วันต่อมาแม่เฒ่าหลี่และหลิวหงลูกสะใภ้ของนางมาหาเฉียวลู่ที่กระท่อมน้อยแต่เช้าเพราะเื่ที่พวกเขาคุยกันเอาไว้เมื่อวานตอนเย็น
“อวี้หลงอวี้ชิงจ๊ะลูกทั้งสองช่วยอะไรแม่บางอย่างได้หรือไม่”
เด็กชายพยักหน้าพร้อมกันอย่างกระตือรือร้นแสดงท่าทางอยากช่วยเฉียวลู่อย่างเต็มที่
“ไปบ้านสกุลฉินที่แม่พาลูกทั้งสองไปเมื่อวานจำได้หรือไม่ เรียกพี่ชายจื่อเฉินมาที่นี่แม่มีเื่คุยกับเขาลูกสองคนทำได้ไหม”
เฉียวลู่พูดกับเด็กชายทั้งสองด้วยความอ่อนโยน อวี้หลงกับอวี้ชิงพยักหน้าให้นางอีกครั้งจากนั้นจึงวิ่งหายไปทางหมู่บ้าน เฉียวลู่หันมาสนใจแม่สามีลูกสะใภ้ทั้งสอง
“ท่านยายท่านน้าหลิวท่านทานกุ้งไปเมื่อวานนี้รู้สึกเป็อย่างไรบ้างท่านคิดว่ามันอร่อยหรือไม่”
แม่สามีลูกสะใภ้ที่นั่งข้างกันพยักหน้ารัวๆ จะไม่อร่อยได้อย่างไร ตอนแรกพวกเขายังเกรงใจกันและกันที่จะกินอาหารที่เฉียวลู่นำมาส่งหลังจากที่กินคำแรกไปแล้วต่างคนต่างแย่งชิงไม่สนความเป็ผู้าุโและผู้น้อยแล้ว เฉียวลู่พยักหน้าและยิ้มให้ทั้งสองคนอย่างพอใจ
“เช่นนั้นพวกท่านคิดว่ามันจะสามารถนำไปขายได้หรือไม่ เท่าที่ข้าดูเหมือนว่าคนที่นี่ไม่นิยมกินพวกกุ้งเท่าไหร่นะเ้าคะ มันถึงได้มีเยอะขนาดนั้น”
แม่เฒ่าหลี่พยักหน้า
“เป็เื่จริงเพราะมันตัวไม่ใหญ่และมีเปลือกหนา เมื่อก่อนไม่มีอะไรกินก็มีคนไปจับมาทำอาหารบ้างแต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจที่จะกินมันเท่าใดนัก เคยมีคนในหมู่บ้านบางคนกินเข้าไปแล้วเกิดตุ่มผื่นขึ้นทำให้ทุกคนคิดว่าถ้ากินมากเกินไปจะทำให้เกิดอันตราย”
เฉียวลู่นิ่งคิดเล็กน้อยดูเหมือนว่าจะมีบางคนที่แพ้กุ้งเมื่อกินเข้าไปจึงทำให้เกิดผื่นแดงขึ้น
“ที่เขาเป็เช่นนั้นเพราะเขามีอาการแพ้กุ้งเ้าค่ะ”
เฉียวลู่อธิบายให้แม่เฒ่าหลี่กับหลิวหงเข้าใจ แต่ทั้งสองยังคงทำหน้าสงสัยเหมือนกับจะยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เฉียวลู่บอก นางจะยกตัวอย่างอะไรให้พวกเขาเข้าใจดีนะ อีกทั้งยุคโบราณยังมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ล้าหลังนางจะอธิบายยังไงให้เข้าใจได้ง่าย
“ที่นี่มีเด็กที่ทานนมวัวแล้วมีอาการถ่ายท้องหรือไม่เ้าคะ”
แม่เฒ่าหลี่นิ่งคิดตามคำถามของเฉียวลู่
“ข้าเคยได้ยินว่าหลานชายคนเล็กของหัวหน้าหมู่บ้านต้องทานนมวัวเพราะแม่ของเขามีน้ำนมไม่พอหลังจากที่ทานเด็กคนนั้นก็อ้วกออกมาและมีอาการถ่ายท้อง ตอนนั้นคนในหมู่บ้านยังคิดว่าในนมวัวมีพิษทำให้เด็กคนนั้นป่วย แต่หลานชายบ้านพี่ชายของข้าก็ดื่มนมวัวแต่เขากลับไม่มีอาการอะไรยิ่งดื่มนับวันยิ่งอ้วนท้วนสมบูรณ์หมอชางบอกว่าหลานของหัวหน้าหมู่บ้านแพ้นมวัวแต่เขาสามารถดื่มนมแพะได้นะ”
“ใช่แล้วเ้าค่ะนั่นเรียกว่าเป็อาการแพ้ชนิดหนึ่ง คนที่ทานกุ้งไม่ได้ก็จะมีอาการแพ้เช่นกันเ้าค่ะความรุนแรงขึ้นอยู่ที่อาการแพ้ของแต่ละคนว่ามากน้อยแค่ไหน บางคนแพ้นิดหน่อยอาจมีแค่อาการคันและมีผื่นขึ้นเล็กน้อย หยุดกินไปสักพักก็หายไปเอง บางคนมีอาการแพ้รุนแรงอาจถึงขั้นหายใจไม่ออกและเสียชีวิต”
หลังจากที่เฉียวลู่อธิบายสตรีทั้งสองก็มีแสดงอาการเครียดออกมาท่าทางคิดไม่ตกกับการที่ต้องขายอาหารพวกนี้ หากเกิดมีคนที่กินเข้าไปแล้วมีอาการแพ้แล้วตายขึ้นมาพวกเขามิต้องติดคุกหัวโตหรือ
“อาลู่เ้าคิดว่ากุ้งนี่จะขายได้จริงหรือถ้าเกิดมีคนที่แพ้แล้วกินเข้าไปจะทำอย่างไร”
เฉียวลู่ยิ้มหวานให้แม่เฒ่าหลี่ นางเข้าใจความหมายที่หญิงชราพยายามจะสื่อ
“ท่านยายไม่ต้องห่วงเื่นั้นไปหรอกเ้าค่ะ ข้ามีทางแก้ไขเื่นี้”
เฉียวลู่พูดอย่างมั่นใจ ทำให้แม่เฒ่าหลี่และหลิวหงวางใจไปเปลาะหนึ่งแต่ก็ยังรู้สึกกลัวเื่อาการแพ้ของคนที่กินเข้าไปอยู่ดี ผ่านไปสักพักหัวเล็กๆ สามหัวก็ค่อยๆ โผล่เข้ามาในกระท่อมเฉียวลู่ได้ยินเสียงเดินของพวกเขาทั้งสามั้แ่ไกลๆ แล้วนับวันความสามารถในการรับรู้ของนางยิ่งเฉียบคม ทำเอาเฉียวลู่นึกแปลกใจแต่ก็เพียงแปลกใจเท่านั้นเพราะนี่ถือเป็เื่ดีสำหรับนาง
“เด็กๆ มาแล้วหรือจ๊ะ”
เฉียวลู่โอบกอดเด็กชายทั้งสองของนางจากนั้นจึงหันไปยิ้มให้ฉินจื่อเฉินอย่างใจดี ฉินจื่อเฉินคารวะสตรีทั้งสามอย่างมีมารยาทจากนั้นจึงยื่นหม้อดินเผาคืนให้เฉียวลู่
“ท่านแม่ฝากมาขอบคุณพี่เฉียวลู่ด้วยขอรับ”
แม่เฒ่าหลี่มองคนทั้งสองด้วยความสงสัย
“เมื่อวานข้าแวะเอาข้าวต้มกุ้งไปให้บ้านฉินเ้าค่ะ”
เฉียวลู่อธิบายให้แม่เฒ่าหลี่หายสงสัย จากนั้นนางจึงหันมาหาฉินจื่อเฉินอีกครั้ง
“ข้าเรียกเ้าว่าจื่อเฉินได้หรือไม่”
ฉินจื่อเฉินพยักหน้าให้นาง
“ดี เช่นนั้นจื่อเกระตือรือร้นน้อย เ้าอยากจะทำงานหาเงินรักษาอาการป่วยของท่านแม่ของเ้าหรือไม่”
ฉินจื่อเฉินดวงตาเป็ประกายขึ้นมาทันที เพราะเขายังเด็กมากจึงไม่มีใครจ้างเขาทำงาน ไม่คิดว่าพี่เฉียวลู่จะมอบโอกาสนี้ให้กับเขา ฉินจื่อเฉินพยักหน้ารัวๆ ทำเอาเฉียวลู่ต้องรีบจับเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าคอของเด็กชายจะเคล็ดไปวะก่อน
“ข้าทำขอรับ ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหนข้าก็ทำทั้งนั้นขอให้พี่เฉียวลู่บอกมาได้เลย”
นางยิ้มให้กับท่าทางกระตือรือร้นของเด็กชายอย่างใจดี
“ดี ข้าชอบเด็กขยัน ไม่ใช่แค่เ้านะหากมีเด็กในหมู่บ้านคนไหนอยากจะทำงานกับข้าให้พวกเขามาหาข้าที่นี่ได้เลยแล้วข้าจะอธิบายว่าจะจ่ายให้พวกเขาเท่าไหร่”
จากนั้นเฉียวลู่นำถังไม้เพื่อเอาไว้ใส่กุ้งแล้วพาคนทั้งหมดเดินตรงไปที่สระบัวทันที ชาวบ้านที่ไม่มีอะไรทำนั่งเกาะกลุ่มคุยกันอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่ในลายกลางหมู่บ้านมองพวกเขาอย่างสงสัย
“ไปไหนกันหรือพี่หลี่”
หญิงชาวบ้านอายุราวสี่สิบปลายๆ ะโถามแม่เฒ่าหลี่
“ไปสระบัวจับกุ้ง”
ชาวบ้านมองคณะของเฉียวลู่อย่างใจนตาโต
“พวกท่านจะจับมันไปทำอะไรหรือ เ้ากุ้งนั่นกินไม่ได้นะเดี๋ยวก็ป่วยเหมือนเอ้อโกวจื่อหรอก”
หญิงวัยกลางคนะโบอกแม่เฒ่าหลี่ด้วยความเป็ห่วงแต่แม่เฒ่าหลี่ไม่สนใจยังคงพาพวกเด็กๆ เดินตรงไปที่สระบัว
“พวกเขาไม่มีอะไรกินจนบ้ากันไปแล้วแน่ๆ”
หญิงวัยกลางคนคนเดิมพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
“วันก่อนข้าเห็นเฉียวลู่กับลูกๆ จับกุ้งที่สระบัวด้วยนะหรือว่าพวกนางกินแล้วไม่เป็อะไร”
สตรีวัยกลางคนที่อยู่ในกลุ่มพูดขึ้น
“เช่นนั้นเ้าจะบอกว่ากุ้งนั่นกินได้หรือ”
ทุกคนเอาแต่ส่ายหน้าไม่รู้ว่ากุ้งกินได้จริงๆ หรือกินไม่ได้กันแน่ เฉียวลู่ไม่สนใจว่าชาวบ้านจะคิดยังไงกับเื่ที่นางมาจับกุ้ง แต่ตอนนี้นางและเด็กๆ ต่างสนุกสนานในการจับกุ้งในสระบัว น้ำลดลงมากกว่าเมื่อวานทำให้วันนี้จับกุ้งได้ง่ายกว่าเดิม
อวี้หลงอวี้ชิงและฉินจื่อเฉินตัวเปรอะไปด้วยโคลน เด็กๆ หัวเราะอย่างมีความสุขทุกครั้งที่จับกุ้งได้ แม้แต่ฉินจื่อเฉินที่ท่าทางสุขุมก็ยังหัวเราะออกมาด้วยความสนุก เมื่อถังไม้สามใบที่เฉียวลู่นำมาด้วยเต็มแล้ว นางจึงให้ทุกคนหยุดมือ
“เอาล่ะสำหรับวันนี้พอแค่นี้เถอะพวกเรากลับบ้านกันข้าจะทำอาหารที่อร่อยที่สุดให้ทุกคนได้ทาน เ้าก็ไปด้วยกันนะจื่อเฉินน้อย”
เฉียวลู่หันมาบอกฉินจื่อเฉินเป็คนสุดท้ายเพราะนางคิดว่าเด็กขี้เกรงใจคนนี้จะต้องปลีกตัวออกไปก่อนแน่ถ้านางไม่ห้ามเอาไว้ ฉินจื่อเฉินพยักหน้ารับเฉียวลู่
“ขอรับ”
หลังจากที่คณะของเฉียวลู่นำกุ้งกลับมาที่กระท่อมน้อยของนางแล้วทุกคนก็กลับเรือนของตนเพื่อชำระร่างกายให้สะอาดแล้วกลับมาที่กระท่อมเนินเขาอีกครั้ง เมื่อมาถึงก็พบเฉียวลู่ที่กำลังย่างกุ้งอยู่ กลิ่นหอมของกุ้งที่ตลบอบอวลทำเอาพวกเขาท้องร้องด้วยความหิวโหยขึ้นมาพร้อมกัน อวี้หลงและอวี้ชิงที่ยังเล็กนั้นไม่สามารถเก็บอาการอยากกินเอาไว้ได้น้ำลายของพวกเขาไหลลงมาที่มุมปาก ทำเอาเฉียวลู่หัวเราะจนตัวงอ เด็กทั้งสองอับอายจนต้องไปแอบด้านหลังของฉินจื่อเฉิน
เมื่อมีคนมาช่วยจึงทำให้การทำอาหารเร็วขึ้นแม่เฒ่าหลี่และหลิวหงมาช่วยเฉียวลู่ย่างกุ้ง ส่วนนางก็ไปทำน้ำจิ้มซีฟู๊ด เฉียวลู่สั่งผงหม่าล่าเอาไว้ั้แ่เมื่อคืนแล้วเพราะนางอยากให้พวกเขาได้ลิ้มลองรสชาติอาหารก่อนที่พวกเขาจะนำไปขาย
เฉียวลู่ยังไม่ลืมทำข้าวต้มในส่วนของท่านแม่ของฉินจื่อเฉิน เด็กคนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่านางจะให้ค่าแรงเขาเท่าไหร่ แต่วันนี้เขาก็ทำเต็มที่โดยไม่บ่นสักคำ ทำเอาเฉียวลู่นึกสงสารและคิดว่านางใช้แรงงานเด็กหนักไปหรือไม่นะ
เมื่ออาหารทุกอย่างเสร็จแล้วเฉียวลู่ให้ฉินจื่อเฉินนำข้าวต้มกุ้งไปส่งท่านแม่ของเขาและให้เขาเรียกจางหย่งที่ทำงานไม้อยู่ที่เรือนสกุลจางมาทานข้าวที่กระท่อมของเฉียวลู่ด้วย
