ภายในป่าิญญา์ที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองฮุ่นยินนั้น มีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรห้าคนที่ต้องทิ้งชีวิตอยู่ภายในนั้นตลอดกาล
เมื่อหลงอวี้สังหารพวกชิวเจิ้นห้าคนไปแล้วเขาก็ได้สำรวจตัวพวกมันหนึ่งรอบก่อนจะนำมีดสั้นที่เป็ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นกลางของชิวเจิ้นไป
ส่วนบนตัวของทั้งสี่คนที่เหลือนั้นมีแค่ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นล่างอยู่ไม่กี่ชิ้นเท่านั้น หลงอวี้จึงไม่ได้เก็บพวกมันไปด้วย ถึงอย่างไรบนตัวเขาก็ไม่มีที่เก็บของมากมายขนาดนั้น หากพกของไปมากเกินไปจะไม่สะดวกต่อการเดินทาง
“ได้ยินว่าที่โลกนี้มียุทธภัณฑ์ประเภทหนึ่งที่ชื่อว่ายุทธภัณฑ์ช่องว่าง ว่ากันว่ามันสามารถเก็บสิ่งของเข้าไปในนั้นได้เป็จำนวนมาก อีกทั้งยังพกพาสะดวกด้วย แต่น่าเสียดายที่ยุทธภัณฑ์ช่องว่างแบบนั้นมันล้ำค่าสุดขีด มูลค่าของมันไม่มีทางน้อยไปกว่าโอสถระดับวิเศษแน่!”
หลงอวี้รู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่แค่ยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นล่างเพียงสี่ชิ้น เมื่อรวมกันแล้วก็มีมูลค่าเพียงสามสี่สิบเหรียญเงินผลึกเท่านั้น เมื่อเทียบกับความคล่องตัวที่หายไป เขาก็ได้แต่ทิ้งมันไว้เท่านั้น
แต่ในตอนที่เขากำลังคิดเช่นนั้นพร้อมกับนำเอามีดสั้นเก็บเข้าไปในอกเสื้อ อยู่ๆ ก็ััได้ว่าสัญลักษณ์ัปรภพตรงอกร้อนผ่าวขึ้นมา
“หืม?”
หลงอวี้รู้สึกประหลาดเล็กน้อย จึงลองโคจรลมปราณไปตรวจสอบอย่างอดไม่ได้ แต่คราวนี้เขาก็ต้องตื่นตะลึง
ภายในสัญลักษณ์ัปรภพนี่มันมีช่องว่างสำหรับใช้เก็บของขนาดประมาณห้องห้องหนึ่งอยู่ด้วย!
การค้นพบครั้งนี้ทำให้หลงอวี้รู้สึกยินดีเป็อย่างมาก เขารับเก็บยุทธภัณฑ์ระดับิญญาขั้นล่างทั้งสี่ชิ้นนั้นทันที ขณะเดียวกันก็เก็บหอกัปรภพและมีดสิ้นของชิวเจิ้นเขาไปในนั้นด้วย
เพราะการต่อสู้มันเกิดขึ้นเป็ระยะเวลาสั้นๆ เพียงครู่เดียว ทำให้รอบๆ นี้ยังไม่มีคนอื่นปรากฏตัว หลังจากหลงอวี้เก็บของทั้งหมดเสร็จแล้วเขาก็รีบเร่งเร้าปีกจันทราขึ้นมาแล้ววิ่งตะบึงออกไปทางหุบเขาปีศาจิญญา์ด้วยความเร็วสูงจนกลายเป็ประกายแสงสีเทาดำทันที
‘ดูท่าสัญลักษณ์ัปรภพจะมีความสามารถให้ใช้ไม่น้อย แต่หากข้ายังไม่จำเป็ต้องใช้งาน มันก็จะไม่เปิดเผยออกมา...’
หลงอวี้เดินทางไปพลางครุ่นคิด
เขานึกถึงตอนอยู่ในป่าโสมโบราณก่อนหน้านี้ ตอนนั้นเป็เพราะเขาจำเป็ต้องปกปิดคลื่นพลังของโสมโบราณขั้นสูงเหมือนกัน สัญลักษณ์ัปรภพถึงจะแสดงความสามารถในการปกปิดคลื่นพลังของสมบัติให้เขาอย่างกะทันหัน
ตอนนี้ก็เหมือนกัน
ต้องรอให้หลงอวี้มีของมากเกินจนพกพาไม่ไหวก่อน เ้าสัญลักษณ์นี่ถึงจะส่งความร้อนมาบอกหลงอวี้ว่าสามารถเก็บของในช่องว่างภายในสัญลักษณ์ัปรภพได้
ไม่รู้เหมือนกันว่าสัญลักษณ์ัปรภพมีความสามารถอะไรอื่นอีกรึเปล่า?
‘หลังจากนี้ไป หากเจอปัญหาอะไรก็ลองใช้สัญลักษณ์ัปรภพดูก่อนแล้วกันว่าแก้ได้หรือเปล่า...’
แม้หลงอวี้จะไม่ค่อยอยากพึ่งพาสัญลักษณ์ัปรภพสักเท่าไร แต่ความสามารถยิบย่อยเหล่านี้ใช้ดีมากเกินไป อีกทั้งยังดูไม่มีความเสี่ยงอะไร
มีเพียงิญญาแท้ัปรภพที่อยู่ในตันเถียนของเขาเท่านั้นที่หากปล่อยออกมาแล้วจะทำให้หลงอวี้รู้สึกไม่ปลอดภัย
เขาเดินทางอยู่ภายในป่าิญญา์ด้วยความเร็วสูง
เพียงไม่นานเขาก็เดินทางได้ไกลนับร้อยลี้ มองเห็นหุบเขาแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยปราณอสูรมากมายปกคลุม ที่นั่นก็คือหุบเขาปีศาจิญญา์!
ปากทางเข้าหุบเขานั้นมีขนาดใหญ่เท่ากับเมืองเมืองหนึ่งเลยทีเดียว แต่เทือกเขาอันสูงชันที่ตั้งอยู่สองข้างนั้นกลับสูงทะลุเมฆเลยทีเดียว อีกทั้งยังทอดยาวออกไปไกลจนมองไม่เห็นปลายทาง
หากผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปคิดจะเข้าไปในหุบเขาก็ต้องเข้าผ่านปากทางเข้านี้เท่านั้น
นอกเสียจากจะเป็ยอดฝีมือระดับคนผสานฟ้าที่เหาะเหินเดินอากาศได้ถึงจะบินข้ามเทือกเขาสองข้างเข้าไปได้โดยตรง
เพียงไม่นาน หลงอวี้ก็เข้าใกล้ปากทางเข้าของหุบเขาปีศาจิญญา์แล้ว เขาเก็บปีกจันทรากลับเข้าไปในช่องว่างปรภพ จะได้ไม่ถูกใครจำได้
เขากวาดตามองพบว่าที่ปากทางเข้าของหุบเขามีผู้ฝึกยุทธ์พเนจรจำนวนมากกำลังรวมตัวกันอยู่ น่าจะกำลังหาพรรคพวกเข้าไปช่วยกันออกล่าสัตว์อสูรภายในหุบเขา
ถึงอย่างไรภายในหุบเขาปีศาจิญญา์แห่งนี้ก็เป็โลกของสัตว์อสูรอย่างสมบูรณ์ การเข้าไปคนเดียวนั้นเป็เื่ที่อันตรายมาก!
หากไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ขึ้นไปจะไม่มีใครกล้าเข้าไปคนเดียวเลย เพราะแม้แต่ส่วนนอกสุดของหุบเขาปีศาจิญญา์ก็ยังมีนาคาทมิฬแห่งหุบเขาปีศาจระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ปรากฏตัวบ่อยๆ
นาคาทมิฬเหล่านี้ถูกกลุ่มสัตว์อสูรที่อยู่ภายในส่วนลึกของหุบเขาส่งออกมาลาดตระเวนโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันไม่ให้ยอดฝีมือของมนุษย์เข้าไปภายในหุบเขาปีศาจิญญา์ได้
แต่ถ้านาคาทมิฬเหล่านี้พบกับมนุษย์ที่พวกมันสามารถเอาชนะได้ พวกมันก็พร้อมจะกลายเป็ผู้ล่าแทนเหมือนกัน
‘พวกฉือเสียวเสว่กับเฟิงเหยาไม่อยู่ คงจะเข้าไปข้างในกันแล้ว...’
หลงอวี้กวาดตามองไปรอบๆ พร้อมกับครุ่นคิดในใจ
หลังจากที่เขาค่อยๆ ก้าวเดินไปยังปากทางเข้าหุบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครสนใจในตัวเขาเลยแม้แต่คนเดียว เพราะผู้ฝึกยุทธ์ระดับิญญาแท้ขั้นที่สองแบบเขานั้นพบเห็นได้ง่ายมาก
ยิ่งตอนนี้เขาเก็บหอกัปรภพเข้าไปในช่องว่างปรภพด้วยแล้ว ตอนนี้ตัวเขาจึงดูไม่ต่างจากคนทั่วไปแม้แต่น้อย
แต่กระนั้น ในตอนที่เขากำลังจะก้าวเท้าเข้าไปภายในหุบเขาเพียงคนเดียว ในที่สุดก็มีคนให้ความสนใจในตัวเขาแล้ว
“เฮ้ เ้าว่าไอ้หมอนั่นมันบ้าหรือเปล่า แค่ระดับิญญาแท้ขั้นที่สองกลับคิดจะเข้าไปในหุบเขาปีศาจเพียงคนเดียวอย่างนั้นหรือ?”
“พูดเป็เล่นไป ่นี้มีพวกโง่ที่ไม่สนใจชีวิตตัวเองปรากฏตัว!”
“ไอ้โง่แบบนี้ก้าวขึ้นมาระดับิญญาแท้ขั้นที่สองได้นับว่าไม่ธรรมดาอยู่เหมือนกันนะ ฮ่าฮ่า!”
มีคนกลุ่มหนึ่งมองมาทางหลงอวี้ด้วยแววตาดูถูกเย้ยหยันเท่านั้น สำหรับพวกมันแล้ว คนอื่นจะเป็หรือตายอย่างไรก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกมัน
พวกมันทุกคนดูจะสนใจแต่ชีวิตของตัวเองเท่านั้น!
หลงอวี้ย่อมไม่มีทางสนใจสายตาของพวกคนเหล่านี้อยู่แล้ว
เขาเข้าไปในหุบเขาก็เพื่อที่จะล่านาคาทมิฬที่เคลื่อนไหวเดี่ยวๆ ทั้งหลายนั่นโดยเฉพาะ ถึงแม้พวกมันจะมีระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่เขาจัดการได้
ในตอนที่จัดการพวกชิวเจิ้นห้าคนเมื่อครู่นี้ เขายังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงออกมาเลยด้วยซ้ำ
หากเขาใช้พลังของแก่นอัสนีซ่อน เกรงว่าเขาคงจะสามารถสังหารทั้งห้าคนนั้นได้ในพริบตา!
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาสร้างกายาอัสนีซ่อนสำเร็จแล้ว ต่อให้เมื่อครู่นี้เขาจะปล่อยให้พวกชิวเจิ้นโจมตีใส่ก็ไม่มีทางาเ็อะไร กลับยังสามารถสะท้อนพลังกลับไปฆ่าพวกมันตายได้อย่างง่ายดาย
เมื่อหลงอวี้เข้าไปในหุบเขา เขาก็ััได้ถึงกลิ่นอายอันลี้ลับน่ากลัวทันที
ในทั่วทั้งหุบเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยปราณอสูรแผ่กระจายไปทั่ว กลิ่นอายอันลี้ลับน่ากลัวได้ปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขา หากคนทั่วไปเข้ามาไม่มีทางต้านทานการกัดกร่อนของปราณอสูรเหล่านี้ได้แน่
มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับิญญาแท้เท่านั้นถึงจะมีพลังมากพอจะต่อต้านปราณอสูรเหล่านี้ได้
ปราณอสูรที่ลอยอยู่ในหุบเขาปีศาจิญญาอสูรนั้นแตกต่างจากปราณอสูรที่อยู่ภายในเน่ยตาน เน่ยตานสามารถดูดกลืนได้ แต่ปราณอสูรเหล่านี้กลับส่งผลร้ายต่อร่างกายของผู้ฝึกยุทธ์อย่างใหญ่หลวง
“จิ๊บจิ๊บ!”
เสียงร้องอันสดใสและไพเราะเสียงหนึ่งดังเข้ามาในหูของหลงอวี้ ต่อจากนั้นตรงพุ่มหญ้าด้านหน้าเขาก็ราวกับมีอะไรบางอย่างขยับเคลื่อนไหวก็ไม่ปานก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
นั่นมันสัตว์อสูรอะไรน่ะ?
หลงอวี้ไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายนั้นค่อนข้างจะขี้ขลาดไปสักหน่อย พอััได้ว่าหลงอวี้เข้ามาใกล้แล้วมันก็รีบบินหนีไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อสัตว์อสูรขนาดเล็กนั่นหนีไปแล้ว แม้แต่หลงอวี้ก็ไม่อาจััถึงกลิ่นอายของอีกฝ่ายได้เลยอย่างสิ้นเชิง ทำให้หลงอวี้รู้สึกระแวงมากยิ่งขึ้น
หุบเขาแห่งนี้เป็สรวง์ของสัตว์อสูร สัตว์อสูรตนใดก็ตามเมื่ออยู่ในอาณาเขตของตัวเอง จะสามารถแสดงพลังออกมาได้มากยิ่งขึ้น
และที่สำคัญที่สุดคือ รูปลักษณ์ดั้งเดิมของสัตว์อสูรก็คือสัตว์ป่าทั่วไป และสิ่งที่สัตว์ป่าเชี่ยวชาญมากที่สุดก็คือการหลบซ่อนตัวโดยใช้สภาพแวดล้อมให้เป็ประโยชน์ แล้วรอจังหวะลอบโจมตีกะทันหัน!
ยังดีที่หลงอวี้ฝึกฝนร่างกายจนสำเร็จเป็กายาอัสนีซ่อนแล้ว เพราะการอยู่ในที่แบบนี้คนเดียวเสี่ยงอันตรายมากเกินไป
“มีคนตามข้าหรือ?”
หลงอวี้รู้สึกตัวอย่างรวดเร็ว ที่ด้านหลังของเขามีกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์พเนจรกลุ่มเล็กๆ ราวสี่ห้าคนกลุ่มหนึ่งเดินตามหลังเขามาจากไกลๆ
ดูท่าพวกนั้นคิดจะให้หลงอวี้มาเปิดทางให้พวกมันก่อน!
ต่อให้ด้านหน้ามีสัตว์อสูรซุ่มโจมตี คนที่จะโดนก่อนก็จะเป็หลงอวี้ ส่วนพวกมันที่ตามหลังหลงอวี้ไม่เพียงแต่จะปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังสามารถรอฉกฉวยผลประโยชน์จากหลงอวี้ได้ด้วย!
‘แผนนี้ไม่เลวเลย แต่น่าเสียดายที่พวกเ้าเลือกตามผิดคนแล้ว...’
หลงอวี้คิดในใจ พริบตานั้นเขาเร่งเร้าลมปราณทันที ปีกจันทราของเขากางขึ้นที่แผ่นหลัง จากนั้นก็พุ่งทะยานออกไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็วจนกลายเป็ประกายแสงสีเทาดำพุ่งหายไปในพริบตา!
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้พวกคนที่ตามหลังหลงอวี้พากันตื่นตะลึงทันที
“เ้าหนูนั่นมีปีกด้วยหรือนี่! หรือว่ามันจะเป็สัตว์อสูร?”
“ไม่ นั่นน่าจะเป็ยุทธภัณฑ์ชิ้นหนึ่ง ดูจากความเร็วที่สูงขนาดนั้น ต้องเป็ความสามารถของปีกคู่นั้นแน่!”
“ถ้าอย่างนั้นพวกเรารีบไล่ตามไปกันเถอะ จะปล่อยให้มันหนีรอดไปไม่ได้!”
ผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มนั้นรีบไล่ตามหลงอวี้ไปอย่างไม่ลังเล แต่เพียงไม่นานพวกเขาก็พบว่าความเร็วของพวกเขาไม่สามารถเทียบกับหลงอวี้ได้แม้แต่เศษเสี้ยว
เพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น หลงอวี้ก็หายไปจากสายตาของพวกเขาทั้งหมดจนไม่เห็นแม้แต่เงา!
ตอนนี้ผู้คนทั้งหมดได้เดินทางลึกเข้าไปในหุบเขาเป็ระยะสิบลี้แล้ว รอบๆ นี้เต็มไปด้วยพืชพันธุ์มากมาย ต้นไม้งอกขึ้นมาอย่างหนาแน่น มีโอกาสเกิดเื่ไม่คาดฝันขึ้นได้ตลอดเวลา!
“หยุดไล่ตามมันได้แล้ว ระวังรอบตัวด้วย!”
กลุ่มคนห้าคนนี้รีบจัดรูปขบวนรบอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเลยว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้เพิ่งเข้ามาล่าสัตว์อสูรในหุบเขาเป็ครั้งแรก
การล่าสัตว์อสูรในหุบเขาปีศาจิญญา์นั้น สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่พลัง แต่เป็ประสบการณ์!
หากไม่มีประสบการณ์ ต่อให้เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ขั้นที่สี่ก็มีโอกาสสูงมากที่จะตายอยู่ภายในหุบเขาแห่งนี้
กลุ่มของผู้ฝึกยุทธ์พเนจรที่มีระดับิญญาแท้ขั้นที่สามแบบนี้ สิ่งที่พวกเขาหวาดกลัวมากที่สุดในการออกล่าที่ส่วนนอกของหุบเขาปีศาจก็คือการบังเอิญเจอเข้ากับนาคาทมิฬแห่งหุบเขาปีศาจ
หากนาคาทมิฬปรากฏตัวอย่างโจ่งแจ้ง พวกเขาก็ไม่ได้หวาดกลัวอะไรมันหรอก ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีกันถึงห้าคน ถ้ารุมสู้กับนาคาทมิฬเพียงตัวเดียว ไม่ว่าอย่างไรก็ชนะได้อย่างแน่นอน
แต่สิ่งที่ขึ้นชื่อที่สุดของนาคาทมิฬคือความชั่วร้ายเ้าเล่ห์ของมัน!
สภาพแวดล้อมที่เป็ป่ารกชัฏแบบนี้เหมาะแก่การซ่อนตัวของนาคาทมิฬเป็อย่างมาก เพราะมันเป็สัตว์อสูรประเภทงูตัวหนึ่ง หากคนทั่วไปไม่ตั้งใจสังเกตจะไม่มีทางพบเห็นพวกมันได้เลย
ขอเพียงนาคาทมิฬมันปรากฏตัวขึ้นและลอบโจมตีผู้ฝึกยุทธ์เหล่านี้กะทันหันด้วยความเร็วสูงจนสามารถสังหารได้สักหนึ่งถึงสองคนล่ะก็ อย่างนั้นคนที่เหลือก็ทำได้แค่รอความตายแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ทั้งห้าคนค่อยๆ เดินหน้าอย่างระมัดระวัง แต่กระนั้นพวกเขากลับไม่รู้ตัวเลยว่า หลงอวี้ เป้าหมายที่พวกเขาแอบสะกดรอยตามมาเมื่อครู่นี้ได้แอบอ้อมไปอยู่ที่ด้านหลังของพวกเขาอย่างเงียบงันแล้ว
หลงอวี้วิ่งอ้อมจนกลับกลายมาอยู่ที่ด้านหลังของทั้งห้าคนแทนแล้ว!
ในเมื่ออีกฝ่ายคิดจะฉกฉวยผลประโยชน์จากเขา อย่างนั้นหนามยอกก็ต้องเอาหนามบ่ง หลงอวี้ก็จะรอฉวยโอกาสจากพวกมันเหมือนกัน ด้วยความสามารถของปีกจันทราในการเร่งความเร็วให้เพิ่มสูงขึ้นได้อย่างน่าสะพรึงกลัว ไม่ว่าจะเป็สถานการณ์แบบไหนหลงอวี้ก็เข้าออกได้ดั่งใจ้า!
