เสียงรถม้ากุบกับๆ กำลังจะกลับเข้าเมือง เฉียวเยว่ในยามนี้ย่อมไม่ใช่ตัวปลอม อย่างไรเสียก็มีแต่คนสนิททั้งนั้น หากไม่ระวังอาจถูกจับผิดได้ง่าย เฉียวเยว่เข้าใจในจุดนี้
เดิมทีนางนึกว่าวิชาแปลงโฉมที่ว่าจะเหมือนกันทุกกระเบียด แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่
แต่ลองมาตรองดูดีๆ แล้ว จะมีใครที่สามารถทำให้คนสองคนมีความเหมือนดังโขลกออกมาจากพิมพ์เดียวกันได้ เป็เื่ไม่สมเหตุสมผล
"เฉียวเยว่ เ้าหายเร็วมากเลย รู้หรือไม่พวกเราเป็ห่วงแค่ไหน?"
เฉียวเยว่ทอยิ้มอ่อนจาง "ตอนนี้ข้าก็สบายดีแล้วมิใช่หรือ?"
นางเลิกผ้าม่านขึ้น วันนี้เป็วันที่ท่านลุงกลับเมืองหลวง แต่ร่างกายเขาเป็อย่างไรก็สุดที่จะรู้ได้ สองวันมานี้เขากระอักเือย่างต่อเนื่อง แต่แม้ว่าการกระอักเืขับพิษออกมาจะเป็ผลดีต่อเขา ทว่าก็ทำให้ท่านลุงเสียเืไปมากเช่นเดียวกัน
ต้องบำรุงเสริมเข้าไปถึงจะแก้ไขได้ ยามนี้เฉียวเยว่นั่งปลงอยู่เงียบๆ หากเป็ยุคปัจจุบันสามารถให้เืได้ แต่สมัยโบราณกลับทำไม่ได้
เฉียวเยว่เท้าคางมองออกไปด้านนอก แน่นอนว่าไม่เห็นรถม้าของจวนอวี้อ๋อง แต่นางก็ยังใจคอแห้งเหี่ยว
"เ้ามองอะไรหรือ?" โม่หลันถาม
"ชมความงดงามของต้นฤดูร้อนน่ะซี" เฉียวเยว่ตอบอย่างจริงจัง
แต่การตอบอย่างฉาดฉานของนางกลับทำให้โม่หลันหัวเราะขบขันออกมา
แต่เวลาก็ผ่านไปเร็วมาก เพียงครึ่งวันพวกนางก็กลับมาถึงเมืองหลวง เฉียวเยว่พาแต่ละคนส่งกลับจวน หลังจากนั้นก็กลับบ้านของตนเอง ไม่รู้ว่าท่านแม่จะทราบข่าวของท่านลุงหรือยัง นางกลับไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นไท่ไท่สามมารอรับที่หน้าประตู นางย่อมไม่สามารถวิ่งโผเข้ากอดไท่ไท่สามเหมือนตอนเด็กๆ ได้อีกแล้ว แต่กลับคล้องแขนของมารดาไม่ปล่อย "ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่านมาก"
ไท่ไท่สามตบมือน้อยๆ ของนางแล้วเอ่ยว่า "เ้านี่นะ แต่ไรมาพูดจาไพเราะยิ่งกว่าขับร้อง ใครไม่รู้คงถูกปากน้อยๆ ของเ้าหลอกเอาจริงๆ"
"โธ่ ท่านแม่ก็ อย่าเอ่ยเช่นนี้ซีเ้าคะ" เฉียวเยว่กระเง้ากระงอด
ขณะไปคารวะฮูหยินผู้เฒ่าอาจเป็เพราะเห็นเฉียวเยว่แลดูเหนื่อยล้า ฮูหยินผู้เฒ่าจึงมิได้รั้งให้นางอยู่ต่อ กำชับแต่ให้นางรีบกลับไปพักผ่อน หลับสักตื่นสีหน้าจะได้สดชื่น
เฉียวเยว่รับคำ แต่พอกลับมาถึงเรือน ก็ดึงมือของไท่ไท่สามไปกุมไว้ "ท่านแม่ ข้ามีเื่อยากจะคุยกับท่าน..."
ไท่ไท่สามไม่รอให้นางเอ่ยปาก ก็เอ่ยขึ้นมาก่อน "อนุในจวนพี่สาวเ้าเกิดเื่แล้ว"
เฉียวเยว่ตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นก็เลิกคิ้ว "จริงหรือ?"
น้ำเสียงเยือกเย็นไร้ความกระตือรือร้น นางมักเฉยชากับคนไม่รู้จักเช่นนี้เสมอ
เื่มีอยู่ว่า เมื่อวานเป็วันขึ้นสิบห้าค่ำ สวีหมัวมัวยืนกรานจะพาหลานสาวผู้นั้นไปไหว้พระที่วัดโดยไม่คำนึงถึงคำทัดทานของผู้ดูแลจวน ว่ากันว่าเมื่อก่อนฮองเฮาทรงไปไหว้พระที่นั่น ต่อมาก็ให้กำเนิดรัชทายาท มาใคร่ครวญดูดีๆ สองคนนี้ก็มีใจทะเยอทะยานไม่น้อย ผู้ดูแลจวนขัดขวางอยู่ ไปถามชายารัชทายาท ใครจะคิดว่าสวีหมัวมัวผู้นั้นกลับอ้างพระเสาวนีย์ฮองเฮามาข่มชายารัชทายาท ยืนกรานจะออกไปจากจวนให้ได้
การกระทำเช่นนี้ช่างน่าโมโหยิ่งนัก ในจวนรัชทายาทั้แ่เบื้องบนไปจนถึงเบื้องล่างไม่มีผู้ใดไม่รู้ เพื่อวางอำนาจข่มลูกสะใภ้ ฮองเฮาถึงขั้นสนับสนุนให้ท้ายหมัวมัวกับนางกำนัลไร้สถานะคนหนึ่ง
เมื่อเป็เช่นนี้ ชายารัชทายาทย่อมไม่ขัดขวาง แต่เื่ราวก็ประจวบเหมาะยิ่งนัก
ชะตากรรมของคนคือสิ่งที่ยากจะทำนายทายทัก สวีหมัวมัวบังเอิญพบกับหลานชายของฮองเฮาที่วัด นางเป็ข้ารับใช้ที่ตบแต่งเข้ามาพร้อมกับฮองเฮา ย่อมคุ้นเคยกับญาติฝ่ายตระกูลมารดาของฮองเฮาเป็อย่างดี ด้วยเหตุนี้จึงรั้งอยู่สนทนา แต่พวกเขาหารู้ไม่ว่าถูกหญิงสติวิปลาสคนหนึ่งจับตาไว้แล้ว ขณะลงจากเขา หญิงสติวิปลาสผู้นั้นก็ผลักนางกำนัลที่ตั้งครรภ์ตกจากเขา ทั้งยังแทงสวีหมัวมัวสองครั้งจนเสียชีวิตคาที่
หลังจากนั้นก็หันไปแทงหลานชายของฮองเฮาอีกหนึ่งครั้ง มีดแทงถูกจุดสำคัญ ต่อไปไม่อาจแผ่กิ่งก้านให้วงศ์สกุลได้อีก
เื่ใหญ่เช่นนี้เกิดขึ้นในคราเดียวกัน เมื่อวานจึงเกิดเหตุวุ่นวายปั่นป่วนไปทั้งเมืองหลวง
หลังจากฟังทุกอย่างแล้ว เฉียวเยว่ก็ถามขึ้นอย่างช้าๆ "แล้วเด็กคนนั้นเล่า?"
"เด็ก? กลิ้งตกไปจากูเาเยี่ยงนั้น สามารถรักษาชีวิตรอดก็ไม่เลวแล้ว ยังจะนึกถึงเด็กอะไรอีก" ไท่ไท่สามตอบ
"ช่างโชคร้ายจริงๆ" เฉียวเยว่พึมพำเสียงเบา
แท้จริงแล้วทั้งสองต่างก็รู้อยู่แก่ใจ ทว่าไม่มีใครคิดจะเจาะรูหน้าต่างบานนี้ "ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับพี่สาว แต่เป็เพราะเวรกรรมที่หลานชายฮองเฮาผู้นั้นก่อไว้ ทำให้ผู้อื่นพลอยเดือดร้อนไปด้วย และเื่นี้ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเราโดยสิ้นเชิง"
ไท่ไท่สามมองบุตรสาว ก่อนที่จะเอ่ยอย่างหนักแน่น "เ้ากล่าวถูกต้อง"
แม้เื่จะบังเอิญจนน่าสงสัย แต่กลับไม่มีพยานหลักฐานใดๆ
"เอาล่ะ ไม่พูดถึงผู้อื่นแล้ว มาคุยเื่ของเ้าดีกว่า เมื่อครู่เ้าจะพูดอะไร?" ไท่ไท่สามย้อนถาม
เฉียวเยว่เล่าเื่ฉีจือโจวได้รับาเ็ให้ไท่ไท่สามรับรู้ พอได้ยินเื่นี้ ไท่ไท่สามก็ใลุกขึ้นยืน เอ่ยถามอย่างพะว้าพะวง "ลุงของเ้าเป็อย่างไรบ้าง เด็กคนนี้นี่ ไฉนเมื่อครู่ไม่รีบเล่า ปล่อยให้ข้าคุยแต่เื่ไร้แก่นสารเ่าั้อยู่ได้ เ้านี่ช่าง... ข้าจะไปเยี่ยมลุงของเ้า"
นางหมุนตัวเตรียมออกจากห้อง ท่าทางราวกับแมลงวันไร้หัวอย่างไรอย่างนั้น
เฉียวเยว่รั้งไท่ไท่สามไว้ทันควัน "ท่านแม่อย่าเป็เช่นนี้สิเ้าคะ ตอนนี้ไม่รู้ว่าท่านลุงจะกลับไปถึงหรือยัง อีกอย่าง ข้าบอกท่านแล้วมิใช่หรือ ตอนนั้นหลี่เฉิงซูก็ไปที่นั่น มีนางอยู่ ท่านยังไม่วางใจอีกหรือ ท่านบุ่มบ่ามจะไปเช่นนี้คงไม่ดีเท่าไร รอสกุลฉีส่งสารมาก่อนเถิดเ้าค่ะ"
ไท่ไท่สามเข้าใจเหตุผล แต่นางก็ร้อนใจอย่างที่ไม่ปรากฏให้เห็นบ่อยนัก "ไม่รู้ว่าลุงของเ้าเป็อย่างไรบ้าง"
"มิสู้พวกเราต้มน้ำแกงบำรุงเืไปให้พวกเขาดีหรือไม่?" เฉียวเยว่เสนอความคิด
ไท่ไท่สามพยักหน้า "ใช่ ใช่ ใช่ พวกเราต้มน้ำแกงบำรุงเืก่อน แล้วค่อยไปเยี่ยมท่านลุงของเ้า"
เฉียวเยว่วิเคราะห์ไม่ผิด ข่าวฉีจือโจวได้รับาเ็แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว นับว่า่นี้เกิดเื่ราวมากมายสารพัดในเมืองหลวงจริงๆ
ซูซานหลางเลิกงานกลับมา เห็นพวกนางสองแม่ลูกเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วรอเขาอยู่ ก็เอ่ยว่า "พวกเ้ารวดเร็วกันถึงเพียงนี้"
หลังจากนั้นก็มองพิจารณาเฉียวเยว่ด้วยสายตาคลางแคลง
"ท่านพ่อมองอะไรหรือเ้าคะ?" เฉียวเยว่ถามขึ้นมาทันที
"เ้ารู้ล่วงหน้าแล้ว?"
"จะมาพูดอะไรกันตอนนี้ เอาไว้กลับมาค่อยคุยกัน ข้าร้อนใจอยากไปเยี่ยมพี่ใหญ่จะแย่อยู่แล้ว" ไท่ไท่สามทักท้วง
รถม้าจวนซู่เฉิงโหวเพิ่งมาถึงหน้าประตูจวนสกุลฉี ก็เห็นหลี่เฉิงซูยืนถือตะกร้าเดินเข้ามา
เฉียวเยว่เข้ามาคล้องแขนหลี่เฉิงซู แล้วทักทาย "พี่หญิงหลี่"
หลังจากนั้นก็หันไปหาซูซานหลางสองสามีภรรยา "ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่หญิงหลี่เก่งมาก โชคดีที่มีนาง"
ไท่ไท่สามขอบตาแดง "คุณหนูหลี่ บุญคุณยิ่งใหญ่ของท่าน ข้าไม่รู้จะกล่าวคำใดจริงๆ"
หลี่เฉิงซูกลับนิ่งเฉย "ข้าไม่ช่วยเหลือเขาเปล่าๆ ภายหน้าต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขาเป็ค่าตอบแทนอย่างแน่นอน ดังนั้นไม่ต้องขอบคุณอะไร ข้าช่วยเหลือคน โดยเฉพาะคนที่ข้าเกลียดชัง อย่างไรเสียก็ต้องทวงคืน เอาของผู้อื่นไปหนึ่งชั่งก็ต้องใช้คืนสิบหกตำลึง"
"เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านแล้ว" ไท่ไท่สามยังคงเอ่ยอย่างจริงจัง
พวกเขาเข้าไปในห้อง
อาจเป็เพราะการเดินทางยากลำบาก สีหน้าของฉีจือโจวจึงแย่กว่าเมื่อวาน แต่หลี่เฉิงซูกลับไม่นำพา ชี้ไปที่ประตูเอ่ยว่า "พวกเ้าออกไปให้หมด ข้าจะฝังเข็มให้เขา"
ทุกคนต่างตกตะลึง
"ข้าจะถอดเสื้อผ้าเขาออก หากพวกเ้าอยากดู ไม่ต้องไปก็ได้" หลี่เฉิงซูตรงไปตรงมาอย่างยิ่ง
พวกไท่ไท่สามต่างอึดอัดเก้อเขิน รีบออกไปจากห้อง
ไท่ไท่สามขบริมฝีปากรำพึง "นะ... นี่ แย่จริง ไม่เป็ธรรมกับคุณหนูหลี่แท้ๆ เลย"
เฉียวเยว่มองไท่ไท่สามอย่างข้องใจ หลังจากนั้นก็เอ่ยว่า "สำหรับหมอคนหนึ่ง เบื้องหน้ามีแต่คนไข้ ไม่แบ่งแยกบุรุษสตรี บางทีร่างกายของท่านลุงในสายตาของพี่หญิงหลี่ก็อาจไม่ต่างกับสุกรตัวหนึ่งก็เป็ได้"
ซูซานหลางมุมปากกระตุก ไม่รู้จะพูดกับบุตรสาวของตนเองอย่างไรดี
แต่อาจารย์ฉีกลับเห็นพ้องกับหลานสาว "ถูกต้อง ไกวเยว่ของข้าพูดมีเหตุผล"
ไท่ไท่สามมองสองตาหลานอย่างจนใจ หลังจากนั้นก็มองไปในห้อง ไม่นานนัก หลี่เฉิงซูก็เปิดประตูออกมา "พรุ่งนี้เป็วันสุดท้าย ข้าก็ฝังเข็มเสร็จเรียบร้อย พวกเ้าก็จัดการกันต่อเถอะ"
อาจารย์ฉี "จัดการกันต่อ... หมายถึงจะเป็หรือตายขึ้นอยู่กับพวกเรา?"
"หมายความว่า เขาจะฟื้นพรุ่งนี้ เพียงพักผ่อนรักษาตัวอีกไม่กี่วันก็หาย อย่าลืมแจ้งเขาด้วยว่าให้มาหาข้าเพื่อตอบแทนบุญคุณ" หลี่เฉิงซูเอ่ยอย่างเฉยชา
หลังจากนั้นก็หิ้วตะกร้าจากไปโดยไม่รั้งรอ
ซูซานหลางมองเงาหลังของหลี่เฉิงซู หลังจากนั้นก็หันกลับมามองพี่ชายภรรยาแล้วเอ่ย "ให้พี่ใหญ่ตอบแทนบุญคุณด้วยร่างกายไปเลยก็สิ้นเื่"
เฉียวเยว่ขำพรืดออกมา "ท่านพ่อกล่าวเช่นนี้ ท่านลุงอาจลุกขึ้นมาบีบคอท่านเอาได้นะเ้าคะ เอ้อ... พี่หญิงหลี่ก็อาจฆ่าท่านทิ้งเหมือนกัน"
"ท่านพ่อตา..." ซูซานหลางเอ่ยทันควัน
"ซานหลางพูดผิดตรงไหน ให้เ้าท่อนไม้เปลือย [1] ใช้ร่างกายตอบแทนนั่นแหละดีแล้ว หากเขากล้ารังแกเ้า ข้าไม่ละเว้นเขาแน่”
มุมปากของซูซานหลางโค้งขึ้น
เฉียวเยว่เห็นท่าทางของบิดาแล้วก็ทนมองไม่ได้จริงๆ บิดาของนางเ้าเล่ห์เกินไปแล้ว
ทว่า... ก็ดูเหมือนเป็เื่ธรรมดาอยู่นะ ชิ!
อาจเป็เพราะเื่เสนาบดีฉีเ้ากรมอาญาถูกชาวซีเหลียงวางยาพิษทำให้คนฟังรู้สึกะเืขวัญ เื่ในจวนรัชทายาทจึงกลายเป็เื่เล็กไปถนัดตา นางกำนัลไร้สถานะคนหนึ่งแท้งบุตร นอกจากคนในครอบครัวของตนเอง ก็ไม่มีใครสนใจจริงๆ
แต่อย่างไรเสียก็มีคนรู้สึกว่านี่เป็ความโชคร้าย หากเด็กถือกำเนิดออกมาได้จริง ก็จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง นี่คือบุตรคนแรกของรัชทายาท หากเป็โอรส ย่อมเป็องค์ชายใหญ่ในภายภาคหน้าโดยมิต้องสงสัย
แต่มนุษย์มักคาดคะเนได้ยากเสมอ
สิ่งที่ชวนให้คนคาดไม่ถึงก็คือ สตรีผู้ก่อเหตุฆาตกรรมะเืขวัญผู้นั้นแท้จริงแล้วก็คือแม่นางที่เคยถูกหลานชายของฮองเฮาขืนใจ หลานสาวของหมัวมัวคนสนิทข้างพระวรกายไทเฮา ยามฮองเฮาเรียกร้องให้ปะาสตรีชั้นต่ำผู้นั้น ไทเฮากลับลุกขึ้นมาคัดค้านโดยไม่ลังเล
บางคราก็ใช่ว่าคนผู้นี้สำคัญมากมาย ไทเฮาย่อมทรงมีวิจารณญาณ แต่สิ่งที่พระนางให้ความสำคัญที่สุดคือพระเกียรติของพระนางเอง รวมถึง... ความสามารถในการปกป้องคนข้างกาย
จะว่าไปคนก็วิปลาสไปแล้ว อีกอย่างหากไม่เพราะพวกเขาเคยก่อกรรมทำเข็ญไว้ ไหนเลยจะต้องมารับผลกรรมเช่นนี้?
ชั่วขณะนั้นเกิดความวุ่นวายไปหมดจริงๆ
ดึกสงัด ในจวนรัชทายาท
ซูอิ้งเยว่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างจิบชาชมจันทร์ ดวงหน้าเผยรอยยิ้มเย็นะเื...
...
[1] ท่อนไม้เปลือย หมายถึงผู้ชายที่ยังตัวเปล่าเล่าเปลือยหาคู่ครองไม่ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้