สองคนที่เพิ่งมาคนหนึ่งรูปร่างเตี้ยอ้วน มีชื่อว่าผังกั๋วหวา ส่วนอีกคนผอมสูง ชื่อว่าเหลียงเซิงเฉิง พอยืนคู่กันรูปร่างพวกเขาตรงข้ามกันอย่างเห็นได้ชัด
เนื่องจากมีรูปร่างเช่นนี้จึงถูกทุกคนเรียกว่าพั่งจื่อกับโซ่วจื่อ น้อยคนมากที่จะเรียกชื่อของทั้งสองคน
“จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว?” ซ่งมู่ไป๋ถามด้วยสีหน้านิ่งขรึม
“ลูกพี่ วางใจได้เลย แค่พวกเราก็เอาอยู่แล้ว”
“ลูกพี่ พั่งจื่อทำเื่โง่ๆ อีกแล้ว” เหลียงเซิงเฉิงฟ้อง
“ผมเปล่านะ…” ผังกั๋วหวาแก้ตัวเสียงอ่อย
ซ่งมู่ไป๋รู้จักนิสัยสองคนนี้ดี คนรูปร่างอ้วนมีนิสัยใจใหญ่ เป็คนตรงไปตรงมา แต่ทำอะไรไม่ค่อยรอบคอบ ในขณะที่คนผอมมีนิสัยละเอียดรอบคอบ และชอบหาจุดอ่อนมาเล่นงานฝ่ายตรงข้าม
ทุกคนมักคิดว่าพั่งจื่อชอบรังแกโซ่วจื่อ หากแท้จริงแล้วสลับกันต่างหาก เหลียงเซิงเฉิงเป็คนเ้าคิดเ้าแค้น ชอบวางแผนเล่นงานผังกั๋วหวาอยู่เสมอ
แต่วันนี้เขาไม่อยากตัดสินเื่นี้ให้ทั้งคู่ ซ่งมู่ไป๋เอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากเพื่อบอกให้ทั้งคู่เบาเสียง ก่อนจะพูดด้วยเสียงไม่ดังนัก “วันนี้แฟนตัวน้อยของฉันมา พวกนายอย่าทำให้เธอใสิ”
สีหน้าของทั้งคู่เปลี่ยนเป็ตื่นเต้น แต่ไหนแต่ไรมาลูกพี่ของพวกเขาไม่เคยข้องแวะหรือสนใจผู้หญิงคนไหนมาก่อนยกเว้นเด็กสาวคนนี้ แสดงว่าลูกพี่ให้ความสำคัญกับเธอคนนี้มากทีเดียว
“ลูกพี่ พี่สะใภ้อยู่ไหนเหรอ”
ใบหน้าซ่งมู่ไป๋ขึ้นสีแดง ก่อนเอ็ดว่า “พี่สะใภ้อะไร เดี๋ยวสาวน้อยของฉันใหมด เธอยิ่งขี้กลัวอยู่ พวกนายเรียกเธอว่าน้องสาว”
พั่งจื่อหัวเราะออกมา “เอาตามที่ลูกพี่ว่าก็แล้วกัน งั้นพวกผมไปเจอน้องสาวได้หรือยัง น้องสาวอยู่ไหน”
“พวกแกจริงจังหน่อย ขืนยังเป็แบบนี้อีก ฉันจะไล่พวกแกออกไป” เขาเอ่ยอย่างไม่พอใจ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน
“ลูกพี่ ลูกพี่ทำแบบนี้เกินไปแล้ว ที่นี่คือบ้านของพวกเรา แต่ลูกพี่กลับจะไล่พวกเรางั้นเหรอ ลูกพี่ยังมีมนุษยธรรมอยู่หรือเปล่า” พั่งจื่อตัดพ้อ
“พวกแกไม่ไป งั้นฉันกับสาวน้อยไปเอง” เขาเลิกคิ้วก่อนจะตอบด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
โซ่วจื่อรีบพูดอย่างนอบน้อม “ลูกพี่ พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราจะทำตัวดีๆ มีมารยาทกับน้องสาว ไม่แกล้งไม่ล้อเธอแน่นอน”
พั่งจื่อที่อยู่ด้านข้างพยักหน้าหงึกหงักพร้อมกับยิ้มประจบเอาใจ
“เอาละ พวกแกช่วยฉันทำงานก่อน”
“ลูกพี่ ไม่ใช่ว่าจะพาไปเจอน้องสาวเหรอ ทำงานอะไร?” พั่งจื่อถามอย่างสงสัย
ซ่งมู่ไป๋ถลึงตามองอีกฝ่ายที่กล้าตั้งคำถามกับเขา “อยากเห็นสาวน้อยของฉันเหรอ ฝันไปเถอะ ทำงานก่อนค่อยว่ากัน”
ทั้งสองคนคอตกอย่างผิดหวังขณะเดินตามซ่งมู่ไป๋ไปที่หน้าห้องครัว
ระหว่างที่เดิน พั่งจื่อก็หันมาพูดกับโซ่วจื่อ “ลูกพี่ให้ความสำคัญกับน้องสาวน่าดู”
“แน่นอน เด็กของลูกพี่ต้องรูปร่างผอมบางอ่อนแอ ราวกับจะปลิวตามลมไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว” โช่วจื่อตอบ
ซ่งมู่ไป๋ได้ยินที่ทั้งสองคนกระซิบกระซาบกันก็ยกยิ้มมุมปาก
แต่พอทั้งคู่เดินไปถึงหน้าห้องครัวถึงกับต้องตาโตด้วยความอึ้ง
ตอนแรกทั้งสองคนนึกว่าถ้าเดินมาถึงจะได้เจอสาวน้อยหน้าตาสะสวย หุ่นอรชรอ้อนแอ้น ที่ไหนได้หน้าห้องครัวกลับคือหมูป่าตัวใหญ่ตัวหนึ่ง
ทั้งคู่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่า หมูป่ากับสาวน้อยมีความเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร
ไม่นานพวกเขาก็เลิกคิด เปลี่ยนมาคิดถึงเนื้อหมูป่าหอมๆ หลังจากทำกับข้าวเสร็จแทน แววตาของทั้งคู่พลันเป็ประกาย “ลูกพี่ ไปเอาหมูป่ามาจากไหน รวยแล้ว!”
“รวยอะไร ของเพื่อนร่วมชั้นสาวน้อยต่างหาก อย่าพูดมาก รีบทำงานได้แล้ว”
“ได้ๆ ทำงานๆ”
ซ่งมู่ไป๋เดินเข้าไปในห้องครัว เด็กสาวกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กๆ หน้าเตา
ใบหน้าแดงเรื่อ ตัวเล็กผอมบาง เด็กสาวนั่งขดเป็ก้อนกลมๆ แลดูน่าสงสาร
ความจริงแล้วตอนชายหนุ่มเดินไปเปิดประตู เซี่ยโม่เดินไปแอบฟังอยู่ที่ประตูห้องครัว หากเป็คนธรรมดาคงจะไม่ได้ยินว่าทั้งสามคนพูดคุยอะไรกัน แต่หลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่ ประสาทััทั้งห้าของเธอดีกว่าคนทั่วไปมาก เธอจึงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาชัดเจน
เธอไม่ถือโทษที่ซ่งมู่ไป๋แนะนำเธอกับเพื่อนว่าคือแฟนตัวน้อย เพราะวันนั้นเธอเป็คนเสนอให้ชายหนุ่มแกล้งเป็แฟนปลอมๆ ของเธอเอง
หากเธอถาม ชายหนุ่มต้องตอบประมาณว่า เขาคือแฟนอุปโลกน์ของเธอไม่ใช่หรืออย่างแน่นอน
เซี่ยโม่แอบฟังต่อ เสียงพูดคุยของทั้งสามคนเข้ามาใกล้ห้องครัวมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยความที่ไม่รู้จะไปหลบตรงไหนดี เธอจึงไปนั่งอยู่หน้าเตา พยายามทำตัวให้เล็กที่สุด ให้เหมือนว่าเธอไม่ได้อยู่ในนี้
“โม่โม่ ไม่ต้องไปสนใจเ้าสองคนนั้น เธออยู่ในนี้ไปนะ ไม่ต้องออกไป” ซ่งมู่ไป๋กล่าวกับเธอเมื่อเข้ามาในห้องครัว
เธอมองชายหนุ่มที่ยกกะละมังใส่น้ำร้อนออกไป น่าตลกเหลือเกิน ชายหนุ่มสองคนที่เพิ่งมาเรียกพี่ซ่งว่าลูกพี่ แต่พี่ซ่งกลับเรียกอีกฝ่ายว่าเ้าสองคนนั้น
ไม่รู้ว่าถ้าชายหนุ่มสองคนที่เพิ่งมาได้ยินแบบนี้จะว่าอย่างไร
ในเมื่อพี่ซ่งบอกว่าไม่ให้เธอออกไป เช่นนั้นเธอก็จะอยู่ในนี้ ด้วยความที่กลัวว่าน้ำร้อนจะไม่พอ เธอเลยจัดการต้มเพิ่ม
หลังจากกำจัดขนหมูจนสะอาดเอี่ยม ซ่งมู่ไป๋เข้ามาในห้องครัวอีกครั้งเพื่อหยิบกะละมังและมีด พั่งจื่อกับโซ่วจื่อที่อยู่ด้านนอกเห็นแล้วรู้สึกว่ามันแปลกๆ จึงแอบกระซิบกระซาบปรึกษากัน “ทำไมตอนลูกพี่เข้าไปในห้องครัวต้องปิดประตูสนิทด้วย หรือน้องสาวจะอยู่ในห้องครัว?”
“น่าจะใช่ งั้นทำยังไงดี”
รอจนซ่งมู่ไป๋ออกมาจากในห้องครัว ขณะเตรียมจะหั่นหมูออกเป็ส่วนๆ โซ่วจื่อก็ปลุกความกล้าในตัวขึ้นมา “ลูกพี่ เรียกน้องสาวออกมาข้างนอกสิ จะได้พูดคุยทำความรู้จักกัน”
ซ่งมู่ไป๋ถลึงตาใส่ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเ็า “ทำความรู้จักอะไร ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าสาวน้อยของฉันค่อนข้างขี้กลัว”
ประโยคนี้ทำให้ทั้งสองคนมั่นใจว่า เด็กของลูกพี่อยู่ในห้องครัวจริงๆ
เวลานี้เองซ่งมู่ไป๋ถึงค่อยรู้ตัวว่าถูกสองคนนี้ลอบเล่นงานเข้าให้แล้ว
เขายื่นมือไปตบไหล่โซ่วจื่อ “แกล้งพั่งจื่อจนหมดสนุกก็เลยพุ่งเป้ามาที่ฉันแทนแล้ว?”
“ลูกพี่อย่าคิดมากสิ ผมไม่ได้จะเล่นงานลูกพี่เสียหน่อย แค่เห็นว่าในห้องครัวมันร้อน กลัวน้องสาวจะอึดอัด ก็เลยอยากให้ออกมาข้างนอกก็เท่านั้นเอง” โซ่วจื่อรีบตอบด้วยสีหน้าเกรงกลัว
เขาลองคิดตาม ในห้องครัวร้อนอย่างที่อีกฝ่ายว่ามาจริงๆ แล้วยิ่งเด็กสาวต้องต้มน้ำร้อนหน้าเตาด้วย “ก็จริง ครั้งนี้ฉันจะให้อภัยแก แต่ถ้าแกกล้าไม่มีมารยาทกับสาวน้อยของฉันละก็ ระวังตัวไว้ได้เลย”
โซ่วจื่อฟังแล้วก็คิดในใจ ลูกพี่คงไม่ได้หมายความตามที่พูดจริงๆ ใช่ไหม?
เขาเดินเข้าไปในห้องครัวอีกครั้ง “โม่โม่ ในนี้ค่อนข้างร้อน จะออกไปสูดอากาศหน่อยไหม คิดซะว่าสองคนนั้นไม่อยู่ก็แล้วกัน”
เซี่ยโม่เข้าใจความหมายที่ชายหนุ่ม้าจะสื่อ จะให้หลบอยู่ในนี้ไปตลอดก็คงเป็ไปไม่ได้
แล้วอีกอย่าง เธอก็ไม่ได้หน้าตาน่าเกลียดจนพบเจอใครไม่ได้เสียหน่อย
“ก็ได้ค่ะ” เธอยิ้มขณะพยักหน้า
เซี่ยโม่เดินตามอีกคนออกไปข้างนอกห้องครัว ก่อนจะเอ่ยทักทายเพื่อนทั้งสองของพี่ซ่ง “สวัสดีค่ะ”
ครั้นโซ่วจื่อกับพั่งจื่อได้ยินเสียงหวานใสดุจกระดิ่งก็เงยหน้าขึ้นมอง
เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาดูอายุยังไม่เท่าไร จมูกโด่ง หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม แววตาเป็ประกายคล้ายดวงดาวบนท้องฟ้า
ผมถักเป็เปีย สวมชุดลายดอกไม้ที่ถูกซักจนสีค่อนข้างซีด และมีรอยปะอยู่สองสามแห่ง
เด็กสาวแลดูบอบบางอ่อนแอ เห็นแล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร อยากเข้าไปปกป้องดูแล
ทั้งคู่ยิ้มอย่างโง่งมพร้อมทักทายกลับ “สวัสดีน้องสาว”
ซ่งมู่ไป๋รู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ทั้งยังรู้สึกว่ารอยยิ้มของเ้าสองคนนี้ไม่น่าดูอย่างไรชอบกล “รีบทำงานได้แล้ว มองอยู่นั่นแหละ”
พั่งจื่อคิดอย่างงุนงงกับตัวเอง หรือรอยยิ้มของเขาทำให้น้องสาวใ? ลูกพี่ก็เลยไม่พอใจ?
ในขณะที่โซ่วจื่อฉลาดกว่าพั่งจื่อมาก ไม่แปลกหากจะรู้สาเหตุที่อีกฝ่ายมีสีหน้าบึ้งตึง นั่นเพราะลูกพี่กำลังหึง!
เขาเลยจงใจแกล้งชวนเด็กสาวพูดคุย “น้องสาว ชื่ออะไรเหรอ”
ขณะที่เซี่ยโม่กำลังจะตอบ ซ่งมู่ไป๋กลับพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงโกรธขึ้งเสียก่อน “จะอยากรู้ไปทำไม ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเธอค่อนข้างขี้กลัว”
โซ่วจื่อลอบยิ้มในใจ ในเมื่อลูกพี่กำลังหึง เช่นนั้นก็อย่าไปยั่วโมโหเลย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้