จูฟ่างยังไม่ทันได้ซึมซับความจริงที่เซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรักหัวใจทั้งดวงก็ถูกบีบเข้าด้วยกันเสียแล้ว
มารดาของเขาด่าทอเสี่ยวหลานกลางถนน?
เธอจะทำเื่แบบนี้ได้อย่างไร?
จูฟ่างไม่ได้ยินด้วยหูตนเอง แต่พอคาดเดาได้ว่าต้องด่าอย่างระคายหูเป็แน่ไม่เช่นนั้นโจวเฉิงคงไม่มาหาถึงที่
จูฟ่างเข้าใจดีว่ามารดาบังเกิดเกล้าเอาตนเองเป็ที่ตั้งขนาดไหนแต่สิ่งที่ติงอ้ายเจินแสดงออกที่บ้านคือการสนับสนุนเขาและเสี่ยวหลานเป็อย่างมากก่อนหน้านี้ยังเห็นด้วยกับการจัดหางานให้เสี่ยวหลานต่อมาเสี่ยวหลานบอกว่าจะไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย แม้แต่ธุรกิจปลาไหลก็จะไม่ทำแล้วเื่การจัดหางานจึงไม่มีตอนจบให้ติดตาม
จูฟ่างใบหน้าแดงก่ำ เพราะมารดาของเขากล่าวคำพูดไม่น่าฟังกับเซี่ยเสี่ยวหลานใช่หรือไม่ ถึงทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยอมมาภัตตาคารหวงเหออีก? ในตอนนั้นเขารู้ว่าเสี่ยวหลานยังไม่มีคนรัก
คนรักคนนี้คงเพิ่งจะคบหาดูใจกัน ในสมองของจูฟ่างสับสนอลหม่านเอ่ยปากโต้แย้งไปโดยไม่รู้ตัว
“เป็ไปไม่ได้ แม่ผมไม่ใช่คนแบบนั้น... เื่นี้ต้องมีการเข้าใจผิดแน่!”
โจวเฉิงรำคาญอยู่ไม่น้อย “ผมได้ยินกับหูยังจะมีการเข้าใจผิดได้อีกหรือคุณจูฟ่าง ผมขอบอกคุณไว้ก่อนนะ ถ้าคุณจัดการแม่ของตัวเองไม่ได้ผมก็ทำได้เพียงใช้วิธีของผมมาจัดการเื่นี้”
เขาแค่มาเพื่อแจ้งให้ทราบ ประกาศความเป็เ้าของ และให้โอกาสตระกูลจูอีกครั้ง
เ้าผู้ชายตรงหน้าคนนี้หลงใหลภรรยาของเขา สำหรับเื่นี้โจวเฉิงใจกว้างกว่าปลายเข็มไม่มากเท่าไรแต่เพื่อภาพลักษณ์ของตนเองในสายตาของเซี่ยเสี่ยวหลาน เขายังต้องเสแสร้งว่าใจกว้างและเคร่งขรึมอีก
ต้าถวนเจี๋ยหนึ่งปึกเป็จำนวน 1000 หยวนไม่ว่าอย่างไรส่วนที่เหลือบนโต๊ะก็มีสักแปดเก้าร้อย
คังเหว่ยเดาะลิ้นสองสามหน ชี้เงินที่เหลือพลางกล่าว “แม่คุณบอกว่าพี่สะใภ้เสี่ยวหลานยั่วยวนคุณเพื่อขายปลาไหลให้แก่ภัตตาคารเงินแค่นี้ไม่รู้ว่าเพียงพอกับเงินที่ภัตตาคารหวงเหอจ่ายให้พี่สะใภ้หรือไม่? ธุระอย่างเงินมาของไป ถูกแม่คุณว่าร้ายจนน่าสะอิดสะเอียดนักเงินส่วนนี้คุณรับไว้ เป็ค่าขอบคุณที่พี่ชายผมให้”
คังเหว่ยเ้าหมอนี่ แทบจะพูดว่าเป็การให้ทิปแก่จูฟ่างแล้ว
ศัตรูหัวใจมาแสดงอำนาจบาตรใหญ่ถึงที่ทำงาน ทั้งยังให้ ‘ทิป’ กับตน?
จูฟ่างรับการถูกิ่เกียรตินี้ไม่ได้!
ทว่าโจวเฉิงใช้ความอดทนหมดแล้ว เขาและคังเหว่ยจึงลุกขึ้นยืน
ทั้งสองคนมีรูปร่างสูงใหญ่ ความกำยำล่ำสันของคนทางเหนือแม้แต่รูปร่างจูฟ่างยังเสียเปรียบ
“คังจื่อ ไปเถอะ”
โจวเฉิงและคังเหว่ยไม่้าเสวนากับจูฟ่างอีกต่อไป ทั้งสองคนถ่อมาภัตตาคารหวงเหอเพื่อสาดเงินหนึ่งพันหยวนโดยเฉพาะขนาดน้ำยังไม่ดื่มสักอึกเดียว
“ทำไมลูกค้าไปแล้ว?”
“ไม่ได้สั่งอาหารสักอย่างเลยนะ...”
“ชู่ ฉันว่ามาหาเื่น่ะ”
“จูฟ่างรู้จักสองคนนั้นหรือ?”
ความนิยมของจูฟ่างไม่ค่อยดีนัก ต่อหน้าเซี่ยเสี่ยวหลานเขาวางตัวไว้ต่ำ ทว่าปกติการคบค้าสมาคมกับเพื่อนร่วมงานนั้นเรียกได้ว่าหยิ่งยโสมากในภัตตาคารก็มีบริกรหญิงที่มอบไมตรีให้แก่เขา แต่จูฟ่างไม่สนใจแม้แต่คนเดียว
รสนิยมสูงเทียมหลังคาของจูฟ่างทำร้ายศักดิ์ศรีในตนเองของบริกรหญิงทัศนคติของติงอ้ายเจินยิ่งเหลือทนกว่า
เห็นจูฟ่างเ็ปจากความปราชัย ทุกคนก็รื่นเริงอยู่บนความทุกข์ของผู้อื่น
มีบางคนคิดว่าโจวเฉิงและคังเหว่ยถากถางเกินไปแล้วจึงเดินเข้าไปปลอบโยนจูฟ่าง “สหายเสี่ยวจูคุณไม่เป็ไรใช่ไหม?”
จูฟ่างอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ผลักคนที่ห่วงใยเขาให้พ้นตัว “...ผมไม่เป็ไร ผมจะลางาน ที่บ้านมีธุระเล็กน้อย”
จูฟ่างหนีไปแล้ว
ฝูงชนมองเงินที่ถูกทิ้งไว้บนโต๊ะ เงินส่วนนี้ให้กับจูฟ่างแต่จูฟ่างไม่น่าจะรับไว้
“คนอะไร ถ่อมาภัตตาคารเราเพื่ออวดร่ำอวดรวยเสียได้”
“คนเขาสามารถอวดรวยแบบนี้ได้ แปลว่าเงินนี่ยังเยอะกว่าเงินเดือนทั้งปีของจูฟ่างสินะ?”
บริกรผู้รับทิปไว้ได้นับเงินในมือตั้งนานแล้ว ธนบัตรสิบหยวน 15 ใบ ก็คือ 150 หยวน ถ้าหนึ่งปึกเป็เงินหนึ่งพันหยวนเงินที่หลงเหลืออยู่บนโต๊ะก็เป็ 850 หยวน? เงินเดือนของจูฟ่างคือ 70 หยวน หนึ่งปียังได้เพียง 840 หยวนมิใช่ว่าสูงกว่าเงินเดือนหนึ่งปีของจูฟ่างอีกหรือ!
จูฟ่างไม่้าเงิน หากจะทิ้งไว้บนโต๊ะก็ไม่มีใครกล้าหยิบไปผู้จัดการเห็นแล้วรู้สึกว่าไม่เหมาะสมนัก จึงวานให้คนเก็บเงินไว้ก่อน
“รอเสี่ยวจูกลับมาค่อยคืนให้เขา”
ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดเื่อะไรขึ้น อยู่ๆ ก็มีแขกผู้สุรุ่ยสุร่ายสองรายมา ‘มอบเงิน’ ให้จูฟ่างแต่เช้าตรู่ อีกทั้งการมอบเงินนั้นทำจูฟ่างโกรธเกรี้ยวได้ถึงขนาดนี้คนในภัตตาคารสงสัยจนแทบทนไม่ไหว
--------------------------------------------
จูฟ่างกำลังโมโห
ที่จริงแล้วการที่เขาชอบเซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่ใช่เื่ร้ายแรงอะไร ทว่าความเคยชินกับรักลูกจนเกินกว่าเหตุของมารดาเมื่อมีเื่จะต้องกลับบ้านไปหามารดาร้องให้ช่วยแก้ไข ใครจะรู้ว่าติงอ้ายเจินต่อหน้าอย่างลับหลังอย่างปากบอกว่าจะช่วยเซี่ยเสี่ยวหลานจัดหางาน พอหันหลังกลับก็เหยียดหยามเสี่ยวหลานหัวใจของจูฟ่างเ็ปที่เซี่ยเสี่ยวหลานมีคนรักแล้ว ทั้งยังสงสัยว่ามารดาของเขาเป็ก้างขวางคอถึงทำให้เซี่ยเสี่ยวหลานหวั่นกลัวจนไม่มาภัตตาคารหวงเหอ แถมมีคนรักใหม่สายฟ้าแลบอีก
ตกลงแล้วมารดาเขาพูดอะไรกับเสี่ยวหลานกัน?
ทำลายบุพเพของเขาย่อยยับก็ช่าง เสี่ยวหลานถึงกับไม่พบหน้าเขาแล้ว ทำไมถึงยังพุ่งไปด่าทอเธอได้อีก!
โจวเฉิงและคังเหว่ยเดินทางมาภัตตาคารหวงเหอั้แ่เช้าเพื่อระบายความขุ่นเคืองให้เซี่ยเสี่ยวหลาน จูฟ่างเป็คนทระนงมากขนาดไหนถูกความหน้าใหญ่ใจโตและสูงส่งไม่ติดดินของโจวเฉิงโจมตีเข้าภายภาคหน้าคนในภัตตาคารจะปฏิบัติต่อเขาอย่างไร เขายังจะมีหน้าทำงานที่นี่อีกหรือ?
จูฟ่างผู้กำลังโมโหจึงตรงดิ่งไปยังหน่วยงานของมารดาในชั่วอึดใจเดียวทว่าวันนี้ติงอ้ายเจินมีการประชุมหลายครั้งที่ต้องเข้าร่วม
จูฟ่างอารมณ์สงบลงเล็กน้อยจึงไม่ได้เอะอะโวยวายในสถานที่ทำงานของติงอ้ายเจินเขาคอตกกลับบ้าน เมื่อติงอ้ายเจินประชุมเสร็จสิ้นได้ยินว่าลูกชายมาก็รู้สึกประหลาดใจเวลานี้มิใช่ต้องกำลังทำงานหรือ ดูท่าเวลาทำงานของคนจัดซื้อช่างมีอิสระทีเดียวจูฟ่างมาที่หน่วยงานของเธอน้อยครั้ง หากมาแล้วแสดงว่าต้องมีธุระสำคัญมีธุระทำไมไม่ทิ้งข้อความไว้ เหตุใดจึงจากไปดื้อๆ เสียได้?
่บ่ายติงอ้ายเจินเลิกงานเร็วกว่าปกติเมื่อถึงบ้านก็พบว่าจูฟ่างนอนแผ่อยู่บนโซฟา มีหมอนปิดศีรษะเอาไว้
พอได้ยินเสียงฝีเท้า จูฟ่างเปิดหมอนแล้วดีดตัวขึ้นมา หน้าหูแดงก่ำแววตาที่มองมารดาของเขาราวกับกำลังมองศัตรู
“แม่ แม่ไปหาเื่เสี่ยวหลานหรือ!”
ติงอ้ายเจินหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที
เมื่อวานเธออับอายขายหน้ายกใหญ่ จึงไม่คิดจะปล่อยวางโดยง่ายๆ เธอเป็ถึงผู้บริหารในหน่วยงานย่อมรู้จักเพื่อนฝูงคนอื่น และต้องชำระความเื่เมื่อวานคืนให้ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้ทำธุรกิจอิสระหรือแค่ไหว้วานมิตรสหายไม่กี่คนตรวจสอบเธอธุรกิจของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ดับสิ้นก็ต้องสาหัส!
สายลมฤดูใบไม้ผลิแห่งการปฏิรูปเศรษฐกิจพัดผ่านทั่วแผ่นดินจีนเศรษฐกิจทั้งประเทศเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นการแบ่งสรรที่ดินสู่ครัวเรือนทำให้ปริมาณการผลิตของผลิตภัณฑ์การเกษตรชนิดต่างๆเพิ่มสูงขึ้น ในกระเป๋าของเกษตรกรมีเงินคงเหลืออยู่ สินค้าที่สามารถส่งเข้าตลาดได้มีหลากหลายยิ่งขึ้นทำลายการปฏิรูปเศรษฐกิจคือการถอยหลังแต่แบบแผนของการปฏิรูปเศรษฐกิจยังคงอยู่ระหว่างการแสวงหา
ความแตกต่างระหว่างธุรกิจอิสระและการเก็งกำไร [1] นั้นไม่ชัดเจน
เงินเดือนต่อเดือนไม่กี่สิบหยวน ตั๋วรถจากซางตูถึงหยางเฉิงก็ต้องจ่ายออกไปครึ่งหนึ่งต้นทุนการเดินทางสูงลิบลิ่ว ถือเป็การบีบคอ ‘การเก็งกำไร’ ให้ตายในเปล [2] เลยทีเดียวเซี่ยเสี่ยวหลานส่งปลาไหลให้ภัตตาคารกล่าวได้ว่าคือสินค้าที่ผลิตและขายเองโดยเกษตรกรยังคงอยู่ในขอบเขตของการค้าขายผลิตภัณฑ์พลอยได้ทางการเกษตรแต่เธอตั้งแผงลอยเปิดเผยบนถนน ในสายตาของติงอ้ายเจินก็คือ ‘การเก็งกำไร’ !
ติงอ้ายเจินยังไม่ทันได้ลงมือก็ถูกจูฟ่างจับไต๋ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานวิ่งโร่ไปรายงานกับจูฟ่างแล้วหรือ?
ติงอ้ายเจินนั่งลงบนโซฟา ตระเตรียมข้อโต้แย้งไว้เรียบร้อย
“แม่ไม่ได้หาเื่เธอ เพียงทำให้เธอรู้สถานะของตัวเองแจ่มแจ้งเสียหน่อยเธอแค่เด็กสาวชนบทคนหนึ่ง ลูกชอบเธอก็ถือว่าเป็เกียรติยศของตระกูลเซี่ยแล้วนอกจากเธอจะไม่ซาบซึ้งน้ำตาไหล ยังกล้าโลเลได้หรือ? เธอมันไม่เชื่องเหลือเกิน ลูกโดนเธอหลอกแล้วข้างกายเซี่ยเสี่ยวหลานมีผู้ชายไร้หัวนอนปลายเท้า ลูกสะใภ้แบบนี้แม่ไม่ยอมรับ!”
จูฟ่างรู้สึกเหมือนทั้งร่างจะะเิ
มารดาของเขาพูดจาได้น่าฟังยิ่งนัก แต่นั่นคือการยอมรับเื่ราวที่เกิดขึ้นแล้วว่าเคยไปด่าทอเซี่ยเสี่ยวหลาน ทั้งยังวางแผนก่อความวุ่นวายให้เซี่ยเสี่ยวหลานด้วย!
ความโกรธเคืองของจูฟ่างมีสาเหตุมาจากความชื่นชอบที่มีต่อเซี่ยเสี่ยวหลานและมีสาเหตุมาจากการถูกโจวเฉิงยุแหย่ด้วย สำคัญยิ่งกว่าคือการกระทำของติงอ้ายเจินเธอมักหลอกลวงเขาเหมือนเด็กน้อยอยู่เสมอ จูฟ่างผู้อายุยี่สิบกว่าปีไม่สามารถทนได้ และรู้ดีว่าต้องใช้อะไรข่มขู่มารดาของเขา
“เสี่ยวหลานไม่เคยสัญญาอะไรกับผม แม่ต้อนเธอจนไม่กล้าส่งปลาไหลให้ภัตตาคารตอนนี้ยังคิดจะทำลายธุรกิจเธออีก หึๆ วันนี้คนรักของเธอมาหาผมที่ร้านผมว่าธุรกิจของเสี่ยวหลานคงไม่ย่ำแย่ แต่การงานของลูกชายแม่จะไม่เหลือแล้ว! ถ้าแม่จะไปตอแยเธออีก แม่ก็ไปเลย และผมจะย้ายออกไป ไม่อยู่ในบ้านนี้แล้ว!”
จูฟ่างคิดว่าตนเองคือวีรบุรุษผู้กำลังปกป้องเซี่ยเสี่ยวหลานและต่อต้านความเผด็จการของผู้อำนวยการติงแทนตัวเขาเองด้วย
ติงอ้ายเจินเห็นเขาเหมือนกับประทัดที่ถูกจุดติดทิ้งคำขู่ไว้ก็จะพุ่งออกไปนอกบ้านทันทีเธอขุ่นเคืองจนเจ็บอกเจ็บใจ รีบรั้งเขาเอาไว้
“แม่ไม่หาเื่เธอแล้ว ลูกเล่าให้แม่ฟังหน่อย คนรักของเธอไปหาลูกที่ภัตตาคารเื่มันเป็มาอย่างไรกัน?”
เชิงอรรถ
[1]投机倒把 การเก็งกำไร ไม่ได้หมายถึงการเก็งกำไรทั่วไปแต่เป็กิจกรรมทางการค้าซึ่งใช้วิธีที่ไม่ถูกต้องนักในการทำกำไรส่วนต่าง เช่นชิงขึ้นราคาสินค้าจนสูงมากในขณะที่ขาดแคลน
[2]扼杀在摇篮中 บีบคอให้ตายในเปล หมายถึง ไม่ปล่อยให้เริ่มต้นหรือกำจัดั้แ่เพิ่งปรากฏเป็รูปร่างในที่นี้หมายถึงการใช้เงินจำนวนครึ่งหนึ่งของรายได้ต่อเดือนซื้อตั๋วรถไฟไปหยางเฉิงเป็สิ่งสิ้นเปลืองต้นทุนมาก เหมือนจบสิ้นการเก็งกำไรั้แ่ยังไม่เริ่ม
