เสวี่ยสีหน้าตึงเครียด
“แต่ครั้งนี้คือฉินเฟิง ความสามารถขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้าระดับสูงสุด พวกเราเป็ห่วงว่าเ้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
เซียวเฉินขมวดคิ้ว
“ความสามารถขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้าระดับสูงสุด? ทำไมความสามารถแบบนี้ต้องมาท้าสู้ข้าด้วย? ตำแหน่งยี่สิบอันดับแรกไม่ดีกว่าหรือ เหตุใดต้องเลือกข้า?”
“อาจเพราะเขารู้สึกว่าเ้ารังแกง่าย”
จี๋เสวี่ยพูดจาอ้ำๆ อึ้งๆ
เซียวเฉินจึงนึกขึ้นได้ว่า บนผังชางหวง ความสามารถของตนเองยังเป็ขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้าอยู่เหมือนเดิม มิน่าเล่า ฉินเฟิงคนนี้จึงเลือกตนเอง
ดูท่า ตนเองคงรังแกง่ายจริงๆ นั่นแหละ
เซียวเฉินยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะให้เขาลองดูว่าข้ารังแกง่ายหรือไม่” ว่าแล้ว เซียวเฉินก็เดินไปทันที มู่หรงเชี่ยนเอ๋อร์และจี๋เสวี่ยพากันติดตามอยู่ด้านหลังจนมาถึงเวทีประลองของสำนักใน
เห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่บนเวทีประลอง หล่อเหลากล้าหาญ คิดว่าต้องเป็ฉินเฟิงผู้นั้นแน่นอน
เซียวเฉินก้าวขึ้นเวทีประลองทันที
ฉินเฟิงมองเซียวเฉินแวบหนึ่ง
“เ้าคือเซียวเฉินสินะ”
เซียวเฉินพยักหน้า แย้มยิ้มกล่าว “ถูกต้อง ได้ยินว่าเ้าจะท้าสู้กับข้า”
“ข้าทำเพื่ออันดับบนผังชางหวง” ฉินเฟิงเอ่ยอย่างทะนงตน
เซียวเฉินยิ้ม “ความสามารถของเ้าย่างเข้าสู่ขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้า เหตุใดต้องยึดมั่นกับอันดับที่ยี่สิบสามของข้าด้วย เหนือกว่าข้าขึ้นไปยังมีความสามารถไม่เท่าเ้าเลย เหตุใดต้องท้าสู้กับข้า? หรือว่าเ้าสู้พวกเขาไม่ได้?”
ฉินเฟิงมีสีหน้าอัปลักษณ์
“ข้าจะไปท้าสู้กับพวกเขาแน่ เพียงแต่ก่อนหน้านั้น ข้าต้องเอาชนะเ้าให้ได้”
เซียวเฉินส่ายศีรษะ
“เ้าไม่มีโอกาสแล้ว เ้าจะหยุดอยู่ตรงข้านี่แหละ”
“นั่นต้องดูว่าเ้ามีความสามารถเพียงใด” กระบี่ยาวในมือของฉินเฟิงออกจากฝัก ตัวกระบี่คำรามยาวนาน เปล่งประกายเย็นเยียบ เงากระบี่เป็สายๆ ทะยานขึ้นดั่งัตระหนก
“จัดให้ดังที่เ้าปรารถนา”
เซียวเฉินเอ่ยยิ้มๆ แสงเสวียนในมือไหววูบ ต่อยหมัดออก มีเสียงปะทุเป็ระยะในอากาศ ก่อเกิดสายลมคลั่งดังหวีดหวิว ถั่งโถมไปประหนึ่งโคป่าพุ่งมาขวิด
ทุกคนที่อยู่เบื้องล่างเวทีใสุดขีด
เป็หมัดอันแกร่งกร้าวนัก!
ตูม!
หมัดของเซียวเฉินต่อยเงากระบี่จนสลาย แล้วฟาดออกหนึ่งฝ่ามือ ทะเลเพลิงม้วนตลบ พ่นอัคคีศักดิ์สิทธิ์หงสาจู่โจมไป ฉินเฟิงล่าถอยฉับพลัน กระบี่ยาวในมือส่งเสียงหวนไห้
“เ้าไม่ใช่ขั้นแรกกำเนิดเก้าชั้นฟ้าหรือ?” ฉินเฟิงถามอย่างใ
เซียวเฉินยิ้มแย้ม “ขอโทษด้วยที่ทำให้เ้าผิดหวัง หลายวันก่อนข้าเพิ่งย่างเข้าสู่ขั้นตานฟ้าสามชั้นฟ้า คราวนี้เ้าคงต้องแพ้แล้วล่ะ”