หลังตีเจิ้งหยวนเสร็จ เจิ้งเฉวียนกังก็อารมณ์เสียตลอดเวลา หลังได้ยินเฉินชุ่ยอวิ๋นบอกว่าเจิ้งหยวนยอมรับผิดแล้ว เขาจึงค่อยผ่อนความโกรธลงเล็กน้อย ตั้งใจจะมาฟังเจิ้งหยวนสารภาพผิดด้วยตัวเอง ไม่คาดคิดว่าเพิ่งถึงหน้าประตูจะได้ยินประโยคนั้นของเฝิงิเยว่ โทสะเลยพุ่งขึ้นหัว เขาเตะประตูให้เปิดออกทันที ก่อนรี่เข้ามาพลางมองหาไม้พลองใกล้มือรอบด้าน เขาต้องตีเด็กเวรนี่ให้ตายเสียก่อน จะได้ไม่ออกไปสร้างความอับอายให้ใครเห็นอีก
พวกเธอทั้งสองคนในห้องใเสียงจนสะดุ้งเฮือก ทันทีที่เฝิงิเยว่เห็นท่าทีของเจิ้งเฉวียนกัง เธอก็รีบะโขึ้นมารั้งเขา พลางอธิบายอย่างร้อนรน “เตี่ยๆๆ ฟังผิดแล้ว หยวนหยวนไปอำเภอหาคนแซ่หลินเพื่อบอกเลิกเขาให้ชัดเจนต่างหากค่ะ!”
เจิ้งเฉวียนกังกำไม้กวาดที่คว้ามาเมื่อครู่ เขาหอบหายใจแรง ในขณะที่สายตาก็จ้องเจิ้งหยวนเขม็งเพื่อขอคำยืนยันจากเธอ “พี่สะใภ้แกพูดจริงหรือเปล่า?”
เจิ้งหยวนส่งเสียงตอบรับอย่างอึดอัด “อื้อ”
เธอกับพ่ออารมณ์ร้ายทั้งคู่
เธอจึงมักทะเลาะกับพ่อมาั้แ่เล็กยันโต เขาชี้เหนือเธอไปใต้ตลอด
แม้ผ่านมาหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ชินกับการก้มหัวยอมรับผิด
ทั้งยังต้องพูดจานุ่มนวลต่อหน้าผู้เป็พ่ออยู่ดี
เจิ้งเฉวียนกังไม่เชื่อคำพูดของเจิ้งหยวน เขาเอ่ยถามอย่างแคลงใจ “จริงเหรอ? แกคิดจะเลิกกับเ้าคนแซ่หลินนั่นแล้วใช่ไหม?”
“จริงค่ะ”
“แกคงไม่ได้วางแผนเอาใจฉันก่อน แล้วค่อยแอบหนีไปปลูกต้นรักกับคนแซ่หลินในอำเภอต่อหรอกนะ?” เจิ้งเฉวียนกังยังคงไม่วางใจในตัวบุตรสาว
เจิ้งหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเอ่ยตอบ “หนูคิดตกแล้ว ไม่คบหากับหลินเสี่ยวหยางอีก หนูจะรอแต่งเข้าสกุลเฝิงตอนปลายปีค่ะ” เธอเงียบไปอึดใจหนึ่ง คิดว่าพ่อคงไม่เชื่อเธอง่ายๆ ต้องเข้าใจผิดว่าเธอพยายามใฝ่ต่ำอย่างแน่นอน จึงกล่าวเสริมต่อ “แม่เล่าสถานการณ์ของสกุลเฝิงให้ฉันฟังแล้ว แม่บอกว่าสกุลเฝิงชีวิตความเป็อยู่ดีไม่ต่างจากคนในเมือง แถมยังไม่ต้องอยู่กับแม่สามีด้วย ฉันลองขบคิดแล้ว แต่งเข้าสกุลเฝิงก็ใช่ว่าจะไม่ได้”
ถึงแม้เจิ้งเฉวียนกังที่ได้ยินเธอพูดเช่นนั้นจะร้องฮึด้วยความโมโห แต่ทว่ากลับเชื่อข้อแก้ต่างของเจิ้งหยวน เขาโยนไม้กวาดทิ้งแล้วชี้หน้าเธอ “แกนี่มัน มัน… ฉันมีลูกสาวเลือกปฏิบัติได้ยังไงกันนะ!” เขาขึ้นเสียงฮึอีกครั้ง แล้วหันหลังเดินจากไป
เธอมองแผ่นหลังของบิดา สีหน้าเจิ้งหยวนดูหมดสิ้นหนทาง ใช่ ในสายตาของพ่อ เธอเป็คนใจแคบเห็นแก่ตัวเองเพียงอย่างเดียว มันเริ่มั้แ่เธอเรียนจบมัธยมต้นเมื่อสองปีก่อน เธอในตอนนั้นอยากเป็ครูโรงเรียนประถมในกอง เลยพยายามขอโควตาจากพ่อ ตัวเธอในความทรงจำของพ่อเลยกลายเป็อย่างนี้จนได้ เธอคิดว่าตนเองไม่ผิด กองอื่นๆ ล้วนมีการเล่นเส้นสาย ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวทั้งนั้น ไฉนแล้วเธอจะทำในถิ่นของพ่อบ้างไม่ได้เล่า? เธอกับพ่อจึงทะเลาะกันยกใหญ่
ความสัมพันธ์พ่อลูกที่เดิมไม่ลงรอยกันอยู่แล้วพลันตึงเครียดยิ่งกว่าเดิม
ส่วนในสายตาของเจิ้งหยวน พ่อเธอเป็คนคร่ำครึหัวโบราณ ไม่รู้จักยืดหยุ่น ดังนั้นแม้เขาจะเป็ถึงหัวหน้ากอง ครอบครัวจึงยังคงยากจนมากอยู่ดี เจิ้งหยวนเคยเกลียดพ่ออยู่่หนึ่ง แต่จำต้องยอมรับว่าเขาเป็ผู้นำที่ดีสำหรับสมาชิกทุกคน และรับใช้ประชาชนอย่างแท้จริง
“หยวนหยวน…” เฝิงิเยว่เรียกเธอเสียงอ่อนก่อนพยายามเกลี้ยกล่อม
“เธออย่าทำให้พ่อโกรธนักเลย”
“เฮ้อ” เจิ้งหยวนยิ้ม “ฉันไม่พูดอย่างนั้น พ่อก็ไม่เชื่อว่าฉันเปลี่ยนใจหรอก”
เมื่อได้ยินน้องสามีกล่าวเช่นนั้น เฝิงิเยว่เลยถลึงตาใส่ “ถ้าอย่างนั้นเธอ…”
เจิ้งหยวนจึงรีบบอก “วางใจเถอะพี่สะใภ้ ฉันตั้งใจจะเลิกกับหลินเสี่ยวหยางจริงๆ ”
เฝิงิเยว่ผ่อนลมหายใจยาวเหยียด ครั้นทายาเสร็จ และพูดสิ่งที่ควรพูดหมดแล้ว ก็ไม่มีธุระใดอีก ประจวบเหมาะกับถึงเวลาเข้างานของกลุ่มเย็บปักพอดี เธอจึงขอตัวออกไปจากห้อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้