หลังทังหงเอินประกาศกร้าวออกมาเช่นนั้น คนตระกูลจี้ต่างพากันตกตะลึงกันทั้งสิ้น
เพราะทังหงเอินไม่เคยใช้ท่าทีแบบนี้พูดกับคนตระกูลจี้มาก่อนน่ะสิ!
ตอนนั้นจี้หย่าแต่งงานกับทังหงเอินที่มีสถานะต่ำต้อยกว่า ทังหงเอินชอบเธอ และขอบคุณตระกูลจี้ที่ยอมให้พวกเขาแต่งงานกัน เขารู้สึกขอบคุณตระกูลจี้ทุกคน ตอนหลังเพราะจุดยืนที่ไม่ตรงกันเป็เหตุให้จี้หย่าขอหย่าร้าง และพาจี้เจียงหยวนกลับมาตระกูลจี้ด้วย แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้ทังหงเอินรู้สึกผิดมาก
ความรู้สึกผิดนี้ทำให้เขายอมถอยให้กับตระกูลจี้ครั้งแล้วครั้งเล่า
แม้ว่าหลายปีมานี้ตระกูลจี้จะจงใจทำให้ทังหงเอินและจี้เจียงหยวนขาดการติดต่อกัน ทำให้สองพ่อลูกไม่ได้เจอกันเลยตลอดเวลาสิบสองปีก็ตาม
รวมถึงทุกครั้งที่เขามาบ้านตระกูลจี้ คนตระกูลจี้มักจะทำตัวเสียมารยาทต่อเขา ทังหงเอินก็อดทนต่อการกระทำของคนตระกูลจี้อยู่เสมอ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็พบว่า ต่อให้เขายอมอ่อนข้อให้มากแค่ไหน ท่าทีของตระกูลจี้ก็ไม่มีวันเปลี่ยนไป ทังหงเอินรู้สึกว่าความอดทนตลอดหลายปีมานี้ของควรจบลงเสียที
จี้หย่าไร้เหตุผล คนตระกูลจี้ไร้เหตุผล พวกเขาไม่เคยใช้เหตุผลกับเขาเลยสักครั้ง แต่จี้หย่ามีสิทธิ์อะไรไปทำตัวไร้เหตุผลกับผู้บริสุทธิ์?
ทังหงเอินไม่อยากคุยอะไรกับคนตระกูลจี้อีก เพราะไม่มีใครคิดจะคุยดีๆ กับเขาเลยสักคน!
พอทังหงเอินกลับไป จี้หย่าก็ควบคุมอารมณ์ไม่ได้อีก
ห้องรับแขกของตระกูลจี้เกลื่อนไปด้วยเศษซากข้าวของ จี้หย่าใช้มือจับเศษกระเบื้องแน่น เืสีแดงไหลออกมาเป็สาย
“อย่าทำร้ายตัวเอง จี้หย่า คุณจะปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำคุณไม่ได้นะ หมอสตีฟบอกแล้ว มันเป็เื่ที่ควบคุมได้ คุณหายใจลึกๆ ตามผมนะ!”
จอร์จกอดเธอแน่น เมื่อเห็นจี้หย่าได้รับาเ็ หัวใจของเขาแทบแหลกสลายตามไปด้วย
คุณลุงจี้เปิดกล่องปฐมพยาบาล ป้าสะใภ้จี้รู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งทรวงอก หาเื่ใส่ตัวเสียให้พอ สุดท้ายก็ทำให้ทังหงเอินโกรธขึ้นมาจนได้ ผู้เฒ่าจี้จากไปแล้ว เส้นสายที่สั่งสมไว้ในอดีตจะคุ้มกะลาหัวคนตระกูลจี้ได้มากแค่ไหนกัน คนเราจากไป อะไรๆ ก็ย่อมจืดจาง ตระกูลจี้ทำไมไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวในเวลาเช่นนี้ ไปหาเื่ทังหงเอินเพื่ออะไร
ถ้าเป็ครอบครัวคนทั่วไป คงอยากรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับทังหงเอินใจจะขาด
ทว่าตระกูลจี้กลับเห็นทังหงเอินเป็แค่ข้าราชการปลายแถวคนเดิมที่อ้อนวอนขอแต่งงานกับจี้หย่า ไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือของตระกูลจี้
ตำแหน่งนายกเทศมนตรีของทังหงเอินเป็กันได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ เขาจะไม่มีความโกรธเลยได้อย่างไร! เขาไม่ใช่สามีคนเดิมของจี้หย่าอีกแล้ว ทำไมเขาต้องยอมปล่อยให้คนตระกูลจี้รังแกตามใจชอบด้วย
เพลิงโทสะในใจของป้าสะใภ้จี้โหมกระหน่ำขึ้นทุกที ท่าทางเดือดดาลของทังหงเอินเมื่อครู่ทำให้เธอเสียขวัญ แม้ทังหงเอินจะพูดเสียงไม่ดัง ไม่มีคำหยาบคาย แต่มันกลับทำให้ป้าสะใภ้จี้รู้สึกอกสั่นขวัญแขวน
เธอไม่เคยรู้สึกชัดเจนขนาดนี้มาก่อนเลยว่า ‘อดีตลูกเขย’ ของตระกูลจี้กลายเป็คนใหญ่คนโตไปแล้ว!
ถ้าตระกูลจี้ยังไม่รู้จักดูตาม้าตาเรือ และเจอกับเพลิงโทสะของทังหงเอินขึ้นมา คนทั้งตระกูลจี้จะทำอย่างไร?
ฝืนปะทะอย่างนั้นหรือ?
ป้าสะใภ้จี้เป็แม่คนแล้ว หากไม่คิดถึงตัวเองก็ต้องคิดเผื่อลูกชายลูกสาว
จะให้คนทั้งตระกูลต้องพังทลายไปพร้อมกับจี้หย่าได้อย่างไร!
จี้หย่าเองก็ทำตัวไร้มารยาทเสียจริง โวยวายกับทังหงเอิน ะเิอารมณ์ใส่เขา อยู่ดีๆ ก็ไปข่มขู่นักศึกษาหญิงคนหนึ่ง... ช่างทำให้ตระกูลจี้อับอายขายขี้หน้าเสียจริง
แต่พอป้าสะใภ้จี้เอ่ยออกไปเช่นนั้น จี้หย่าที่อารมณ์เพิ่งสงบลงก็เสียสติขึ้นมาอีกครั้ง
จอร์จต้องใช้รูปร่างสูงใหญ่ของเขาคอยสะกดอารมณ์ของจี้หย่า คุณลุงจี้เดือดดาลภรรยาของตนยิ่งนัก
“ถ้าพูดไม่เป็ก็หุบปากซะ ไปเรียกเจียงหยวนกลับมาที่บ้าน!”
—————————————————-
แตกหักกับคนตระกูลจี้ ทังหงเอินไม่รู้สึกเสียใจสักนิด แถมเขายังรู้สึกสบายใจขึ้นอีกด้วย
ราวกับมีสัมภาระใบหนึ่งที่เขาไม่ควรแบกไว้บนบ่า ทว่าเขาฝืนแบกมันมานานหลายปี เขารู้สึกหนักอึ้ง แต่สัมภาระก็ไม่อยากอยู่บนบ่าของเขา จนกระทั่งทังหงเอินคิดได้แล้วว่า เขาไม่ควรสนใจความรู้สึกของสัมภาระ และโยนมันทิ้งไปเสีย การทำเช่นนี้ทำให้สมองของทังหงเอินรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายยิ่งนัก
มนุษย์เป็สิ่งมีชีวิตที่มีความรู้สึกนึกคิด จึงง่ายต่อการถูกอารมณ์ควบคุมการกระทำ
ทังหงเอินไม่เคยคิดอยากแก้แค้นตระกูลจี้ เพราะเขาไม่ใช่คนต่ำทรามแบบนั้น ทว่าหากจี้หย่าทำเื่ล้ำเส้นกันล่ะก็ เขาคงไม่ทนอยู่เฉยๆ แน่นอน
ทังหงเอินะเิอารมณ์ที่บ้านตระกูลจี้แล้วรู้สึกโล่งไปหมด แม้แต่กระเพาะก็ไม่ปวดอีกแล้ว จากนั้นเขาก็เดินทางไปที่หัวชิง
ไม่จำเป็ต้องหลบอยู่ในมุมมืด ไม่จำเป็ต้องหลบหน้าหลบตาลูกชายบังเกิดเกล้าอีกต่อไป
ทังหงเอินนั่งอยู่บนม้านั่งตัวยาวในมหาวิทยาลัยอย่างเปิดเผย และคว้าตัวนักศึกษาชายคนหนึ่งที่สนามกีฬาตะวันตก ก่อนจะถามอีกฝ่ายว่ารู้หรือไม่ว่าจี้เจียงหยวนพักอยู่ที่ตึกไหน
“นักศึกษา ช่วยเรียกเขามาหาฉันได้ไหม รบกวนเธอแล้ว!”
นักศึกษาชายรู้จักจี้เจียงหยวนจริง พวกนักศึกษาชายไม่แบ่งพรรคพวกตามอายุหรือชั้นปี เล่นกีฬาด้วยกันไม่กี่ครั้งก็สนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
แต่ทำไมเขาต้องช่วยชายคนนี้ตามหาจี้เจียงหยวนด้วย?
นักศึกษาชายไม่รู้จักเก็บซ่อนอารมณ์ ดังนั้นทังหงเอินจึงเห็นสายตาเคลือบแคลงใจของเขา
“ฉันคือพ่อของเขา ฉันมาเยี่ยมเขาน่ะ”
เขาพูดอย่างเปิดเผย จากบุคลิกท่าทางดูไม่เหมือนคนนอก หน้าตาก็ไม่อัปลักษณ์ ดูแล้วน่าเชื่อถือเหลือเกิน
ครึ่งชั่วโมงผ่านไป จี้เจียงหยวนก็มายืนอยู่ตรงหน้าทังหงเอิน ความจริงเมื่อครู่อาจารย์ที่สาขาเพิ่งเรียกเขาไปรับโทรศัพท์ บอกว่าที่บ้านมีเื่ด่วนให้จี้เจียงหยวนรีบกลับไป จี้เจียงหยวนมองทังหงเอิน นี่คือการพบหน้ากันครั้งแรกหลังสองพ่อลูกบอกลากันที่โรงพยาบาล
“คุณ...ร่างกายของคุณ?”
เพราะพูดคำว่า ‘พ่อ’ ไม่ออก จี้เจียงหยวนจึงกลบเกลื่อนให้ผ่านไป
ทังหงเอินอารมณ์ดียิ่งนัก แม้คนตระกูลจี้จะไม่เป็ห่วงเขา ทว่าเจียงหยวนก็ยังเป็ห่วงเขาอยู่
ความผูกพันโดยธรรมชาติของพ่อลูก ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นจะสามารถลบล้างกันได้ง่ายๆ
“นั่งลงสิ เรามาคุยกันหน่อย เมื่อกี้พ่อเพิ่งไปบ้านตระกูลจี้มา ไปเพื่อคุยเื่ของลูก เพราะแม่ของลูกพาลใส่คนอื่นไม่เข้าเื่ พ่อเลยกลัวว่าเธอจะไปลงกับเสี่ยวหลาน ลูกคงไม่แปลกใจที่พ่อพูดแบบนี้ใช่ไหม เพราะลูกก็คงรู้ดี”
จี้เจียงหยวนเข้าใจแล้วว่าที่บ้านเรียกเขากลับไปทำไม
ทังหงเอินปรากฏตัวขึ้น แม่ของเขาย่อมอาการกำเริบน่ะสิ!
จี้เจียงหยวนร้อนใจอยากกลับบ้าน แต่ปัญหาที่ทังหงเอินกล่าวมาก็เป็สิ่งที่เขากำลังกังวลอยู่เช่นกัน เซี่ยเสี่ยวหลานโชคร้ายจริงๆ จี้เจียงหยวนรู้ดีว่าคนที่ถูกแม่ของเขาหมายหัวย่อมมีจุดจบที่ไม่สวย ความยึดติดทางความคิดของตัวเองทำให้ขาดเหตุผล และแม่เขาคิดเป็ตุเป็ตะไปเองแล้ว!
ทังหงเอินเห็นจี้เจียงหยวนไม่โวยวายก็รู้สึกปลื้มใจ
จากจุดนี้เขาต้องขอบคุณตระกูลจี้จากใจจริง จี้เจียงหยวนเติบโตมาดีกว่าที่ทังหงเอินคิดไว้ ต่อให้เด็กคนนี้เติบโตภายใต้การดูแลของทังหงเอินก็อาจจะไม่มีทางดีไปกว่าตอนนี้ได้ อารมณ์หุนหันพลันแล่นคือเื่ธรรมชาติของเด็กวัยรุ่น ทว่าตอนนี้จี้เจียงหยวนฟังสิ่งที่เขาพูดแล้วยังนิ่งอยู่ได้ ทังหงเอินรู้สึกปลื้มใจเหลือเกิน จี้เจียงหยวนไม่เหมือนกับคนตระกูลจี้ คนตระกูลจี้คุยด้วยไม่รู้เื่และใช้อารมณ์เป็ที่ตั้ง แต่กับจี้เจียงหยวนต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“แม่ของลูกโมโหมาก ทำให้พ่อไม่สามารถคุยเื่อนาคตของลูกกับเธอดีๆ ได้ พ่อจึงคิดว่ามาถามลูกที่มหาวิทยาลัยด้วยตัวเองคงจะดีกว่า ขอโทษนะที่พ่อแยกจากลูกมานานหลายปี ไม่ได้มีส่วนร่วมตอนลูกกำลังเติบโต และไม่รู้ความ้าของลูกเลย อนาคตที่ลูก้าเป็แบบไหน อนาคตอยากเป็คนอย่างไร อยากใช้ชีวิตที่ไหน มีอาชีพที่อยากทำหรือเปล่า พ่อหวังว่าจะได้รับฟังความคิดเห็นของลูกนะ แผนการดำเนินชีวิตของลูกจำเป็ต้องกลับไปที่อเมริกาเท่านั้นหรือไม่จึงจะสำเร็จลุล่วง?”
ที่ประเทศจีน มีผู้ปกครองจำนวนน้อยมากที่จะจับเข่าคุยกับลูกเื่อนาคตของพวกเขา
นั่นเพราะผู้ปกครองทุกคนล้วนวางแผนอนาคตของลูกหลานอย่างเผด็จการ
เรียนโรงเรียนไหน สาขาวิชาอะไร ทำงานอะไร แต่งงานตอนไหน แต่งกับใคร... เื่พวกนี้เหล่าผู้ปกครองมักห่วงว่าลูกของตนจะเดินผิดทาง จึงอดยื่นมือเข้ามาแทรกแซงไม่ได้
ถ้าจี้เจียงหยวนเติบโตมากับทังหงเอิน ทังหงเอินก็คงอดก้าวก่ายไม่ได้เช่นกัน หากจี้เจียงหยวนเติบโตมากับเขา เขาคงไม่สนใจความเห็นของจี้เจียงหยวน และคงใช้คำว่าหวังดีกับจี้เจียงหยวน วางแผนชีวิตให้จี้เจียงหยวนด้วยตัวเองอย่างแน่นอน
เพราะความรู้สึกติดค้างทำให้คนเราใจกว้างขึ้น และทำให้ทังหงเอินรู้จักเคารพความคิดเห็นของลูก
จี้เจียงหยวนสบตากับทังหงเอินตรงๆ
“แต่คุณไม่อยากให้ผมกลับอเมริกา คุณอยากให้ผมอยู่ที่นี่ต่อใช่ไหมครับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้