พวกหนิวซื่อต่างมองนางอย่างเหยียดหยาม แต่เพราะเชื่อมั่นในตัวนาง ทุกคนจึงทำงานต่อไปอย่างมีความสุข
***
หลังจากเพาะเมล็ด เพาะต้นอ่อน รับซื้อหอยทากแล้ว หวงเต๋ออันก็สั่งคนล้อมกำแพงบนูเาต่อไป พาคนไปขุดบ่อทุกวัน
ในวันที่จะเริ่มขุดบึง เฉินเนี้ยนหรานอุ้มลูกชายออกไปดูด้วย
สำหรับงานเกษตรพวกนี้ แม้นางจะไม่สามารถทำด้วยตนเอง แต่กลับชอบดูมากที่สุด แล้วเสนอความคิดของตนออกมา
เพราะพวกเด็กๆ ล้วนออกไปเรียนหนังสือกันหมด ชาวบ้านมากมายต่างยุ่งอยู่กับการเพาะปลูกเมล็ด ดังนั้นแม้พวกนางจะขุดบ่อกลับไม่มีคนในหมู่บ้านมาดู
หากพูดกันตามเวลาว่างในยามปกติแล้ว งานขุดบ่อพวกนี้มักมีคนจำนวนไม่น้อยมายืนดู
เพราะก่อนหน้านี้ได้ขุดโคลนมาไม่น้อย ครั้งนี้จึงจำเป็แค่ขุดให้บ่อกว้างขึ้น ขุดไว้หลายๆ หลุมยิ่งดี หลุมที่ขุดนั้นได้ใช้หินหลากหลายแบบ กลมๆ ทำคล้ายกับสะพานหิน ้ายังสามารถเดินได้
บ่อโคลนที่ขุดครั้งก่อน เป็เพียงการรีบร้อนขุด ดังนั้นพื้นที่ที่ต้องจัดการในครั้งนี้จึงกว้างสักเล็กน้อย
“เอ๊ะ นี่อะไรน่ะ?” โคลนที่ขุดขึ้นมาทั้งหมดถูกคนแบกมาถึงที่ดินว่างเปล่าซึ่งอยู่ไม่ไกล
แม่น้ำสายเก่าที่อยู่มาหลายปี ก็สามารถเอามาทำเป็ปุ๋ยดินได้
โคลนสีดำจากแม่น้ำเอามาทับถมไว้บนพื้นที่ดินว่างเปล่า เฉินเนี้ยนหรานสามารถคิดออกได้เลยว่าหลังจากปลูกมันหวานลงไปแล้ว ถึงคราวเก็บเกี่ยวจะได้ผลผลิตเท่าใด
นางที่กำลังเดินตรวจตราเห็นว่าในดินโคลนที่เพิ่งขุดขึ้นมามีบางอย่างขยับขยุกขยิกอยู่
“เ้านี่หรือ ข้าดูหน่อยนะ” คนงานระยะยาวยกมือขึ้นไปหยิบก้อนโคลนขึ้นมา
“แผล็บ” สิ่งมีชีวิตยาวๆ ตัวหนึ่งถูกโยนออกมา “งูสีทอง”
เฉินเนี้ยนหรานเบิกตากว้างมองสิ่งที่เรียกว่า “งูสีทอง!”
“พวกเ้า พวกเ้าเรียกมันว่าอะไรนะ?” นางถามออกมาอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ จะต้องรู้ว่านี่คือปลาไหล ทว่าในที่แห่งนี้กลับถูกเรียกว่างูสีทอง!
“งูสีทองน่ะ เ้านี่ดูแล้วเหมือนกับงู คนแก่ในหมู่บ้านต่างพูดว่ามันคืองูที่มีวิวัฒนาการ นอกเสียจากไม่มีอะไรทานกันจริงๆ พวกเราก็ไม่ทานกันหรอก พวกเราไม่ทานเ้านี่ ที่สำคัญที่สุด เ้านี่น่ะกลิ่นคาวแรงมาก”
เอาเถิด คนในยุคสมัยนี้ น่าสงสาร…จริงๆ แต่เพียงนิ่งเงียบครุ่นคิด เฉินเนี้ยนหรานก็เข้าใจ
การพัฒนาของเมืองๆ หนึ่ง จะต้องไม่หยุดพัฒนาจึงจะสามารถก้าวหน้าไปได้
ในยุคปัจจุบันเด็กๆ ต่างรู้ว่าเ้าตัวยาวๆ สีเหลืองรูปร่างคล้ายงูนั้นเรียกว่าปลาไหล เป็วัตถุดิบทำอาหารชนิดหนึ่ง แต่ในยุคสมัยนี้ไม่มีผู้ใดรู้ นั่นสามารถอธิบายได้ว่า วัตถุดิบทำอาหารอีกมากมายของพวกเรายังอยู่ระหว่างการถูกค้นพบ
“อะแฮ่ม เ้านี่น่ะ ข้ารู้วิธีการนำมาทำเป็อาหาร รบกวนพวกพี่ชายตอนที่ขุดขึ้นมา ช่วยเก็บเ้านี่มาให้ข้าได้หรือไม่? ข้าจะดูอีกครั้งว่าเป็ตัวอย่างไร”
เมื่อรู้ได้ว่าคนที่นี่ไม่มีการจับปลาไหลมาทาน และเข้าใจคนในยุคนี้ที่ไม่เข้าใจเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารอีกมากมาย ใจของนางจึงยิ่งร่าเริงขึ้นมา
จากสายตาอันเฉียบแหลมของนางมองลงไปอย่างละเอียด เพียงครู่เดียว เฉินเนี้ยนหรานก็พบปลาดุกที่สามารถเอาไปทำอาหารได้
“เ้านี่นะกลิ่นสาบโคลนทั้งตัว ก้างก็เยอะ ข้าเคยทานครั้งหนึ่ง ข้าอ้วกจนทรมาน คนในหมู่บ้านไม่มีใครชอบทานเ้าพวกนี้ ที่เกลียดที่สุดคือ เ้านี่ว่างๆ ก็ชอบขุดหลุม แล้วยังมีพวกคีมขนที่น่าขยะแขยงมาก ตอนไม่มีอะไรก็ชอบขุดหลุม หากไปถูกมันโดยไม่ได้ตั้งใจจะเจ็บจนทรมาน”
หวงเต๋ออันมองเฉินเนี้ยนหรานที่จับปลาดุกเป็ดั่งสมบัติ ทั้งยังแสดงความเห็นอย่างไม่พอใจ
“คีมขน??”
“อืม คีมขนน่ะ หมู่บ้านเก่าของข้ามีเยอะมาก คิดไม่ถึงว่าที่นี่ก็มีอยู่ไม่น้อยเลย ดูๆ เ้านี่แหละ”
หวงเต๋ออันพูดแล้วจับสิ่งมีชีวิตที่ะโไปมา…
“นี่คือคีมขน?” เฉินเนี้ยนหรานเบิกตากว้าง ไม่สามารถหายใจได้แล้ว
“ใช่แล้ว เ้านี่เนื้อก็ไม่มี ชอบมาหนีบคน ไม่มีอะไรยังมาขุดรูในนา คนในหมู่บ้านของพวกเราล้วนเกลียดพวกมันมาก”
เฉินเนี้ยนหรานกลับวิ่งไปอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างตื่นเต้น “เอามาให้ข้า เอามาให้ข้า วางไว้ที่พื้น ข้าจะจับ ข้าจับเอง ใช่แล้ว ข้าจะสอนพวกเ้าว่าควรจับมันอย่างไร หากเ้าว่างก็จับมากองให้ข้า คืนนี้ข้าจะทำอาหารมื้อใหญ่ให้พวกเ้าได้ทาน”
์ คีมขนที่ใดกัน มันคือปูั์ต่างหาก
ยิ่งไม่เกินจริงไปก็คือ ไม่รู้ว่าเพราะนี่คือปูตามธรรมชาติหรือไม่ แต่ปูที่นี่ตัวใหญ่มาก ขนาดตัวของมันมีน้ำหนักประมาณเจ็ดแปดเหลี่ยง [1] ได้
ปูหนักเจ็ดถึงแปดเหลี่ยงในยุคปัจจุบันจะมีราคาเท่าไรกัน!
รวยแล้ว รวยแล้ว พอคิดถึงวิธีการทำปู น้ำลายของเฉินเนี้ยนหรานก็จะไหลออกมาแล้ว ช่วยไม่ได้ นางไม่เพียงจะรักเงิน ยังรักการกินมากเสียด้วย สามารถพูดแบบไม่เกินจริงเลย นางหาเงินไปเพื่ออะไร? หาเงินเพื่อทำให้ชีวิตดีขึ้นอย่างไรล่ะ
เป้าหมายในการหาเงินของสายกินคือ เพื่อเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น ให้ตนเองได้ทานอาหารที่ดีกว่านี้สักหน่อย ตอนที่ได้เห็นของกินพวกนี้ สิ่งที่นางคิดได้คือ กินเท่านั้น
หวงเต๋ออันกลับหันไปสั่งคนงานระยะยาวสองคนที่กำลังขุดโคลนอยู่ทันที และไม่ลืมที่จะจับพวกคีมขนขึ้นมาด้วย ส่วนตนเองก็เข้าร่วมไล่จับสองอย่างนี้
ส่วนเฉินเนี้ยนหรานถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่สนใจว่าโคลนที่ขุดขึ้นมาจะสกปรกมากเพียงใด ก่อนจะแหวกโคลนพวกนั้นออกแล้วเริ่มหาปลาดุกกับปลาไหล
รอจนถึงตอนเก็บงาน พวกเขาสามารถขุดปลาดุกขึ้นมาได้อย่างน้อยห้าจิน ปลาไหลก็ได้มาเกือบสามจิน ส่วนคีมขนก็จับมาได้สิบห้าตัว
พวกหวงเต๋ออันแค่ลูบๆ หาในบ่อครู่เดียวกลับสามารถหาปูมากได้มากเช่นนี้ และจากที่คนงานอีกสองคนพูด ในที่นานี้ แทบจะทุกที่ต่างมีปูขนาดใหญ่นี้กันหมด…
“รวยแล้ว รวยแล้ว ต่อไปสามารถทานเ้านี่ได้ตลอดแล้ว…” เมื่อเห็นของพวกนี้ ใต้เท้าของเฉินเนี้ยนหรานคล้ายจะมีฟองน้ำอยู่
ในโลกใบนี้ สิ่งที่ทำให้มีความสุขที่สุดคือการนำปูหลายตัวไปต้ม ผัดปลาไหลสักจาน และดื่มสุราสักจอก เอ๋ หากมีไวน์ทำนองนี้จะยิ่งดีมาก เพียงแต่ ในยุคนี้เหมือนจะไม่มีไวน์อะไรพวกนี้นะ
หากหาองุ่นเจอ บางทีนางคงสามารถหมักไวน์องุ่นออกมาได้!
แน่นอน ความคิดในตอนนี้ทำได้แค่คิดเท่านั้น อย่างไรเื่ที่ต้องทำก็เยอะเกินไป
กลับมาถึงเรือน สิ่งแรกที่เฉินเนี้ยนหรานทำคือสั่งให้หนิวซื่อกับหวงเต๋ออันจัดการทุบสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิดที่หาได้มาในวันนี้!
ปลาดุกถูกนางโยนลงไปในน้ำเดือดให้สุกในเสี้ยววินาที แล้วตักขึ้นมาตัดหัว ตัดหาง ข้อดีของน้ำเดือด หนึ่งคือปลาดุกที่ตายอยู่ในน้ำร้อนจะตัดหัวตัดหาง และลากไส้ออกมาได้ง่าย สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือยังสามารถกำจัดกลิ่นคาวได้ด้วย
อย่างไรปลาดุกมักจะมุดโคลนอยู่ทุกวัน หากจัดการไม่สะอาดพอย่อมจะมีกลิ่นคาวออกมา
ส่วนปลาไหล แน่นอนว่าไม่สามารถจัดการเช่นนี้ได้
หวงเต๋ออันเหลาแท่งไม้แหลมมากๆ แล้วยึดเอาไว้ที่ร่องไม้
“ตอนนี้ข้าจะทำตัวอย่างให้ดู พี่หวงอีกเดี๋ยวเ้าทำตามที่ข้าทำเมื่อครู่ไปจัดการปลาไหลนะ” แม้จะไม่เคยทำงานนี้ แต่ตอนอยู่ที่ยุคปัจจุบัน เฉินเนี้ยนหรานเคยซื้อปลาไหลมาทานอยู่บ่อยครั้ง และรู้ว่าคนขายเขาจัดการกับปลาไหลอย่างไร
ตอนนี้นางจึงทำได้แค่ฝืนมาเป็อาจารย์
“เ้านี่นะลื่นมาก ดังนั้นก่อนจะผ่าท้องเอาก้างมันออก พวกเราจะต้องทุบแรงๆ ให้มันมึนเสียก่อน”
ปลาไหลถูกโยนลงไปที่พื้น แล้วหยิบขึ้นมา ก่อนจะเอามันมาเสียบบนแท่งไม้ไผ่
ถึงจะเป็แท่งไม้ไผ่แต่กลับแหลมมาก แม้จะไม่เหมือนแท่งเหล็กในยุคปัจจุบัน แต่ยังสามารถเสียบปลาไหลได้ อย่างไรปลาไหลตัวใหญ่นี่ ก็ไม่เหมือนปลาตัวเล็กจิ๋วในยุคปัจจุบัน
“เสียบเสร็จแล้วค่อยใช้มีดเล็กๆ มาปาดที่ท้องของมัน แล้วเอาไส้ที่อยู่ด้านในไปทิ้ง ขั้นตอนที่สองก็เอาก้างมันออก ปาดลงไป้า แล้วเฉือนลงมาด้านล่างก็ได้แล้ว ขั้นตอนที่สามตัดหาง ตัดหัว จากนั้นทำตัวที่สอง…”
เห็นนางทำดูง่ายมาก จนหวงเต๋ออันมีความรู้สึกอยากจะลอง
คนบางคนที่ได้หลุดพ้นจากตรงนี้แล้ว ส่งมีดในมือไปให้เขา “อ่ะ อาจารย์ได้สั่งสอนวิชาแล้ว การฝึกตนขึ้นอยู่ที่คน งานนี้ยกให้เ้าแล้ว”
หวงเต๋ออันหัวเราะเหอะๆ “ไม่มีปัญหา ดูท่าทางแล้วง่ายมาก งานเล็กเช่นนี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
เมื่อส่งงานไปแล้วก็มองหวงเต๋ออันนั่งลง จับปลาไหลขึ้นมาแล้วโยนแรงๆ
ก่อนจะเอาไปเสียบที่ไม้ หยิบมีดขึ้นมาปาดกระดูก ตัดหาง ตัดหัว…การกระทำลื่นไหลจนถึงขั้นเอาสายน้ำมาบรรยายได้ ในส่วนนี้เฉินเนี้ยนหรานอดยอมรับไม่ได้ ดูเหมือนไม่ว่าจะท่านลุงของตนหรือแม้แต่หวงเต๋ออัน ทางด้านงานฝีมือคล้ายจะเก่งกว่านางมากหลายเท่า
“นายหญิง ข้าทำพอได้ใช่หรือไม่ขอรับ” หวงเต๋ออันเหมือนจะยังไม่พอใจกับฝีมือที่ตนเองทำ แล้วสอบถามความเห็นของนางเสียงอ่อน
“อะแฮ่ม เื่นี้ ยังต้องฝึกอีกสักหน่อย ไม่เป็ไร ค่อยๆ ทำไป” หลังจากที่นางออกความเห็นด้วยท่าทางที่นิ่งมาก แล้วเดินโขยกเขยกออกไป~
“ใช่แล้ว ตอนนี้ข้าจะต้องพยายาม นายหญิงนี่มากความสามารถจริงๆ งานอะไรเมื่ออยู่ในมือของนางล้วนแต่ง่ายเสียหมด”
หลังจากได้ยินคำเยินยอจากด้านหลัง เฉินเนี้ยนหรานถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก
ปลาดุก ปลาไหลพวกนี้มีคนทำไปแล้ว เฉินเนี้ยนหรานจึงเริ่มหยิบช้อนมาต้มปู ปูตัวใหญ่นี่ หนึ่งตัวจะต้องใส่ขิงไปสองชิ้น ใช้น้ำสะอาดมาต้นจนเริ่มเดือดและเติมซีอิ๊วขาวลงไปสักหน่อย รสชาตินั้นสามารถทำให้คนคิดถึงมันอยู่ตลอด
ส่วนปลาไหลถูกนางใช้พริกแห้งตัดมาผัดจนกลายเป็ปลาไหลผัดพริก ส่วนปลาดุกลงมือทำมากหน่อย ขั้นตอนแรกคือเอาไปล้างให้สะอาดด้วยเกลือ ขิงและต้นหอม ให้ตัวปลาสามารถเข้าถึงรสชาติได้ง่าย
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว จึงใช้เนื้อมันหมูมาสับให้ละเอียด และเอาไปเจียวน้ำมันออกมา ก่อนจะใส่พริกหั่นท่อน หัวหอม และขิงลงไปในกระทะ
นำไปผัดเข้าด้วยกันกับพริกสับ เมื่อวัตถุดิบส่งกลิ่นหอมแล้วจึงใส่น้ำลงไป ตอนที่กลิ่นน้ำแกงส่งกลิ่นหอมก็ใส่ปลาดุกที่หมักเอาไว้แล้ว ถือโอกาสนี้มาหั่นต้นหอมที่เหลืออยู่เป็ท่อนๆ แล้วเพิ่มฮุยเซียงลงไปในถ้วยที่เตรียมไว้
หนึ่งนาทีก่อนจะยกกระทะขึ้น ก็เอาวอซุ่น [2] ที่ล้างน้ำแล้วเอามาหั่นออกมาเป็ท่อนยาวๆ ใส่ลงไปต้นในหม้อหนึ่งนาที ต้มไปได้เพียงแปดนาทีก็สุกและตักมันขึ้นมาพร้อมกัน ทำให้น้ำมันร้อน ก่อนจะทอดพริกสับหลายชิ้น หลังจากสุกแล้วจึงตักมาวางไว้ในจาน โรยด้วยหอมสับ ผักชี…
“โอ้โห หอมมาก” ยังไม่ถึงห้องครัว เสียงของน้องหกก็ะโออกมา
กลิ่นเผ็ดหอมเช่นนั้น ผสมเข้ากับรสชาติอร่อยของปลาดุกลอยออกไป ทุกคนในเรือนต่างพากันกลืนน้ำลาย แม้แต่หวงเต๋ออันที่ก่อนหน้านี้ปฏิเสธที่จะทานปลาดุก ตอนนี้พอได้กลิ่นนี้ แววตากลับลอกแลกไปมาไม่หยุด
เชิงอรรถ
[1] เหลี่ยง มีน้ำหนักประมาณ 50 กรัม
[2] วอซุ่น คือ ผักกาดก้านของจีน
