ไป๋หว่านหนิงถือจอกเดินมาที่ข้างกายของไป๋เซี่ยเหอ แต่ไป๋เซี่ยเหอกลับหลุบตาลงพลางหยิบพุทราจีนสีเขียวแวววาวมากัดกร้วม
ในชั่วพริบตานั้น ไป๋หว่านหนิงรู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของตนแข็งค้าง ทว่าเพื่อที่จะไม่ให้แผนการผิดพลาด นางจึงต้องเสแสร้งต่อไป
“พี่สาว หนิงเอ๋อร์มีวันนี้ได้ล้วนเป็เพราะความดีความชอบของพี่สาวทั้งสิ้น เมื่อก่อนหนิงเอ๋อร์ไม่รู้ความ ทำให้พี่สาวโมโหหลายครั้งหลายครา ต่อให้พี่สาวจะทุบตีหนิงเอ๋อร์ก็เป็เื่ที่สมควรแล้ว หนิงเอ๋อร์รับรองว่าจะเชื่อฟังคำพูดของพี่สาวทุกอย่าง พี่สาวจะให้อภัยหนิงเอ๋อร์ได้หรือไม่เ้าคะ?”
ั้แ่เข้าประตูมา ไป๋เซี่ยเหอก็สังเกตเห็นว่าสายตาที่ทุกคนจ้องมองมานั้นไม่ได้แฝงความดูถูกเหยียดหยามเหมือนเมื่อก่อน ทว่ามีร่องรอยของความพินิจพิเคราะห์ กระทั่งแฝงไว้ด้วยความเลื่อมใสอยู่หลายส่วน
ทว่าเมื่อไป๋หว่านหนิงกล่าวจบ สายตาเ่าั้ก็เปลี่ยนไปอีกครา
แม้ว่าจะมีทักษะด้านการแพทย์ ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยอันเลวร้ายที่ชอบวางอำนาจบาตรใหญ่ และทุบตีน้องสาวได้!
ไป๋เซี่ยเหอจดจำภาพตรงหน้าเอาไว้ก่อนจะหลุบตาลงแล้วคลี่ยิ้มบางๆ ผู้อื่นมองนางอย่างไรแล้วเกี่ยวข้องอันใดกับนางกัน?
ไป๋เซี่ยเหอยกจอกขึ้นพลางสูดดมสุราผลไม้ในจอกเล็กน้อย ระดับความแรงไม่มาก นางพอจะรับไหว “หวังว่าเ้าจะจดจำถ้อยคำในวันนี้ให้ดี ถึงอย่างไรความไม่รู้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถให้อภัยได้ในทุกๆ ครั้ง!”
ไป๋หว่านหนิงหดคอเล็กน้อย ความรู้สึกบางอย่างผุดขึ้นมาทันที ดูเหมือนไป๋เซี่ยเหอจะล่วงรู้ทุกสิ่งอย่างไรอย่างนั้น!
“ว้าย!”
ในเวลานี้เอง สาวใช้นางหนึ่งที่โผล่พรวดมาจากไหนไม่ทราบ ได้ชนเข้ากับแผ่นหลังของไป๋หว่านหนิง นางทรงตัวเอาไว้ได้ จึงไม่ล้มลงต่อหน้าผู้คน
ทว่าของเหลวในจอกสุราที่นางถืออยู่กลับหกลงบนศีรษะของไป๋เซี่ยเหอ!
“อา!”
“์ จะทำอย่างไรดี!”
ไป๋เซี่ยเหอใช้มือเช็ดของเหลวบนใบหน้า ก่อนจะเงยหน้ามองไป๋หว่านหนิง แววตาเฉียบคมนั้นราวกับมองทะลุทุกสิ่งก็ไม่ปาน “คิดว่านี่คงเป็ความซาบซึ้งใจที่น้องสาวมีต่อข้ากระมัง ข้าจะจำให้ขึ้นใจเลยทีเดียว!”
ไป๋หว่านหนิงเสียสมาธิไปชั่วขณะ เมื่อสบตาไป๋เซี่ยเหอ แผ่นหลังของนางพลันหนาวเหน็บ
หากแผนการนี้ล้มเหลว จุดจบของนางคงจะไม่ดีไปกว่ากันเท่าไร!
ทว่าเมื่อยิงธนูออกไปแล้ว ไหนเลยจะยังมีพื้นที่ให้เสียใจ!
“ขออภัยเ้าค่ะพี่สาว ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเ้าคะ”
“คุณหนูใหญ่สกุลไป๋รีบไปเปลี่ยนชุดเสียเถิด ประเดี๋ยวจะเป็หวัดเอา”
แม้ว่าทุกคนจะไม่ได้ชื่นชอบไป๋เซี่ยเหอ ทว่าเมื่อเห็นท่าทีน่าอดสูของนางในเวลานี้ก็อดที่จะสงสารไม่ได้ กระทั่งรู้สึกไม่พอใจไป๋หว่านหนิงเล็กน้อยที่ยืนทำท่าจะร้องไห้อยู่ด้านข้างราวกับตนเองเป็ดอกไม้อันบอบบาง
ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ ไป๋หว่านหนิงก็ทำให้ไป๋เซี่ยเหอตัวเปียกโชกต่อหน้าผู้คนมากมาย นี่เป็การกระทำที่ไม่สมควรเอาเสียเลย!
ไป๋เซี่ยเหอมองไป๋หว่านหนิง แววตาของนางบ่งบอกถึงคำเตือนบางอย่าง จากนั้นนางก็หมุนกายจากไป
ผ่านไปนานกว่าไป๋หว่านหนิงจะได้สติ
นางนึกไม่ถึงว่าตนเองจะถูกเศษสวะอย่างไป๋เซี่ยเหอทำให้ใไปเสียได้!
เมื่อไป๋หว่านหนิงหันไปเห็นว่า ทุกคนล้วนมองนางด้วยสายตาไม่พอใจ หัวใจก็เต้นรัวทันที แม้แต่ฮั่วอวิ๋นเยียนยังส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ
ถึงแม้คราวนี้นางอยากจะช่วยสหายสนิทมากแค่ไหน แต่นางก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย
เพราะท้ายที่สุดแล้วภรรยาเอกกับอนุภรรยาก็แตกต่างกัน!
ไป๋หว่านหนิงกำหมัด แววตาที่หลุบลงฉายแววเย็นเยียบ
ไป๋เซี่ยเหอ คราวนี้เ้าไม่อาจพ้นเคราะห์ไปได้หรอก!
ไป๋เซี่ยเหอเดินมาที่เรือนหลังเก่า บางทีอาจเป็เพราะสิ่งของบางส่วนได้ถูกขนย้ายไปที่เรือนหลังใหม่แล้ว เรือนหลังเก่าจึงดูว่างเปล่าและวังเวงอย่างเห็นได้ชัด ฝูเอ๋อร์ก็ไม่อยู่ คาดว่าคงไปดูแลความเรียบร้อยที่เรือนหลังใหม่แล้วกระมัง
ไป๋เซี่ยเหอเดินเข้าไปในห้องโดยที่ไม่ได้คิดอะไร ทว่านางกลับได้กลิ่นหอมบางเบา ซึ่งทำให้ในใจของนางส่งสัญญาณเตือนขึ้นมาทันที
นางมองไปรอบๆ ก่อนที่สายตาจะไปหยุดนิ่งอยู่ที่โต๊ะไม้ตัวหนึ่ง บริเวณมุมโต๊ะมีร่องรอยแตกหัก ส่วนบนโต๊ะมีกระถางธูปขนาดเล็กวางอยู่ กลิ่นหอมดังกล่าวลอยออกมาจากข้างใน
ไป๋เซี่ยเหอเดินเข้าไปใกล้พลางโน้มตัวไปสูดดม กลิ่นหอมนี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก มันทั้งผลักไสและดึงดูดนาง
ในขณะที่กำลังสูดดม ใบหูจิ้งจอกคู่หนึ่งพลันโผล่ออกมาจากศีรษะ มันกระดิกไปมาอยู่หลายครั้ง ดูน่ารักอย่างยิ่ง
เมื่อรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของตนเอง ไป๋เซี่ยเหอก็ยื่นมือไปัั ‘สิ่งแปลกปลอม’ ที่งอกออกมาเหนือศีรษะ
นางไม่ทราบว่าเหตุใดหูจิ้งจอกถึงได้โผล่ออกมาอย่างกะทันหัน ทว่าย่อมต้องเกี่ยวข้องกับกระถางธูปนี้เป็แน่ หรือจะมีคนล่วงรู้ว่าตนเองเป็จิ้งจอกเข้าแล้ว?
ความคิดนี้แวบขึ้นมาในหัว
เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ ไป๋เซี่ยเหอยื่นมือไปหยิบผ้าครอบผมมาคลุมศีรษะ โดยที่สายตายังคงมองไปที่หน้าประตู
ดูเหมือนสาวใช้ผู้หนึ่งจะคาดไม่ถึงว่าไป๋เซี่ยเหอจะยืนตัวตรงมองนางอยู่ตรงนั้น จึงใจนหัวใจเต้นผิดจังหวะ ก่อนจะเผยรอยยิ้มกระอักกระอ่วนบนใบหน้า “คุณหนูใหญ่เ้าคะ คุณหนูรองบอกว่าฝูเอ๋อร์คอยดูแลความเรียบร้อยอยู่ที่เรือนหลังใหม่ จึงให้บ่าวมารับใช้เปลี่ยนชุดให้คุณหนูเ้าค่ะ”
“จริงหรือ?” นางลากเสียงยาวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลและเอ้อระเหย ฟังดูเย้ายวนจิติญญาของผู้คน
สีหน้าของสาวใช้แข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนจะฝืนรวบรวมความกล้ากล่าวว่า “หากคุณหนูใหญ่จะเปลี่ยนชุด บ่าวจะคอยเฝ้าประตูให้ท่านเองเ้าค่ะ”
สายตาของคุณหนูใหญ่น่ากลัวเกินไป ทำให้นางรู้สึกราวกับว่าหากอีกฝ่ายยังมองนางอยู่เช่นนี้ ชีวิตน้อยๆ ของนางต้องจบสิ้นลงเป็แน่
หากไม่ใช่เพื่อเงินสองร้อยตำลึง นางก็ไม่มาหรอก!
เสียงลงกลอนที่ประตูดังขึ้น
ไป๋เซี่ยเหอแง้มตู้เสื้อผ้า นางเพิ่งออกแรงแง้มเพียงเล็กน้อย ทว่ากลับมีเรี่ยวแรงมหาศาลที่ผลักให้ตู้เสื้อผ้าเปิดออกจากด้านใน นางจึงก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัวทันที
มีคนผู้หนึ่งออกมาจากตู้เสื้อผ้า
เป็บุรุษรูปร่างใหญ่ที่ดูน่าจะหนักประมาณสองร้อยกงจิน[1] การยัดตัวเข้าไปในตู้เสื้อผ้าที่เล็กปานนี้ช่างเป็เื่ยากลำบากสำหรับเขาจริงๆ
“เล่นซ่อนแอบกัน!” เมื่อเขาเอ่ยปาก ไป๋เซี่ยเหอก็ตระหนักว่าอีกฝ่ายไม่สมประกอบ เขาหัวเราะจนน้ำลายไหลย้อย “ในเมื่อข้าหาเ้าเจอ ข้าก็จะให้เ้าเป็ภรรยาของข้า”
เขาทั้งหัวเราะและะโโลดเต้นไปด้วย ขณะเดียวกันก็ยื่นมือไปปลดกางเกง ส่วนใบหน้าก็ขึ้นริ้วสีแดงดูน่าสงสัย
หากตอนนี้นางยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น นางก็ไม่ใช่จิ้งจอกน้อยหรือทหารรับจ้างแล้ว!
นึกไม่ถึงว่าจะใช้วิธีเลวทรามต่ำช้าเช่นนี้!
ก็ดี!
ไป๋หว่านหนิงตัวดี ลู่เป๋าเหยาตัวดี!
“คนที่เ้าหาเจอจะได้เป็ภรรยาของเ้าอย่างนั้นหรือ?” ไป๋เซี่ยเหอยิ้มด้วยสีหน้าแปลกประหลาด นางหิ้วร่างบุรุษที่หนักสองร้อยกงจินขึ้นมาราวกับกำลังอุ้มลูกไก่ก็ไม่ปาน ก่อนจะถีบเขาให้กลับเข้าไปในตู้เสื้อผ้าอย่างโเี้แล้วลงกลอน!
ผ่านไปราวๆ หนึ่งถ้วยชาหลังจากไป๋เซี่ยเหอออกไปเปลี่ยนชุด
ซิ่วเอ๋อร์หลุบตาลงพลางเดินมาที่ด้านหลังของไป๋หว่านหนิง ก่อนจะเอ่ย “คุณหนูรอง พวกเราจะไปกันตอนนี้เลยหรือไม่เ้าคะ?”
ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดนางถึงได้รู้สึกจากก้นบึ้งของจิตใจว่า การไม่ยืนอยู่ฝั่งเดียวกับคุณหนูใหญ่นั้นเป็ทางเลือกที่ผิดพลาด
ไป๋หว่านหนิงหมุนกำไลหยกบนข้อมือขาว ก่อนที่ใบหน้าจะเผยรอยยิ้มแสยะ “จะรีบไปทำไม? คราวนี้ข้า้าให้ไป๋เซี่ยเหอไม่อาจหลุดพ้นได้อีกตลอดกาล!”
คิดจะเป็บุตรีของภรรยาเอกแห่งสกุลไป๋ ทั้งยังคิดจะเป็ไท่จื่อเฟยหรือ?
ฝันไปเถิด!
หลังเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ไป๋หว่านหนิงก็ส่งสายตาให้ซิ่วเอ๋อร์ ซิ่วเอ๋อร์ถอนหายใจและเดินออกไปด้านนอก จากนั้นนางก็ทำทีเป็พุ่งเข้ามาในห้องโถงหลัก
“แย่แล้วเ้าค่ะ คุณหนูรองแย่แล้วเ้าค่ะ!” ทักษะการแสดงของซิ่วเอ๋อร์นั้นไม่เลวจริงๆ เมื่อนางส่งเสียงดังด้วยท่าทีตกอกใเช่นนี้ สายตาของทุกคนก็หันไปจับจ้องที่นาง
นี่คือผลลัพธ์ที่ไป๋หว่านหนิง้า
นางลุกขึ้นยืนก่อนจะเหลือบมองซิ่วเอ๋อร์อย่างครุ่นคิด ราวกับกำลังตำหนิอีกฝ่าย “เ้าจะะโโหวกเหวกทำไม? ระวังจะทำให้พี่น้องทุกท่านใเอาได้”
ซิ่วเอ๋อร์สงบสติอารมณ์ เหงื่อเม็ดใหญ่เท่าถั่วเขียวผุดขึ้นที่ข้างขมับ นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น “มีคนบอกว่า ได้ยิน...ในเรือนของคุณหนูใหญ่เ้าค่ะ ได้ยิน...”
“ได้ยินอะไร?” ใบหน้าของไป๋หว่านหนิงแฝงด้วยโทสะบางเบา ทว่าในใจกลับลิงโลดราวกับดอกไม้ผลิบาน
ในเวลานี้ราวกับว่านางมองเห็นตนเองมีสถานะเป็บุตรีของภรรยาเอกแห่งสกุลไป๋ ทั้งยังได้ตบแต่งเป็ชายาของไท่จื่ออย่างไรอย่างนั้น!
ซิ่วเอ๋อร์มีท่าทีคล้ายโกรธเคืองคล้ายเขินอาย “บ่าวไม่อาจบอกได้ คุณหนูรองไปดูเองเถิด ไม่อย่างนั้นต้องเกิดเื่เป็แน่เ้าค่ะ!”
ไป๋หว่านหนิงรีบเดินออกไปทันที
สิ่งที่สตรีชื่นชอบมากที่สุดคือการซุบซิบนินทา เมื่อเห็นว่าจะมีละครให้ชม ทุกคนจึงทยอยเดินตามไป ด้วยกลัวว่าหากไปช้าแล้วจะอดดู
ทว่าไป๋หว่านหนิงที่เดินอยู่หน้าสุดนั้น แม้ว่าจะดูรีบร้อน กลับชะลอฝีเท้าเป็ครั้งคราว คล้ายตั้งใจคล้ายไม่ตั้งใจ ราวกับกำลังกลัวว่าคนที่เดินตามหลังมาจะเดินตามนางไม่ทัน
ผู้คนชมชอบความครึกครื้น ทั้งยังชอบโหมกระพือเื่ราวให้ใหญ่โต
ยิ่งเื่นี้เอะอะมากเท่าไร ก็ยิ่งส่งผลเสียต่อไป๋เซี่ยเหอมากเท่านั้น
------------------------
[1] กงจิน หมายถึง กิโลกรัม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้