“นี่เป็บ๊วยดองหวาน หลิวเซียนยู่นางชอบกิน ข้ามอบให้เ้าแล้วกัน” สิ้นเสียงของหญิงกลางคน มือของหวางฟางเฟยค่อย ๆ เอื้อมไปรับพร้อมน้ำตาเอ่อขึ้นด้วยความตื้นตัน
“สิ่งนี้ เป็สิ่งที่ข้าชอบมากเช่นกัน” นางตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หญิงกลางคนจึงปล่อยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“หากหมดแล้ว ก็มาหาข้า ข้ายังดองไว้อีกหลายไห”
“เ้าค่ะ” หวางฟางเฟยก้มมองไหบ๊วยดองพร้อมหยดน้ำตา ก่อนนางจะรีบปาดมันออกแบบลวก ๆ แล้วเก็บซ่อนความเ็ปไว้ภายในไม่แสดงออกมา
“ท่าทางนางแปลกจริง ๆ” จางเก๋อเอ่ยขึ้น ก่อนจิวอี้ซิงจะละสายตาจากนาง แล้วหันกลับมายังอาหารตรงหน้า พร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมา
“ไม่ต้องสนใจนาง หวางฟางเฟยเป็คนขี้กลัว หวาดระแวง และอ่อนแอ ที่นางร้องไห้ อาจเป็เพราะสงสารหลิวฮูหยิน คืนนี้ส่งคนมาเฝ้าคุ้มกันหลิวฮูหยินอยู่ห่าง ๆ หากการตายของใต้เท้าหลิว และบุตรสาวมีเงื่อนงำจริงดังที่ฮ่องเต้ทรงสงสัย เราก็ต้องพยายามหาเบาะแสจับกุมคนร้ายมาลงโทษให้ได้”
“ขอรับ”
ขณะที่หวางฟางเหมยเดินทางกลับจวนสกุลจิว ท่ามกลางบรรยากาศยามเย็น ทำให้นางหยุดเดินแล้วหันมองไปยังทิวเขาขนาดใหญ่ พลันสูดอากาศเข้าเต็มปอด
‘อย่างน้อย ข้าก็ช่วยปลดหนี้ให้ท่านแม่ได้แล้ว สิ่งนี้จะทำให้ท่านแม่เหนื่อยน้อยลง’ ยังไม่ทันสิ้นความคิด หลินหลินก็เอ่ยขึ้นพร้อมความสงสัย
“คุณหนู เหตุใดท่านจึงไปสนิทสนมกับบุตรสาวของหลิวฮูหยินได้ ั้แ่ข้าดูแลท่านมา ท่านออกจากจวนนับครั้งได้ ข้าคิดยังไง ก็คิดไม่ออก ว่าท่านไปรู้จักกันตอนไหน” สีหน้าของหลินหลินทำให้หวางฟางเฟยหลุดยิ้ม
“เ้าไม่ได้ตัวติดข้าตลอดเวลาเสียหน่อย” คำตอบของอีกฝ่ายทำให้หลินหลินยอมละทิ้งความแคลงใจ แล้วเดินตามหญิงสาวไปอย่างช้า ๆ
“ตะวันจะตกดินแล้ว รีบเดินหน่อยเถอะนะเ้าคะ หากกลับเข้าจวนช้า อาจถูกทำโทษเอาได้” คำพูดหวาดหวั่นของหลินหลินทำให้หวางฟางเฟยหันกลับมา
“ข้าจะไม่ยอมให้พวกนางรังแกอีก” เสียงราบเรียบของหวางฟางเฟยทำให้หลินหลินอึกอัก
“ที่ผ่านมา ข้าโดนพวกนางรังแกมามากเกินไป นับจากนี้ ข้าอยากทำอะไรข้าก็ทำ จะไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจพวกนาง ในเมื่อท่านพ่อให้ข้าอยู่ในฐานะบุตรสาวคนหนึ่งของสกุลจิว ข้าก็ต้องใช้ฐานะของตัวเองให้เป็ประโยชน์”
“แปะ แปะ!” เสียงปรบมือของหลินหลินดังขึ้นในทันทีพร้อมรอยยิ้ม
“ในที่สุดคุณหนูของข้า ก็เติบโตขึ้นแล้วจริง ๆ” คำพูดของนาง ทำให้หวางฟางเฟยยิ้มอย่างพอใจ ก่อนทั้งสองจะพากันเดินกลับเข้าจวนไปอย่างสบายอารมณ์
“คุณหนูสามกลับมาแล้วเ้าค่ะ” เสียงของเปาอินรายงานผู้เป็นาย ท่ามกลางแสงตะเกียงที่พึ่งถูกจุดขึ้นไหวระริกไปมาภายในห้อง
“ฮูหยินจะให้ข้า ไปพาพวกนางมารับโทษหรือไม่”
“ปล่อยนางไปก่อน” เสียงราบเรียบของจิวฮูหยินทำให้หญิงรับใช้ขมวดคิ้ว
“แต่พวกนางกลับเกินเวลา พวกนางทำผิด ปกติก็ต้องได้รับโทษอยู่แล้ว”
“ตอนนี้ข้ากำลังคิดว่าหวางฟางเฟย ไม่ได้อ่อนแอเหมือนเดิม หากข้าเอาผิดนาง นอกจากนางไม่ยอมแล้ว อาจจะฟ้องให้ท่านพี่ตำหนิข้า ข้ามาคิดดูแล้ว การกำจัดนาง จะต้องให้นางทำผิดจริง ๆ จึงจะลงโทษนางได้”
“แต่ว่า...” เปาอินทำท่าแย้ง
“เ้ากลับไปเถอะ ข้า้าพักผ่อน”
“เ้าค่ะ”
เมื่อกลับมาถึงห้อง จัดการทุกอย่างเสร็จสรรพ เสียงเคาะประตูของหวางฟางเฟยดังขึ้นเป็จังหวะ ทำให้นางละจากเตียงของตัวเอง แล้วเดินไปเปิด พบหลินหลินถือถาดอาหารยื่นให้
“ข้าไม่หิว” หวางฟางเฟยตอบ พร้อมดวงตากลมใส มองตรงมายังอีกฝ่ายด้วยความว่างเปล่า
“ข้าไม่ได้เอามาให้คุณหนู เพียงแต่กำลังทำตามที่คุณหนูเคยสั่งไว้เ้าค่ะ” หวางฟางเฟยได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้ว
“สั่งอันใด”
“สั่งว่า...ในทุกวันต้องทำอาหารรอคุณชายจิวอี้ซิง แต่หลายวันมานี้ คุณหนูป่วยและไม่ได้ทวงถาม ทำให้ข้าละเลยไปบ้าง แต่วันนี้ข้าเห็นว่าเป็เวลาเหมาะสม คุณชายจิวอี้ซิงยังไม่กลับจากงานราชการ”
“ข้าเหรอ สั่งให้ทำอาหารรอเขาทุกวัน” นางทวนย้ำด้วยน้ำเสียงอึกอัก ก่อนหลินหลินจะขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
“คุณหนูเป็คนกำชับข้าเองตลอดทุกวัน” นางยืนยัน
‘เหตุใดความทรงจำของหวางฟางเฟย ไม่มีภาพพวกนี้เข้ามาในหัว ข้ารับรู้ความทรงจำของนางไม่ครบถ้วนงั้นเหรอ’ หญิงสาวขบคิด ก่อนจะได้สติแล้วรีบตอบกลับ
“สงสัยข้าเลอะเลือนชั่วขณะ ข้าจำได้แล้วล่ะ แต่ว่าการที่ทำอาหารรอเขาทุกวัน ก็ออกจะเกินไปหน่อย ไหน ๆ เ้าก็ไม่ได้ทำมาหลายวันแล้ว ก็ยกเลิกไปเถอะ” นางพูดจบก็เตรียมปิดประตูห้อง หากแต่มือของหลินหลินยื่นมาบังไว้
“หากอยากได้หัวใจของเขา ก็ต้องคว้าโอกาสไว้”
“ด้วยวิธีนี้น่ะเหรอ เขามีคนที่เขารักอยู่แล้วเต็มหัวใจ บางทีข้าเบื่อที่จะชอบเขาอยู่ฝ่ายเดียวแล้วล่ะ ปล่อยเขาไปเถอะ” นางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจนัก และทำท่าปิดประตูอีกครั้ง ทว่าหลินหลินยังคงใช้มือรั้งไว้แล้วเอ่ยขึ้น
“คุณหนูก็รู้ ว่าทุกครั้งที่คุณหนูทำอาหารไว้รอ คุณชายจิวอี้ซิงไม่เคยปฏิเสธ เขากินอาหารจนหมด ซ้ำยังขอบใจคุณหนูทุกครั้งอีกด้วย คุณหนูก็รู้ว่าไม่ค่อยมีโอกาสได้สนทนากับคุณชายมากนัก จะมีเวลาอยู่ด้วยกันเฉพาะเวลานี้เท่านั้น หากปล่อยโอกาสหลุดมือไป คุณหนูจะไม่มีวันได้หัวใจเขามาเป็แน่” หลินหลินกล่าวด้วยแววตามุ่งมั่น ทำให้หวางฟางเฟยกลืนน้ำลายอึกใหญ่