ใบหน้าของโม่ฮว่าเหวินตื่นตะลึงตามคาดหมาย เผยแววคลางแคลง ขบคิดชั่วครู่ก็เอ่ยถาม “เมื่อไม่มีใครเห็นหน้าิ่เอ๋อร์ แล้วเหตุใดทุกคนจึงรู้ว่าซือหม่าหลิงอวิ๋นอุ้มิ่เอ๋อร์เล่า”
ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนกล่าวกว่าคนผู้นั้นคือิ่เอ๋อร์
“สถานการณ์ในตอนนั้นชุลมุนวุ่นวาย เพราะข้าอนุภรรยาถูกกักบริเวณอยู่ออกไปไม่ได้ แต่ได้ยินคนพูดว่าตอนที่ซื่อจื่ออุ้มคนออกมาทุกคนต่างเรียกคุณหนูสาม และเข้าใจว่าเป็นาง ในห้องบูชาบรรพชนมีคุณหนูสามอยู่คนเดียว คนที่ช่วยออกมาจากห้องบูชาบรรพชนหากไม่ใช่คุณหนูสามแล้วจะเป็ใครได้ แต่ตอนนั้นคุณหนูสามกลับเดินออกมาจากห้องที่อยู่ด้านข้าง ทุกคนจึงพบว่าคนที่ซื่อจื่ออุ้มออกมาไม่ใช่นาง ไม่รู้ว่าใครเอ่ยชื่อออกมาว่าเป็คุณหนูใหญ่ หลังจากนั้นทุกคนจึงรู้ว่าเป็ิ่เอ๋อร์ โถ... ิ่เอ๋อร์ผู้น่าสงสาร มีจิตใจดีแท้ๆ คิดถึงความเป็พี่น้องนำอาหารไปส่งให้คุณหนูสาม กลับต้องกลายเป็ผู้เคราะห์ร้าย แล้วนางจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไรเล่า...”
ฟางอี๋เหนียงรำพึงรำพันด้วยความเสียใจ น้ำตาไหลไม่หยุด หยิบผ้าแพรขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้กระซิก
ชั่วขณะนั้นโม่ฮว่าเหวินครุ่นคิดสงวนวาจา
เื่นี้หากพูดไป ิ่เอ๋อร์ก็เป็ผู้รับเคราะห์จริงๆ หากไม่เพราะนางมีจิตใจที่หวังดีก็คงไม่ต้องเจอกับเื่แบบนี้ คนที่โม่ฮว่าเหวินขุ่นเคืองที่สุดคือซือหม่าหลิงอวิ๋น เมื่อก่อนเห็นเ้าหนุ่มคนนี้ท่าทางสุภาพเรียบร้อยมีมารยาท ไฉนเมื่อเกิดเื่ขึ้นจึงไม่มีความรับผิดชอบเยี่ยงลูกผู้ชาย
แม้ว่าฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวจะกล่าวเช่นนั้น แต่แค่เขาใช้เหตุผลเข้าสู้ ิ่เอ๋อร์ก็ไม่ต้องตกเป็ที่ครหานินทาของผู้คนเยี่ยงนี้ บัดนี้นับว่าเขาเข้าใจเื่ราวอย่างชัดเจนแล้ว ข่าวลือที่แพร่ออกไปทั่วเมืองล้วนมีแต่คำไม่น่าฟัง บุตรสาวของตนเองทั้งคนถูกผู้อื่นนำไปพูดเสียๆ หายๆ แล้วจะไม่ให้เขาโกรธจนหน้ามืดได้อย่างไร
รู้สึกเพียงว่าบุตรสาวคนโตผู้อ่อนโยนและเก่งกล้าสามารถของตนเอง ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วยน้ำมือของซือหม่าหลิงอวิ๋น
“นายท่าน ฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวบอกว่าสถานะของิ่เอ๋อร์ไม่สูงส่งพอ เป็ได้แค่อนุภรรยา” คำกล่าวที่ตามออกมาประโยคนี้ของฟางอี๋เหนียงดั่งน้ำมันที่ราดไปบนกองไฟ โม่ฮว่าเหวินเดือดดาลถึงขีดสุด เป้าหมายที่แท้จริงของจวนเจิ้นกั๋วโหวก็คือคิดจะแต่งถงเอ๋อร์ สองพี่น้องคนหนึ่งเป็บ้านเอก อีกคนเป็บ้านรอง คิดว่าตนเองสูงส่งล้ำค่านักหรืออย่างไร
“ิ่เอ๋อร์จะแต่งเป็อนุภรรยาให้จวนเจิ้นกั๋วโหวไม่ได้เด็ดขาด” โม่ฮว่าเหวินลั่นวาจาด้วยอารมณ์เดือดพล่าน เส้นเืที่ขมับโป่งนูนออกมาให้เห็น หากให้ิ่เอ๋อร์เป็อนุ ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อฐานะขุนนางของตนเอง ต่อไปแม้เฟิงเอ๋อร์เข้ารับราชการก็จะถูกผู้อื่นดูแคลนไปด้วย เื่นี้เพียงเื่เดียวก็มากพอจะทำให้เฟิงเอ๋อร์ไม่อาจมองหน้าใครได้ชั่วชีวิต
“แต่ว่า... หากไม่ทำเช่นนี้แล้ว จะจัดการอย่างไรเล่า” ฟางอี๋เหนียงเงยหน้าขึ้นมองโม่ฮว่าเหวินด้วยแววตาน่าสงสาร ขอบตาแดงก่ำคลอไปด้วยหยาดน้ำตาชวนให้คนรู้สึกะเืใจ โชคร้ายมาถึงตัว มืดแปดด้านไม่เห็นทางออกว่าควรจัดการอย่างไร แม้จะยังเห็นครรภ์ไม่ชัด แต่ก็วางมือประคองหน้าท้อง ลุกขึ้นยืนเงยหน้าขึ้นมองเขา
ท่าทางอ่อนแอไร้ที่พึ่งเยี่ยงนี้ทำให้บุรุษหวั่นไหวได้มากที่สุด สายตาของโม่ฮว่าเหวินที่มองนางอบอุ่นอ่อนโยนขึ้นตามคาดหมาย ยื่นมือเข้ามาโอบประคองให้นางนั่งลงด้านข้าง กล่าวปลอบประโลม “เื่นี้ข้าจะตัดสินใจเอง เ้าไม่ต้องร้อนใจ ไม่ว่าอย่างไรจะให้จวนเจิ้นกั๋วโหวเอาเปรียบิ่เอ๋อร์ไม่ได้เด็ดขาด ิ่เอ๋อร์มีพร้อมทั้งรูปโฉมและความสามารถ คู่ควรกับบุรุษที่ดีงาม ซือหม่าหลิงอวิ๋นต่างหากที่ไม่คู่ควรกับิ่เอ๋อร์ของพวกเรา”
คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงการปกป้องของโม่ฮว่าเหวินทำให้ฟางอี๋เหนียงรู้สึกดีใจจนเกือบหลุดจากภาพลักษณ์นุ่มนวลอ่อนโยน ดีที่นางไหวตัวเร็ว จึงรีบรั้งมือของโม่ฮว่าเหวินให้นั่งลง ทั้งสองคุยกันอีกครูหนึ่ง โม่ฮว่าเหวินกำชับให้นางดูแลตนเองให้ดี และรับปากว่าเขาจะจัดการเื่ของโม่เสวี่ยิ่เอง
สถานที่ที่โม่ฮว่าเหวินไปหลังจากนั้นก็คือเรือนฝูฉิงของโม่เสวี่ยิ่ พอไปถึงเห็นประตูเรือนปิดสนิท หน้าประตูมีเพียงบ่าวหญิงสูงอายุเฝ้าอยู่หนึ่งคน เมื่อเห็นโม่ฮว่าเหวินก็รีบเข้ามาคารวะทักทายด้วยความนอบน้อม พอเขาถามถึงโม่เสวี่ยิ่ บ่าวหญิงก็ตอบว่านางไปคุกเข่าที่ห้องบูชาบรรพชนั้แ่เช้า ยามนี้ยังไม่กลับมา
คิดถึงบุตรสาวของตนเองถูกผู้อื่นทำลายชื่อเสียง ไม่พร่ำตำหนิผู้ใด แต่กลับโทษว่าเป็ความผิดของตนเอง บัดนี้ยังไปคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าบรรพชน ไหนเลยโม่ฮว่าเหวินจะคิดเป็อย่างอื่นได้ รู้สึกว่าบุตรสาวของตนทั้งรู้ความและเฉลียวฉลาดขนาดนี้ จะให้นางทนกล้ำกลืนความไม่ยุติธรรมไม่ได้เด็ดขาด จึงรีบสาวเท้าไปทางห้องบูชาบรรพชนอย่างรวดเร็ว
ยิ่งตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจให้โม่เสวี่ยิ่แต่งเป็อนุภรรยาของซือหม่าหลิงอวิ๋น
โม่ฮว่าเหวินวางแผนการอยู่เงียบๆ หากยามนั้นไม่มีใครเห็นว่าเป็ิ่เอ๋อร์ ก็แค่หาคนมารับแทนซึ่งก็คือ ฉงเอ๋อร์... พลันนึกถึงที่ฟางอี๋เหนียงกล่าวว่าฉงเอ๋อร์มีใจให้ซือหม่าหลิงอวิ๋น โม่ฮว่าเหวินคิ้วขมวดเล็กน้อย ความคิดหนึ่งวาบผ่านเข้ามาในหัวใจโดยไม่รู้ตัว
…
ในเรือนชิงเวย
ท่านหมอกลับไปแล้ว โม่หลันนำเทียบยาส่งให้โม่เสวี่ยถง “คุณหนูเ้าคะ ท่านหมอเพียงแค่เขียนเทียบยานี้ไว้ให้ เื่อื่นๆ มิได้เอ่ยถึงเลย บอกแต่ว่าคุณหนูอ่อนแอเพราะได้รับการประคบประหงมเกินไป ให้ดูแลบำรุงตามปรกติ แต่ไม่ควรโมโหหงุดหงิดเ้าค่ะ”
ไม่ให้โมโหหงุดหงิดหรือ เฮอะ!
โม่เสวี่ยถงรับเทียบยาที่โม่หลันส่งให้ หลังจากกลับมาเกิดใหม่ นางก็ให้ความสำคัญกับเื่ยาและสมุนไพรมาโดยตลอด นางไม่ยอมให้ตนเองต้องเหยียบซ้ำรอยเก่า ที่หลงคิดว่ายาพิษที่ผู้อื่นมอบให้เป็ยาดีช่วยชีวิตอีกต่อไป อีกทั้งสาเหตุการตายของมารดาหากพิจารณาตามความหมายของโม่เสวี่ยิ่ ผู้ลงมือย่อมเป็ฟางอี๋เหนียง
ท่านแม่เป็นายหญิงแห่งจวนโม่ หากฟางอี๋เหนียงคิดจะลงมือก็ต้องลอบดำเนินการอยู่ลับๆ แล้วยาพิษที่ใช้จะแสดงออกมาให้เห็นง่ายๆ ได้อย่างไร เมื่อไร้มารดาแล้ว เห็นพวกนางสองแม่ลูกใช้ชีวิตอย่างมีความสุขทีไร ก็รู้สึกเ็ปหัวใจ สตรีที่ร่างกายอ่อนแอ ล้มหมอนนอนเสื่อเจ็บกระเสาะกระแสะ ใครๆ ก็ นึกว่าเป็โรคเก่ารักษาไม่หาย แต่หารู้ไม่ว่าถูกผู้อื่นวางยาพิษ
แค้นนี้ฝั่งแน่นในหัวใจ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ต้องให้สองแม่ลูกจมอยู่ใต้ฝ่าเท้าของตนเองให้ได้
ทำกรรมใดไว้ย่อมได้รับผลตอบสนอง ไม่ใช่ไม่ต้องชดใช้ เพียงแค่... ยังไม่ถึงเวลา
ฟางอี๋เหนียงสองแม่ลูก นางไม่มีวันปล่อยไปเด็ดขาด!
“คุณหนู มีสิ่งใดไม่ถูกต้องหรือไม่” โม่หลันเห็นนางจ้องเทียบยาแล้วเงียบไป ก็นึกว่ามีปัญหา
“เทียบยาไม่มีปัญหาอะไรหรอก ไปหาสมุนไพรมาเถอะ” โม่เสวี่ยถงส่งเทียบยาคืนให้โม่หลัน ยกมือขึ้นเก็บลูกผมเล็กๆ ที่หลุดลงมาจากหน้าผากทัดหูไว้ เทียบยานี้นางดูเพียงครู่เดียว หากง่ายดายขนาดนั้นก็คงถูกคนจับพิรุธได้ ฟางอี๋เหนียงไม่มีทางแสร้งแสดงความเมตตาด้วยการให้คนมาตรวจอาการเจ็บป่วยให้นางเฉยๆ แน่
จำเป็ต้องทำให้ตนเองป่วยโดยไม่แสดงอาการให้เห็นเด่นชัด จึงจะไม่พบความผิดปรกติ ผ่านประสบการณ์ก่อนหน้านี้ไปสองครั้ง ฟางอี๋เหนียงปรับแผนตามการชี้นำของโม่เสวี่ยิ่ได้ฉลาดรัดกุมขึ้น เ้าเล่ห์ร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม หากไม่มีปัญหาที่เทียบยา หรือว่าจะเป็... ระหว่างต้มยา? แต่ปรกติคนที่ต้มยาให้ก็มีแต่สาวใช้คนสนิทที่เชื่อใจได้ ฟางอี๋เหนียงจะสบช่องหาโอกาสลงมือได้อย่างไร
หากฟางอี๋เหนียงไม่คิดลงมือ แล้วเหตุใดต้องแสร้งเป็คนดีให้หมอมาตรวจชีพจรให้นางด้วย ครรภ์นี้ของนางก็อายุสองเดือนแล้ว อ้างว่าเพราะกำลังกลัดกลุ้มจึงมิได้สังเกต ไม่ว่าบิดาจะเชื่อหรือไม่ แต่นางไม่เชื่อ ฟางอี๋เหนียงมีลูกมาแล้วสองคน คนฉลาดอย่างนางจะผิดพลาดในเื่เล็กน้อยเช่นนี้ได้อย่างไร นึกว่าผู้อื่นโง่งมกันหมดหรือ
ที่ฟางอี๋เหนียงออกมาบอกว่าตั้งครรภ์ยามนี้ แท้จริงแล้วเพราะเป็เวลาที่เหมาะสมต่างหากเล่า หากไปบอกยามที่ท่านพ่อกำลังชังน้ำหน้าก็ไม่มีประโยชน์ หรือหากบอกช้ากว่านี้ ถ้าท่านพ่อเลื่อนตำแหน่งแล้วมีงานราชการรัดตัว ก็อาจไม่มีอารมณ์ยินดีทำให้ไม่ได้ผลเช่นกัน ต้องเป็เวลาที่เพิ่งได้เลื่อนขึ้นใหม่ๆ จึงเป็โอกาสเหมาะสมที่สุด หนึ่งเพื่อให้มีเื่มงคลเข้าบ้านพร้อมกันทีเดียวสองเื่ ถือเป็มงคลคู่ สองเพื่อให้ผู้คนบอกต่อกันออกไปว่าเด็กคนนี้มีบุญบารมี พอตั้งครรภ์บิดาก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็ขุนนางขั้นสาม หนทางภายหน้าย่อมไร้อุปสรรค
หรือว่า... อาจมีสาเหตุมาจากโม่เสวี่ยิ่ก็เป็ได้
แต่ฟางอี๋เหนียง... ไม่! โม่เสวี่ยิ่รู้ได้อย่างไรว่าท่านพ่อจะได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็ขุนนางขั้นสาม แม้ว่าชาติที่แล้วโม่เสวี่ยถงจะรู้ว่าโม่ฮว่าเหวินได้เลื่อนตำแหน่ง แต่ก็ไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด แล้วเหตุใดโม่เสวี่ยิ่ซึ่งเป็สตรีอยู่แต่ในเหย้าเรือนจึงรู้ความลับของราชสำนักได้เล่า?
นิ้วมือของนางหดเข้ามากำแน่นโดยไม่รู้ตัว หัวใจคล้ายถูกกระชากอย่างรุนแรง
ความรู้สึกสงสัยเอ่อท้นเข้ามาในความคิดของโม่เสวี่ยถง ชั่วขณะนั้นรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก หัวคิ้วมุ่นเข้าหากันทีละน้อย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดฉินอวี้เฟิงจึงปรากฏขึ้นในมโนภาพ ฉินอวี้เฟิงผู้มีแผนการล้ำเลิศ ชาติก่อนเขายืนอยู่ข้างโม่เสวี่ยิ่ ชาตินี้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนกลับมิได้สนิทสนมกันมากเท่าใด ยังไม่อาจเทียบกับซือหม่าหลิงอวิ๋นได้ด้วยซ้ำ
เขามีบทบาทอย่างไรในเื่นี้หนอ...
เมื่อคิดถึงฉินอวี้เฟิง ก็นึกถึงวันหิมะตกที่นางพบกับเขาโดยบังเอิญ ภาพวาดล้ำค่าแบบนั้น เห็นอยู่ชัดๆ ว่ายังอาลัยรักอย่างยิ่ง แต่เพราะรอยด่างเล็กๆ ถึงกับ้าทำลายมันทิ้ง เมื่อไม่อาจความสมบูรณ์แบบ ก็สามารถตัดใจทำลายได้อย่างไม่นึกเสียดาย
คนแบบนี้ ชาติที่แล้วจะยืนมองโม่เสวี่ยิ่แต่งให้ผู้อื่น โดยที่ตนเองคอยเฝ้าดูอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ ได้อย่างนั้นหรือ เป็ไปไม่ได้ ไม่สมเหตุสมผล เขาซ่อนเป้าหมายใดไว้กันแน่ หรือว่าสิ่งเหล่านี้เป็เพียงเปลือกนอก เขามีเป้าหมายอื่นกับสกุลโม่?
หากเป็เื่จริง นางพลาดเื่สำคัญอะไรไปในชาติที่แล้ว?
แท้จริงแล้วอะไรคือสาเหตุแห่งโศกนาฏกรรมยิ่งใหญ่ในชีวิตของนางเมื่อชาติภพก่อน นางตายมาแล้วหนหนึ่งก็ยังไม่ทราบสาเหตุ หากหาเหตุผลที่แท้จริงไม่ได้ นางก็อาจต้องพบกับโศกนาฏกรรมซ้ำรอยบนเส้นทางเดิมอีกหนกระนั้นหรือ
ความหนาวเหน็บแล่นพล่านเข้าไปถึงกระดูก ความสิ้นหวังรุนแรงทำให้นางหดหู่ทดท้อใจ สูญสิ้นจิติญญา มองไม่เห็นหนทาง...
ทั้งหวาดหวั่น ตื่นตระหนก งุนงงและตกตะลึง
หากแม้แต่สาเหตุการตายที่แท้จริงในชาติที่แล้วตนเองยังไม่รู้ แล้วจะเอาอะไรไปสู้ ไปแย่งชิง จะป้องกันตนเองและปกป้องคนที่รักได้อย่างไร นี่มันเื่ตลกร้ายชัดๆ หรือว่าการกลับมาเกิดใหม่ของนางเป็เพียงเื่ขำขันที่์บันดาลขึ้น ความสิ้นหวังอัดแน่นล้นทะลักขึ้นมา รู้สึกถึงกลิ่นคาวจุกอยู่ในลำคอ มือที่ถือผ้าเช็ดหน้าอยู่แข็งเกร็งขยับไม่ได้ ขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัวก็กระอักโลหิตพ่นออกมา เบื้องหน้าสายตากลายเป็ความดำมืด ความรู้สึกถูกฉุดให้จมลึก ดิ่งลงสู้ความโศกศัลย์และสิ้นหวัง
ตอนนี้นางจะตายแล้วหรือ แบบนี้ก็ดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานก่อนสิ้นใจ หากมาเกิดใหม่แล้วยังต้องเจอเื่แบบนี้ซ้ำอีก นางขอลาโลกไปแบบนี้เสียดีกว่า ยอมดำดิ่งอยู่ในความมืดมนอนธการตลอดไป
ใบหน้าเล็กจ้อยขาวซีด หลับตาแน่น เหงื่อไหลหยดลงมาที่หางตา
...
ระหว่างที่โม่ฮว่าเหวินกำลังเดินไปที่ห้องบูชาบรรพชนก็ถูกตามตัวกลับไป ทันทีที่ได้ยินว่าโม่เสวี่ยถงกระอักเืหมดสติ ไหนเลยโม่ฮว่าเหวินจะยังนึกถึงโม่เสวี่ยิ่อีก รีบพาคนไปยังเรือนชิงเวยด้วยความร้อนใจ
ทันทีที่โม่เสวี่ยิ่รู้ข่าวว่าโม่ฮว่าเหวินไปที่เรือนชิงเวย ก็โกรธจัดขว้างปาจานขนมสองสามอย่างบนโต๊ะบูชาจนแตกละเอียด
“คุณหนู อย่าโมโหไปเลยเ้าค่ะ ครั้งนี้ไม่มีโอกาสก็ยังมีครั้งหน้า นายท่านย่อมรู้สึกผิดต่อคุณหนูแน่ ยามนี้ฟางอี๋เหนียงตั้งครรภ์ นายท่านแม้ไม่เห็นแก่ท่านก็ต้องคิดถึงนายน้อยกับฟางอี๋เหนียงและบุตรในครรภ์ เื่ตั้งฟางอี๋เหนียงขึ้นเป็ภรรยาเอกย่อมไม่มีปัญหาแน่นอน” โม่ซิ่วเข้าไปเก็บกวาดจานขนมที่ตกแตกอยู่ที่พื้น พลางเกลี้ยกล่อมอย่างกล้าๆ กลัวๆ
หลังจากที่นางเห็นโม่เสวี่ยิ่ะเิโทสะในวันนั้นแล้ว ก็จะระวังตัวในยามที่พูดคุยกับนางเสมอ
“โอกาส โอกาสแบบนี้หาง่ายนักหรือ ข้าอุตส่าห์ให้ฟางอี๋เหนียงฉวยโอกาสนี้บอกข่าวตั้งครรภ์ และให้ช่วยอธิบายว่าวันนั้นข้าได้รับความไม่เป็ธรรม ทั้งยังปิดเรือนให้คนบอกว่าข้ามานั่งคุกเข่าสำนึกผิดที่นี่ เป้าหมายเพื่ออะไร ก็เพื่อให้ท่านพ่อเห็นใจ แล้วใช้ประโยชน์จากความละอายใจของเขาตั้งฟางอี๋เหนียงขึ้นเป็ภรรยาอย่างถูกต้อง คิดไม่ถึงว่าโอกาสดีๆ แบบนี้จะถูกนังสารเลวนั่นทำลายจนสิ้น ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม!”
โม่เสวี่ยิ่โกรธจนแทบคลั่ง สีหน้าคล้ำเขียว ท่าทางดุร้าย ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังดูน่าสะพรึงยิ่ง นางจะยอมได้อย่างไร การวางแผนแต่ละขั้นตอนล้วนพิถีพิถัน แม้แต่รายละเอียดปลีกย่อยยังผ่านการคัดกรองมาไม่รู้กี่ครั้ง อาศัยโอกาสที่ท่านพ่อได้เลื่อนตำแหน่ง แจ้งข่าวให้ทราบว่าอี๋เหนียงตั้งครรภ์ ทำให้ท่านพ่อรู้สึกว่ามีเื่น่ายินดีซ้อนกันถึงสองเื่
เพื่อคำนึงถึงบุตรที่มาเกิดได้ถูกเวลา ท่านพ่อย่อมคิดไตร่ตรองที่จะยกอี๋เหนียงขึ้นมาเป็ภรรยาเอก นอกจากนี้ ท่านพ่อยังมีบุตรชายเพียงคนเดียว ยามนี้นางเห็นแก่ความเป็พี่น้องยอมรับความอัปยศยิ่งใหญ่ถึงเพียงนั้น ใช้นิสัยของฮูหยินเจิ้นกั๋วโหวเป็เครื่องมือ แสดงให้เห็นว่าตนเองถูกปฏิบัติอย่างโหดร้าย ทั้งที่ได้รับความไม่เป็ธรรมถึงเพียงนี้ก็ยังมาคุกเข่าสำนึกผิดต่อหน้าบรรพชน...
ภายใต้แผนการที่วางไว้มากมายหลายชั้น นางคิดว่าแม้บิดาจะยังมีใจเอนเอียงไปทางโม่เสวี่ยถง ก็ต้องคำนึงถึงตนเองสามแม่ลูกบ้าง นอกจากนี้โม่เสวี่ยิ่ยังมีแผนสำรอง ให้สกุลอวี้ส่งคนมาทักท้วงบิดาถึงเื่นี้ นับว่าเป็แผนการที่สมบูรณ์แบบ ทุกอย่างใกล้จะสำเร็จอยู่แล้วเชียว
แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเหลวไม่เป็ท่า
โม่เสวี่ยิ่แค้นใจจนแทบคลั่ง อยากฉีกร่างโม่เสวี่ยถงให้แหลกเป็ชิ้นๆ
สลบไปแล้ว ก็ไม่ต้องฟื้นขึ้นมาอีกตลอดไปถึงจะดี!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้