นายกองเฉินเคยพบหลิ่วจิ้งมาก่อนจึงไม่ได้ไม่คุ้นเคยกับนางจะว่าไปหลิวจิ้งก็เป็คนเสนอแผนการให้ส่งคนเข้ามาสืบหาไส้ศึกในจวนครานี้ด้วยเขารู้สึกว่าการที่หลิ่วจิ้งสามารถเล่นงานนางจ้าวโดยปราศจากร่องรอยใดๆเป็เื่ที่น่าสนใจนัก และทำให้เขาได้ทำความรู้จักหลิ่วจิ้งในมุมมองใหม่อีกด้วย
ด้วยสมองเช่นนายทหารของหั่วอี้จะมองเห็นกลอุบายในสิ่งที่นางทำได้อย่างไรแต่เขากลับไม่เหมือนกัน เขารับผิดชอบการฝึกฝนองครักษ์ลับย่อมเข้าใจจิตใจคนได้มากกว่าคนทั่วไป มีแต่หั่วอี้ผู้มีความคิดแสนหยาบกระด้างเท่านั้นที่มองไม่เห็นความลึกลับซับซ้อนที่ซ่อนอยู่ภายใน
จ้าวเฉิงและจ้าวฉวนก็เคยได้พบหลิ่วจิ้งมาแล้วครั้งหนึ่งจะว่าไปก็เป็เพราะองค์หญิงพระองค์นี้พวกเขาสองคนจึงต้องออกจากภารกิจแฝงตัวในที่มืดที่ทำมานับสิบปีและต้องมาทำงานในที่แจ้งแทนพวกเขาเองก็ไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณองค์หญิงหรือควรขุ่นเคืองที่นางมาสร้างความปั่นป่วนให้กับชีวิตที่แสนจะเป็ระบบระเบียบเกือบสิบปีของพวกเขาดี
ในบรรดาคนที่นายกองเฉินพามาทั้งหมดคนที่สนใจหลิ่วจิ้งมากที่สุดก็คือหลี่เจี๋ย เขายังจำวันนั้นได้ดี ในขณะที่ฟ้ายังคงมืดอยู่ก็มีเสียงกลองรวมพลฉุกเฉินดังมาจากลานฝึกเขาและเหล่าทหารทุกนายต้องตื่นจากฝัน ทะลึ่งพลิกตัวลงจากเตียงนึกว่ามีการศึกเร่งด่วนเสียแล้ว
แต่ไม่ว่าใครก็นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้เห็นหลังจากที่พวกเขาวิ่งมาถึงลานฝึกด้วยความเร็วสูงสุดกลับเป็ท่านแม่ทัพที่มีสีหน้าล้ำลึกเกินหยั่งจากนั้นก็สั่งให้ไปทำการฝึกหนักสิบลี้ในทันที
คืนนั้นหลังจากพวกเขาทุกคนล้วนต้องวิ่งจนขาชากลับมาถึงค่ายจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วไม่ได้เกิดเื่ใดขึ้นทั้งสิ้น ตามคำที่ท่านแม่ทัพบอกก็เป็แค่การสุ่มตรวจสอบธรรมดาๆครั้งหนึ่งเท่านั้น
เมื่อพวกทหารสู่รู้ไปสืบความมาได้ว่าการฝึกฝนนอกกำหนดของพวกเขาครานั้นล้วนเป็อานิสงส์ที่องค์หญิงในจวนแม่ทัพเป็คนนำมาให้พวกเขาเหล่าทหารทุกนายจึงเกิดความสงสัยใคร่รู้ในตัวองค์หญิงผู้นี้ขึ้นมาต่างก็อยากรู้เื่ของนางให้มากกว่านี้ ด้วยเหตุนี้เองเมื่อนายกองเฉินเลือกหาคนที่จะส่งเข้ามาในจวนแม่ทัพ เพื่อให้ได้เข้าไปอยู่ในจวนที่ว่านี้เขาจึงสู้อุตส่าห์ฝ่าฟันยอดฝีมือทั้งหลายจนเป็ม้ามืดคว้าชัยมาได้และทำเอาทหารหลายนายต้องริษยาเขาแทบตาย
หลี่เจี๋ยมองหลิ่วจิ้งด้วยความสนอกสนใจอย่างมากราวกับ้าจะมองจากใบหน้าของอีกฝ่ายให้เห็นว่านางมีที่ใดที่ต่างจากผู้คนทั่วไป
คนที่นายกองเฉินพามาครานี้รวมเขาด้วยก็มีจำนวนทั้งสิ้นห้าคนในจำนวนนี้นอกจากคนอื่นๆ ที่เป็ชายสี่คน ก็มีหยางเจวียนที่เป็สตรีเพียงหนึ่งเดียวซึ่งสายตาของนางจับจ้องแต่เพียงหั่วอี้ ผิดกับพวกผู้ชายที่ล้วนพุ่งความสนใจไปที่ตัวหลิ่วจิ้ง
พวกเขาแอบสังเกตดูหลิ่วจิ้งและหลิ่วจิ้งเองก็สังเกตดูพวกเขาเช่นกัน
คนของนายกองเฉินห้าคนชายสี่หญิงหนึ่งล้วนยืนอยู่ในท่ามาตรฐานของทหาร สองมือไพล่หลังสองเท้าแยกออกวางเสมอระดับไหล่ มีไหวพริบแต่สงวนท่าที อากัปกิริยาสง่างามหนักแน่นดั่งหินผา ทั้งยังคล่องแคล่วปราดเปรียวเตรียมพร้อมออกปฏิบัติงานได้ทุกเมื่อ ต่อให้ไม่ได้สวมชุดเครื่องแบบทหารก็ยังไม่มีคนกล้าสงสัยว่าพวกเขาไม่ใช่ทหาร
หั่วอี้มองไปทางพวกเขาก่อน แล้วค่อยหันไปพยักหน้าให้พวกของนายกองเฉินบอกกับพ่อบ้านหวังว่า“ท่านพ่อบ้านเตรียมประวัติของทุกคนในจวนเอาไว้เรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”
พ่อบ้านหวังรีบก้าวออกมา ประสานมือคำนับพลางประเคนสมุดเล่มหนึ่งให้หั่วอี้
หั่วอี้รับมาแล้วก็เพียงพลิกเปิดดูส่งเดชไปสองสามหน ก่อนส่งให้หลิ่วจิ้งที่เดินมาถึงข้างตัวเขาพอดี
“ฮูหยิน ในนี้บันทึกประวัติของทุกคนในจวนเอาไว้ระยะนี้ร่างกายของไฉ่เอ๋อร์หนักขึ้นเรื่อยๆเื่งานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าที่จะจัดในเร็ววันนี้ หากมีที่ใดขาดคนท่านก็จัดสรรคนไปใช้ได้เลย”
นางจ้าวน้อยใจเต็มประดาเมื่อได้ยินหั่วอี้สั่งไปดังนั้นนางเข้าจวนมาเป็สิบปีก็ยังไม่เคยมีสิทธิ์ได้ดูประวัติของบ่าวไพร่เล่มนี้เลยยิ่งไปกว่านั้น ก่อนหน้านี้หั่วอี้มอบหมายเื่งานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าให้นางทำแต่เพราะความเลินเล่อเพียงครั้งที่นางทำไปเมื่อครู่นี้กลับทำให้อำนาจเพียงหนึ่งเดียวที่นางสามารถเอาไปอวดอ้างได้ตกไปอยู่ในมือของหลิ่วจิ้งเสียแล้วจะไม่ให้นางแค้นเคืองได้อย่างไร
“ท่านแม่ทัพมีงานใดมอบหมายให้ข้าก็โปรดสั่งความมาเลยเ้าค่ะเมื่อมีข้าอยู่ จะต้องจัดการเื่ต่างๆ ในเรือนหลังภายในจวนเป็อย่างดีเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของท่านแม่ทัพเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งหาใช่คนชนิดเห็นคนตกบ่อน้ำกลับโยนหินใส่ [1] เพียงแต่นี่เป็เวลาที่นางจะก่อร่างสร้างบารมีเพื่อให้แผนการในภายภาคหน้าของนางบรรลุผล นาง้ากำลังหนุนจากหั่วอี้
หั่วอี้มองหลิ่วจิ้งอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปบอกกับบ่าวทุกคนในจวนถึงสาเหตุที่ต้องมารวมตัวกันในวันนี้
“คิดว่าทุกคนคงจะรู้แล้วว่ากำหนดงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว เมื่อถึงวันงานจะมีคนนอกเข้าออกจวนมากมาย เพื่อรับประกันความปลอดภัยของทุกคนในจวนข้าจึงจัดให้พวกของนายกองเฉินทั้งห้าคนเข้ามาดูแลความปลอดภัยภายในนี้”
คำพูดของหั่วอี้เหมือนการโยนก้อนหินลงในใจของทุกคนในจวนทุกคนต่างคิดว่าเหตุที่หั่วอี้จัดการอย่างจริงจังเช่นนี้จะต้องเป็เพราะว่ามีคนสำคัญยิ่งมาร่วมงานแตกต่างจากปีก่อนๆ
“นายกองเฉินก้าวออกมา” หั่วอี้ร้องเสียงดังเรียกนายกองเฉินออกมาแล้วเอ่ยกับทุกคนในจวนอีกว่า “เพื่อให้จัดสรรคนทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้นและให้ทุกคนได้ทำงานตามความถนัดต่อไปนี้จะให้นายกองเฉินและฮูหยินทำความรู้จักทุกคนโดยคร่าวๆ ครั้งหนึ่งเพื่อเตรียมจัดสรรงานให้ในภายหลัง”
พูดถึงตรงนี้หั่วอี้ก็หยุดครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อว่า “ทุกคนในจวนมีผู้ใดบ้างที่คิดว่าตนเองเหมาะจะทำงานในตำแหน่งอื่นมากกว่า ก็สามารถเสนอตัวออกมาได้เลยและอีกประการ ระยะนี้นอกจากคนในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าที่จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว หากฮูหยินคิดว่าทุกคนในแต่ละเรือนมีความจำเป็ต้องปรับเปลี่ยนก็ให้เป็ไปตามความเห็นของฮูหยินทั้งหมดห้ามมีเหตุผลใดมาคัดค้าน ผู้ที่คัดค้านไม่ทำตามก็ให้ไสหัวออกไปจากจวนแม่ทัพไม่ใช้สอยคนผู้นั้นอีกต่อไป”
หั่วอี้บอกกล่าวสิ่งที่เขา้าจะบอกออกไปอย่างหนักแน่นทีละคำ ทุกคนในจวนล้วนมีสีหน้าประหลาดใจบ้างก็ยืนนิ่งเพราะยังอยากรักษาตำแหน่งเดิมเอาไว้ บ้างก็ดีใจอยู่ในใจคล้ายเห็นโอกาสที่จะถูกนายคัดเลือกไปใช้สอย
คนของนายกองเฉินยืดตัวตรงยืนเรียงกันเหมือนกำแพงเมืองน่าเกรงขามตั้งตระหง่านตรงหน้าทุกคน หลิ่วจิ้งมองพวกเขาด้วยความชื่นชมท่าทีสุขุมเที่ยงตรงเฉียบคมเช่นนี้เห็นแล้วน่าชมนัก
จู่ๆ หลิ่วจิ้งก็นึกบางสิ่งขึ้นได้ นางรีบบอกกับหั่วอี้ด้วยสีหน้าขึงขังว่า“ท่านแม่ทัพเื่คัดเลือกคนใน่แรกนี้มอบหมายให้นายกองเฉินรับผิดชอบก่อนเถิดเ้าค่ะวันนี้ข้ายังมีเื่ต้องทำ นี่ก็ใกล้เวลาเที่ยงแล้ว”
สิ่งที่หลิ่วจิ้งนึกออกก็คือมีเทียบเชิญตั้งมากมายแต่นางเพิ่งจะส่งไปได้แค่สองใบเท่านั้นเป็ท่านอมาตย์หนึ่งใบ ส่วนอีกใบนั้นเพราะบังเอิญได้พบกับเสนาบดีจ้าวจึงมอบให้เขาไปพร้อมกัน นางคิดว่าวันนี้จะต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อรีบส่งให้เสร็จโดยเร็ว ก็จะได้เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ได้ไวขึ้นด้วยเช่นกัน
นึกไม่ถึงว่าหั่วอี้กลับเข้าใจผิด เขานึกขึ้นมาได้ว่าวานนี้ตนรับปากว่าจะพาหลิ่วจิ้งไปดูดอกหอมหมื่นลี้ สองคนคิดไปคนละเื่ แต่ยังดีที่ทั้งสองเื่ล้วนจำเป็ต้องออกไปนอกจวน
“ใช่แล้ว หากไม่ได้ฮูหยินเอ่ยเตือนสามีก็คงลืมเื่ที่รับปากกับฮูหยินวานนี้ไปเสียแล้วดีที่แหล่งชมดอกหอมหมื่นลี้อยู่ห่างจากจวนไปไม่ไกล หากนั่งรถม้าใช้เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชาก็ถึงแล้ว”
คำพูดของหั่วอี้ทำให้นางจ้าวต้องสูดหายใจลึก และหันมองหลิ่วจิ้งอย่างไม่เชื่อหู
ท่านแม่ทัพจะพาองค์หญิงไปชมดอกหอมหมื่นลี้ที่แท้แล้วองค์หญิงไม่ได้หลอกนาง องค์หญิงเคยบอกทั้งรอยยิ้มว่าเหตุที่ท่านแม่ทัพไม่มอบหมายงานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าให้ทำก็เพราะพวกเขาจะออกไปท่องเที่ยวกัน
เหตุที่ท่านแม่ทัพมอบหมายเื่งานวันเกิดฮูหยินผู้เฒ่าให้นางกลับไม่ใช่เพราะจะมอบอำนาจให้นางแต่เพื่อให้องค์หญิงมีเวลาว่างจะได้พาองค์หญิงออกไปท่องเที่ยวจริงดังว่าเสียแรงที่นางหลงเข้าใจไปเองและอวดอ้างตนไปทั่ว
นางจ้าวไม่มีหน้าจะมองทุกคนเมื่อครู่นางก็เห็นแล้วว่ามีบ่าวบางคนหันมามองนางด้วยสายตาแปลกๆนางอยากให้มีโพรงอยู่ที่พื้นจะได้มุดลงไปหลบเสียจริงๆนางอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว
_____________________________
เชิงอรรถ
[1] เห็นคนตกบ่อน้ำกลับโยนหินใส่ หมายถึง ทับถม ซ้ำเติมผู้อื่น
