มิใช่แค่ขันที แม้แต่เหล่าราชทูตและองค์ชายจากแคว้นต่างๆ ก็ล้วนตกตะลึง ในประวัติศาสตร์ไม่เคยมีฮ่องเต้พระองค์ใดเสด็จมาร่วมงานปักปิ่นขององค์หญิงต่างแคว้น!
ันั้นสูงส่งเกินไป... จะมาเฝ้าดูการเติบโตของลูกหงส์น้อยได้อย่างไร?
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด แต่สำหรับฮ่องเต้หวังเฟิ่งแล้วหาได้เป็เช่นนั้นไม่
"คารวะฝ่าา"
เสียงทุ้มของ “ฮ่องเต้มู่หรงกวง” แห่งเจียงหนานดังขึ้น ดวงเนตรลึกล้ำมองบุรุษเบื้องหน้าด้วยสายตาที่ยากจะประเมิน
"ข้าขออภัยที่มิอาจจัดเตรียมการต้อนรับให้สมพระเกียรติ ด้วยไม่คาดคิดว่าฝ่าาจะเสด็จมางานปักปิ่นของบุตรสาวข้าด้วยพระองค์เอง"
ถ้อยคำแฝงความหมายลึกซึ้ง ทั้งประหลาดใจและคาดการณ์มิถึง
ทว่า หวังเฟิ่ง เพียงโค้งศีรษะเล็กน้อย สุรเสียงราบเรียบไร้เยื่อใย ทว่าแฝงนัยยะอันลึกซึ้ง
"มิเป็ไร เพื่อบุตรสาวของท่าน ข้าหาได้ลำบากไม่"
เขามิได้ลำบากจริงๆ เพราะครั้งนี้เขามิได้มาเพียงเพื่อมิตรภาพระหว่างแคว้น แต่มาเพื่อ 'บางสิ่ง' ที่เขา้าจากจักรพรรดิผู้นี้ และ 'บางคน' ที่เขา้าทวงคืน
จากนั้นขันทีของแคว้นเจียงหนานนำเสด็จหวังเฟิ่งไปยังพระที่นั่งที่จัดเตรียมไว้ให้ ข้างกายมีบุรุษในอาภรณ์สีเขียวอ่อนติดตามมา
ดวงตาคมกริบของบุรุษข้างกันลอบสำรวจงานตรงหน้า ก่อนจะเอนกายเข้าไปใกล้พระเชษฐา พลางเอ่ยกลั้วหัวเราะ
"ข้าไม่ยักรู้ว่าเสด็จพี่โปรดปรานงานปักปิ่นของสตรีเช่นนี้"
หวังเฟิ่งมิได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เพียงปรายเนตรมองน้องชายของตน ส่วนหวังหย่งนั้นหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลดเสียงลง
"เสด็จพี่ไม่ต้องกังวล ข้าไม่แตะต้องของๆ ท่านหรอก"
ดวงตาสีทองของหวังหย่งทอประกายเ้าเล่ห์
"ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่า... ว่าที่พี่สะใภ้ของข้านั้นเป็เช่นไรก็เท่านั้น"
หวังเฟิ่งชะงักไปเพียงเสี้ยววินาที! เพียงเท่านั้น หวังหย่งก็แสยะยิ้ม ั์ตาฉายแววรู้ทัน ถึงจะปิดบังไว้ลึกเพียงใดแต่เขาคือพระอนุชาที่เติบโตเคียงข้างพระเชษฐา ไม่มีสิ่งใดในโลกนี้ที่เขามองไม่ออก
ไม่นานนักพิธีปักปิ่นก็ได้เริ่มต้นขึ้น ท้องพระโรงถูกประดับประดาด้วยผ้าไหมสีมงคล บรรยากาศอบอวลไปด้วยความสวยงาม
ร่างระหงของมู่หรงเซียวได้ปรากฏขึ้นท่ามกลางสายตานับร้อย นางอยู่ในอาภรณ์สีม่วงเข้มแซมริ้วทอง ลวดลายดอกโบตั๋นอันวิจิตรงดงาม สีที่แสดงถึงศักดิ์ศรีและความสูงศักดิ์แห่งราชวงศ์ เคียงข้างนางคือฮองเฮาหวงจินเหลียน พระมารดาผู้เลอโฉมของนาง
สตรีสองนางก้าวเดินออกมาราวกับเทพธิดาจุติลงมาเดินบนโลกมนุษย์ เหล่าองค์ชายจากแคว้นต่างๆ จับจ้องไปที่องค์หญิงน้อยเ้าของพิธีด้วยสายตาหลงใหล ไม่อาจละไปจากรูปโฉมที่งามล่มเมืองนั้นได้
ทว่า... ในหมู่ข้าราชบริพารของแคว้นต้าชิง กลับเต็มไปด้วยสีหน้าที่ชวนอึดอัด มิใช่เพราะนางงามเกินไป แต่มันเป็เพราะใบหน้าขององค์หญิงมู่หรงเซียวนั้น ดูคล้ายกับใครบางคนมากเกินไป
หากมองเพียงผิวเผิน คงไม่อาจแยกออก ทว่าสำหรับคนที่รู้จักสตรีผู้นั้นดี พวกเขามั่นใจว่า... มันเหมือนกันมากเสียจนขนลุก
เพียงแต่สตรีผู้นั้นควรจะอยู่ในวัยกลางคนแล้ว และสตรีผู้นั้นได้จากโลกนี้ไปนานแล้ว!
มู่หรงเซียวรับรู้ถึงสายตานับร้อยที่จับจ้องมายังนาง แต่กลับมีเพียงดวงตาคู่หนึ่งที่ตรึงนางไว้ไม่อาจละสายตาได้
ดวงตาสีทอง... ดั่งแสงแห่งอรุณรุ่ง ดวงตาที่เย็นเยียบแต่เต็มไปด้วยพลังอำนาจ แฝงไว้ด้วยบางสิ่งที่นางอ่านไม่ออก
นางค่อยๆ ไล่สายตาขึ้นมองบุรุษในอาภรณ์สีทองลายัห้าเล็บ สง่างาม ประหนึ่งราชันย์เหนือราชันย์ ใบหน้าหล่อเหลาประดุจหยกสลัก ดวงตาดุจเหยี่ยวที่จับจ้องมาที่นางราวกับพญาัที่กำลังเพ่งมองสิ่งที่เป็ของตน
เพียงแค่สบตา ลมหายใจของนางพลันสะดุด บุรุษผู้นั้นที่เจอกันที่โรงน้ำชามาทำอะไรที่นี่กัน อย่าบอกนะว่า...
"ัห้าเล็บ..."
ในใต้หล้า มีเพียง "จักรพรรดิ" เท่านั้นที่สามารถสวมใส่อาภรณ์ลายนี้ได้!
"ฮ่องเต้ต้าชิงเสด็จมางานปักปิ่นของข้า... ด้วยพระองค์เองหรือ?"
มู่หรงเซียวกำมือแน่นอย่างไม่เข้าใจ เหตุใดัผู้สูงส่งเช่นพระองค์ จึงต้องมาเฝ้าดูการเติบโตของหงส์น้อยอย่างนาง?
พิธีปักปิ่นเริ่มต้นขึ้นภายใต้สายตาของเหล่าผู้ร่วมงาน
องค์หญิงมู่หรงเซียว คุกเข่าลงต่อแท่นบูชา กราบไหว้ฟ้าดินและดวงิญญาของบรรพบุรุษ ขอพรให้ชีวิตในวัยผู้ใหญ่เปี่ยมด้วยความสุข ความเจริญ และได้รับการปกป้องจากเคราะห์ภัยทั้งปวง
จากนั้นฮองเฮาหวงจินเหลียน พระมารดาผู้สูงศักดิ์ได้ก้าวเข้ามาประคองพระธิดาไว้ด้วยแววตาอ่อนโยน
พระนางหยิบปิ่นหยกขึ้นมาอย่างทะนุถนอม ก่อนจะใช้มันปักลงบนเรือนผมขององค์หญิงอย่างแ่เบา เครื่องประดับหยกล้ำค่าถูกสวมใส่ให้นางในฐานะสตรีผู้เติบโตแล้ว
"บัดนี้ องค์หญิงได้เข้าสู่วัยผู้ใหญ่ และพร้อมสำหรับการรับผิดชอบชีวิตของตนเองแล้ว"
สุรเสียงของหวงจินเหลียนนั้นอ่อนโยนทว่าแฝงไปด้วยความตื้นตัน
"เ้าเป็คนสำคัญของแคว้น ขอให้วันข้างหน้าของเ้าราบรื่น"
ดวงตาของพระมารดาคลอไปด้วยหยาดน้ำใส เด็กซุกซนของนางกำลังเติบโตขึ้นเป็สตรีเต็มตัวแล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้นางหนักใจคือ หลังจากวันนี้ คงมีบุรุษมากมายเข้าหาบุตรสาวของนาง
เพียงแค่คิด หัวใจก็พลันสลาย...
หลังจากพิธีเสร็จสิ้นฮ่องเต้มู่หรงกวงและฮองเฮาทำการออกมากล่าวต้อนรับแขกที่มาร่วมงานตามธรรมเนียมของชาวเจียงหนาน
พิธีปักปิ่นในวันนี้สมบูรณ์แบบเป็อย่างมาก และทุกอย่างดูเหมือนจะเป็ไปด้วยดี แต่ไม่ใช่สำหรับมู่หรงเซียว
"อาเซียว กลับตำหนักได้แล้ว"
ก่อนที่นางจะได้ใช้เวลาฉลองวันสำคัญของตนเองให้คุ้มค่า มู่หรงเยวี่ยน พระเชษฐาแสนหวงน้องก็ลากตัวนางกลับไปอย่างรวดเร็วทั้งที่พิธีเพิ่งจะจบแท้ๆ!
"ข้าโกรธท่านแล้ว!" นางโอดครวญอย่างขัดใจ
"ทำไมต้องพาข้ามากักขังด้วย วันนี้เป็วันของข้านะ!"
"ข้าก็แค่ไม่ชอบให้ใครจ้องมองเ้า ข้าหวงน้องสาวมันผิดตรงไหนกัน?"
มู่หรงเยวี่ยนตอบอย่างหนักแน่น โดยเฉพาะสายตาของฮ่องเต้ของแคว้นต้าชิงที่เอาแต่จับจ้องน้องสาวของเขาไม่วางตา!
ั้แ่ต้นจนจบพิธี สายตาคู่นั้นไม่เคยละไปจากมู่หรงเซียวเลย จะให้เขาวางใจได้อย่างไร!?
แม้ว่ามู่หรงเซียวจะโอดครวญเพียงใด แต่มู่หรงเยวี่ยนกลับไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย
หลังจากก้าวเข้าสู่ตำหนัก มู่หรงเซียวพลันสะดุดสายตาเข้ากับ กระดาษแผ่นหนึ่ง ที่วางอยู่บนพื้นหน้าประตูห้องบรรทม
นางขมวดคิ้ว ก่อนจะก้มลงหยิบขึ้นมาดู มันคือจดหมายฉบับหนึ่ง
"นอกวังหลวง ทางทิศเหนือ ใต้ต้นเหมยแดง ข้าจะรอเ้า"
ข้อความสั้นๆ ทว่าชวนให้สงสัย ลายมือที่ปรากฏเรียบร้อย เฉียบคม เป็ระเบียบเกินกว่าจะเป็ของคนธรรมดา
บุคคลผู้นี้... ไม่ใช่คนทั่วไปแน่นอน
ตามหลักแล้ว นางไม่ควรแม้แต่จะคิดไปพบคนผู้นี้ ไม่สมควรแม้แต่น้อย แต่เหตุใดกันสัญชาตญาณบางอย่างกลับบอกนางว่า นางต้องไปพบเขาให้ได้?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้