เห็นสภาพแนวป่าทึบบนเนินเขาบริเวณโดยรอบทะเลสาบแล้ว จ้านอู๋มิ่งยิ่งงุนงง ดูเหมือนว่ารอบๆ ทะเลสาบเพิ่งจะผ่านศึกาครั้งใหญ่ก็ปาน นี่เกิดเื่ใดขึ้นกันแน่?
“ศิษย์น้องจ้าน ในที่สุดก็หาเ้าจนพบแล้ว ศิษย์น้องฉินบอกว่าเ้าหายตัวไปกว่าครึ่งเดือน ได้ส่งข่าวเพื่อให้ศิษย์พี่น้องในสำนักทุกคนออกค้นหาเ้า ข้าเดาว่าเ้าน่าจะยังคงอยู่ในสมรภูมิใหญ่แห่งนี้ จึงได้มาตามหาเ้าคนเดียว คิดไม่ถึงว่าเ้าจะอยู่ที่นี่จริงๆ!” เฉวียนหรูเซินพอเห็นจ้านอู๋มิ่ง ก็กล่าวด้วยสีหน้าอันปีติยินดี
“อะไรนะ? กว่าครึ่งเดือนแล้ว?” จ้านอู๋มิ่งรู้สึกศีรษะพองโต มัวแต่สนใจที่ประสบโชคลาภ กลับลืมเื่เวลาไปเสียแล้ว ไม่คิดว่าตนกลับอยู่ใต้ทะเลสาบนานกว่าครึ่งเดือนแล้ว ไม่แปลกเลยที่พวกศิษย์พี่ตู้หายตัวกันไปหมดแล้ว เกาะนี้ไม่ใหญ่นัก ขนาดเพียงเท่านี้เอง ค้นหามาร่วมครึ่งเดือน เกรงว่าแม้แต่รอยร้าวในก้อนหินก็คงจะเคยพลิกขึ้นมาดูแล้ว และก็เพราะทะเลสาบนี้ลึกมากเกินไป มิมีผู้ใดสามารถลงไปได้ คำพูดของเฉวียนหรูเซินทำให้เขารู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ไฉนสถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็สนามรบไปได้เล่า?
“ศิษย์พี่ เกิดเื่ใดขึ้นกันแน่? สถานที่นี้ผ่านศึกามาหรือ?” จ้านอู๋มิ่งมองดูหลุมขนาดใหญ่รอบตัวที่ราวกับโดนอุกกาบาตถล่มใส่อย่างสงสัย เริ่มจะเชื่อแล้วว่า สถานที่นี้เพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งใหญ่จริงๆ มิฉะนั้นเกาะนี้คงไม่ดูน่าสลดใจมากเช่นนี้ แต่ว่าเกิดเื่ใดขึ้นกันแน่ เขายังคงต้องทราบจากปากของเฉวียนหรูเซิน
“ที่แท้ศิษย์น้องไม่ทราบเื่ราวพวกนี้?” เฉวียนหรูเซินเห็นสีหน้าท่าทางของจ้านอู๋มิ่งมิเหมือนกำลังพูดเท็จ ตะลึงไปครู่หนึ่ง ไอ้หนูนี่อยู่บนเกาะนี้มานานกว่ายี่สิบวัน กลับไม่ทราบเื่ศึกการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างเผ่ามนุษย์กับชนเผ่าสมุทรที่เกิดขึ้นบนเกาะ หรือว่าเขาจะพบความลับใดที่ก้นทะเลสาบแล้วจริงๆ จึงไม่เคยโผล่ขึ้นมาจากทะเลสาบเลย?
นึกถึงที่แห่งนี้คือสถานที่พำนักของคุนเผิง ทุกสิ่งล้วนสามารถเป็ไปได้ มิมีผู้ใดสามารถหยั่งรู้ความคิดของคุนเผิง บางทีมันอาจจะนำสมบัติวิเศษบางอย่างมาไว้บนเกาะนี้จริงๆ ก็ได้ และทะเลสาบแห่งนี้ก็ลึกมากจนคาดมิถึง
“ข้าไม่ทราบเื่นี้จริงๆ หลังจากขึ้นมาบนเกาะนี้แล้ว ข้าก็แยกกับพวกศิษย์พี่ตู้และคนอื่นๆ ข้ารู้สึกว่าพลังเหนือธรรมชาติของทะเลสาบนี้ช่างน่าสนใจ น้ำลึกมากและไม่มีสัตว์อสูรดุร้าย เป็สถานที่อันยอดเยี่ยมเหมาะสำหรับการบ่มเพาะปรับสภาพร่างกาย ข้าจึงใช้แรงกดดันน้ำอันทรงพลังด้านล่างเพื่อขัดเกลาผันแปรร่างกายข้า ผู้ใดจะทราบ พอฝึกฌานบ่มเพาะขึ้นมาก็หมกมุ่นอยู่ในนั้น จนกระทั่งลืมเื่เวลาไปแล้ว มิเพียงแค่นั้น ยังเพิ่งจะมีความรุดหน้าเล็กน้อยแล้วด้วย กำลังคิดจะบอกศิษย์พี่ตู้สักคำ เวลากลับล่วงเลยผ่านไปร่วมครึ่งเดือนแล้ว!” จ้านอู๋มิ่งฝืนยิ้มอย่างอับจนปัญญา
“ดูแล้วศิษย์น้องจ้านคงฝึกปรือพลังยุทธ์จนเพลินไปแล้วจริงๆ กลับฝึกฝนจนลืมเวลา ไม่น่าแปลกใจที่วัยเช่นนี้ก็บรรลุปรมาจารย์นักยุทธ์ระดับสูงสุดแล้ว เป็โชคดีของสำนักบริบาลเดรัจฉานจริงๆ” เฉวียนหรูเซินหัวเราะแล้ว
“ศิษย์พี่เฉวียน เกิดเื่ใดขึ้นกันแน่ ขอให้ศิษย์พี่ช่วยเล่าให้ข้าฟังด้วย” จ้านอู๋มิ่ง้าทราบว่าใน่เวลาที่ผ่านมาเกิดเื่ราวใดขึ้น เห็นท่าทางอันสบายใจเช่นนี้ของเฉวียนหรูเซิน ดูแล้วถ้ำคุนเผิงคงยังไม่ได้เปิดออก และยังมิมีสมบัติวิเศษใดที่มีคุณค่าพอให้ต่อสู้่ชิงปรากฏขึ้น มิฉะนั้นในฐานะราชันสัตว์ร้ายที่เป็หนึ่งในสิบราชัน เป็ไปไม่ได้ที่จะรั้งอยู่ที่นี่เพื่อรอคอยตน
“สิบกว่าวันแล้ว ทันทีที่พวกเราเข้าสู่สถานพำนักของคุนเผิงก็ถูกชนเผ่าสมุทรเล่นงาน ชนเผ่าสมุทรได้เตรียมซุ่มโจมตีระหว่างทางเข้าสู่สถานพำนักของคุนเผิง ศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายหลังจากหนีรอดจากการโจมตีของสัตว์อสูรกลางมหาสมุทร ก็ถูกชนเผ่าสมุทรซุ่มโจมตีซ้ำอีก สุดท้ายถูกชนเผ่าสมุทรไล่ล่ามาถึงเกาะแห่งนี้ ชนเผ่าสมุทรคล้ายดั่งคิดจะใช้เกาะแห่งนี้กวาดล้างศิษย์แต่ละสำนักนิกายจนหมดสิ้น เพียงแต่ไม่ทราบว่าเพราะสาเหตุใด เกาะแห่งนี้กลับกลายเป็ฐานที่มั่นของศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายไป ศิษย์ของแต่ละสำนักนิกายเฝ้าปักหลักรักษาฐานที่มั่นนี้ไว้ เปิดฉากสู้รบครั้งใหญ่กับชนเผ่าสมุทรนานกว่าสิบวัน กองกำลังเสริมระดมเข้ามาจำนวนมากจากทุกด้าน สุดท้ายศิษย์ของสำนักนิกายต่างๆ นับพันเสียชีวิตและาเ็ ท้ายที่สุดจึงสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้สำเร็จ แต่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้รากฐานกองกำลังของชนเผ่าสมุทรสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ทั้งสองฝ่ายจึงได้เลิกรากันไปในลักษณะนี้ ข้าเองก็รีบเร่งรุดมาช่วยเหลือศิษย์พี่น้องในสำนักเช่นกัน หลังจากสอบถามกับศิษย์น้องตู้พบว่าเ้าสูญหายไป จึงแยกย้ายกันออกค้นหาเ้า คิดไม่ถึงว่าเ้ากลับยังคงอยู่บนเกาะแห่งนี้” เฉวียนหรูเซินเล่าให้ฟังอย่างคร่าวๆ
จ้านอู๋มิ่งใพูดมิออก คิดไม่ถึงว่ากว่าครึ่งเดือนนี้บนเกาะกลับเกิดเื่ราวมากมายเช่นนี้ ศิษย์ของสำนักนิกายต่างๆ นับพันเสียชีวิตและาเ็ นั่นคือราชันาแทบทั้งหมดเชียว และราชันาระดับสูงหลายคนที่ฐานบ่มเพาะถูกสะกดข่มก็ยังคงประสบความสูญเสียอย่างหนัก ไม่แปลกที่ชนเผ่าสมุทรจะถูกเล่นงานจนฐานรากกองกำลังสูญเสียอย่างใหญ่หลวง นี่คือการต่อสู้ระหว่างนักยุทธ์ชั้นสุดยอดด้วยกัน หากราชันานับพันลงมือพร้อมกัน เกรงว่าเกาะแห่งนี้คงถูกพังทลายจนราบลงได้เลยทีเดียว
ในใจจ้านอู๋มิ่งรู้สึกเ็ปยิ่งนัก นั่นคือแหวนจักรวาลนับพันวงเลยนะ! ภายในนั้นมีของดีอยู่จำนวนมากมายเพียงใดกันหนอ!
เฉวียนหรูเซินเห็นลักษณะสีหน้าปวดใจของจ้านอู๋มิ่ง กลับรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง พลางคิดในใจ คิดไม่ถึงว่าไอ้หนูนี่ยังคงมีจิตใจที่เมตตาและสงสารผู้คน ถ้าหากเขาทราบว่าสาเหตุที่ตัวโง่เขลาจ้านอู๋มิ่งเสียใจที่แหวนจักรวาลจำนวนมากต้องสูญเปล่า เกรงว่าจะต้องตกตะลึงจนหงายหลังล้มดังตึงไปแล้ว
“ศิษย์น้องมิต้องเศร้าเสียใจ ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจเข้าสู่สถานพำนักของคุนเผิง ก็ต้องมีการเตรียมพร้อมแล้วที่จะเผชิญภยันตรายทั้งปวง แม้กระทั่งความตายเช่นกัน นี่คือเส้นทางที่พวกเขาเลือกเอง”
“โอ้ ใช่ ถูก...ถูกต้องแล้ว เป็ข้าศิษย์น้องอารมณ์อ่อนไหวมากเกินไป!” จ้านอู๋มิ่งเห็นเฉวียนหรูเซินเข้าใจตนผิดไปก็คร้านที่จะอธิบาย ด้านหนึ่งเสแสร้งทอดถอนใจ ในขณะที่ด้านหนึ่งััรับรู้ทุกสิ่งบริเวณโดยรอบตัวอย่างระมัดระวัง
เขามิเชื่อถือเฉวียนหรูเซิน เนื่องจากรอยประทับของเฉวียนหรูเซินที่อยู่บนร่างยังไม่ถูกลบออก ที่เฉวียนหรูเซินกล้ามั่นใจว่าเขายังอยู่บนเกาะ จะต้องค้นพบโดยอาศัยกลิ่นอายจิติญญาปฐมภูมิที่เขาทิ้งไว้อย่างแน่นอน ส่วนไฉนเขาเพิ่งจะมาถึงสถานที่แห่งนี้ จะต้องเป็เพราะศึกการต่อสู้ของเผ่ามนุษย์และชนเผ่าสมุทรอย่างแน่นอน สถานที่นี้คือสนามรบอันสับสนวุ่นวายแห่งหนึ่ง แม้ว่าเขาจะเป็ราชันสัตว์ร้ายก็ตาม คิดจะล่าถอยอย่างไร้ร่องรอย ไม่เสียหายแม้แต่น้อยก็มิใช่เื่ง่ายดายนัก ดังนั้นจึงเป็ไปได้มากที่เขาไม่เคยเข้ามาบนเกาะแห่งนี้เลย เนื่องจากบนร่างกายของเฉวียนหรูเซิน เขาไม่ได้กลิ่นคาวเือันรุนแรงและสดใหม่เช่นนั้นแม้แต่น้อยนิด
เวลานี้ เฉวียนหรูเซินปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้ ความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียวนั่นก็คือเขา้าลงมือจัดการตน ถ้าเฉวียนหรูเซิน้าตามหาตนจริงๆ เขาจะต้องมาพร้อมกับตู้เยว่ิและคนอื่นๆ อย่างแน่นอน เพราะเขาสามารถััได้ถึงรอยประทับจิติญญาปฐมภูมิที่เขาทิ้งไว้บนร่างจ้านอู๋มิ่ง ตู้เยว่ิและคนอื่นๆ ไม่อยู่ ก็เป็การพิสูจน์ว่าเฉวียนหรูเซิน้ามาคนเดียว จุดประสงค์ที่มาคนเดียวมิต้องพูดก็กระจ่างแจ้งอยู่แล้ว
“ไปกันเถอะ พวกเราไปรวมตัวกับศิษย์น้องตู้และคนอื่นๆ” ท่าร่างเฉวียนหรูเซินขยับเล็กน้อย มุ่งหน้ามาทางจ้านอู๋มิ่ง
“ศิษย์พี่ เ้ายังคงอย่าได้เข้าใกล้ข้าแล้ว ข้าเกรงว่าข้าจะอดลงมือก่อนไม่ได้!” จ้านอู๋มิ่งถอยออกห่างอย่างรวดเร็ว รักษาระยะห่างกับเฉวียนหรูเซิน่หนึ่ง หัวเราะเสียงเรียบๆ กล่าวขึ้นพร้อมกับมองเฉวียนหรูเซินด้วยสีหน้าลึกซึ้งสุดหยั่งคาด
พลันสีหน้าเฉวียนหรูเซินมืดทะมึนไปทันที เขาพลันหัวเราะขึ้นมาแล้ว หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เฉวียนหรูเซินรู้สึกว่า ตนเองระมัดระวังมากเกินไปแล้ว ระวังจนถึงกับไม่โจมตีจ้านอู๋มิ่งโดยตรงทันที เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองประมาณ คิดว่าตนฉลาดแล้วนั้น แต่กลับถูกจ้านอู๋มิ่งดูออกั้แ่แรกเนิ่นนานแล้ว อีกฝ่ายก็เพียงแค่ร่วมมือแสดงละครกับเขาเท่านั้นเอง สิ่งนี้ทำให้เฉวียนหรูเซินรู้สึกอับอายกลายเป็โทสะ เขาประเมินไหวพริบของศิษย์น้องเล็กคนนี้ต่ำไป แต่เขาไม่คิดว่าจ้านอู๋มิ่งจะสามารถมีชีวิตรอดไปได้
“ในเมื่อเ้าล้วนทราบหมดแล้ว เช่นนั้นข้าก็มิขอกล่าววาจาไร้สาระอีกต่อไป อย่าได้ต่อต้านขัดขืนอีกเลย ข้าจะได้ทำให้เ้ายังมีซากร่างที่ยังสมบูรณ์!” เฉวียนหรูเซินพูดอย่างเฉยชาเย็นเยียบ
“ศิษย์พี่ ในที่สุดเ้าก็เปิดเผยแผนการที่ซ่อนเร้นออกมาแล้ว” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว เขาชื่นชมเฉวียนหรูเซินมาก เมื่อเื่ราวถูกเปิดเผยก็เผชิญหน้ากันทันที นิสัยเช่นนี้กลับยังนับว่าฉลาดและค่อนข้างมีเอกลักษณ์ของตัวเองอยู่บ้าง
“เห็นแก่ที่เป็ศิษย์สำนักเดียวกัน ข้าจะให้ทางเลือกแก่เ้า” เฉวียนหรูเซินพูดอย่างเฉยชา คล้ายดั่งทั้งหมดล้วนมีเหตุผลและสมควรเป็เช่นนั้น
จ้านอู๋มิ่งพูดไม่ออกแล้ว ไฉนจึงเจอคนที่ชอบเสแสร้งแกล้งทำอีกคนแล้ว พูดจามิสามารถพูดดีๆได้หรือไร? เหตุใดไม่ทำให้เป็เื่ง่ายสักหน่อยเล่า พูดจาเช่นนี้ราวกับข้าติดค้างเ้าเช่นนั้นแหละ
“เ้าจะให้ข้าเลือกฆ่าตัวตายเองหรือถูกเ้าฆ่าตาย ความแตกต่างก็คือศพที่ยังสมบูรณ์หรือ?” จ้านอู๋มิ่งถามย้อนกลับไปคำหนึ่ง
“มิผิด!” เฉวียนหรูเซินตอบอย่างดูแคลนคำหนึ่ง ในสายตาของเขา จ้านอู๋มิ่งคือคนที่ตายแล้วผู้หนึ่ง ไม่จำเป็ต้องพูดวาจาไร้สาระให้มาก
“ศิษย์พี่ ความจริงแล้ว เ้าจะประวิงเวลาในการสังหารข้าก็ย่อมได้ ความจริงข้ารู้สึกชื่นชมเ้ามาก ข้ายังอยากสนทนาเื่ชีวิตกับเ้าให้มากกว่านี้ พูดถึงเื่อุดมคติอันใดทำนองนั้น หากเ้าไม่รู้สึกรีบร้อน หรือไม่ก็...พวกเราค่อยๆ สนทนากัน หารือเื่วิธีตายดีหรือไม่?” น้ำเสียงของจ้านอู๋มิ่งเหมือนสตรีที่กำลังตัดพ้อต่อว่าก็ไม่ปาน มองเฉวียนหรูเซินด้วยสีหน้าคล้ายกำลังร้องทุกข์ พูดด้วยน้ำเสียงวิงวอนขอร้อง
เฉวียนหรูเซินก้าวถอยหลังหลายก้าว เขาไม่กลัวจ้านอู๋มิ่งต่อต้าน ความจริงแล้วเขาชอบดูผู้อื่นดิ้นรนต่อสู้ สังหารในครั้งเดียวเมื่อคู่ต่อสู้รู้สึกสิ้นหวัง นั่นจึงจะทำให้เขามีความสุขที่อธิบายมิถูกชนิดหนึ่ง เวลานี้เขาถูกการแสดงออกของจ้านอู๋มิ่งทำให้ใแล้ว เขามิเข้าใจว่าจ้านอู๋มิ่ง นี่มันเื่ใดกัน เขาทนไม่ได้ที่ผู้ชายอกสามศอกผู้หนึ่งแสดงออกเช่นนี้กับเขา เขารู้สึกว่าตนเองกำลังถูกเหยียดหยาม สร้างความอัปยศ ปรารถนายิ่งนักที่จะกระหน่ำทุบตีจ้านอู๋มิ่งสักรอบ จากนั้นเขาก็ด่าทอขึ้นมา “ไปสนทนาเื่ชีวิตกับมารดาเ้า ไปพูดถึงเื่อุดมคติอันใดนั่นกับมารดาเ้า…ไม่รีบร้อนกับมารดาสิ เ้า ไอ้ผีหัวโต…”
“เ้าคนวิปริตที่น่าตาย!” พลันเฉวียนหรูเซินก่นด่าอย่างดุเดือดคำหนึ่ง ดวงตาที่มองจ้านอู๋มิ่งเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“ศิษย์พี่ อย่าปฏิเสธสิ พวกเราสามารถสนทนาเกี่ยวกับคำสาบานลับระหว่างพวกเ้าสิบราชันด้วยกัน หรือสนทนากันว่าไฉนราชันสัตว์ร้ายถึงได้อันดับที่ห้าเป็ต้น แน่นอน สามารถสนทนาเกี่ยวกับเ้าว่ากังวลเื่ใด…” พลันจ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว น่าทุบตียิ่งนัก สีหน้าเฉวียนหรูเซินกลับแปรเปลี่ยนแล้ว
สีหน้าเฉวียนหรูเซินหมองคล้ำและมิเข้าใจ คำปฏิญาณระหว่างสิบราชันถูกคนนอกผู้หนึ่งทราบได้อย่างไร ถึงแม้จ้านอู๋มิ่งมิได้พูดออกมาว่าคำสาบานคือสิ่งใด แต่ว่านอกจากสิบราชันแล้ว ไม่สมควรมีผู้ใดทราบความลับระหว่างสิบราชัน ไฉนราชันสัตว์ร้ายจึงอยู่อันดับห้า นี่เป็ความลับที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่ทราบ ไฉนจ้านอู๋มิ่งจึงพูดออกมาได้อย่างง่ายดาย
ทันใดนั้น เฉวียนหรูเซินพบว่าศิษย์น้องคนเล็กตรงหน้าที่ดูเหมือนมดปลวก เป็ไปได้อย่างยิ่งที่จะไม่เปราะบางอย่างที่เขาคิด เพราะคนผู้นี้ค่อนข้างลึกล้ำเลยทีเดียว
“เ้ารู้สิ่งใดมาบ้าง?” เฉวียนหรูเซินฝืนสะกดสำนึกฆ่าฟันในใจ เขา้าทราบว่าจ้านอู๋มิ่งทราบเื่นี้ได้อย่างไร ความลับระหว่างสิบราชัน นอกจากสิบราชันแล้ว ไม่ว่าผู้ใดล้วนไม่สามารถสามารถทราบได้ หากสำนักทราบข่าวสารนี้ ดวงชะตาของสิบราชันก็จะพลิกผันโดยสิ้นเชิง
ดังนั้น เขาจำเป็ต้องทราบแหล่งที่มาของข่าวนี้จากปากจ้านอู๋มิ่ง มิฉะนั้นแม้ว่าเขาจะฆ่าจ้านอู๋มิ่งแล้ว ก็มิมีปัญญารักษาความลับนี้ไว้ได้แล้ว
ความลับนี้อาจจะกลายเป็อาวุธร้ายแรงให้ผู้อื่นโจมตีสิบราชัน!
จ้านอู๋มิ่งถูๆ มือ สีหน้าท่าทางน่าทุบตีเป็ที่สุดและกล่าวว่า “ความจริงแล้ว ข้าผู้นี้เป็คนที่ชอบขุดคุ้ยความลับเล็กๆ น้อยๆ ของผู้อื่น ข้ามิใช่มีความแค้นกับตระกูลหนานกงหรอกหรือ ดังนั้นข้าก็้าดูว่าตระกูลหนานกงมีผู้ใดเป็คนที่สามารถเป็ภัยคุกคามต่อข้าได้บ้าง ดังนั้น ข้าจึงเสาะแสวงหา สุดท้ายข้าก็ค้นหาพบตัวโง่เขลาที่ร้ายกาจมากผู้หนึ่ง นั่นคือคนที่ถูกเรียกขานว่าราชันวายุ หนานกงเฉิงอะไรนั่น เขาเป็ราชันาสูงสุดมิใช่หรือ แต่ข้าเป็เพียงปรมาจารย์นักยุทธ์น้อยๆ ผู้หนึ่ง ถ้าต่อสู้กัน ข้าย่อมต้องไม่สามารถเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน ประจวบเหมาะที่ข้าชอบใช้สมองมากที่สุด” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะเหอะๆ กล่าวอีกว่า “ข้าแค่้าจะฆ่าตัวโง่เขลานั่นทิ้งโดยไม่เห็นเืได้อย่างไร? ข้าเริ่มพยายามหาจุดอ่อนของเขา หาคนที่เคยติดต่อกับเขา สอบถามสิ่งที่เขาพูด…แค่ใช้วิธีการนี้ ข้าเสาะแสวง ขุดคุ้ย ในที่สุดวันหนึ่ง ข้าก็ได้ค้นพบความลับเื่หนึ่งเข้า!”