รถม้าสิบคันวิ่งไปบนถนนอย่างรวดเร็วและนิ่มนวล เย่สือซานกับเย่สือชีนั่งอยู่้าของรถคันที่สาม สีหน้าท่าทางสบายอารมณ์เป็ธรรมชาติ แต่ดวงตาที่สอดส่ายไปมาและหูที่กระดิกฟังเสียงบ่งบอกให้รู้ถึงจิตใจที่ระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลา
รถม้าแล่นมาได้ครึ่งทางของระยะทางทั้งหมด ออกจากเขตอิทธิพลของตระกูลเย่มาถึงอาณาเขตของตระกูลเยว่ได้สักระยะแล้ว เพื่อความปลอดภัยของนายน้อยที่อยู่บนรถม้า พวกเขาจึงจำเป็ต้องระแวดระวังภัยในสภาพแวดล้อมทั่วทั้งสี่ทิศอยู่ตลอดเวลา และเตรียมพร้อมต่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น
นึกถึงเด็กหนุ่มที่อยู่ภายในรถม้า ความรู้สึกของทั้งสองคนไม่ได้มีความไม่พอใจและรังเกียจเหมือนแต่ก่อน แต่เปลี่ยนเป็ความเคารพและรู้สึกใกล้ชิดมากขึ้น นับั้แ่เย่ชิงหานเดินลงมาจากรถม้าในวันนั้น ยิ่งนานวันพวกเขายิ่งพบว่านายน้อยคนนี้ไม่เหมือนกับนายน้อยคนอื่นๆ ที่พวกเขาเคยรับใช้มาก่อน
อาจจะเป็ไปได้ว่านายน้อยคนนี้เมื่อตอนเป็เด็กไม่ได้ถูกทางตระกูลรักและให้ความสำคัญ หรืออาจจะเป็ไปได้ว่านิสัยดั้งเดิมของเขาเป็แบบนี้อยู่แล้ว เย่ชิงหานไม่ได้วางท่าแม้แต่น้อย ปฏิบัติต่อหน่วยเทพแห่งความตายอย่างสบายๆ ปฏิบัติต่อพวกเขาทั้งสองด้วยความเคารพมากเช่นกัน สิ่งนี้ทำให้พวกเขารู้สึกสบายใจและรู้สึกเป็เกียรติ มันทำให้ทั้งสองรู้สึกใกล้ชิดกับเ้านายคนใหม่มากขึ้น และรู้สึกพอใจเป็อย่างมาก
สิ่งที่ทำให้พวกเขาเคารพมากยิ่งขึ้นไปอีกคือ นายน้อยพากเพียรในการฝึกฝนเป็อย่างมาก นอกจากเวลาทานข้าวและเวลานอน เวลาที่เหลือล้วนใช้ในการฝึกฝน ในปีนั้นพวกเขาทั้งสองสามารถมีฝีมือโดดเด่นเหนือผู้อื่นขึ้นมาได้จากคนนับพันคน แน่นอนว่าพร์นั้นเป็สิ่งจำเป็ แต่นอกจากพร์แล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพากเพียรพยายามในการฝึกฝน นายน้อยหานใช้เวลาเดือนกว่าๆ สามารถบรรลุถึงระดับขั้นที่สามขอบเขตยอดยุทธ์ได้ แน่นอนว่าพร์ย่อมไม่เลว อย่างน้อยตอนนี้ถือว่าไม่เลว ยิ่งตอนนี้เห็นเขาขยันฝึกฝนขนาดนี้อีก และยังได้ยินว่าเขามีสัตว์อสูรที่ไม่เลวตัวหนึ่ง แม้ไม่รู้ว่าไม่เลวคือระดับคุณภาพเท่าไร แต่ที่แน่ๆ พวกเขารู้ว่าหากนายน้อยยังพากเพียรฝึกฝนอย่างนี้ต่อไปละก็ อนาคตข้างหน้าจะต้องกลายเป็ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งคนหนึ่งอย่างแน่นอน และยอดฝีมือที่แข็งแกร่งก็ควรได้รับความเคารพ
.................................
เย่ชิงหานตอนนี้ไม่สามารถจะรู้ได้ว่าฐานะของเขาในใจของพวกเย่สือซานได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายขนาดไหน แต่สิ่งที่เขาได้รับรู้จากปากของทั้งสองคนคือ หน่วยเทพแห่งความตายต่างเสียสละทำเพื่อตระกูลโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆ ดังนั้นเย่ชิงหานจึงให้ความเคารพต่อพวกเขา ไม่เคยคิดว่าตนเองอยู่สูงกว่าพวกเขาเนื่องด้วยฐานะที่เป็นายน้อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อช่วยเหลือน้องสาวของตนเองถึงกับถูกส่งให้มาเข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองในครั้งนี้ ภายในใจรู้สึกขอบคุณและละอายใจจึงได้ปฏิบัติต่อพวกเขาทั้งสองร้อยคนอย่างอ่อนน้อมและมีน้ำใจ ปฏิบัติต่อเย่สือซานกับเย่สือชีด้วยความเคารพ และบอกกับตนเองให้ขยันฝึกฝนให้มากยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อเพิ่มพูนพลังฝีมือให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะรักษาชีวิตของผู้ที่เข้าร่วมงานประลองาระหว่างเขตปกครองไว้ให้ได้มากที่สุดเช่นกัน และเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ดังนั้น ในตอนนี้เขายังคงนั่งหลับตาอยู่บนรถม้าฝึกฝนพลังยุทธ์อย่างไม่หยุดพัก
เขาจำเป็จะต้องสร้างตันเถียนขึ้นมาให้ได้เพื่อที่จะทะลวงผ่านระดับขอบเขตยอดยุทธ์เหยียบย่างเข้าสู่ระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์
พลังปราณรบก็เปรียบเสมือนกับเหล้า จุดชีพจรร่างกายของคนก็เปรียบเสมือนขวดที่ใส่เหล้า เพียงแต่ขวดเหล้านี้มีขนาดเล็กมาก หากผู้ฝึกยุทธ์้าพลังที่แข็งแกร่งจึงจำเป็ต้องมีพลังปราณรบที่มากขึ้น จึงจำเป็ต้องมีขวดที่ใหญ่ขึ้น ดังนั้นพื้นฐานการฝึกฝนขั้นสุดท้ายของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ก็คือต้องหาขวดที่ใหญ่ยิ่งขึ้นกว่าเดิมซึ่งก็คือ การสร้างตันเถียน
เมื่อสร้างตันเถียนได้สำเร็จ สิ่งแรกที่ได้คือ...ผู้ฝึกยุทธ์จะมีพื้นที่ในการเก็บสะสมพลังปราณรบได้มากกว่าแต่ก่อนหลายเท่าตัว ต่อมา...พลังปราณรบจะไหลเวียนได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ในร่างกายคนเรามีจุดชีพจรทั้งหมดสิบสองแห่ง จุดชีพจรเล็กเก้าแห่ง จุดชีพจรหลักสามแห่ง จุดชีพจรทั้งหมดมีจุดที่เชื่อมต่อกันอยู่แห่งหนึ่งคือ จุดตันเถียนบริเวณท้องน้อย ดังนั้นการสร้างตันเถียนจึงต้องสร้างขึ้นภายในจุดตันเถียนแห่งนี้ เพราะจุดถันเตียนอยู่ใกล้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายมากที่สุด พลังปราณรบที่ปล่อยออกมาจึงไปถึงอวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายได้รวดเร็วที่สุด ซึ่งไม่จำเป็ต้องให้พลังปราณรบไหลเวียนกลับมาอีก ทำเพียงแค่บังคับควบคุมพลังปราณรบจากภายในตันเถียนก็พอ หากจะเปรียบเทียบจริงๆ ตันเถียนก็เหมือนกับศูนย์กลางหรือแกนกลางที่คอยทำหน้าที่ให้พลังปราณรบแสดงศักยภาพออกมาได้มากที่สุด ดังนั้นตันเถียนจึงเป็สิ่งที่สำคัญเป็อย่างมาก
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่มีตันเถียนเปรียบได้กับเด็กทารก ส่วนผู้ที่มีตันเถียนอย่างผู้อยู่ในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์เปรียบได้กับเด็กชาย ส่วนผู้ที่ััได้ถึงกฎเกณฑ์พลังฟ้าดินอย่างเลือนรางเช่นผู้มีพลังฝีมือระดับขอบเขตาาจักรพรรดิคงเปรียบได้กับหนุ่มน้อย และผู้ที่บรรลุถึงระดับปราชศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไปเปรียบได้กับชายหนุ่ม
สร้างตันเถียนพูดเหมือนง่ายแต่ความจริงนั้นยุ่งยาก ง่ายคือตามทฤษฎีเพียงแค่ใช้พลังปราณรบเป่าจุดเชื่อมต่อชีพจรทั้งสิบสองแห่งที่อยู่ภายในจุดตันเถียนเข้าหากันจนพองตัวขึ้น จากนั้นทำการบีบอัดจนกลายเป็รูปวงรีแล้วทำให้ปลายของรูปวงรีทั้งสองข้างประสานเชื่อมต่อเข้ากับจุดตันเถียนให้มั่นคง เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเป็อันสำเร็จ
ที่บอกว่ายุ่งยากก็คือ ขั้นตอนในการทำไม่สามารถกระทำอย่างดุดันรุนแรงจนเกินไปได้ ต้องค่อยๆ ควบคุมพลังปราณรบให้อ่อนโยนที่สุดเพื่อนำมาเป่าให้เกิดเป็ลูกบอลขึ้นอย่างระมัดระวัง จากนั้นใช้พลังปราณรบไปหล่อเลี้ยงชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้จุดเชื่อมต่อชีพจรเ่าั้ค่อยๆ หนาขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการะเิแตกออก เมื่อจุดเชื่อมต่อจุดชีพจรเ่าั้เริ่มหนาขึ้นจึงค่อยทำการเป่าอัดพลังต่อไป ในขั้นตอนนี้ต้องระมัดระวังเป็อย่างยิ่ง กายจิตและสติสัมปชัญญะจะต้องมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการควบคุมพลังและความเร็วของพลังปราณรบ เนื่องจากเกี่ยวพันถึงพลังฝีมือและชีวิต หากลูกบอลพลังเกิดะเิขึ้นพลังฝีมืออาจจะสลายหายไปทั้งหมด และหากการะเิรุนแรงมากก็อาจจะถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
.................................
แต่สำหรับเย่ชิงหานแล้ว การสร้างตันเถียนสำหรับเขาถือว่าเป็เื่ที่ง่ายดายเป็อย่างมาก หลังจากอ่านดูตำราเคล็ดลับการสร้างตันเถียนที่เย่เทียนหลงเตรียมไว้ให้เขาบนรถม้ามาตลอดทั้งวัน ใบหน้าของเย่ชิงหานปรากฏรอยยิ้มขึ้น
เป่าลูกบอลพลังต้องระมัดระวัง หากผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็จะะเิ...
คนอย่างข้ารึจะกลัวการะเิ? เย่ชิงหานมองดูแหวนทองเหลืองที่อยู่บนนิ้วด้วยรอยยิ้มและลอบถอนใจออกมา มีของวิเศษล้ำค่าระดับศักดิ์สิทธิ์อย่างแหวนทองเหลือง ต่อให้เป็หมูตัวหนึ่งหากรู้จักวิธีฝึกยุทธ์ก็คงสามารถฝึกฝนได้จนบรรลุถึงระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์อย่างไม่ต้องสงสัย!
เย่ชิงหานเริ่มการบีบอัดลูกบอลพลังขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ในวันแรกคือลูกบอลพลังะเิ ะเิจนทำเอาจิตใจสั่นไหว มือและเท้ารู้สึกด้านชา มุมปากมีเืไหลออกมาเป็ทาง แต่เขาชินกับมันเสียแล้ว ชินกับการะเิเช่นนี้เสียแล้ว แม้แต่ร้องออกมาสักคำยังไม่มี จากนั้นหยุดพักอยู่บนรถม้าตลอดทั้งบ่าย กินเหล้าหมดไปไหหนึ่ง พอตกเย็นร่างกายก็กลับคืนสู่ปกติ
พอถึงเวลากลางคืนก็เริ่มฝึกฝนต่อ ใช้พลังปราณรบเป่าจุดเชื่อมต่อชีพจรที่อยู่ภายในตันเถียนอย่างดุดันและบ้าคลั่ง ลูกบอลก็ะเิขึ้นอีก จากนั้นนั่งทำสมาธิอยู่สักพักก็ล้มตัวลงนอน
วันที่สอง วันที่สาม...วันที่เก้า ทุกๆ วันลูกบอลพลังล้วนะเิ นอกจากะเิ...ก็ไม่มีสิ่งอื่นใด เขาตั้งใจให้เป็เช่นนี้ ตั้งใจใช้พลังปราณรบเป่าเข้าไปอย่างดุดันรุนแรงเพื่อให้มันะเิแตกออก
แน่นอนว่าเย่ชิงหานไม่ใช่พวกโรคจิตที่ชอบทรมานตัวเองหรือสมองมีปัญหาแต่อย่างใด แต่เป็เพราะเมื่อนานมาแล้วเขาค้นพบกับสิ่งที่น่าสนใจบางอย่าง จุดชีพจรหลังจากที่ะเิแตกออกและผ่านการฟื้นฟูจากกระแสพลังสีขาวจากแหวนทองเหลือง มันจะเปลี่ยนเป็ทั้งใหญ่หนาและแข็งแกร่งเหนียวแน่นขึ้น
ดังนั้น หลังจากครุ่นคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาตัดสินใจสร้างตันเถียนที่ไม่เคยมีมาก่อนในโลกขึ้น สร้างตันเถียนที่เพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ๆ แต่เป็ตันเถียนที่เหนือชั้นกว่าผู้ที่อยู่ในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์คนอื่นๆ หรืออาจจะพูดได้ว่าสามารถเทียบชั้นกับตันเถียนของผู้ที่อยู่ในระดับขอบเขตจ้าวนักรบที่ทั้งใหญ่ ทั้งหนา และแข็งแกร่งเหนียวแน่น
พลังปราณรบ...ผู้ฝึกยุทธ์จะได้รับจากการฝึกฝน ดังนั้น ความแข็งแกร่งหรืออ่อนแอของผู้ฝึกยุทธ์จะตัดสินกันที่พลังปราณรบที่สะสมอยู่ภายในร่างว่ามีมากน้อยเพียงใด และรวมไปถึงการรู้จักพลิกแพลงนำมาใช้ ตันเถียนเป็ที่ที่ใช้เก็บสะสมพลังปราณรบ หลังจากที่สร้างตันเถียนได้สำเร็จยังคงต้องทำการหล่อเลี้ยงและขยายให้ใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถเก็บสะสมพลังปราณรบได้มากยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่เพิ่งสร้างตันเถียนขึ้นมาได้ใหม่ๆ จะมีขนาดประมาณเท่าไข่นกพิราบ จากนั้นจะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นตามการฝึกฝนของผู้เป็เ้าของ รอจนกระทั่งบรรลุถึงระดับขั้นขอบเขตนักรบตันเถียนจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่ากับไข่ไก่ จากนั้นฝึกฝนต่อไปจนบรรลุถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบตันเถียนจะมีขนาดเท่ากับไข่นกกระจอกเทศ
เป้าหมายของเย่ชิงหานในตอนนี้คือ การสร้างตันเถียนที่มีขนาดใหญ่ซึ่งอาจจะไม่เท่ากับไข่นกกระจอกเทศ แต่อย่างน้อยก็ต้องให้ได้ขนาดเท่ากับไข่ไก่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำให้ลูกบอลพลังะเิแตกออกทุกครั้ง จากนั้นให้แหวนทองเหลืองช่วยฟื้นฟูและใช้พลังปราณรบทำให้ผิวภายนอกที่เป็เยื่อบางๆ ของลูกบอลพลังแข็งและมั่นคงขึ้นทีละน้อย
วันที่สิบห้า
เย่ชิงหานนั่งขัดสมาธิอยู่บนรถม้าด้วยสีหน้าที่ปราศจากอารมณ์ใดๆ เสียงลมพัดหวีดหวิวภายนอกรถและเสียงพูดคุยเกรียวกราวไม่ได้รบกวนต่อจิตใจของเขาแม้แต่น้อย
สองวันมานี้เขารู้สึกได้ถึงจุดเชื่อมต่อชีพจรที่ะเิแตกออกและฟื้นฟูหลายต่อหลายครั้งไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ อีก คาดว่าคงน่าจะถึงขีดจำกัดแล้ว ดังนั้นวันนี้จึงเตรียมที่จะสร้างตันเถียนขึ้นอย่างจริงจังให้สำเร็จ ถึงตอนนี้เขาแทบจะอดใจรอไม่ไหวอยากจะเห็นว่าตันเถียนที่สร้างเสร็จแล้วจะมีขนาดใหญ่และแข็งแกร่งเพียงใด!
เริ่มโคจรพลังปราณรบขึ้น แต่ไม่ได้กระทำอย่างดุดันรุนแรงเหมือนดังแต่ก่อน เขาค่อยๆ ควบคุมพลังปราณรบให้ไหลไปยังจุดเชื่อมต่อชีพจรที่อยู่ภายในตันเถียนอย่างช้าๆ และนิ่มนวล จากนั้นค่อยๆ ประคับประคองจุดเชื่อมต่อชีพจรเ่าั้ให้พองโตขึ้นอย่างอ่อนโยนและระมัดระวังจนกลายเป็ลูกบอลพลังและค่อยๆ พองใหญ่ขึ้นเป็ลำดับ
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปลูกบอลพลังไม่มีทีท่าว่าจะพองโตขึ้นอีก และลูกบอลพลังที่ปรากฏให้เห็นในตอนนี้ไม่เหมือนกับที่ในตำราเคล็ดลับการสร้างตันเถียนที่เย่เทียนหลงเอามาให้อ่าน ที่บอกว่าจะปรากฏเป็รูปบอลวงรียาวและมีปลายทั้งสองข้างเชื่อมต่อกับจุดตันเถียน แต่ว่าลูกบอลพลังที่ปรากฏในตันเถียนของเขาในตอนนี้กลับเป็ลูกบอลพลังรูปวงรีขนาดยาวที่ไม่ใช่ปลายทั้งสองข้างเชื่อมต่อกับจุดตันเถียน แต่เป็ด้านข้างทั้งสองด้านขนาบเชื่อมเข้าไปกับจุดตันเถียน
“สุดยอด...! ให้มันได้อย่างนี้สิ!”
ััได้ถึงตันเถียนของตนเองใหญ่โตกว่าที่ในตำราบรรยายไว้อย่างเห็นได้ชัด เย่ชิงหานภายในใจปลื้มปีติยินดีเป็อย่างมาก หลังจากที่แน่ใจว่าตันเถียนมีขนาดใหญ่จนถึงขีดจำกัดแล้วจึงเริ่มโคจรพลังปราณรบส่งผ่านเซลล์ที่อยู่ภายในจุดตันเถียนถ่ายทอดไปยังผิวชั้นนอกของผนังชีพจร จากนั้นใช้วิธีที่บอกไว้ในตำราการสร้างตันเถียน ทำให้ตันเถียนที่สร้างขึ้นมาเชื่อมต่อเข้าด้วยกันกับจุดตันเถียนให้แข็งแรงมั่นคง
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง เย่ชิงหานเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ยื่นมือทั้งสองข้างขึ้นมาถูไปมาบนใบหน้าของตน จากนั้นปล่อยเสียงหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง!
“ฮ่าๆ...”
เย่สือซานกับเย่สือชีที่อยู่ด้านนอกมีสีหน้าที่แปลกประหลาดขึ้น มองดูเมืองเซียวหุนที่อยู่ไม่ห่างออกไป คิ้วของเย่สือชีขมวดอยู่เช่นเดิมพร้อมกับซุบซิบออกมา “แม้ว่าจะมาถึงสถานที่ที่เป็ดั่งแดน์ของเหล่าชายหนุ่ม - เมืองเซียวหุน ภายในใจข้าก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเช่นกัน แต่นายน้อยก็ไม่น่าจะหัวเราะดีใจออกมาชัดเจนขนาดนี้ก็ได้มั้ง? แบบนี้มันจะ...ไม่หื่นไปหน่อยรึ?”