จ้าวจือชิงเดินไปด้านหน้า มองดูศพของยามและปลดกุญแจมา จากนั้นโยนใส่มือของลั่วจิ่งเฉิน แล้วดึงแขนเสื้อของชีเหนียงและจะพานางหนีไป
“จิ่งเฉิน ต้องช่วยรั่วซวงออกมาให้ได้นะ…” ชีเหนียงจนปัญญา จึงได้แต่ปล่อยให้จ้าวจือชิงพาตัวไป
ลั่วจิ่งเฉินมองดูกุญแจในมือและจ้าวจือชิงที่ก้าวฉับๆ จากไป ก็รีบไขประตูห้องขัง
“คุณหนูเยี่ยน รีบออกมาเถอะ”
พูดจบก็ไปยืนอีกทาง เหมือนจะไม่รู้เลยว่าการทำเช่นนี้ไม่ถูกต้องนัก แล้วจึงรีบไล่ตามจ้าวจือชิงกับมารดาไป
หลังจากซีเสียออกมาก็ห่วงแต่จินเป่า พอออกมาเจอดวงตะวัน ก็เหมือนแมลงวันที่ไร้ศีรษะและบินวนไปทั่ว
ชีเหนียงรีบคว้าตัวนางไว้ “เสียเหนียงจื่ออย่าร้อนใจไป จินเป่าต้องไม่เป็ไรแน่ ตอนนี้ด้านนอกกำลังวุ่นวาย เ้าออกไปเช่นนี้จะถูกคนเข้าใจว่าเป็พวกพ้องของค่ายโจรเลี่ยหยางได้โดยง่าย”
“แต่จินเป่าจะทำอย่างไร? เขายังเป็แค่เด็ก เกิดเป็อะไรไปจะทำอย่างไร?”
จ้าวจือชิงอ่านสีหน้าที่ทำใจไม่ได้ของชีเหนียงออก จึงส่งเสียง “ตอนนี้เด็กคนนั้นอยู่วงด้านนอกสุดของูเา เ้ารีบไปตอนนี้น่าจะยังทัน”
คล้อยกับทิศทางที่จ้าวจือชิงชี้ไป ซีเสียเองไม่มีเวลาสนใจว่าเป็เื่จริงหรือไม่ นางไม่มีเวลากระทั่งขอบคุณและวิ่งไปทางนั้น
จังหวะนั้นเอง ลุงเยี่ยนพาคนตามขึ้นมาทีหลังและเห็นเยี่ยนรั่วซวงโผล่มาจากด้านหลัง
“คุณหนู!” ลุงเยี่ยนส่งเสียง แล้วรีบกำชับ “หาตัวคุณหนูเจอแล้ว กลับไปรายงานนายท่านได้แล้ว”
ลุงเยี่ยนเดินขึ้นหน้าสองสามก้าวไปหาเยี่ยนรั่วซวง ใบหน้าชรามีแต่รอยย่น “คุณหนู บ่าวไม่ดีเอง บ่าวไม่ควรทิ้งคุณหนูไว้บนรถม้าตามลำพัง หากเกิดเื่กับคุณหนู แม้นตายบ่าวก็คงชดใช้ไม่ได้!”
“ลุงเยี่ยน! นี่ท่านทำอะไรน่ะ?” เยี่ยนรั่วซวงรีบไปประคองลุงเยี่ยนขึ้นมา “คนกลุ่มนี้จิตใจชั่วร้าย แม้ว่าท่านจะตามติดข้างกายข้า ก็ยากจะเลี่ยงเหตุการณ์นี้ได้ นอกจากนี้ ดีที่ท่านไม่ได้อยู่กับข้า มิเช่นนั้น คราวนี้ผู้ใดจะมาช่วยข้าล่ะ”
ลุงเยี่ยนได้รับคำปลอบโยนจากเยี่ยนรั่วซวงสำเร็จ จึงรีบลุกขึ้นและกำชับนางให้หนีไป
“คุณหนู เรารีบไปกันเถอะ นายท่านบอกไว้ว่า หากเจอคุณหนูแล้วก็ควรรีบหนี ค่ายโจรเลี่ยหยางนั้นเื้ัซับซ้อน แม้จะเป็นายท่าน ก็ไม่กล้าจัดการพวกเขาให้สิ้นซากจริงๆ”
เยี่ยนรั่วซวงถึงเพิ่งรู้ว่า สถานที่แห่งนี้คือค่ายโจรเลี่ยหยางที่เลื่องชื่อเื่ความชั่วร้าย ฉับพลันก็รู้ถึงความร้ายแรงของเื่ราว
“ท่านน้าลั่ว เ้ารีบไปกับพวกข้าเถอะ โชคดีที่ท่านพ่อข้าอยู่ที่นี่ด้วย ปลอดภัยหายห่วง”
เยี่ยนรั่วซวงเชื้อเชิญให้ชีเหนียงไปกับพวกนาง เพียงแต่ชีเหนียงกลับปฏิเสธ
“เ้าไปก่อน ของของเรายังอยู่ที่นี่ ถึงเวลา เราค่อยไปเจอกันที่เมืองหลวงย่อมได้”
หลังจากพินิจชั่วครู่ เยี่ยนรั่วซวงก็พยักหน้าทันที “เช่นนั้นเราเจอกันที่เมืองหลวง”
ท่านน้าลั่วเป็คนมีความคิด นางอยากอยู่ต่อ ย่อมต้องมีเหตุผลแน่ ตนเองอยู่ที่นี่ต่างหากเป็เื่ไม่ดีงาม
หลังจากคนทั้งสองกลุ่มแยกกัน จ้าวจือชิงก็พาพวกนางมุ่งหน้าไปทางที่ชี้ให้ซีเสียก่อนหน้านั้น
ระหว่างทางลั่วจิ่งเฉินเห็นจ้าวจือชิงไม่ได้เร่งรีบ กลับรู้สึกว่าผิดปกติ แต่เสียงโหวกเหวกห้ำหั่นกันด้านนอกค่อยๆ หยุดลง ขณะนี้พวกเขาก็มาถึงเรือนไม้แห่งหนึ่ง
เมื่อผลักประตูเข้ามา ก็เจอกับกระบองไม้ที่หนาและใหญ่ กระบองไม้เพิ่งจะัักับแขนของจ้าวจือชิง ในพริบตาก็กระแทกจนแทบเด้งออกไปไกลหลายเมตร
“พวกเ้านี่เอง!” ซีเสียเห็นว่าเป็พวกเขาก็รีบวางกระบองไม้ลง “ข้าคิดว่าเป็คนของค่ายโจรเลี่ยหยาง ชั่วขณะนั้นจึงร้อนใจ ขออภัยจริงๆ”
ซีเสียรีบขอขมา จินเป่าที่อยู่ด้านหลังก็เผยรอยยิ้มและมองจ้าวจือชิง
“ท่านแม่ เขาคือลุงแปลกๆ ที่ข้าเล่าให้ท่านฟังว่าเคยช่วยข้าไว้”
ที่แท้ หลังจากจ้าวจือชิงหารือกับเ้าสี่ ก็เห็นคนของกองโจรเลี่ยหยางกำลังกลั่นแกล้งเด็กคนหนึ่ง เื่เล็กน้อยเช่นนี้ เพียงแค่ถาม เ้าสี่ก็เล่าทุกอย่างให้เขา เมื่อได้ยินเ้าสี่เล่าเื่ซีเสียจนจบ ตอนนั้นเขาก็รู้สึกว่าจากนิสัยของชีเหนียง จะต้องช่วยพวกนางแม่ลูกแน่ กระนั้นเขาจึงขอจินเป่ามาไว้ที่แห่งนี้แต่แรก ดังนั้นแม้ในใจจินเป่าจะรู้สึกว่าลุงคนนี้น่ากลัว แต่จิตใจดี ไม่เพียงไม่รังแกเขา แล้วยังบอกกับเขาอย่างอ่อนโยนว่า ท่านแม่จะมาหาตนเองในอีกไม่นาน
“ลุงแปลก ขอบใจท่านที่ช่วยข้าตามหาท่านแม่!”
จินเป่าเดินเข้าไปขอบคุณ จ้าวจือชิงเพียงแค่ส่งเสียงตอบรับอย่างเ็า
ชีเหนียงรู้ว่าเขากำลังเขิน แต่กลับประหลาดใจเช่นกัน
“เ้ารู้ได้ความสัมพันธ์ของจินเป่ากับเสียเหนียงจื่อได้อย่าง? แล้วคิดอย่างไรถึงช่วยพวกนาง?”
จ้าวจือชิงรู้แต่แรกว่านางจะถามเช่นนี้ โอกาสในการสร้างภาพเช่นนี้เขามีหรือจะปล่อยหลุดไป
“ก็เพราะเ้าน่ะสิ! นิสัยของเ้า อยู่กับนาง ย่อมต้องสืบรู้ความจริงเบื้องลึก หากรู้สถานการณ์ของนาง เ้าจะอดใจไม่ช่วยได้หรือ?”
ชีเหนียงคาดคิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวจือชิงจะคาดเดาความคิดของตนได้อย่างแม่นยำ ชั่วขณะนั้นจึงไม่รู้ว่าควรพูดอย่างไรดี
ลั่วจิ่งเฉินเห็นพวกเขาไม่เป็ธรรมชาติ จึงกระแอมเบาๆ “ดังนั้น ที่ค่ายโจรเลี่ยหยางเป็สภาพเช่นนี้ เกิดจากฝีมือของท่านหรือ?”
จ้าวจือชิงส่งเสียงหัวเราะเ็าเบาๆ “เกี่ยวอะไรกับข้า ข้าก็แค่ใช้วาจาเท่านั้น ส่วนเื่อื่นไม่เกี่ยวกับข้าแม้แต่น้อย เ้าอย่าโทษคนบริสุทธิ์ไปเรื่อยนะ”
เขาไม่มีทางยอมรับแน่นอนอยู่แล้ว เพราะเขามีการคาดเดาแต่แรกแล้วว่าผู้ใด้าปองร้ายชีเหนียง กลัวแต่เพียงถึงเวลานั้น มันจะตรงกับข่าวที่ได้รับจากเ้าสี่ หากเป็เช่นนั้นจริง จะให้ลั่วจิ่งเฉินรู้ไม่ได้เด็ดขาด
ความรู้สึกปิดบังเช่นนี้อีกแล้ว ความรู้สึกเช่นนี้เขารับรู้ได้สองครั้ง ครั้งแรกคือจากตัวท่านแม่ อีกครั้งก็จากตัวจ้าวจือชิง ท่านแม่ไม่อยากให้เขาเป็ห่วง เขาเข้าใจได้ แต่จ้าวจือชิงล่ะ?จุดประสงค์ของเขาคืออะไร? หรือว่าเพราะ้าแต่งงานกับท่านแม่ เขาคิดว่าตนเองคือลูกของเขาไปแล้วจริงๆ หรืออย่างไร?
ลั่วจิ่งเฉินรู้ว่าขณะนี้ไม่ว่าตนถามอย่างไร จ้าวจือชิงก็คงพูดจาเพ้อเจ้อกับเขาและไม่มีทางพูดความจริงแน่ หากมีความพยายามนี้ มิสู้เขาเก็บไว้ใช้กับตัวท่านแม่ดีกว่า
รอจนฟ้าค่อยๆ สว่าง ด้านนอกเรือนไม้ จู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณดังขึ้นสามครั้ง นี่คือสัญญาณที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้ จ้าวจือชิงปลอบโยนพวกเขา
“ข้ามีธุระต้องออกไป พวกเ้าอยู่ที่นี่ห้ามไปไหน อีกเดี๋ยวจะมีคนส่งของกินมาให้พวกเ้า”
พอจ้าวจือชิงจากไป พวกเขาก็เกาะหน้าต่างและมองเห็นคนที่เรียกเขาไปคือคนที่แต่งตัวเป็คนของค่ายโจรเลี่ยหยาง
ฮึ่ม แล้วยังบอกว่าเื่นี้ไม่เกี่ยวกับตนเอง ตอนนี้เกรงว่าคงจะไปร่วมกันแบ่งผลประโยชน์สิไม่ว่า
ลั่วจิ่งเฉินรู้สึกว่าเวลานี้คือโอกาสที่ดีที่สุดที่จะสร้างภาพลักษณ์ไม่ดีให้กับจ้าวจือชิง
“ลุงจ้าวพูดอย่างทำอย่าง คนคนนั้นเป็คนของค่ายโจรเลี่ยหยางชัดๆ” พูดจบ เขาก็จ้องสีหน้าของชีเหนียง แต่กลับเห็นนางไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร “เขาไม่ได้พูดความจริงด้วยซ้ำ!”
“หรือท่านแม่ไม่สงสัยเลยหรือว่าเหตุใดคนผู้นี้จึงเรียกตัวลุงจ้าวไป? ท่านแม่ไม่ห่วงว่าลุงจ้าวจะเกี่ยวข้องกับคนเหล่านี้หรือ?”
ชีเหนียงมองดูท่าทางเขาใส่ความจ้าวจือชิง “ลุงจ้าวเคยเป็ทหารมาก่อน หัวใจที่เร่าร้อนรักความถูกต้องของเขาไม่มีทางถูกทำลาย ข้ากลับไม่ห่วงว่าเขาจะถูกคนของค่ายโจรเลี่ยหยางซื้อใจไป กลัวเพียงว่าแผนการของเขาจะไม่ใช่แค่เื่เล็กๆ”
ท่าทางของจ้าวจือชิงแสดงให้เห็นชัดว่าได้เจรจากับใครบางคนในค่ายโจรเลี่ยหยาง ชัดเจนว่ากำลังไปหารือกัน
-----