"ทำไม?" หลังจากเงียบเป็เวลานานกับใบหน้าที่ปราศจากความรู้สึกของหลินรั่วซี ในที่สุดก็พรั่งพรูคำนี้ออกมา
"มีอะไรหรือ?" หยางเฉินถามกลับ
หลินรั่วซีโยนเสื้อในมือให้หยางเฉิน เธออยากจะถามว่าทำไม จู่ๆ ถึงได้ห่วงใยและเอาเสื้อมาคลุมให้เธอ แล้วก็ยังนำอาหารมาให้อีก
แต่คำถามก็จุกอยู่ที่ลำคอ เธอทั้งอายและกระอักกระอ่วนที่จะพูดมันออกไป ทำได้เพียงพูด "ทำไมนายไม่ปลุกฉัน"
"คุณพูดเื่อะไร? ผมไม่รู้เื่" หยางเฉินตอบด้วยใบหน้าไร้เดียงสา
หลินรั่วซีขมวดคิ้ว เธอคิดในใจว่าคนคนนี้ยังคงหลอกลวงเช่นเดิม
"ทำไมนายไม่ปลุกฉัน รู้ไหมว่ามันทำให้งานของฉันล่าช้า"
"ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณพูดถึงอะไร"
หยางเฉินล้วงบุหรี่ออกมาจุด ในเวลานี้แม้ต้องยอมตาย หยางเฉินก็ไม่พูดความจริงออกมาเด็ดขาด
"ฉันไม่อนุญาตให้นายเข้าไปในห้องทำงานและห้องนอนของฉัน มิฉะนั้นฉันจะให้นายย้ายออกไป"
"ฮ่าๆ..." หยางเฉินหัวเราะร่า "ย้ายออก...?"
"ผมไม่เคยบอกเลยว่า้าย้ายมาที่นี่ คุณเป็คนบอกให้ผมย้ายมาที่นี่เอง แล้วตอนนี้คุณกลับมาบอกให้ผมย้ายออกไป"
"ตกลงคุณจะเอายังไงกันแน่? ผมงงไปหมดแล้วเนี่ย"
"นาย..."
หลินรั่วซีอยากจะทักท้วง แต่คิดไปคิดมามันก็เป็เื่จริงที่เธอให้เขามาอยู่ และเธอก็ยังเตรียมห้องและซื้อของใช้ที่จำเป็สำหรับการใช้ชีวิตประจำวันสำหรับเขาอีก พูดไปคงย้อนเข้าตัวเอง
"ฉัน… จะไม่เล่นตามเกมนายหรอก พรุ่งนี้นายไปหางานดีๆ ทำอย่างที่พูดด้วยล่ะ" พูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับกลิ่นหอมโชยอ่อนๆ ก่อนขึ้นบันไดไป
หลังจากขึ้นบันไดไปได้ครึ่งทาง เสียงอันอบอุ่นของหยางเฉินก็ดังขึ้น "อย่าลืมทานข้าวด้วยล่ะ"
เสียงฝีเท้าเธอชะงักไปชั่วขณะ ความอบอุ่นเล็กน้อยไหลเข้าสู่อ้อมอก เธอหันไปมองแผ่นหลังของคนที่กำลังนั่งดูทีวีอยู่ ไม่นานก็สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนเดินกลับขึ้นไป นอกจากป้าหวังที่เลี้ยงเธอมาั้แ่เด็กแล้ว เธอก็มีเพียงแม่กับย่าเท่านั้น
นอกจากนี้ก็ไม่มีใครปฏิบัติกับเธออย่างอบอุ่นเฉกเช่นคนในครอบครัวอีก แต่ผู้ชายคนนี้กลับทำให้เธอปรับตัวไม่ทัน ครั้งหนึ่งเธอนึกถึงตอนที่หยางเฉินปกป้องเธอในคืนนั้น เขาซัดพ่อของเธออย่างสาหัสพร้อมกับโยนลงถังขยะ เพื่อระบายความโกรธให้ นั่นทำให้เธออดหน้าแดงไม่ได้ และตอนที่หยางเฉินคลุมเสื้อให้เธอก่อนหน้านี้ เธอได้ตื่นอยู่ก่อนแล้ว แต่ด้วยบุคลิกเ็าแต่กำเนิด เธอจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวเช่นไร
ดังเช่นตอนได้ยินหยางเฉินเตือนเธอให้ทานข้าว ใบหน้าหญิงสาวยังคงเ็าอยู่เช่นเคยและตอบกลับไป
"นายไม่จำเป็ต้องห่วงใยฉัน"
จากนั้นรีบวิ่งกลับขึ้นห้องของตนไป
ในห้องครัวที่เหลือเพียงป้าหวังเป็สักขีพยานในเหตุการณ์นี้ เธอไม่สามารถช่วยอะไร ได้แต่เผยรอยยิ้มพึงพอใจ
ใจกลางย่านธุรกิจของจงไห่ สำนักงานใหญ่นานาชาติอวี้เหล่ย เป็อาคารสูงสี่สิบชั้นเช่นดังคำ 'อินเตอร์เนชันแนล' ไม่ได้เป็เพียงชื่อเรียกเท่ๆ บริษัทนานาชาติอวี้เหล่ย คือหนึ่งใน 10 อันดับแรกในเื่แฟชั่นและเครื่องสำอางของประเทศจีน อาคารอวี้เหล่ยมีรูปทรงเรียวเหมือนดอกทิวลิปสีเงินหรูหราและตกแต่งเรียบง่าย แต่สง่างามทำให้ผู้ที่เข้าไปในอาคารรู้สึกมีชีวิตชีวา บรรยากาศรอบๆ มีลมพัดอ่อนๆ เต็มไปด้วยกลิ่นน้ำหอมและดอกไม้ที่วางไว้อย่างน่าดึงดูดใจ มองไปรอบๆ อาคาร ตัวอาคารใช้สีขาวโทนธรรมดาที่ดูงดงามเป็ธรรมชาติในการตกแต่ง
แต่สิ่งที่ทำให้อวี้เหล่ย บริษัทั์ใหญ่มีชื่อเสียงเป็อย่างมากไม่ใช่แค่ลักษณะภายนอกเท่านั้น แต่มีอีกสิ่งที่เป็เอกลักษณ์ที่สุด คือที่นี่มีพนักงานหญิงที่สวมใส่เครื่องแบบสไตล์ OL (Office Lady) สวยงามหลายประเภทมากกว่า
เครื่องแบบ OL (Office Lady) โดยลักษณะบริษัทที่เป็แฟชั่นและเครื่องสำอาง แน่นอนมันย่อมเป็ไปตามคาดคิด ว่าโดยทั่วไปแล้วต้องมีผู้หญิงทำงานที่นี่เป็ส่วนมากแน่นอน แต่สิ่งที่เด็ดที่สุดคือการสรรหาบุคลากรของอวี้เหล่ย ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ทั้งหมดของพนักงานที่เข้ามาทำงานในบริษัท มีความฉลาดและเป็สาวงามล่มเมืองโดยแท้จริง และท้ายที่สุดในการทำงานยังสามารถขอความร่วมมือกับผู้หญิงที่สวยงามหรือแม้แต่ร่วมทีมเดียวกันนั้น มันเปรียบเหมือน์สำหรับผู้ชายที่เข้าทำงานในบริษัท หรือแม้แต่บริษัทในเครือ แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดคือมีผู้คนนับล้าน้าเข้าทำงานในบริษัทแห่งนี้
พวกเขายังคงฝันกลางวัน… ต่อไป
ชายหนุ่มมากมายต่าง้าเข้าไปสุขสมในอวี้เหล่ย แต่ความเป็จริง คนที่ได้เข้าไปนั้นน้อยยิ่งกว่าน้อย
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวเช่นการรับสมัครเข้าทำงานในอวี้เหล่ย ได้กลายมาเป็ทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับผู้ชายนับไม่ถ้วน โดยคิดจาก่ระยะเวลาที่ผ่านมา อวี้เหล่ยประกาศรับสมัครตำแหน่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ชายเป็พิเศษ เลยทำให้เกิดกระแสมากมายในหมู่ผู้ชาย พวกเขาต่างพากันไปสมัครเข้าทำงานที่อวี้เหล่ย ผู้ชายที่มาสมัครจะต้องมีการทดสอบแล้วยังต้องมีความสามารถพิเศษและคุณสมบัติตามนี้
- ผู้ชายต้องจบการศึกษาในระดับปริญญาตรี
- ใบรับรองในการจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ที่ติดอันดับ 1 ใน 50 อันดับเท่านั้น
- ผู้ชายจะต้องเชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศมากกว่า 2 ภาษา
ด้วยเงื่อนไขดังกล่าวคนที่้ามาทำงานที่นี่จริงๆ ต้องมีความมุ่งมั่นที่โง่เง่าอย่างยิ่ง เพราะถ้ามีความสามารถขนาดนั้นทำไมต้องมาเป็แค่พนักงานตำแหน่งประชาสัมพันธ์ต่ำต้อย ถึงแม้พวกเขาอาจจะไม่ได้เป็ถึงผู้บริหารระดับสูงแต่ถ้าเกิดมีคุณสมบัติเหล่านี้ พวกเขาอาจได้ตำแหน่งระดับสูงของบริษัทใดก็ได้ มันจริงที่ว่าผู้หญิงนั้นสำคัญ แต่ถ้ามีความสามารถขนาดนั้นล่ะก็ พวกเขายังจะขาดผู้หญิงอยู่อีกหรือ?
ในวันสัมภาษณ์วันสุดท้าย มีหลายคนผ่านเข้าสอบสัมภาษณ์ สุดท้ายที่เหลืออยู่จำนวนน้อยกว่าสิบ และในหมู่คนเหล่านี้ทุกคนต่างใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม ลักษณะหยิ่งผยอง การแสดงออกของพวกเขาเหมือนกับโลกหมุนรอบตัว พวกเขามาสมัครงานนี้อย่างจริงจัง ความเชื่อมั่นในใจของพวกเขาประมาณว่า 'ข้าเจ๋งสุด'
พวกเขาเป็ชายที่ถูกเลี้ยงดูเอาใจเช่นคุณหนู จุดประสงค์ของพวกเขาก็ยังคงเป็การหางานที่ตื่นเต้น และสาวเยอะๆ เพราะพวกเขารู้สึกเบื่อ
ในขณะนี้ยังเหลือเวลาห้านาทีก่อนจะเริ่มการทดสอบสองรอบสุดท้าย การทดสอบครั้งแรกจะสอบโดยตอบคำถามลงในกระดาษ ครั้งที่สองจะต้องตอบคำถามของผู้ตรวจสอบ คนที่ผ่านเข้ารอบสามสิบคนสุดท้ายต่างอยู่ในห้องโถง ส่วนใหญ่เป็ผู้หญิงและดูจากสีหน้าท่าทางของพวกเธอแล้ว ดูเหมือนจะกังวลอยู่ไม่น้อย ขณะที่ชาย 7-8 คนที่เหลือ สีหน้าดูผ่อนคลาย
ข้างๆ หยางเฉินเป็ชายอ้วน ใบหน้าของมันดูตุ้งติ้งสวมแว่นตาเล็กๆ แต่งตัวเต็มยศด้วยเสื้อผ้าแบรนด์อาร์มานี่
"เฮ้พี่ชาย คุณก็ชื่นชอบดงดอกไม้เหมือนกันหรือ?" ไอ้อ้วนที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มเหมือนผู้ร้าย
หยางเฉินสงสัยในคำถามเล็กน้อยจึงถามกลับไป
"คุณหมายถึงชื่นชอบดงดอกไม้?"
"บ้าน่า!" ไอ้อ้วนพูดและยิ้มอย่างกวนๆ แล้วกล่าวต่อ "พี่ชาย คุณไม่จำเป็ต้องทำหน้าเ็าและไม่ต้องสงวนท่าทีหรอก ผมจะบอกจุดประสงค์ของผมให้ฟัง ผมฝันว่าจะได้รับใช้หัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์อย่างโม่เชี่ยนนี เอาล่ะ… ตาพี่บอกบ้าง!"
หยางเฉินตอบชายอ้วนไปตรงๆ ว่า "ผมมาที่นี่เพื่องาน ผมมีภรรยาแล้ว"
"เหลวไหล! ผมไม่มีทางเชื่อพี่หรอก" ไอ้อ้วนมองหยางเฉินอย่างเบื่อหน่ายสุดๆ
"ในหมู่คนที่นั่งอยู่ที่นี่ไม่ได้มาที่นี่เพราะเงิน มันไม่มีในโลก มันต้องเป็เพราะผู้หญิงแน่นอนใช่มั้ยล่ะ?”
“พี่ใส่ Calvin Klein (คาลวิน ไคลน์) แฟชั่นใหม่ล่าสุดในซีซั่นนี้ของ CK เพื่อมาสมัครงาน PR อันต่ำต้อย พี่คิดว่าผมโง่หรือว่าพี่แกล้งโง่กันแน่ และแม้กระทั่งมีภรรยาแล้ว... ถ้าบอกว่าพี่เลี้ยงหญิงไว้สักสิบคนผมถึงจะเชื่อ คนที่มีเงินจะมีอะไรเลวร้ายไปกว่ามีภรรยากันเล่า"
หยางเฉินประหลาดใจ เขาครุ่นคิดเงียบๆ ก่อนส่ายหัวถอนหายใจแล้วพูดตอบ "คนประเทศนี้เป็อะไรกันไปหมด ฉันกลายเป็คนดีไปซะงั้น"
จากนั้นหยางเฉินก็ไม่สนใจไอ้อ้วนนี่อีก
ประตูห้องโถงเปิดออกเผยให้เห็นผู้หญิงในชุดสีดำเสื้อซับในสีขาวคล้ายหิมะ รัดผมเป็มวย เดินช้าๆ เข้ามาภายในและด้านหลังของเธอมีสาวสวย 4 คนในเครื่องแบบ OL หน้าตางดงามถือข้าวของเดินตามมา
"นั่นเธอๆ! เธอคือ โม่เชี่ยนนี เธอถึงกับมาเป็คนกำกับการทดสอบด้วยตัวเธอเอง" ไอ้อ้วนข้างเขาเริ่มแสดงอาการยินดี และเหมือนว่าเขารู้สึกตื่นเต้น เขาเริ่มขยับก้นนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนสองตาที่เหมือนหมาป่าจ้องผู้หญิงคนนั้นอย่างกระหาย
หญิงสาวในชุดเครื่องแบบชื่อโม่เชี่ยนนี มันไม่ได้มีแค่ไอ้อ้วนที่ออกอาการตื่นเต้นเท่านั้น แม้แต่คนอื่นๆ สายตาของพวกมันบ่งบอกได้เลยว่า 'ดอกไม้ดอกนี้ต้องเป็ของข้า'