หลังจากชายหน้าบากการรายงานเื่ต่างๆ กับเย่เฟิงก็รีบกลับไปจัดการเื่ยาเสพติดทันที เย่เฟิงและซูเมิ่งหานถูกส่งกลับบ้านโดยคนของแก๊ง พวกเขาไปเมืองหลางฝางในวันหยุดสุดสัปดาห์ พรุ่งนี้เช้าถึงเวลาที่ต้องไปโรงเรียน
ผลการสอบจำลองครั้งที่สองน่าจะประกาศเร็วๆ นี้ เย่มองซูเมิ่งหานที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาคิดในใจว่าถ้าคะแนนสอบออกมาเมื่อไร คงถูกเธอหัวเราะเยาะแน่ ช่างมันเถอะ อย่างไรหลังจากนี้เย่เฟิงคงไม่ได้คุยกับสาวน้อยคนนี้เเล้ว แถมอีกฝ่ายยังมีท่าทีเหมือนรังเกียจเขาอีก
ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ซูเมิ่งหานสร้างความเดือดร้อนให้เย่เฟิงไม่น้อยทีเดียว แค่รับโทรศัพท์ตอนงานจัดแสดงสินค้าวันนั้น การพูดชื่อเย่เฟิงเสียงดังดึงดูดความสนใจของหลงหว่านเอ๋อร์ จนเขาเกือบจะถูกตระกูลหลงจับ และต้องฆ่าทานหลางเจี้ยนเพื่อหนีออกจากที่นั่น ถ้าเขาถูกผู้หญิงคนนั้นจับตัวได้ล่ะก็… เย่เฟิงไม่อยากจินตนาการถึงผลที่จะตามมา ตอนนี้เขาอาจเสียชีวิตไปแล้วถ้าเกิดถูกจับ
“เื่ที่แกฝึกวรยุทธ์ ห้ามให้คนตระกูลหลงรับรู้เด็ดขาด!” ประโยคจากเย่เวิ่นเทียนยังดังก้องอยู่ในหูของเขา แม้เย่เฟิงไม่รู้ว่าตระกูลหลงมีความสัมพันธ์อย่างไรกับตระกูลเย่ แต่ปู่พูดแบบนั้นแล้วคงไม่ได้โกหกเขาหรอกนะ
ในใจของเย่เฟิงขบคิดเกี่ยวกับวรยุทธ์ บางครั้งก็หันไปมองซูเมิ่งหานที่อยู่ด้านข้าง หลังกลับจากการเดินทาง เธอนิ่งสงบมากขึ้น หญิงสาวมองนอกหน้าต่างอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
สังเกตจากที่ซูเมิ่งหานรักษาระยะห่างกับเขา เย่เฟิงคิดว่าอีกฝ่ายคงเกลียดเขาเสียแล้ว ในชีวิตก่อนเขาไม่เคยมีประสบการณ์ด้านความรัก จึงค่อนข้างซื่อบื้อกับเื่แบบนี้ พูดตามตรงว่าการถูกนักเรียนสาวสวยเกลียดทำให้เย่เฟิงผิดหวังเล็กน้อย แต่เขาก็โยนความรู้สึกนี้ทิ้งไป ตอนนี้ไม่ใช่เวลาคิดถึงเื่แบบนี้
ระหว่างทางกลับบ้านทั้งคู่ไม่พูดอะไรกันเลย ไม่นานชายหนุ่มจากแก๊งอสรพิษ์ก็ขับรถมาถึงวิลล่า เขาจอดตรงทางเข้าหมู่บ้าน
“จำไว้ เงินสองแสนนั่น ฉันจะคืนให้นายแน่นอน” หลังพูดจบ ซูเมิ่งหานก็ลงจากรถไปอย่างสง่างามและตรงเข้าหมู่บ้านโดยไม่หันกลับไปมองเย่เฟิงเลย แผ่นหลังร่างอันงดงามของเธอช่างน่าดึงดูด
เย่เฟิงไม่ได้พูดอะไรและจะเดินตามไป แต่คนขับรถก็เรียกไว้เสียก่อน เย่เฟิงหันกลับมามองด้วยสายตาสงสัย เขาเห็นเด็กชายสูงไม่ถึงร้อยเจ็ดสิบ แต่ดวงตาของเขาน่ารักมาก ดูเป็ผู้ชายที่มีชีวิตชีวา ตอนนี้เขาอยู่ต่อหน้าเย่เฟิง ยืนแสดงท่าทีเก้ๆ กังๆ พลางพูด “พี่เย่ครับ ผมมีเื่อยากจะพูด แต่ไม่รู้ว่าสมควรพูดไหม”
“มีอะไรอยากพูดก็รีบพูดมา” เย่เฟิงพยักหน้า
“ผมคิดว่านายหญิงกำลังหึงพี่เย่ ไม่รู้ว่าพี่จะสังเกตไหม?” ชายคนนั้นผ่อนคลายลงและมองตามหลังซูเมิ่งหาน เขาพูดด้วยความมั่นใจ
“ว่าไงนะ? หึง?” เย่เฟิงไม่คาดคิดว่าชายหนุ่มจะพูดเื่นี้ เขาแปลกใจเล็กน้อย "อะไรที่ทำให้แกคิดอย่างนั้น?"
เมื่อชายหนุ่มเห็นเย่เฟิงสนใจก็รีบอธิบาย “เพราะผมทำแบบสำรวจเกี่ยวกับสาวๆ พี่เย่ไม่ได้สังเกต จากสายตา ท่าทีและพฤติกรรมของนายหญิง ผมมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าเธอหึงพี่! อยากคุยกับพี่แต่ก็โกรธอยู่ นายหญิงรู้ว่าพี่ไปมีสาวอื่นใช่ไหม”
“...” เย่เฟิงงุนงง เขามีผู้หญิงคนอื่นด้วยหรือ? ทันใดนั้นเหตุการณ์ที่หลงหว่านเอ๋อร์ไล่ตามเขาถึงหน้าโรงพยาบาลก็แวบเข้ามาในหัว
“เฮ้ย อย่าบอกนะว่า…” เย่เฟิงทบทวนเื่ราวก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว ระหว่างไปเมืองหลางฝาง ซูเมิ่งหานตกหลุมรักเขาแล้ว แต่เพราะเขาถูกหลงหว่านเอ๋อร์ที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยไล่ตาม เลยทำให้เธอหึง?
“นายชื่ออะไร?” เย่เฟิงถาม หากไม่ได้ชายหนุ่มคนนี้กล่าวเตือน เขาคงคิดว่าซูเมิ่งหานเกลียดเขาแล้ว
“ทุกคนเรียกผมว่าเปยจื่อ ชื่อของผมคือจ้าวอี้เปย แหะๆ พี่เย่อยากเรียกแบบไหนก็เชิญตามสบายเลย” เปยจื่อแนะนำตัวอย่างกระตือรือร้นก่อนเสริม “ยิ่งกว่านั้นหัวหน้าสั่งให้ผมเป็คนขับรถให้พี่เย่ครับ พี่คิดว่าไง”
“เปยจื่องั้นหรือ? เป็ชื่อที่ดี” เย่เฟิงยิ้มและพูดต่อ “ไม่ต้องมีคนขับรถหรอก ฉันไม่อยากเด่นเกิน ถ้าฉัน้าเมื่อไรจะโทรไปเรียก”
เย่เฟิงมองรถข้างตัว มันคือรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 สีเงินบรอนซ์ รุ่นเดียวกับรถที่พ่อของซูเมิ่งหานใช้ ถึงจะไม่ใช่รถหรูสำหรับพวกเศรษฐี แต่ถ้าให้เขานั่งรถคันนี้ไปโรงเรียนทุกวัน ไม่นานเขาต้องเป็ที่รู้จักไปทั้งโรงเรียนแน่ ชายหนุ่มไม่อยากเป็จุดสนใจของคนในโรงเรียน
“ตกลงครับพี่เย่ ผมจะส่งข้อความไปให้ พี่จดเบอร์ไว้ด้วย ถ้าพี่มีธุระหรือ้าอะไร โทรเรียกผมได้ทันที” จ้าวอี้เปยส่งข้อความหาเย่เฟิง ชายหน้าบากให้เด็กคนนี้มาขับรถให้อีกทั้งให้เบอร์ของเย่เฟิงอีก ดูเหมือนชายหน้าบากจะเชื่อใจจ้าวอี้เปยมาก
“โอเค นายกลับไปได้แล้ว ฉันจะเข้าบ้านแล้ว” เย่เฟิงโบกมือและเดินเข้าบ้าน
ใช่ว่าเย่เฟิงไม่ชอบสาวสวย แต่เพราะยังมีพลังไม่มากพอจึงยังไม่คิดเื่พวกนี้ แต่ตอนนี้เื่ของซูเมิ่งหานอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ในโลกเทวะ ชายหนุ่มเจอผู้หญิงงดงามเช่นซูเมิ่งหานมากมาย แต่เมื่อเทียบกันแล้ว ซูเมิ่งหานมีด้านที่แตกต่างออกไป ความประทับใจที่มีต่อเธอมากที่สุดคือความเมตตา เขานึกถึงขณะที่เธอช่วยเหลือญาติที่เมืองหลางฝาง สมัยนี้จะหาผู้หญิงแบบนี้ได้จากที่ไหนอีก? ชายหนุ่มคิดว่าหากจิตใจใสซื่อของเธอต้องแปดเปื้อนเพราะโลกนี้ คงเป็เื่แย่ที่สุดที่เขาได้พบขณะอยู่ในโลกนี้ เขาไม่ได้เจอสาวสวยแล้วก็ยึดเป็เ้าของเลย เเต่สำหรับซูเมิ่งหานเขารู้สึกบอกไม่ถูก
“เฮ้อ ไปแก้ตัวหน่อยแล้วกัน” เย่เฟิงตัดสินใจตามไปอธิบาย แต่บังเอิญเห็นซูเมิ่งหานถูกใครบางคนขัดขวางไม่ให้เธอเข้าบ้าน
คนที่ยืนขวางทางเด็กสาวเป็ผู้หญิงแต่งตัวทันสมัย ถือกระเป๋าแฟนซี ถึงจะแต่งหน้าแต่ดูเหมือนเธออายุประมาณสามสิบกว่า น่าจะเป็ภรรยาร่ำรวยของใครบางคน ทำไมเธอต้องขวางไม่ให้ซูเมิ่งหานเข้าบ้านด้วยล่ะ?
“ฉันได้ยินว่าเธอไปเมืองหลางฝางมา กตัญญูเสียเหลือเกิน” ผู้หญิงคนนั้นขวางหน้าซูเมิ่งหานและหัวเราะเยาะ “เป็ไง? ได้เจอคุณยายของเธอไหม เมื่อก่อนจะเป็ตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมให้ฉันแต่งงานเข้าบ้านพ่อเธอ ฉันยังจำได้ชัดเจน น่าเสียดาย เธอคงได้เห็นแค่หลุมศพของมันล่ะสิ?”
ซูเมิ่งหานยืนตัวสั่นด้วยความโกรธ “คุณมันไร้ยางอาย! คุณสินะที่ทำให้คุณยายตาย?”
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นเสียหน่อย ในเมื่อเธอไปที่นั่นมาจริงๆ ฉันคงต้องถามซูซิ่นชางว่าจะเอายังไง จะตัดขาดกับเธอหรือหย่ากับฉัน เขาต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง มีแกไม่มีฉัน มีฉันไม่มีแก ฉันเลี้ยงแกมาั้แ่เด็ก เงินที่ใช้ก็เงินตระกูลเซี่ยของฉัน แต่เธอยังกล้ากลับไปหาพวกมัน!” ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายด้วยความอิจฉา เธอพูดพลางหยิบโทรศัพท์มือถือ
เย่เฟิงมองพวกเธอจากที่ไกลๆ พร้อมกับคิดในใจ นี่คือแม่เลี้ยงของซูเมิ่งหาน? ผู้หญิงคนนี้ใจแคบจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้