เห็นซ่งมู่ไป๋มีท่าทางหงอยเหงาเศร้าซึม เซี่ยโม่ก็รู้สึกว่าช่างน่าขำเหลือเกิน ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงได้มีทักษะต้านทานการโจมตีต่ำนัก
เช่นนั้นป้อนคำหวานให้สักหน่อยก็แล้วกัน
“พี่ซ่ง พี่ฐานะดี หน้าตาก็หล่อเหลา ทั้งยังขยัน คุณตา คุณยาย กับอาจารย์ชอบพี่มาก ถ้าพวกท่านรู้ว่าพี่มาจะต้องดีใจแน่นอนค่ะ”
คนอื่นคิดอย่างไรไม่สำคัญเท่ามุมมองที่เด็กสาวมีต่อเขา ซ่งมู่ไป๋ถามพร้อมแย้มยิ้มหน้าบาน “โม่โม่ ฉันดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เด็กสาวพยักหน้า “ใช่สิคะ ฉันเองก็คิดแบบเดียวกับพวกท่าน”
ซ่งมู่ไป๋ที่ก่อนหน้ามีท่าทีเซื่องซึม เวลานี้ราวกับถูกฉีดเืไก่[1]ก็ไม่ปาน ริมฝีปากระบายรอยยิ้มกว้าง แววตาทั้งสองข้างเป็ประกาย
“โม่โม่ ฉันดีใจจัง!”
เซี่ยโม่คิดในใจ ผู้ชายคนนี้นี่ ก่อนหน้านี้ยังเป็คนเ้าเล่ห์มากแผนการอยู่เลย ตอนนี้กลับกลายเป็เด็กน้อยผู้โง่งมไปเสียแล้ว
เธอจึงยื่นคำหวานให้อีก “ฉันก็ดีใจค่ะ”
ทั้งคู่ส่งยิ้มให้กัน เื่ที่บั่นทอนความสุขทั้งหลายถูกโยนทิ้งไว้เื้ั
ผู้ใหญ่ในบ้านรับรู้การมาเยือนของซ่งมู่ไป๋อยู่แล้ว พอเห็นเด็กสองคนกำลังพูดคุยกันตรงหน้าบ้าน จึงไม่คิดเข้าไปรบกวน
คุณยายทำอาหารอยู่ในห้องครัว เมื่อเห็นว่าเสี่ยวซ่งมาที่บ้านจึงรีบทำอาหารเพิ่ม
ยังมีซอสเนื้อเหลือจากเมื่อตอนเที่ยงอยู่ เธอเลยทำกระดูกหมูตุ๋นมันฝรั่งเพิ่ม และกับข้าวอีกสองสามจาน
พอเห็นเด็กทั้งสองคนคุยกันเสร็จเรียบร้อยและกำลังเดินเข้ามาในบ้าน หญิงชราก็ทักทายอย่างเป็มิตร “เสี่ยวซ่งมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ ยายกำลังทำอาหารอยู่ อีกเดี๋ยวกินข้าวด้วยกันนะ”
เซี่ยโม่ถึงค่อยนึกอะไรออก เธอรีบพูดอย่างเอาอกเอาใจ “พี่ซ่ง คุณยายทำอาหารอร่อยมาก ตอนเที่ยงมีซอสเนื้ออยู่ ลืมบอกพี่ไปเลยว่าเมื่อเช้าแม่เสี่ยวเฮยเอาหมูป่าตัวใหญ่มาวางไว้ให้ที่หน้าบ้าน ฉันเลยจัดการทำเนื้อเค็มกับกุนเชียงไว้ เดี๋ยวฉันแบ่งให้พี่เอาไปกินนะคะ”
ซ่งมู่ไป๋ถามด้วยสีหน้าคาดไม่ถึง “เธอทำกุนเชียงเป็ด้วย?”
“ฉันทำตามที่ในหนังสือบอกน่ะค่ะ ฉันเองก็เพิ่งเคยทำเป็ครั้งแรกเหมือนกัน ถ้าไม่อร่อยก็อย่าถือสานะคะ” เซี่ยโม่อธิบาย
เด็กสาวออกจะมีฝีมือด้านการทำอาหาร จะทำอะไรก็ล้วนแล้วแต่รสชาติดี ซ่งมู่ไป๋เอ่ยอย่างเชื่อมั่นในฝีมือ “ฉันเชื่อมือเธออยู่แล้ว”
เซี่ยโม่ยิ้มกว้างอย่างอารมณ์ดี ความรู้สึกที่มีคนเชื่อใจนี่ดีจริงๆ
ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน คุณตาถามขึ้นด้วยความเป็ห่วง “เสี่ยวซ่ง ทำไมวันนี้ถึงมีเวลามาที่นี่ได้ เธอเลือกวันมาได้ดีจริงๆ ไม่เพียงมีเนื้อให้กิน ยังมีเหล้าให้ดื่มด้วย”
ตอนเที่ยงคุณปู่จ้าวกลับบ้านแล้วนำสุราที่กินเหลือเมื่อคืนอีกครึ่งขวดมา คุณปู่จ้าวกับคุณตาปรึกษากันว่า ค่อยดื่มตอนเย็นหลังจากทำงานเสร็จ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเสี่ยวซ่งจะแวะมาที่บ้าน
ซ่งมู่ไป๋กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ผมนี่โชคดีจริงๆ”
“พอดีวันนี้ผมหยุด ก็เลยมาดูว่าที่บ้านมีฟืนพอใช้ไหม ถ้าไม่พอผมจะได้ขึ้นเขาไปตัดให้ แต่ได้ยินโม่โม่บอกว่าไม่ต้องตัดมาเพิ่มแล้ว พวกเราก็เลยยืนคุยกันอยู่หน้าบ้านสักพักใหญ่” เขาไม่้าให้ทุกคนทราบเื่เกาหม่านเยวี่ยจึงอ้างออกไปแบบนั้น
ประโยคเมื่อครู่ไม่เพียงอธิบายให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนฟัง หากยังแฝงความประจบเอาใจอีกด้วย
“เสี่ยวซ่งนี่มีน้ำใจจริงๆ ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้หยุดงาน แต่ยังอุตส่าห์คิดถึงพวกเราอีก” คุณตายิ้มพลางกล่าวอย่างซาบซึ้ง
คุณปู่จ้าวเอ่ยชมออกมาเช่นกัน “นั่นสิ เป็เด็กที่เอาใจใส่ดีจริงๆ”
เซี่ยโม่มองชายหนุ่มที่กำลังพูดประจบผู้ใหญ่ทั้งสามคน ถึงว่าทำไมคุณตา คุณยาย กับอาจารย์ถึงได้ชื่นชอบนัก เพราะอีกฝ่ายเข้าใจพูดนี่เอง
ตอนรู้จักกันใหม่ๆ ชายหนุ่มเป็คนจิตใจดี มีน้ำใจ และมีนิสัยผ่าเผยสมชายชาตรี ตอนนี้ถึงค่อยกระจ่างว่าอีกฝ่ายเ้าเล่ห์มากแผนการขนาดไหน
ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีไหวพริบละก็คงรู้ไม่เท่าทัน หากเป็คนอื่นเจอแบบเดียวกันต้องตกหลุมพรางของอีกฝ่ายแน่นอน
เธอตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้จะระมัดระวังให้ดี จะไม่มีวันตกหลุมพรางของอีกฝ่ายง่ายๆ อย่างเด็ดขาด
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสุข คุณตา เหล่าจ้าว และซ่งมู่ไป๋ชนแก้วกันไม่หยุด
เวลาผ่านไปราวชั่วโมงกว่า หลังจากกินดื่มจนหนำใจ เสียงเคาะประตูบ้านก็ดังขึ้น
ระหว่างตุ๋นกระดูกหมู ทุกคนในบ้านกลัวว่ากลิ่นอาหารจะลอยออกไปจึงระมัดระวังเป็พิเศษ ตอนกินข้าวจึงใส่กลอนและปิดประตูให้มิดชิด
ทันทีที่ได้ยินเสียงเคาะประตู เซี่ยโม่รีบนำน้ำแกงกระดูกหมูไปเก็บทันที จะได้ไม่ถูกใครเห็นเข้า
พอคุณตาเห็นว่าหลานสาวเก็บของเรียบร้อยถึงค่อยเดินไปเปิดประตู
ทุกคนทราบดีว่าการป้องกันไม่ให้กลิ่นหอมลอยออกไปนั้นเป็เื่ที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ขอแค่ไม่เจอหลักฐานก็จะไม่มีใครมาเอาผิดได้
เมื่อบานประตูเปิดออก ทุกคนมองออกไปยังทิศทางเดียวกัน คุณป้าของซ่งมู่ไป๋ยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าพร้อมเอาเื่
เซี่ยโม่จำได้ว่าผู้มาเยือนคือใคร ว่าแต่เหตุใดวันนี้อีกฝ่ายถึงมาที่นี่ได้
หวางอิ๋งอิ๋งเดินเข้าไปในบ้าน ปลายเท้าหยุดยืนตรงหน้าเซี่ยโม่ ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเ็า “ที่ฉันมาที่นี่เพราะจะมาหาเธอ ทำไมวันนี้เธอถึงยุยงให้ลูกฉันไปหาพี่ชายเขาที่ทำงาน”
ผู้ใหญ่ในบ้านทั้งสามคนมีสีหน้าใ ไม่มีใครตั้งตัวกับเหตุการณ์ได้ทัน
เซี่ยโม่รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะมาเอาผิดเธอ
เธอตกตะลึงในใจ ถ้าคุณตา คุณยาย กับอาจารย์รู้ว่าวันนี้เธอทำเื่สุดโง่เขลาลงไป มีหวังได้ถูกสั่งสอนยกใหญ่แน่
“คุณป้าคะ พวกเราออกไปคุยกันข้างนอกดีไหมคะ” เธอพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ่เวลาแบบนี้ต้องตั้งสติให้ดี
เวลานี้หวางอิ๋งอิ๋งกำลังถูกโทสะเข้าครอบงำ ลูกสาวที่เธอทะนุถนอมมาั้แ่เล็กถูกเด็กสาวคนหนึ่งเล่นงาน ไหนเลยจะมีอารมณ์ถ้อยทีถ้อยอาศัยได้อีก
“ฉันไม่ออกไปไหนทั้งนั้น ฉันจะให้ผู้ปกครองเธอฟังว่าหลานสาวของตัวเองมีพฤติกรรมยังไง” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
คุณยายที่เพิ่งได้สติกลับมา พอได้ยินประโยคนี้ก็โต้กลับด้วยความไม่พอใจ “พูดอะไรของคุณ หลานสาวฉันเป็คนมีหัวคิด ไม่มีทางทำเื่ไม่ดีแน่นอน”
ครั้นยังฟังไม่ทันได้ศัพท์เลยว่า หลานสาวไปก่อเื่อะไรมาคุณยายก็พูดปกป้องแล้ว คุณตาจึงยื่นมือไปดึงแขนคู่ชีวิตให้มาหลบด้านหลังตัวเองก่อนจะเอ่ยถาม “หลานสาวผมไปทำอะไรคุณ คุณถึงได้มาเอาเื่ถึงบ้านแบบนี้”
เซี่ยโม่พยายามขบคิดพร้อมส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปให้พี่ซ่ง
หากบอกออกไปตามตรงว่าตัวเองเป็คนพูดยุยงบุตรสาวของอีกฝ่าย หญิงวัยกลางคนผู้นี้ต้องโกรธเธอยิ่งกว่าเดิมแน่ แต่ถ้าเลือกที่จะไม่พูดความจริง แล้วเธอจะแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างไรดี
ซ่งมู่ไป๋มองเด็กสาวที่ก่อนหน้านี้ทำตัวเป็แมวดุกางกรงเล็บขู่ฟ่อๆ ตอนนี้กลับกลายร่างเป็หนูขี้กลัวเสียอย่างนั้น
แต่ไม่ว่าอย่างไรเด็กสาวของเขา เขาก็ต้องออกโรงปกป้อง
ซ่งมู่ไป๋มองคุณป้าด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะพูดเสียงแข็ง “คุณป้าครับ ผมกับคุณป้าเป็ญาติกัน แต่คนในบ้านนี้ไม่ได้เป็อะไรกับคุณป้า ตอนแรกผมก็ว่าจะไม่พูด แต่ในเมื่อคุณป้าบุกมาถึงที่นี่ งั้นผมคงไม่พูดไม่ได้แล้ว”
หวางอิ๋งอิ๋งนิ่งไปครู่หนึ่ง หลานชายเธอหมายความว่าอย่างไร?
ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธไม่หาย “เธอจะพูดอะไร ก็นังเด็กนี่ปากไม่ดี ป้าช่วยสั่งสอนจะเป็อะไรไป”
“หม่านเยวี่ยถูกเพื่อนยุให้ไปอาละวาดใส่โม่โม่ บอกว่าโม่โม่ยึดเอาผมไปคนเดียวไม่ยอมให้ผมไปหาเธอ โม่โม่เลยพูดว่าไม่ใช่ ถ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามผมดู เธอถึงบุกไปหาผม นิสัยของหม่านเยวี่ยเป็ยังไงคุณป้าก็รู้ดี เหตุการณ์ต่อมาคุณป้าก็คงเดาได้อยู่แล้ว” ซ่งมู่ไป๋อธิบาย
เซี่ยโม่ได้ฟังก็ปรบมืออย่างชอบใจในใจ พี่ซ่งพูดได้ดีมาก ไม่เพียงแค่แก้ต่างให้ แต่ยังบอกเป็นัยอีกว่าเกาหม่านเยวี่ยมีนิสัยไม่ดี จงใจปิดบังเื่ที่ตัวเองขี่จักรยานไปส่งเกาหม่านเยวี่ยที่บ้าน แถมยังกล่าวโทษเหมือนคุณป้าเป็ฝ่ายมาหาเื่เธอถึงในบ้าน
พี่ซ่งเ้าแผนการอย่างยิ่ง เป็ตัวร้ายอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้
หวางอิ๋งอิ๋งมองซ่งมู่ไป๋พร้อมกับถามย้ำเพื่อให้แน่ใจ “เื่มันเป็แบบนี้จริงๆ เหรอ”
ซ่งมู่ไป๋เอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ถ้าไม่เชื่อจะไปถามหม่านเยวี่ยให้รู้เื่เดี๋ยวนี้เลยก็ได้นะครับ คุณป้าจะได้หายสงสัย”
อย่างไรเสียเด็กนั่นก็หลอกง่าย แค่พูดวกวนอ้อมไปอ้อมมาให้งุนงงสักหน่อย แค่นี้ก็ใช้ได้แล้ว
หวางอิ๋งอิ๋งทำท่าครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนจะหันไปพูดเสียงแข็งกับเซี่ยโม่ด้วยเจตนาสั่งสอน “ไม่ต้องหรอก ต่อไปเธอจะพูดอะไรก็ระวังหน่อยแล้วกัน ฉันกลับก่อนละ”
---------------------------
[1] ถูกฉีดเืไก่ หมายถึง ตื่นเต้น คึกคัก
