นั่งอยู่บนหลังม้า รับรู้ถึงความรู้สึกของสายลมอ่อนที่ััใบหน้า ทั่วทั้งร่างของหลิงมู่เอ๋อร์ก็ผ่อนคลายลง ทำให้บุรุษที่นางใช้เป็ที่รองอุ่น ๆต้องเป็ทุกข์แทน
เมื่อครู่คนทั้งสองได้ข้ามผ่านอีกขั้น ฉีกแนวกั้นที่บางใสจนขาดออก ทำให้บรรยากาศการอยู่ร่วมกันในยามนี้เปลี่ยนไปอย่างมาก นางไม่กังวลถึงสิ่งใด แต่กลับลำบากชายที่มีเืลมร้อนระอุ ต้องรู้ว่า ชายหนุ่มผู้นี้อดทนมาถึงสามสิบปี เมื่อก่อนไม่รู้จักรสชาติของสตรี แต่เมื่อครู่ได้ลิ้มลองความหอมหวานแล้ว คิดจะให้เขาอดกลั้นต่อไป นั่นก็เป็การสร้างความลำบากให้เขาเกินไปแล้ว
ซั่งกวนเซ่าเฉินอดทนต่อความรู้สึกที่อยากจะโยนสาวน้อยนางนี้ลงจากหลังม้าไป เขาจุมพิตผมหอมของนาง จินตนาการถึงความรู้สึกที่มีหยกอุ่นหอมอยู่ในอ้อมกอด
“ทิวทัศน์ของหมู่บ้านแห่งนี้ไม่เลวเลย พี่ใหญ่ พวกเราเที่ยวเล่นที่นี่สักครู่ค่อยกลับไปเถอะ!” ในหูของซั่งกวนเซ่าเฉิน เสียงนุ่มนิ่มของหลิงมู่เอ๋อร์นั้นประดุจการเชื้อชวน
ซั่งกวนเซ่าเฉินกอดนางแน่น ลมหายใจรุ่มร้อนพ่นอยู่บนติ่งหูของนาง ทำให้นางตัวสั่นขึ้นมาระลอกหนึ่ง นางตรวจพบอาการไม่ปกติของเขา ในดวงตาสาดประกายยินดีออกมาแวบหนึ่ง
“ดี พวกเราไปเดินเล่นอยู่บริเวณนี้” ซั่งกวนเซ่าเฉินหยุดม้าในบริเวณที่มีทิวทัศน์งดงาม ขุนเขาเขียวขจี สายน้ำใสสะอาด
ซั่งกวนเซ่าเฉินลงจากม้าก่อน จากนั้นจึงรับหลินมู่เอ๋อร์ที่ะโลงมา เขารับนางอยู่ด้านล่าง นางตกลงสู่อ้อมกอดของเขา ถูกเขากอดไว้ในอ้อมอกทั้งตัว
“วางข้าลงไป” หลิงมู่เอ๋อร์ไม่คิดว่า ม้าป่าที่หลุดจากสายบังเหียนจะยากต่อการควบคุมเช่นนี้ เมื่อก่อน ยามที่เขาเผชิญหน้ากับนาง จะเคร่งครัดจริงจังอย่างมาก ตอนนี้ดูไปแล้ว ล้วนเป็การเสแสร้งทั้งสิ้น คนผู้นี้คือชายมากตัณหาผู้หนึ่ง บัดนี้ได้เปิดเผยร่างที่แท้จริงออกมาแล้ว เขาจึงไม่เสแสร้งอีก จากเมื่อครู่จนถึงตอนนี้ เขาได้เอาเปรียบนางไปไม่น้อยเลย
ซั่งกวนเซ่าเฉินวางนางลงอย่างระมัดระวัง ในดวงตาของเขามีเปลวเพลิงกองหนึ่งกำลังลุกไหม้ เปลี่ยนจากความเยือกเย็นในวันวาน
หลิงมู่เอ๋อร์เม้มปากหัวเราะ นางหมุนตัวไปมองลำธารเล็ก ๆ เบื้องหน้า จากนั้นก็มองูเาสูงที่อยู่ด้านหลังลำธารสายน้อย กล่าวเสียงเบาว่า “งดงามเหลือเกิน!”
“เ้าชอบที่แห่งนี้หรือไม่?” ซั่งกวนเซ่าเฉินสูดดมอากาศบริสุทธิ์ รวมกับสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ในใจก็รู้สึกชื่นชอบสถานที่แห่งนี้เช่นเดียวกัน เขากำลังคิดว่า วันหลังพวกเขามาอาศัยอยู่ที่นี่ก็ไม่เลว ผู้บัญชาการองครักษ์หลวงอะไรนั่น เขาไม่เคยคิดเสียดายมากก่อน หากมิใช่เพราะชายผู้นั้นรู้สึกผิดต่อเขา บังคับให้เขารั้งอยู่ เขากลับมิได้เห็นค่าแม้แต่น้อย
ตัวเขาแบกรับความแค้นของตระกูล มีใจคิดจะแก้แค้นชายผู้นั้น ทว่าบัดนี้ เขาลังเลแล้ว เขาไม่สนใจความเป็ตายของตนอีก ทว่ามู่เอ๋อร์ล่ะ?
ในใจของมู่เอ๋อร์น่าจะมีเขาอยู่กระมัง? หากไม่มี เมื่อครู่คงไม่ให้เขาแตะต้องนาง เขาไม่เพียงััแล้ว นางยังมิได้ปฏิเสธเขาด้วย ดังนั้น เขาจะต้องรับผิดชอบนาง หากเขาจะแก้แค้นจริง ๆ เช่นนั้นก็เท่ากับแขวนคอของคนเองไว้บนเชือกหนา ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อใด เขาไม่มีทางให้มู่เอ๋อร์ต้องทนรับสิ่งเ่าั้ไปด้วย
การแก้แค้น…นี่เป็ความยึดติดในอดีต แม่บุญธรรมเคยเกลี้ยกล่อมเขา แต่เขาไม่เคยเปลี่ยนความตั้งใจแรกเริ่มมากก่อน บัดนี้ เขากลับเริ่มใคร่ครวญคำพูดที่แม่บุญธรรมเคยพูดไว้แล้ว
“ท่านกำลังคิดสิ่งใดอยู่? ข้าเรียกท่านหลายครั้งแล้ว ท่านก็ไม่สนใจข้า อยู่กับข้าน่าเบื่อมากใช่หรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์ถลึงตาใส่เขาอย่างไม่พอใจ
ซั่งกวนเซ่าเฉินลูบศีรษะของนาง มือหยาบกระด้างลูบไล้ผ่านไป เขามองดวงตาของนางอย่างลึกซึ้ง “เ้าชอบสถานที่แห่งนี้หรือในเมือง?”
“ข้าอย่างไรก็ได้ ครอบครัวของข้าอยู่ที่ใด ข้าก็ชอบที่นั่น แต่ว่า หากต้องให้ข้าเลือกแล้วล่ะก็ ข้ายังคงชอบในเมืองมากกว่า ที่นี่แม้จะดี แต่อยู่ห่างไกลตัวเมืองเกินไป ข้ายัง้ากลายเป็หมอที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้า เื่พวกนั้น มีแต่ในเมืองจึงจะสามารถทำได้” หลิงมู่เอ๋อร์บิดี้เีกล่าว “ที่นี่ทิวทัศน์ดีมาก ทว่า เพียงแค่ผ่อนคลายชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น หากอยู่ที่นี่ไปตลอด ข้าก็จะรู้สึกเบื่อหน่ายแล้ว”
“เ้าชอบที่ใด พวกเราก็อยู่ที่นั่น เ้าอยากกลายเป็หมอที่มีความสามารถที่สุดในแผ่นดิน พวกเราก็เป็หมอที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแผ่นดิน” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าว
หลิงมู่เอ๋อร์แสดงความพอใจต่อความเชื่อใจอย่างไร้เงื่อนไขของซั่งกวนเซ่าเฉิน นี่คงจะเป็เหตุผลที่นางเต็มใจยอมรับเขากระมัง! ชายในยุคโบราณส่วนใหญ่มักยึดถือความคิดบุรุษเป็ใหญ่ พวกเขายิ่งชอบกักขังสตรีไว้ในกรง คอยชื่นชมพวกนางที่สูญเสียชีวิตชีวาไปทีละน้อยอย่างช้า ๆและสิ้นหวัง รอจนพวกนางได้ตายจากไปแล้ว ก็เปลี่ยนนกคีรีบูนกลุ่มใหม่มาเลี้ยงดูอีกครั้ง
ซั่งกวนเซ่าเฉินไม่เหมือนกับผู้ชายพวกนั้น เขาไม่มีความคิดที่ยึดความคิดของผู้ชายเป็ใหญ่พวกนั้น กับเื่ที่นางทำ เขาก็ให้ความเคารพ
หลิงมู่เอ๋อร์พลันเข้าใจถึงเหตุผลที่ตนเองไม่ต่อต้านซั่งกวนเซ่าเฉิน ผู้ชายเช่นนี้ ในยุคโบราณนั้นได้สูญพันธุ์ไปแล้ว นางสามารถหาสายพันธุ์ที่หายากเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าย่อมต้องหวงแหนให้ดี ทว่ามีอีกจุดหนึ่งที่นางยังต้องยืนยันสักครั้ง
“หากมีวันหนึ่ง ฝ่าาประทานสมรสให้ท่าน ให้ท่านแต่งกับองค์หญิง ท่านจะรับปากหรือไม่?” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่ดวงตาของซั่งกวนเซ่าเฉิน คิดอยากจะหาการหลบเลี่ยงในนั้น
ซั่งกวนเซ่าเฉินเม้มปากพูดเสียงเบาว่า “ไม่ และเขาก็ไม่มีทางประทานสมรสให้ข้า”
เขาไม่กล้า
คำพูดนี้ ซั่งกวนเซ่าเฉินมิได้พูดออกมา
“เช่นนั้น หากฝ่าาประทานหญิงงามให้ท่านสองสามคน” หลิงมู่เอ๋อร์ยังไม่ทันพูดจบ ก็ถูกชายเบื้องหน้าปิดปากเอาไว้
บุรุษดึงดูดไปสองสามครั้ง ดวงตาที่ค่อนข้างแดงร้อนลวกจนแทบทำให้นางหลอมละลาย
“ในใจของข้าได้มีสตรีที่งดงามเลิศล้ำอยู่แล้ว” ซั่งกวนเซ่าเฉินประคองใบหน้าของนาง มองนางอย่างตั้งใจ “บุรุษตระกูลซั่งกวนของเราดื้อรั้นยึดมั่นเป็อย่างมาก เมื่อต้องตาสตรีนางใดแล้ว นอกจากนางก็จะไม่มีหญิงอื่นอีก ไม่มีอนุ ไม่มีสาวใช้ห้องข้าง ไม่มีสตรีนอกบ้าน บุรุษตระกูลซั่งกวนของเรา จะมีภรรยาเพียงผู้เดียวเท่านั้น”
ปัง! ในใจของหลิงมู่เอ๋อร์ร้อนระอุไปหมด
ใครบอกว่าผู้ชายคนนี้พูดภาษาดอกไม้ไม่เป็? เขาเชี่ยวชาญอย่างมากดีหรือไม่?
ผู้ชายพวกนั้น แม้จะพูดคำหวานมากไปกว่านี้แล้วจะมีประโยชน์ใด? มิสู้คำเดียวของเขาที่ว่า “จะมีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น” ที่ทำให้ดวงจิตของคนสั่นสะท้าน
“ซั่งกวนเซ่าเฉิน จำสิ่งที่ท่านพูดในวันนี้ให้ดี” หลิงมู่เอ๋อร์เมื่อพูดจบ ก็ฝังกายอยู่ในอกของเขา แสดงท่าทางของเต่าออกมา
เสียงหัวเราะเบา ๆ ของซั่งกวนเซ่าเฉินดังเข้ามาในหูของนาง “พูดเช่นนี้ เ้ารับปากแล้ว? เป็ภรรยาของข้า?”
“พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้สึกว่าการพัฒนาของพวกเราเร็วไปหรือ? ข้ายังคงไตร่ตรองให้ดีก่อนเสียหน่อย ไม่มีทางถูกท่านหลอกกลับบ้านไปอย่างง่ายดายเช่นนี้”
“ดี ข้าจะรอต่อไป” ในเมื่อกระดาษกรุหน้าต่างแผ่นนี้ได้ถูกเจาะทะลุแล้ว เขาก็ไม่มีทางปล่อยให้นางหนีต่อไปอีก ส่วนเขาก็จะวางแผนเพื่ออนาคตของพวกเขา
บ้านสกุลหลิง หยางซื่อมองหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้า ดวงตาสั่นไหว นางช้อนตาขึ้นมองถังซื่อที่อยู่เบื้องหน้า คนหลังก็มีท่าทีรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้วเช่นกัน
หยางซื่อเดินเข้าไปหาถังซื่อ พูดอยู่ข้างกายของนางว่า “ท่านแม่ เด็กคนนี้ไม่ถูกต้องนะเ้าคะ”
“แก้มเป็สีแดง ในดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์ผลิบาน เมื่อก่อนเ้าก็เคยเป็หนุ่มสาวมาก่อน ยังมองไม่ออกหรือ? เมื่อครู่ นางออกไปกับใครกัน?” ถังซื่อด้านหนึ่งทำงานเย็บปัก อีกด้านหนึ่งก็พูดไปพร้อมเสียงหัวเราะ
หยางซื่อปิดปากหัวเราะเสียงเบา “ยังจะเป็ใครไปได้อีก? ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็เห็นเ้าเด็กหนุ่มเฉินนั่นเป็คนส่งนางกลับมา สีหน้าของทั้งสองคนในตอนนั้นก็ไม่ถูกต้อง ดูแล้วจะต้องมีเื่ราวแน่เ้าค่ะ!”
“ชู่ว์ เด็กสาวผิวหน้าบาง รู้อยู่ในใจก็พอแล้ว อย่าพูดเปิดเผยออกมา” ถังซื่อทำเสื้อผ้าจนเสร็จ วางลงเบื้องหน้าของหยางซื่อวัดเทียบอยู่ครู่หนึ่ง “ดูเหมือนจะใหญ่ไปนิด เฮ้อ ดูท่าอายุมากแล้ว สายตาใช้ไม่ค่อยดีแล้ว”
“นี่มิใช่กำลังดีหรือเ้าคะ?” หยางซื่อดูเสื้อตัวนั้น เปรียบเทียบกับตนเอง
“เทียบกับเ้าก็ย่อมกำลังพอดีสิ แต่นี่ให้มู่เอ๋อร์ เสื้อผ้าของเ้า เ้าไปทำเอง” ถังซื่อพูดอย่างอารมณ์ไม่ดี
“ท่านแม่ ตอนนี้ท่าน้าแต่หลานสาว แม้แต่บุตรสาวก็ไม่้าแล้ว” หยางซื่อร้องไห้อย่างเศร้าสร้อย
“กับลูกสาวของตัวเองยังจะแย่งชิงความรักอีก เ้าอายหรือไม่? ถังซื่อค้อนนางทีหนึ่ง “ยังมี ่นี้อย่าได้ไปยุ่งเื่นั้นเื่นี้ ชุดแต่งงานของมู่เอ๋อร์เ้าเตรียมแล้วหรือไม่? แม้จะบอกว่า ให้หญิงเย็บปักทำออกมาได้ แต่หญิงเย็บปักจะทำดีอย่างไร จะมีความตั้งใจเหมือนที่บ้านของเราทำเองได้หรือ? ฝีมือการเย็บปักของเ้ากับข้าก็มิใช่ว่าจะนำไปอวดคนไม่ได้ ”
“ไม่เร็วขนาดนั้นกระมังเ้าคะ? เด็กสองคนนี้พึ่งจะมีความก้าวหน้า หากพวกเราเตรียมของพวกนี้ไว้ก่อน ทำให้พวกเขาใจนหยุดแล้วจะทำอย่างไร?” หยางซื่อลังเล
“เ้ายังคิดจะอุ้มหลานเร็วหน่อยหรือไม่? เ้าไม่อยาก แต่ข้าอยาก” ถังซื่อเคาะหน้าผากของหยางซื่อครั้งหนึ่ง
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินคำพูดของถังซื่อและหยางซื่อ พลันรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก นางยังไม่ได้คิดจะแต่งงานเร็วเช่นนี้ พวกเขารอไม่ไหวที่จะจัดงานให้นางขนาดนี้เลยหรือ?
แต่ว่า ตอนมีความรักครั้งแรกชัดเจนถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เหตุใดท่านยายกับท่านแม่ล้วนค้นพบเข้าแล้ว คิดถึงเมื่อครู่ที่ตนพึ่งเผยท่าทีโง่งมออกมา นางก็คิดอยากหาสถานที่มุดเข้าไป ไม่ได้การแล้ว นางจะออกไปทำงาน ไม่อาจเหม่อลอยเพราะผู้ชายอยู่ที่นี่ได้ ก็มิใช่ว่าไม่เคยมีความรักมาก่อน…เอาเถอะ! นางไม่เคยมีความรักจริง ๆ
ชาติที่แล้วนางเป็ผู้สืบทอดของตระกูลหลิง ทั้งวันล้วนแต่เป็การฝึกฝนประเภทต่าง ๆ ทุกวันที่เผชิญหน้าด้วยล้วนแต่เป็พวกตาเฒ่าหรือไม่ก็ยายเฒ่า นางจะไปหาใครมามีความรักด้วยกัน?
ชาตินี้นางเผชิญกับครอบครัวที่ยากจน ทุกวันสิ่งที่คิดคือทำให้ครอบครัวนี้ร่ำรวยขึ้นมา บัดนี้ ไม่ง่ายเลยกว่าจะแก้ไขสภาพเช่นนั้นได้ ส่วนบุรุษที่สามารถทำให้หัวใจนางหวั่นไหวได้นั้น ั้แ่ในชาติที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ก็มีเพียงซั่งกวนเซ่าเฉินเท่านั้น มิใช่ว่าผู้ชายคนอื่นไม่ดี แต่เป็เพราะผู้ชายคนอื่นไม่รู้ใจนาง ซั่งกวนเซ่าเฉินเป็คนที่ตามใจนางที่สุด เข้าใจนางที่สุด สามารถเข้ามาถึงส่วนลึกของจิตใจนางได้คนนั้น ตัวนาง แม้จะมีความรัก ก็จะยังรักษาความเยือกเย็นไว้ นางจะหาผู้ที่มีทัศนคติที่เหมือนกับนาง
“สาวน้อย เ้าจะไปที่ใดอีก? มาลองเสื้อผ้าชุดนี้ก่อน” ถังซื่อเรียกนางอยู่ที่ด้านหลังของนาง
หลิงมู่เอ๋อร์โบกมือ เสียงดังมาจากที่ไกล “กลับมาแล้วค่อยลองเถิดเ้าค่ะ! ข้าจะไปดูที่ร้านอาหารสักหน่อย”
นางมอบการจัดการทั้งหมดของเหลาอาหารสกุลหลิงให้หลิงต้าจื้อและหยางต้าหนิว ไม่เคยแวะไปแม้แต่ครั้งเดียว วันนี้ไม่อยากไปโรงหมอ เช่นนั้น ก็ไปดูสถานการณ์ที่เหลาอาหารสกุลหลิง
“แม่นางท่านนี้ วันนี้ร้านของพวกเราเต็มหมดแล้ว หากท่านไม่รีบ สามารถนัดเวลาได้ ตอนนี้พวกเรามีนัดจองถึงเดือนหน้าแล้วขอรับ” เด็กเฝ้าประตูเห็นหลิงมู่เอ๋อร์เดินเข้าไปในร้าน ก็รีบกล่าวอธิบายต่อนาง
หลิงมู่เอ๋อร์เห็นเด็กเฝ้าประตูที่สูงกว่านางไม่มาก ก็มองอย่างสงสัยอยู่สองสามครั้ง “เหตุใดตอนนี้จึงหาเสี่ยวเอ้อร์ที่อายุน้อยเช่นนี้มาแล้วหรือ?”
เด็กเฝ้าประตูแก้มแดงระเรื่อ “ที่บ้านของข้ายากจน เป็ข้าขอร้องพี่ใหญ่หลิงว่าอยากทำงาน แม่นางอย่าได้เข้าใจผิด”
“หลิงมู่เอ๋อร์” เงาร่างสีแดงที่โอ้อวดร่างหนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของนาง เนตรหงส์ชั้นเดียวที่สุกใสหยาดเยิ้มของหญิงสาวเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “พี่ชายของเ้าเล่า?”
เหลียนมู่เอ๋อร์เห็นจวิ้นจู่น้อยที่เอาแต่ใจนางนี้ ก็รู้สึกไม่ชอบขึ้นมาโดยสัญชาตญาณ หากมิใช่เพราะเห็นแก่ซูเช่อ นึกอยากจะไล่นางออกไปจากร้านอาหารจริง ๆ
นางกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “จวิ้นจู่หาพี่ชายของข้าเพื่อสิ่งใด? ชายหญิงไม่ควรใกล้ชิด มีที่ใดมาถามถึงชายหนุ่มของครอบครัวอื่นในเวลากลางวันแสก ๆ กัน? ”