เสียงกีบเท้าม้าเสียงของหอกแทงแหวกอากาศออกไป ตามมาด้วยเสียงของการฉีกขาดและความตายของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามที่วิ่งไปข้างหน้าส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว เสียงต่างๆ เหล่านี้เมื่อรวมๆกันก็ฟังคล้ายกับจังหวะของบทเพลงที่น่าสะพรึง เสียงนั้นเริ่มจากใกล้และไกลออกไปก่อนจะกระจายออกไปเป็วงกว้างด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
นักรบนั้นอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญถึงแม้ว่าเขาจะยังห่างชั้นจากระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นสูงอยู่ แต่ประสบการณ์ของเขาอยู่ในระดับต้นๆเลยทีเดียวจากเท่าที่เห็นถึงแม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์มาบ้างแล้วแต่ก็ยังคงตกตะลึงกับความแข็งแกร่งของอัศวินปฐีอยู่ดีส่วนตัวเขาเองนั้นเคยได้ััความแข็งแกร่งของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามมาก่อนแม้ว่าจะไม่ใช่การสู้กันตัวต่อตัวก็ตาม แต่เขาก็เป็คนที่สั่งการในกลุ่มเพื่อรับมือซึ่งถ้าต้องรับมือสองตัวพร้อมๆ กัน เขาก็ยังพอสามารถหนีเอาตัวรอดได้แต่ถ้ามากกว่าสามตัวขึ้นไปเมื่อไร ดูท่าว่าคงจะต้องมีปัญหาในการหลบหนีอย่างแน่นอน
แต่จากสิ่งที่เขาได้เห็นนั้นอัศวินปฐีเพียงแค่สี่ตัวก็สามารถตั้งรับการโจมตีอย่างบ้าคลั่งของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามได้ถึง70-80 ตัวเลยทีเดียว และแถมยังสามารถโจมตีโต้กลับได้อีกด้วยนี่มันเป็ความแข็งแกร่งแบบไหนกัน เขาเองเคยได้เห็นผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมาพอสมควรแต่เขายังไม่เคยได้เห็นอัศวินปฐีมาก่อน เมื่อมองดูจากรูปร่าง ทำให้เขารู้ได้ทันทีว่านี่คือสิ่งที่ถูกอัญเชิญมาจากผู้เล่นตอนนี้เขาเริ่มสงสัยแล้วว่าผู้เล่นแบบไหนกันที่สามารถอัญเชิญสิ่งที่ทรงพลังขนาดนี้ออกมาได้มันช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
ในความเป็จริงแล้วนักรบได้ประเมินความแข็งแกร่งของอัศวินปฐีสูงเกินไป ถึงแม้ว่าการต่อสู้กันแบบตัวต่อตัวกับหมาป่าั์สวมเกราะสีครามนั้นจะชนะแน่นอนถ้าเป็หนึ่งต่อสองก็ยังคงไม่มีปัญหา หนึ่งต่อสามก็ยังดูดีอยู่หนึ่งต่อสี่ก็อาจจะเริ่มตึงมืออยู่บ้าง แต่ถ้าหนึ่งต่อห้าใครจะแพ้หรือชนะค่อนข้างตอบยาก ด้วยความแข็งแกร่งของอัศวินปฐีทั้งสี่ตัวอันที่จริงไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากหมาป่าั์สวมเกราะสีครามจำนวน 70-80ตัวได้หรอก อย่าลืมว่าเพราะการมีอยู่ของม่านฟ้าิญญานั่นคืออาวุธชิ้นใหญ่ที่เอาไว้รับมือกับมอนสเตอร์จำนวนมากและแถมยังเป็การโจมตีจากระยะไกลอีกด้วย ซึ่งค่อนข้างเฉียบคม และถึงแม้ว่าจะมีหมาป่าั์สวมเกราะสีครามเป็จำนวนมากแต่พวกมันก็ไม่สามารถที่จะจู่โจมโดยตรงได้เพราะสภาวะแวดล้อมที่เป็ป่านั้นไม่เอื้ออำนวยและการช่วยเหลือจากม่านฟ้าิญญาทำให้อัศวินปฐีมีพลังในการต่อสู้ที่มากขึ้นและสามารถจัดการได้รอบทิศทางราวกับใช้ยาโด๊ป
นักธนูเวทสาวนั้นกำลังคิดว่าคงไม่สามารถหลบหนีจากหายนะครั้งนี้ไปได้แน่ซึ่งเธอก็ไม่ได้คิดเลยว่ากำลังเสริมนั้นจะหล่นลงมาจากฟากฟ้านี่เป็ครั้งแรกที่เธอได้เห็นอัศวิน ได้ใกล้ชิดกับม้าที่ตัวยาวเกือบสี่เมตรอัศวินที่นั่งอยู่บนหลังม้าก็ดูคล้ายกับขุนเขา แรงกดดันที่ออกมาจากร่างกายที่ใหญ่โตนั่นทำให้คนทั่วไปแทบจะลืมหายใจแค่มองดูก็ทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความอ่อนแอไร้ซึ่งพละกำลัง
กระดูกสีขาวโพลนหอกยาวสีดำทะมึนกับดวงไฟแห่งิญญาที่ลุกโชนอยู่ในดวงตากลวงโบ๋นั่นทำให้นักธนูเวทสาวนั้นใมาก เมื่อคิดว่าอัศวินปฐีจะแพ้ให้กับหมาป่าั์สวมเกราะสีครามเธอก็ไม่ประหลาดใจนัก แต่เื่ที่คิดว่าสมเหตุสมผลนี้มันกลับตรงกันข้ามเมื่อมองย้อนกลับไป ก็ทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาดใจที่เมื่อเห็นอัศวินปฐีครั้งแรกแล้วเธอรู้สึกว่าไม่น่าจะแข็งแกร่ง
เมื่อหมาป่าั์สวมเกราะสีครามนั้นถูกสังหารไปมากกว่าครึ่งทันใดนั้นเองก็มีเสียงร้องคำรามของหมาป่าที่ทรงพลังและแข็งแกร่งอย่างมากดังมาจากที่ห่างไกลดูเหมือนว่าทุกสิ่งในป่าพลันเงียบลงในบัดดลสัตว์น้อยใหญ่ต่างไม่กล้าส่งเสียงให้ได้ยิน และหยุดกิจกรรมทุกชนิดลงทันทีก่อนที่จะได้ยินเสียงฝีเท้าดังสนั่นหวั่นไหวราวกับเสียงฟ้าร้องตามมาด้วยเสียงกิ่งไม้หักระเนระนาด เสียงนั้นค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆด้วยความเร็วที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก
หลังจากที่ได้ยินเสียงร้องหมาป่าั์สวมเกราะสีครามทั้งหมดก็รับรู้ได้ถึงบางสิ่งก่อนที่ดวงตาของมันจะกลายเป็สีเื ความแข็งแกร่งก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ฉินโจ้วถึงกับใจเต้นรัวก่อนจะรู้ได้ทันทีว่ามีหมาป่าที่ค่อนข้างดุร้ายกำลังตรงมาทางนี้ฟังจากเสียงร้องคำรามและแรงกดดันที่ได้รับ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ระดับบอส แต่ก็ไม่น่าจะต่ำกว่าระดับจ่าฝูงไม่อย่างนั้นคงไม่มีการเคลื่อนไหวที่มากมายเช่นนี้
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปและจำนวนของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามก็กำลังลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วเพียงแต่ว่าฉินโจ้วนั้นกลับรู้สึกว่าความเร็วระดับนี้ยังคงช้าเกินไปเมื่อจ่าฝูงของหมาป่ามาถึง สถานการณ์คงจะต้องเปลี่ยนทันทีถ้าเขาไม่รีบจัดการหมาป่าั์สวมเกราะสีครามที่อยู่ตรงนี้ให้หมดสถานการณ์จะต้องแตกต่างไปจากนี้อย่างแน่นอนถ้าตัวจ่าฝูงมาถึง
"เสี่ยวจินลุยเลย"
หลังจากที่ได้เลื่อนเป็สัตว์เลี้ยงระดับBราชินีผึ้งสีทองเพชฌฆาตก็บินออกมาจากท้องฟ้ามีแสงสีทองกะพริบเป็จังหวะ มองดูแล้วให้ความรู้สึกน่าเกรงขามขึ้นกว่าแต่ก่อนก่อนที่จะเห็นเสี่ยวจินขยายขนาดของก้นที่ด้านหลังขึ้น เป็การเริ่มแพร่พันธุ์หลังจากนั้นก็มีผึ้งเพชฌฆาตขนาดแตกต่างกันออกมาจากก้นของเสี่ยวจิน ซึ่งเป็การฟักออกจากไข่ที่รวดเร็วในความเป็จริงนั้นเป็ปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างประหลาดมากขนาดตัวของเสี่ยวจินเท่ากับลูกแอปเปิลแต่สามารถฟักไข่ออกมาแล้วก็มีขนาดเท่ากับตัวมันเองได้ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าทำได้อย่างไรกันโดยทั่วไปแล้วผึ้งเพชฌฆาตที่มีขนาดตัวโตนั้นจะต้องทำงานหนักกว่าผึ้งตัวที่ขนาดราวหัวแม่มือปกติแล้วผึ้งตัวเล็ก 7-8 ตัว จะสามารถสร้างผึ้งเพชฌฆาตตัวใหม่ได้หนึ่งตัวการฟักไข่ของเสี่ยวจินนั้นค่อนข้างเร็วมากแค่ชั่วพริบตาก็มีผึ้งเพชฌฆาตไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยตัวบินวนอยู่บนท้องฟ้าและจำนวนก็ยังคงเพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ
หึ่งๆๆ...
เขาเองไม่รู้ว่าวิธีส่งผ่านข้อมูลนั้นต้องทำอย่างไรแต่ผึ้งเพชฌฆาตกลับเริ่มโจมตีทันที และบินเข้าหาหมาป่าั์สวมเกราะสีครามฝูงผึ้ง... นี่แหละฝูงผึ้งของแท้แน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์ความรวดเร็วของผึ้งเพชฌฆาตนั้นสูงมาก ราวกับแสงสว่างวาบเพียงครั้งเดียว พวกมันก็ไปอยู่เหนือหัวของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามแล้วโดยที่ผึ้งเพชฌฆาตไม่ได้รับผลกระทบจากม่านฟ้าิญญาเลยแม้แต่น้อยนั่นทำให้ฉินโจ้วรู้สึกมีความสุขเป็อย่างมาก
การโจมตีของผึ้งเพชฌฆาตนั้นเป็ผลอย่างชัดเจนเมื่อการโจมตีเริ่มขึ้น เสียงเห่าหอนที่ดังขึ้นเต็มไปด้วยความขมขื่นและสิ้นหวังเสียงร้องด้วยความทรมานจากความเ็ปที่ไม่อาจจะหาสิ่งใดมาเทียบได้เหมือนหมูที่กำลังถูกเชือด หลังจากที่นักบวช นักธนูเวท และนักรบได้ยินเสียงร้องต่างก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ในขณะที่คิดว่าถ้าเกิดโดนเข้ากับตัวเองบ้างคงจะน่ากลัวเป็อย่างมากจนทำให้พวกเขาถึงกับขนลุกเกรียว
เนื่องจากเกราะของหมาป่าั์นั้นค่อนข้างหนาทำให้ผึ้งเพชฌฆาตไม่สามารถเจาะทำลายได้ ดังนั้นจึงเลือกเป้าหมายที่ง่ายกว่านั่นก็คือ ''ั์ตา'' นั่นเองถึงแม้ว่าหมาป่าั์สวมเกราะสีครามนั้นจะมีความคล่องแคล่วว่องไวสูงแต่มันก็ไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีจากผึ้งเพชฌฆาตไปได้ซึ่งส่งผลให้ดวงตาของหมาป่าั์นั้นสูญเสียการมองเห็นในทันทีโดยที่พิษของผึ้งเพชฌฆาตจะมีความแตกต่างจากการโจมตีด้วยพิษทั่วไป ยกตัวอย่างเช่นพิษจากอาหารที่กินเข้าไป พิษแมงมุม พิษงู และอื่นๆ อีกมากมายซึ่งพิษเหล่านี้ส่วนใหญ่จะส่งผลในด้านการระงับความรู้สึก เช่น อาการชา หมดสติถึงแม้จะรู้สึกเ็ป แต่ก็ยังพอทนได้ แต่สำหรับผึ้งเพชฌฆาตนั้นจะแตกต่างออกไปความเ็ปจากการโดนโจมตีด้วยพิษนั้นค่อนข้างรุนแรงมากนอกเสียจากว่ามอนสเตอร์นั้นไม่มีระบบประสาทรับรู้ความเ็ปไม่อย่างนั้นแล้วก็จะไม่สามารถทนรับกับความเ็ปขนาดนั้นได้ไหวและที่สำคัญไปกว่านั้น ราชินีผึ้งสีทองเพชฌฆาตได้เพิ่มระดับจาก C มาเป็ B ทำให้ค่าสถานะต่างๆ นั้นเพิ่มขึ้นไม่น้อยโดยระดับความเ็ปก็ถูกเพิ่มขึ้นไปมากกว่าระดับ C อีกนับสิบเท่าถึงแม้ว่ารุ่นลูกรุ่นหลานที่ฟักออกมาจะมีผลได้ไม่เท่ากันอาจเป็เพราะข้อจำกัดเลยทำให้แตกต่างกันอยู่บ้างต้องขอบคุณลักษณะนิสัยของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามที่เป็สัตว์ที่ค่อนข้างดื้อรั้นมากถ้าเป็มอนสเตอร์ชนิดอื่นคงจะบ้าคลั่ง โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแล้ว
เมื่อหมาป่าั์สวมเกราะสีครามมองไม่เห็นและยังได้รับความเ็ปจนแทบจะทนไม่ไหวทำให้แต่ละตัวแสดงท่าทางออกมากันอย่างประหลาด การเคลื่อนไหวเริ่มสับสนวุ่นวายทำให้อัศวินปฐีได้โอกาสจึงเริ่มโจมตีกลับอย่างหนักหน่วงตามมาด้วยเสียงร้องโหยหวนของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามแสงสีเทาแห่งความตายพวยพุ่งอย่างต่อเนื่องราวกับดอกไม้ไฟ
"ฝูงหมาป่าั์จำนวนมหาศาลกำลังตรงเข้ามานายอยากจะสู้ต่อหรือหนี เตรียมตัวเองให้พร้อมไว้ก็ดี"
ฉินโจ้วเดินออกมาจากเงามืดก่อนจะปล่อยเวท ''หน่วง'' เป็ชุดเพื่อหยุดหมาป่าั์สวมเกราะสีครามทั้งสอง ก่อนจะเดินตรงมาที่ผู้เล่นทั้งสามคนถึงแม้ว่าน้ำเสียงนั้นฟังดูเหมือนจะเป็คำถาม แต่ก็สื่อความนัยกลายๆ ว่าควรจะถอยหนีกลับไป ในขณะที่ราชินีผึ้งสีทองเพชฌฆาตก็บินมาเกาะที่ไหล่มันมีดวงตากลมโตและท่าทางน่ารัก
ทั้งสามคนมองไปที่ฉินโจ้วด้วยความสงสัยว่าเขานี่หรือคือคนที่ช่วยพวกเราเอาไว้ นักรบรีบพูดขึ้นด้วยเสียงอันดัง "ผมชื่อ ตั๊กแตนตำข้าวขอบคุณในความช่วยเหลือของคุณ พวกเราทั้งสามรู้สึกซาบซึ้งใจเป็อย่างมาก"
"ฉัน...แมลงปอ ขอบใจมาก" นักบวชพยักหน้าให้พร้อมกล่าวขอบคุณ
"ส่วนฉัน...แมงมุม ว่าแต่นายเก่งมากเลย" นักธนูสายเวทเอ่ยชมเชยทันที
"ผม...เมามายซบตักสาวงาม ยินดีที่ได้รู้จัก ประจวบเหมาะที่ผมผ่านมาทางนี้พอดีเลยเห็นเหตุการณ์เข้าโดยบังเอิญน่ะ"ฉินโจ้วตอบเลียนแบบคนอื่นเหมือนที่เคยได้ยินมาก่อนที่เขาจะเริ่มรู้สึกแปลกใจว่าชื่อทั้งหมดมีแต่ชื่อของแมลง แมลงปอก็มีสาวสวยที่เป็นักธนูดูเหมือนจะมีชื่อว่าแมงมุม เขาหวังว่าคงไม่ใช่แมงมุมแม่ม่ายดำไม่อย่างนั้นคงจะน่าสงสาร
"ก่อนอื่น...ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณพี่ชายเมามายเป็อย่างมาก ถ้าไม่ได้คุณพวกเราสามคนคงไม่แคล้วต้องถูกลดระดับลงหนึ่งเลเวลอย่างแน่นอนต้องขอบคุณในความมีน้ำใจมากจริงๆ ตอนนี้ผมเองก็ดีขึ้นมากแล้วถ้าคุณมีอะไร้าให้เราช่วย ขอให้บอกได้เลย ตราบเท่าที่เราสามารถทำได้ เราจะไม่อิดออดแม้แต่น้อยแต่ถ้าเราไม่สามารถทำได้ เราก็จะหาทางทำให้จงได้"นักรบคนนี้เป็ผู้ชายอายุราว 25-26 ปี ใบหน้าคมคาย คิ้วหนาเข้ม ดวงตากลมโตดูเป็คนมีคุณธรรมให้ความรู้สึกเหมือนอัศวินที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นและเดินทางไปทั่ว
"ด้วยความยินดี"
ความเป็จริงฉินโจ้ว้าที่จะพูดว่าจุดประสงค์หลักของเขานั้นก็เพื่อค่าประสบการณ์มหาศาลถึงแม้ว่าจะมีหมาป่าั์สวมเกราะสีครามเป็จำนวนไม่น้อยในป่าต้นไม้แห้งเหี่ยวนี้แต่กลุ่มใหญ่ขนาดนี้มีไม่มากนักตลอดทางที่ผ่านมาส่วนใหญ่จะมีแค่สองหรือสามตัวเท่านั้น จำนวนน้อยไปจัดการไปก็รังแต่จะเสียเวลาหลังจากผ่านความยากลำบากมาในที่สุดก็ได้พบ ธรรมชาติย่อมไม่ทอดทิ้งแน่นอนว่านักธนูเวทสาวและนักบวชนั้นก็ดูดีมากทีเดียว
หลังจากพูดคุยกันได้ไม่กี่คำพลันก็ได้ยินเสียงเหยียบกิ่งไม้หัก ดูท่ากองหนุนของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามน่าจะมาถึงแล้ว
กิ่งไม้หนาด้านหน้าถูกแหวกออกก่อนจะเผยให้เห็นสิ่งที่กำลังออกมา เป็หมาป่าฝูงหนึ่งราว 50 ตัววิ่งกรูกันออกมาอย่างเป็ระเบียบราวกับว่าได้มีการฝึกฝนมาดวงตาเผยให้เห็นความเฉียบคม ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นรู้สึกถึงพลังงานที่มากล้น ไม่ง่ายเลยที่จะรับมือมีหมาป่าอีกห้าตัวเดินตามหลังมา หนึ่งในนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ขนาดใหญ่กว่าสองเท่าของหมาป่าั์สวมเกราะสีครามตัวอื่นๆ เกราะที่ดูหนาเขี้ยวแหลมคม และมัดกล้ามที่อัดแน่นเป็ลูก ดูคล้ายกับหินก้อนหนึ่งเชิดหน้าขึ้นสูง ก่อนจะเหลือบตามองดูทุกสิ่งรอบตัวซึ่งการแสดงออกบ่งบอกฐานะให้รู้อย่างชัดเจน ว่าข้านี่แหละผู้นำกลุ่มหรือก็คือจ่าฝูงนั่นเอง มันถูกรายล้อมไปด้วยหมาป่าั์สวมเกราะสีครามตัวเล็กกว่าลำตัวยาวเกือบสี่เมตร ส่องประกายความดุร้ายออกมาไม่เหมือนหมาป่าั์สวมเกราะสีครามทั่วไป
เป็ไปตามที่คาดหัวหน้าฝูงหมาป่าดูแตกต่างจากตัวอื่น เพราะว่ามีกองกำลังคอยอารักขาติดตามมาด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้