กูเฟยเยี่ยนพยายามคาดเดาและ้าหยั่งเชิงต่อไป
ทว่าจวินจิ่วเฉินกลับขัดจังหวะ เขาเอ่ยขึ้นมาว่า “ดูเหมือนว่าเื่ของการแอบสับเปลี่ยนยาเ้าจะยอมรับแล้ว”
อา…
ความคิดทั้งหมดของกูเฟยเยี่ยนหยุดลงอย่างฉับพลัน แล้วเกิดเป็ความตะลึงขึ้น
นางวิเคราะห์ถึงตัวตนของเขาอย่างหนักหน่วงจนมองข้ามไปว่าเขาได้วางหลุมพรางขนาดใหญ่ไว้ให้นางั้แ่แรกแล้ว ในตอนที่อยู่กับเฉิงอี้เฟยนั้นต่อให้ตายยังไงนางก็ไม่ยอมรับ แต่เมื่ออยู่กับเขานางกลับริเริ่มยอมรับขึ้นมา
นางคิดว่าตนเองจะต้องมีไข้ขึ้นสูงจนโง่ไปแล้วเป็แน่
เมื่อได้สบตากับั์ตาเ็าของจวินจิ่วเฉินอีกครั้ง กูเฟยเยี่ยนก็มีความหวาดผวาเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางทำได้แค่ปลอบใจตนเอง ไม่ว่าชายผู้นี้จะเป็ใคร อย่างน้อยจุดยืนของพวกเขาไม่ได้เป็ปรปักษ์ต่อกัน ชีวิตน้อยๆ ของนางก็จะไม่สูญสิ้นแล้ว!
นางพูดอย่างตรงไปตรงมา “ในเมื่อเป็ผู้ที่เจตนาเดียวกันแล้ว มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ เลยก็ได้ เ้าจี้ชิงตัวข้ามาทำอะไร? ”
จวินจิ่วเฉินตรงไปตรงมายิ่งกว่า “บอกข้ามาก่อนว่าเ้าคือใคร? เหตุใดจึงปลอมแปลงเป็คุณหนูตระกูลกูดักซุ่มอยู่ในห้องยาสำนักหมอหลวง? ”
กูเฟยเยี่ยนคิดไม่ถึงว่าชายผู้นี้จะโยนคำถามที่น่าใเช่นนี้มาให้นาง นางตระหนักได้ว่าต้องหลบหลีกการตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนจากเขา นางคิดว่าไม่ใช่ตนเองที่ไข้ขึ้นสูงจนโง่ แต่เป็ชายผู้นี้ที่เฉลียวฉลาดเกินไป
สายตาที่เ็าของจวินจิ่วเฉินติดตามดวงตาของกูเฟยเยี่ยนไม่ปล่อย รอคอยอย่างเต็มไปด้วยความอดทน
เดิมทีเขา้าให้เฉิงอี้เฟยใช้ลูกเล่นกับนางมากกว่านี้ ทว่าคิดไม่ถึงว่าองค์หญิงหวายหนิงจะเข้ามาแทรกแซง องค์หญิงหวายหนิงคำนึงถึงศักดิ์ศรีของฉีอวี้มาโดยตลอด จึงไม่กล้าปฏิบัติต่อสาวน้อยผู้นี้อย่างเปิดเผย ในตอนนี้ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่ว นางจึงกล้าที่จะแย่งคนมาจากเฉิงอี้เฟยโดยตรง มีความเป็ไปได้ว่านาง้าที่จะเอาชีวิตของสาวน้อยผู้นี้ แน่นอนว่าเขาต้องแย่งชิงตัวนางก่อนองค์หญิงหวายหนิงเพื่อสอบสวนตรวจสอบให้ชัดเจน
กูเฟยเยี่ยนมีความหวาดผวา เพียงแต่ว่าในไม่ช้านางก็ทำตัวสุภาพเรียบร้อยมองตรงไปยังดวงตาของจวินจิ่วเฉิน
การเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่เฉลียวฉลาดเช่นนี้ นางไม่สามารถหวาดผวาได้ ทันทีที่นางหวาดผวานางก็จะแพ้!
นางไม่รู้ว่าเหตุใดเ้าของร่างเดิมถึงได้เสียชีวิตลงบนรถม้า แต่นางมั่นใจว่าศพของตนเองจะต้องตกลงไปในเหวลึกของแดนมายาปิงไห่อย่างแน่นอน จิติญญาของนางกลับมาเกิดใหม่ ร่องรอยเบาะแสใดๆ ล้วนไม่มีเหลือทิ้งไว้ ตราบใดที่นางไม่พูดความจริงออกมา ไม่ว่าจะเป็ใครบนดินแดนแห่งนี้ก็จะไม่เจอหลักฐานมายืนยันว่านางไม่ใช่กูเฟยเยี่ยน รวมทั้งชายเ็าผู้นี้ที่อยู่ตรงหน้าด้วย
นางจะกลัวเขาไปทำไม? !
“เปิ่นกูเหนียงก็คือกูเฟยเยี่ยน เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ [1] ไม่ได้ปลอมแปลงแต่อย่างใด! ไม่เหมือนใครบางคนที่กล้าปล้นคนมาแต่ไม่กล้าเปิดเผยใบหน้าแม้กระทั่งชื่อแซ่ก็ไม่ทิ้งเอาไว้”
กูเฟยเยี่ยนไม่เพียงแต่ตอบคำถาม แต่ยังเจตนายั่วยุอีกด้วย
น่าเสียดายที่จวินจิ่วเฉินไม่ได้ยั่วยุได้ง่าย สีหน้าของเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงแล้วเอ่ยน้ำเสียงเ็า “เ้ามีพร์ด้านศิลปะการต่อสู้ดีมากั้แ่เยาว์วัย ตอนอายุแปดปีจมน้ำแล้วสลบไสลไม่ได้สติมาหนึ่งปี สูญเสียความชำนาญในการต่อสู้จึงเปลี่ยนมาเรียนทางด้านยา เมื่อห้าปีที่ผ่านมาเ้าเข้าร่วมการทดสอบของห้องยาสำนักหมอหลวง แต่ผลคะแนนได้เพียงอันดับสาม ห้าปีมานี้เ้ากลายมาเป็บ่าวยาที่ทำเพียงงานบ้านอันเหน็ดเหนื่อย เ้าได้รับการเลื่อนขั้นมาเป็แพทย์หญิงไม่ถึงสามเดือนสิ่งที่ได้ทำก็ยังเป็งานบ้าน ความสามารถด้านยาและทักษะทางด้านพิษของเ้ามาจากไหน? ”
ตรวจสอบนาง?
ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรล้วนเป็การตรวจสอบเ้าของร่างเดิมเท่านั้น! เ้าของร่างเดิมนั้นเป็ผู้ที่สงบเสงี่ยมที่สุดแห่งเมืองจิ้นหยางแล้ว! เขาจะสามารถตรวจสอบอะไรได้?
กูเฟยเยี่ยนยังคงสงบนิ่ง “ร่ำเรียนด้วยตนเองจนเก่งไม่ได้หรือ? ในเมื่อเ้าตรวจสอบแล้วก็น่าจะทราบดีว่าบรรพบุรุษของตระกูลกู มีหลายท่านเลยที่มีความสามารถด้านการแพทย์และยา! ”
จวินจิ่วเฉินไล่ถามต่อไป “ปกปิดความสามารถ ยอมจำนนเป็บ่าวยา แสร้งทำเป็อดกลั้นขี้ขลาดตาขาว เ้ามีเจตนาอะไร? ”
กูเฟยเยี่ยนตอบกลับโดยทันที “ไม่มีเจตนาอะไร เปิ่นเสี่ยวเจี่ยมีจิตใจดีงาม จิตใจเต็มไปด้วยความกว้างขวาง ไม่ชอบการโอ้อวดไม่เป็ธรรม ชอบไกล่เกลี่ยเพื่อยุติความขัดแย้งเพียงเท่านั้น”
“แอบใส่ใบสั่งยาปลอม โยนความผิดให้เวินอวี่โหรว ปฏิเสธการลงชื่อในหนังสือถอนหมั้น ใช้เฉิงอี้เฟยเพื่อทำให้ตระกูลฉีเกิดความอัปยศอดสูจนเื่ราวใหญ่โตไปทั่วเมือง” จวินจิ่วเฉินพูดไปด้วยมุมปากก็ปรากฏถึงความเหน็บแนม “เป็ผู้ไกล่เกลี่ยเพื่อความยุติธรรมเสียเหลือเกิน!”
กูเฟยเยี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงโมโห “เ้าติดตามข้ามาโดยตลอด! ”
ชายผู้นี้รับรู้เื่อื่นๆ ก็ช่างแล้ว แต่กลับดันรู้ถึงเื่ที่ฉีอวี้ได้ไปตระกูลกูเพื่อถอนหมั้นตอนกลางดึกกลางดื่น แล้วถูกนางทำให้อับอายขายหน้าอย่างชัดเจน อย่างไม่ต้องสงสัย เขาแอบจับตามองนางมาโดยตลอด!
จวินจิ่วเฉินกำหวางเป่าติงแน่นพร้อมกล่าวเตือน “บอกข้ามาว่าเ้าคือใคร เกี่ยวอย่างไรกับใบสั่งยาปลอมแผ่นนั้น และคนร้ายตัวจริงเ้ายังรู้อีกมากเพียงใด? มิฉะนั้นแล้วข้าจะทำลายมันทันที! ”
ในที่สุดกูเฟยเยี่ยนก็ไม่สงบนิ่งแล้ว “เ้าหยุดนะ! ”
ทว่าจวินจิ่วเฉินยังคงสงบนิ่งราวกับว่าไม่มีอารมณ์แปรปรวนไปตลอด เขาเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าเ้าจะยอมรับแล้วว่าของสิ่งนี้เป็ของสำคัญมากสำหรับเ้า”
หลังจากที่เขาเอ่ยเช่นนั้นแล้วก็ไม่ลังเลที่จะกำหวางเป่าติงไว้แน่น แล้วเพิ่มแรงกดที่มือให้มากขึ้น
กูเฟยเยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ตระหนักได้แล้วว่าตนเองได้ตกลงไปในหลุมพรางของเขาอีกครั้งแล้ว เขานั้นไม่รู้ว่าหวางเป่าติงคือจุดอ่อนของนาง ั้แ่แรกที่เขานำหวางเป่าติงยื่นมาที่นางก็เพื่อที่จะทำการหยั่งเชิง การข่มขู่เมื่อสักครู่นี้ก็เป็การหยั่งเชิงเช่นกัน
ชายผู้นี้ไม่เพียงแค่เฉลียวฉลาดเท่านั้น แต่เรียกได้ว่าเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวมาก!
จากเมื่อสักครู่นี้จนถึงตอนนี้คำพูดที่เขาเอ่ยออกมาทุกคำ ประโยคแล้วประโยคเล่าล้วนมีวัตถุประสงค์ที่เก่งกาจ
กูเฟยเยี่ยนไม่รู้จริงๆ ว่าตนเองในครั้งที่แล้วเหยียบบุญบาปอะไรถึงได้ต้องมาพบเจอชายผู้นี้ เขาน่ากลัวกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้มาก
กูเฟยเยี่ยนจ้องมองไปยังจวินจิ่วเฉินด้วยความเงียบไร้ซึ่งคำพูด นางแอบบอกตนเองว่าการเผชิญหน้ากับชายเช่นนี้จำเป็ต้องสงบสติ จวินจิ่วเฉินปล่อยให้นางจ้องมองไม่เอ่ยอะไรออกมา ทว่าแรงกดที่มือกลับค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในไม่ช้ากูเฟยเยี่ยนก็รับรู้ได้ถึงแรงในมือของจวินจิ่วเฉินจนไม่สามารถสงบสติได้แล้ว
หวางเป่าติงเป็มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์แห่งา นางไม่แน่ใจว่าชายผู้นี้จะสามารถทำลายได้หรือไม่
หากว่าชายผู้นี้สามารถทำลายหวางเป่าติงได้อย่างนั้นก็จบแน่ๆ หากว่าชายผู้นี้ไม่สามารถทำลายหวางเป่าติงได้ เขาจะต้องพบว่าหวางเป่าติงเป็ของชั้นยอด แล้วถ้าเขายึดเป็ของตนเองล่ะ? ทำอย่างไรดี?
กูเฟยเยี่ยนไม่มีทางเลือกจึงเอ่ยถามอย่างเ็า “มันสำคัญต่อข้ามากจริงๆ ตกลงแล้วเ้า้าอะไร? ตรงไปตรงมาหน่อย! ”
น้ำเสียงของจวินจิ่วเฉินเ็ายิ่งกว่านางเสียอีก “ความจริง! ”
ความจริง?
ถ้านางบอกว่าตนเองมาเกิดใหม่เขาจะเชื่อหรือไม่?
กูเฟยเยี่ยนสูดลมหายใจลึกๆ หนึ่งครั้ง ใบหน้าเอาจริงเอาจังเพื่อเริ่มพูดโกหก
“ข้าคือกูเฟยเยี่ยนจริงๆ ! ข้าไม่ได้มีจิตใจดีงามไม่ใช่คนใจกว้าง! ข้ามีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอาฆาตแค้น คิดเล็กคิดน้อย! ผู้ที่รังแกข้า ข้าจะเอาคืนเป็ร้อยเป็พันเท่า! ในอดีตที่ข้ายอมจำนนต่อการเผชิญกับสภาพที่เลวร้าย พยายามอดกลั้นยอมอ่อนข้อให้ นั่นเป็เพราะข้าอ่อนแอเกินไป ไร้ความสามารถเกินไป! ผู้ที่อ่อนแอนอกเสียจากการอดกลั้นไว้ในใจแล้วยังสามารถทำอะไรได้อีก? เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมาข้าได้พบกับตำรับยารักษาโรคเล่มหนึ่ง เป็สิ่งของที่ตกทอดมาจากท่านปู่ ข้าจึงแอบร่ำเรียนจนเป็ ยาและพิษเดิมทีก็คือตระกูลเดียวกัน ความสามารถทางด้านยาและทักษะทางด้านแพทย์ข้าล้วนรู้ทั้งหมด แล้วเหตุใดข้าต้องถูกรังแกโดยเปล่าประโยชน์อีก? ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะได้รับการเลื่อนขั้นให้เป็แพทย์หญิง ข้ากำลังจะมีโอกาสในการแสดงความสามารถและสติปัญญาทว่าโชคไม่ดี ได้มาพบเจอกับใบสั่งยาปลอมแผ่นนั้น! หากข้าเอ่ยความจริงออกมาในจุดนั้นคนที่โชคร้ายที่สุดก็คือข้าเอง! หากข้าไม่แอบสับเปลี่ยนยา ทันทีที่ท่านแม่ทัพเฉิงเสียชีวิตลง คนแรกที่จะถูกฝังลงไปก็ยังเป็ข้า! ”
คำพูดของกูเฟยเยี่ยนเต็มไปด้วยคำโกหก ทว่าไม่มีความหวาดผวาแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับมีเหตุผลที่พูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำและมีความแค้นเคืองที่ไม่เป็ธรรมต่อนาง
สิ่งที่นางพูดคือคำโกหก แต่ก็เป็ปกติในการเอาตัวรอดของคนบนโลกใบนี้ มันเป็กฎแห่งความอยู่รอดของผู้ที่แข็งแกร่ง เป็ความเศร้าโศกของเ้าของร่างเดิมและการไม่ได้รับความเป็ธรรมกับเคราะห์ร้ายในเื่นี้ของตัวนางเอง
นางเงยหน้าไปมองแววตาเ็าของจวินจิ่วเฉินแล้วถามกลับอย่างจริงจัง “หากเ้าเป็ข้า เ้าจะทำอย่างไร? ”
เป็ครั้งแรกในชีวิตที่จวินจิ่วเฉินมีความอดทนฟังหญิงสาวพูดออกมาสารพัดเช่นนี้ และไม่รู้ว่าเขาเชื่อในกูเฟยเยี่ยนมากเพียงใด เขาก้มหน้าลงอยู่อย่างเงียบๆ ราวกับกำลังครุ่นคิดทว่าเรี่ยวแรงบนมือยังคงไม่ยอมหยุด ลักษณะท่าทีเขาที่ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ ยิ่งทำให้เห็นถึงความเยือกเย็นและห่างเหินราวกับว่าตนเองอยู่ในโลกที่แสนโดดเดี่ยว ผู้คนไม่สามารถเข้าไปได้และคาดเดาไม่ออก
ในความเงียบสงบ กูเฟยเยี่ยนกระวนกระวายใจแล้ว…
——————————
เชิงอรรถ
[1] เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ หมายถึง ไม่ได้เปลี่ยนชื่อ ไม่ได้เปลี่ยนแซ่ ไม่หลบซ่อนชื่อเสียงเรียงนามของตนเอง