สถานที่นี้เป็เขตแดนทางด้านทิศใต้ของพื้นที่รอบนอกหมู่บ้านแห่งการเริ่มต้นต้นหญ้าขึ้นปกคลุมพื้นดินอันรกร้างว่างเปล่าทั้งยังไม่มีสัญญาณของมนุษย์หรืออสูรใดๆและเห็นได้ชัดว่าเทาเที่ยตั้งใจส่งพวกเขามายังสถานที่เงียบสงัดแห่งนี้หลิงเฉินกางแผนที่ของหมู่บ้านแห่งการเริ่มต้นออกเพื่อระบุตำแหน่งของเขาพร้อมกับเหลือบมองเวลา และกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแ่เบา: “ชีเยว่ ออกมา”
หลังจาก ‘จันทร์ต้องสาป’ บนข้อมือซ้ายของเขากระพริบแสงสีดำภาพของหญิงสาวที่แสนยั่วยวนในชุดเดรสสีดำก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขาชีเยว่แย้มยิ้มหยาดเยิ้ม ร่างที่อ่อนช้อยของนางโอนเอนไปมาขณะก้าวเดินมาหาเขาช้าๆ และแ่เบาพร้อมกับสายลมโชยที่มีกลิ่นหอมค่อยๆ พัดพ่านใบหน้าของเขาไปอีกครั้งที่หลิงเฉินตกสู่ภวังค์ไปชั่วครู่หนึ่งอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อมองเห็นรูปลักษณ์และเรือนร่างของนางภายใต้แสงอาทิตย์ ชีเยว่ดูงดงามมากเหลือเกินผมยาวสีดำขลับสยายย้อยลงด้านหลังของนาง สะท้อนแสงมันวาวอันงดงามภายใต้แสงสว่างที่อบอุ่นแสงสะท้อนผสานเข้ากับชุดเดรสสีดำสนิทบนร่างของนางจนทำให้ผิวกายสีขาวดั่งหิมะเปล่งปลั่งยิ่งขึ้นแวบแรกที่มองเห็นเรือนร่างอันไร้ที่ติดั่งหยกของนางไม่รู้ว่าเป็ความตั้งใจหรือแค่ความผิดพลาด กระดุมเม็ดบนของเสื้อคลุมยาวสีดำของนางไม่ได้ติดคอเสื้อที่หลุดลุ่ยเผยให้เห็นผิวขาวดั่งหิมะที่กระจ่างทุกสายตา
“นายน้อยข้าไม่นึกเลยว่าท่านจะคิดถึงข้ามากขนาดนี้ พวกเราเพิ่งออกมาแต่ท่านก็เรียกหาข้าในทันที ท่านกำลังทำให้หัวใจของข้าเต้นแรง”นางยิ้มหวานให้หลิงเฉินที่ตกอยู่ในภวังค์ชั่วคราว ขณะที่ดวงตาวิบวับรูปผลอัลมอนด์กระจายแสงอันอบอุ่นนางโผเข้าไปในอ้อมแขนของเขา พร้อมกับเผยเสน่ห์อันน่าหลงใหลของนางออกมาทั้งหมด
หลิงเฉินใช้ความมุ่งมั่นตั้งใจทั้งหมดที่เขาสามารถรวบรวมได้บังคับให้ตัวเองถอนสายตาออกมาจากร่างของนาง โดยก่อนที่เขาจะเรียกชีเยว่ เขาได้ทำจิตใจให้แข็งแกร่งขึ้นแล้วแต่กระนั้นไม่ว่าเขาจะระมัดระวังมากเท่าไหร่ เขาก็ไม่อาจเอาชนะนางได้เขาสูดหายใจลึกๆพร้อมทั้งยอมรับว่าเสน่ห์อันยั่วยวนใจของนางเป็อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดสำหรับบุรุษทุกคนบนโลกใบนี้แม้แต่บุรุษที่แก่ชราที่สุดก็ยังมีราคะคุกรุ่นราวกับเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้เมื่ออยู่เบื้องหน้าของนางดังนั้นตัวเขาที่เป็ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ยังหวังจะต่อต้านเสน่ห์ของนางได้อย่างไร
“บอกข้าสิอะไรคือโชคชะตาที่เทาเที่ยพูดว่าได้วางแผนไว้แล้วสำหรับข้า?”เขาพูดด้วยน้ำเสียอันดุดันขณะเอียงศีรษะไปทางนาง คำพูดของเทาเที่ยได้ปลูกเมล็ดแห่งความสงสัยภายในตัวเขาอย่างชัดแจ้งอีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็พยายามขบคิดว่าความหมายที่แท้จริงของคำพูดเ่าั้คืออะไรกันแน่
“โชคชะตาของท่านแน่นอนว่าคือการกลายเป็ศัตรูของเผ่าเทพจันทรา อย่าบอกข้าว่านายน้อยกลัว?”ชีเยว่หัวเราะคิกคัก ในขณะที่ดวงตารูปเมล็ดอัลมอนด์ของนางเริ่มหรี่ลง
หลิงเฉินขมวดคิ้วพร้อมกับส่ายหัว:“สิ่งที่ข้าอยากได้ยินคือความจริงสัญชาติญาณบอกกับข้าว่าคำพูดของเขานั้นไม่ได้เรียบง่ายแบบนั้นแน่นอน!”
“เรียบง่าย!?” ชีเยว่กล่าวขณะเผยอริมฝีปากอันคล้ายกับกลีบดอกไม้ อาการตื่นใวาบผ่านใบหน้าที่ดึงดูดใจของนาง“เผ่าเทพจันทราเป็เผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้แม้แต่ชื่อของโลกแห่งนี้ก็ตั้งชื่อตามเผ่าเทพจันทราพวกเขาเป็เผ่าที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้การเป็ศัตรูของพวกเขาก็หมายความเช่นเดียวกับการต่อต้าน์ เื่นี้จะเรียกว่า‘เรียบง่าย’ ได้อย่างไรถ้าเช่นนั้นเื่อะไรที่นายน้อยคิดว่าไม่ได้ ‘เรียบง่าย’?”
หลิงเฉิน: “...”
หลิงเฉินไม่มีคำพูดใดๆตอบกลับอย่างไรก็ตามหัวหน้าหมู่บ้านแห่งการเริ่มต้นได้บอกกับเขาก่อนหน้านี้ว่าเผ่าเทพจันทราเป็เผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกจันทร์ลี้ลับทุกผืนแผ่นดินภายในโลกจันทร์ลี้ลับอยู่ภายใต้การควบคุมของเผ่าเทพจันทราและทุกคนรู้ดีว่าแม้กระทั่งเทพจันทราที่อ่อนแอที่สุดของเผ่ายังคงอยู่เหนือพวกเขาเป็ที่เคารพบูชา และไม่อาจขัดขืนการเป็ศัตรูของเผ่าเทพจันทรานั้นเท่ากับการท้าทายพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโลกจันทร์ลี้ลับและไม่มีอะไรในโลกใบนี้ที่จะยากลำบาก โง่เง่าและเป็ไปไม่ได้มากไปกว่าการท้าทายพวกเขา นี่เป็โชคชะตาที่ไม่ได้ ‘เรียบง่าย’ อย่างแท้จริง
แต่ทำไมเราถึงรู้สึกคลุมเครือเกี่ยวกับเื่นี้ทำไมเราถึงกังวลว่ามันจะไม่ตรงไปตรงมาเช่นนี้ ยังมีเื่ราวเกี่ยวกับ ‘จันทร์ต้องสาป’ อีกหลายเื่ที่พวกเขาไม่ได้บอกเรา...
“เอาล่ะตอนนี้ข้าจะเชื่อเ้างั้นช่วยบอกความเป็มาของเ้าหน่อยเ้าพูดว่าแท้จริงแล้วเ้าไม่ใช่จิติญญาไอเทมธรรมดาๆและมีเหตุผลพิเศษที่ว่าทำไมเ้าถึงโดนผนึกอยู่ภายใน ‘จันทร์ต้องสาป’ เ้าจะบอกข้าถึงตัวตนที่แท้จริงของเ้าได้ไหมข้าไม่้าเก็บใครสักคนไว้รอบๆ กายโดยที่ข้าไม่รู้อะไรสักอย่าง”หลิงเฉินกล่าวด้วยสายตาที่ดูเกรี้ยวกราด
เทาเที่ยพูดว่า‘จันทร์ต้องสาป’ รอคอยอยู่ใต้พื้นดินแห่งนั้นมานานถึงหนึ่งหมื่นปีและหญิงสาวผู้นี้ก็อยู่กับมันมาตลอดงั้นก็หมายความว่าหญิงสาวผู้นี้มีชีวิตอยู่มาแล้วอย่างน้อยที่สุดก็หนึ่งหมื่นปี
“ข้าบอกกับเ้าไปก่อนหน้านี้แล้วว่ามันเป็ความลับของข้า”
“เพราะว่าเ้าเรียกข้าว่านายท่านดังนั้นเ้าควรจะทำตามคำสั่งของข้า!” หลิงเฉินกล่าวพร้อมกับย่นหน้าผากเขารู้ว่าการอยู่ใต้รูปร่างหน้าตาที่งดงามของหญิงสาวผู้นี้เป็บางสิ่งที่อันตรายมากเขาจำข้อความหนึ่งที่เทาเที่ยพูดกับชีเยว่ได้อย่างชัดเจน: “เ้าความเฉลียวฉลาดที่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิดรวมทั้งความงดงามที่สะกดโลกทั้งใบ...”
“คิคิคิ...”ชีเยว่หัวเราะพร้อมกับเอามือปิดปากหลังจากได้ยินคำพูดของหลิงเฉินนางหัวเราะดั่งดอกไม้ที่กำลังบานสะพรั่งหน้าอกอวบอั๋นขาวดั่งหิมะเด้งไปเด้งมาขณะที่นางหัวเราะซึ่งทำให้เสน่ห์อันน่าหลงใหลของนางพรั่งพรูอีกครั้งเรือนร่างที่เย้ายวนกับเอวที่เพรียวบางของนางก่อเกิดเป็ส่วนโค้งเว้าที่น่าดึงดูดใจ“นายน้อย ท่านน่ารักเกินไปแล้ว ท่านน่ารักมากจนตอนนี้ข้าอยากจะกอดท่าน คิคิคิ...”
หลิงเฉิน “!a#¥%……”
ชีเยว่ยิ้มอย่างทรงเสน่ห์พร้อมกับกระจายกลิ่นหอมละมุนขณะเดินไปด้านข้างของเขานางกรีดกรายทุกส่วนโค้งเว้าอันน่าดึงดูดใจบนร่างของนาง ก่อนจะชี้นิ้วที่บอบบางบริสุทธิ์ และเหมือนกับหยกมาที่หน้าอกของเขา และค่อยๆ เคลื่อนขึ้นมาจากนั้นนางก็เลื่อนนิ้วอันบอบบางไปใต้คางของเขาพร้อมกับผลักใบหน้าของเขาไปหานางด้วยรอยยิ้มที่ยั่วยวน: “นายน้อย ท่านพูดถูกแล้วท่านเป็นายท่านของข้า ไม่ว่าท่านจะเลือกทำอะไรกับข้า ข้าก็จะไม่ต่อต้าน ดังนั้นปล่อยให้ข้าดูแลท่านอย่างอ่อนโยนเถอะข้ามั่นใจว่าจะทำให้ท่านรู้สึกได้มากกว่าเพียงแค่ความสบายข้าจะส่งท่านไปยัง์และนรกเพราะอย่างไรมันก็เป็หน้าที่ของข้า ถูกต้องไหม?”
เมื่อหันกลับไปทุกอย่างที่อยู่ในสายตาของหลิงเฉินคือความงดงามอันทรงเสน่ห์ของชีเยว่ ผิวกายขาวดั่งหิมะและรูปร่างที่น่าเย้ายวนใจเป็สิ่งหนึ่งที่หาที่เปรียบไม่ได้ในรอบหนึ่งร้อยปีขณะที่นางยกกระชับหน้าอกอย่างระมัดระวังหน้าอกอันอวบอิ่มและกลมกลึงสีขาวดั่งหยกทั้งสองข้างก็ทำให้เขาตกตะลึงพวกมันใหญ่กว่าขนาดโดยเฉลี่ย อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ห้อยยานลงมาแม้แต่น้อยแต่กลับชูชันขึ้นสูงจนเกือบจะฉีกตะเข็บเสื้อผ้าของนาง
หลิงเฉินรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นระรัวอย่างควบคุมไม่ได้ร่างกายของเขาทันใดนั้นก็ลุกโชนจนถึงจุดที่เืทุกหยดดูเหมือนจะเริ่มเดือดพล่านนี่เป็ครั้งแรกในชีวิตของเขาที่ไฟแห่งราคะได้ลุกไหม้จนถึงขีดสุดเช่นนี้ความหื่นกระหายนี้เพียงพอที่จะเผาไหม้ความยับยั้งชั่งใจของบุรุษใดๆและมันช่างเป็่เวลาที่ควบคุมไม่ได้จนหลิงเฉินอยากจะผลักนางลงไปบนพื้นฉีกกระชากเสื้อผ้าทั้งหมดของนาง และปลดปล่อยเปลวไฟแห่งราคะไปยังตัวนาง...
หลิงเฉินใช้มือข้างหนึ่งที่ทรงพลังผลักชีเยว่ออกไปพร้อมกับก้าวถอยหลังและหันกลับไป “กลับสู่ ‘จันทร์ต้องสาป’ เดี๋ยวนี้เลย!! ทันทีเลย!!” เขาะโด้วยน้ำเสียงเ็า
ความรู้สึกประหลาดใจวาบขึ้นในดวงตาของชีเยว่แต่นางยังคงยิ้มน้อยๆ และกล่าวอย่างแ่เบา “ได้เลย ข้าจะทำตามคำสั่งของนายน้อยถ้างั้นข้าจะกลับไปพักผ่อนก่อนแต่ต้องแน่ใจว่าจะเรียกข้าเมื่อใดก็ตามที่ท่านจำข้าได้”เรือนร่างอันเย้ายวนใจและน้ำเสียงอันทรงเสน่ห์เริ่มหายไปช้าๆจนกระทั่งหายไปทั้งหมด ส่วนหลิงเฉินก็ยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานสองนาน กระทั่งจิตใจของเขาสงบลงในที่สุดและท้ายที่สุดก็สามารถหายใจลึกๆ ยาวๆ ได้
การโดนยั่วยวนจากหญิงสาวเช่นนั้นแน่นอนว่าเป็บางสิ่งที่บุรุษทุกคนในโลกนี้ล้วนใฝ่ฝันเขาเชื่อว่าไม่มีผู้ชายธรรมดาคนไหนที่จะสามารถต้านทานเสน่ห์ของนางแม้กระทั่งเขาก็ยังเกือบจะสูญเสียประสาทััทั้งหมดไป...
ก่อนที่เขาจะพบกับสุ่ยรั่วเขาเคยััผู้หญิงมามากมายจนถึงขนาดที่เขานับไม่ได้แล้วบางครั้งเขาก็ทำเพื่อให้การลอบสังหาญของเขาง่ายขึ้นบางทีก็ทำเพื่อปลดปล่อยอารมณ์โกรธเพียงเท่านั้น ทว่าหลังจากพบกับสุ่ยรั่วเขาก็ไม่ได้แตะต้องผู้หญิงอื่นเลยแม้แต่คนเดียวเขาไม่้าทำอะไรที่จะนอกใจเธอหลายปีมานี้เขายากลำบากแค่ไหน ตัวเขาเท่านั้นที่รู้
เวลาบ่ายใกล้เข้ามาหลิงเฉินนำกระเป๋าของเขาออกมาและคว้าจับอุปกรณ์สวมใส่เลเวล 10ทั้งหมดที่เขาได้มาจากถ้ำหลงลืมหมวกเงิน สนับแขนเหล็ก ดาบทรายหลิงเฉินสวมใส่ไอเทมทั้งหมดนี้บนตัวเขา ถึงแม้เขาจะยังคงเลเวล 9 ทว่าเขามี [เคล็ดศาสตราจักรพรรดิ] จึงทำให้เขาสวมใส่ไอเทมเหล่านี้ได้ จากนั้นเขานำเอา ‘ลูกแก้วแห่งความอำมหิต’ออกมาและติดตั้งมันอย่างง่ายดายกับช่องสวมใส่แรกของ ‘จันทร์ต้องสาป’
หลิงเฉินเปิดหน้าต่างค่าสถานะและเริ่มมองไปที่ค่าสถานะของเขา
ตัวละคร: หลิงเทียน
เลเวล: 9; อาชีพ: นักรบฝึกหัด; สังกัด:ไม่มี
ชื่อเสียง: 3,035; เงิน: 1,782 ทอง 0 เงิน 0 ทองแดง;SP: 500
ค่าสถานะพื้นฐาน: STR: 85,CON: 15, AGI: 29, SPR: 5
ค่าสถานะติดตัว (พร์):Luck: 5; Comprehension: 5
พลังชีวิต (HP): 360
พลังเวทย์ (MP): 140
พลังโจมตีทางกายภาพ: 281
พลังโจมตีทางเวทมนตร์: 10
พลังป้องกันทางกายภาพ: 68
อัตราความแม่นยำ: 37; อัตราหลบหลีก: 29
อัตราการโจมตีติดคริติคอล: 22%; อัตราการโจมตีติดเจาะเกราะ: 8%
ความเร็วในการโจมตี: 100%; ความเร็วในการเคลื่อนที่: 100%
ความต้านทานธาตุ: น้ำ: 3%; ไฟ: 0%; ลม: 0%; สายฟ้า: 0%; ดิน:6%; แสงสว่าง: 0%; ความมืด:0%
สกิล
สกิลเฉพาะตัว:
[ตรวจสอบ]: เลเวลปัจจุบัน: 1ไม่สามารถอัพเกรดได้ ความสามารถสำหรับทุกอาชีพ การใช้มานา: 1 หน่วยตรวจสอบค่าสถานะพื้นฐานของมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงสุดไม่เกินเลเวลของคุณ 10 เลเวล
[สังเวยิญญา]: เลเวลปัจจุบัน: LV2 เลเวลสูงสุด: LV4 แต้มสกิลที่ใช้อัพเกรดเป็เลเวล 3: 10,000 แต้ม สกิลจนตรอกที่ใช้พลังชีวิตและจิติญญาของคุณเป็เครื่องบูชาเพื่อแลกกับพลังโจมตีที่แข็งแกร่งสุดยอดมีแค่คนที่เชื่อมั่นและจิตใจที่เข้มแข็งเท่านั้นจึงจะปลดล็อคและเปิดใช้งานสกิลนี้ได้หลังจากเปิดใช้งาน HP= 1 พลังโจมตีทางกายภาพ+200% พลังโจมตีทางเวทมนต์ +200%การใช้งานทุกสกิลไม่มีการผลาญพลังใดๆ (ทั้ง HP และ MP) ระยะเวลา: 15 วินาทีและหยุดไม่ได้ในระหว่างการใช้งาน ทั้งยังไม่สามารถใช้วิธีใดๆ ในการฟื้นฟู HP เวลาคูลดาวน์: 300 วินาที
[เคล็ดวายุ์]: เลเวลปัจจุบัน: LV1 เลเวลสูงสุด: LV10 แต้มสกิลที่ใช้อัพเกรดเป็LV2: 400 แต้ม เคล็ดต่อสู้โบราณ หลังจากการฝึกฝนมันสามารถเพิ่มความสามารถในการควบคุมอาวุธใดๆ อย่างมาก ผล: เมื่อใช้อาวุธใดๆค่าความเสียหายที่สร้างได้จะเพิ่มขึ้น 5% และผลของสกิลนี้จะไม่ทับซ้อนกับสกิลความชำนาญอาวุธอื่น
[เคล็ดศาสตราจักรพรรดิ]: เลเวลปัจจุบัน: LV1 เลเวลสูงสุด: LV10 แต้มสกิลใช้อัพเกรดเป็ LV2:400 แต้ม เคล็ดต่อสู้โบราณ หลังจากการฝึกฝนอุปกรณ์สวมใส่ซึ่งมีเลเวลสูงกว่าเลเวลปัจจุบันของคุณจะสามารถสวมใส่ได้ ผล: ละเว้นเงื่อนไขเลเวลอุปกรณ์สวมใส่ใดๆ 1 เลเวล
สกิลอาชีพ (นักรบฝึกหัด):
[จู่โจมเต็มกำลัง]: เลเวลปัจจุบัน: LV5 (เลเวลสูงสุด) สกิลผู้เริ่มต้นสำหรับอาชีพนักรบฝึกหัดใช้อาวุธในมือโจมตีเป้าหมายด้านหน้าด้วยพลังโจมตี 150%ของค่า STR ทั้งหมด และมีโอกาส 2%ที่จะทำให้เป้าหมายติดสถานะมึนงงเป็เวลา 2-3 วินาที การใช้มานา: 5 หน่วยเวลาคูลดาวน์: 0 วินาที
[ฟาดฟันเสี้ยวจันทรา]: เลเวลปัจจุบัน: LV5 (เลเวลสูงสุด) สกิลผู้เริ่มต้นสำหรับอาชีพนักรบฝึกหัดใช้อาวุธในมือวาดดาบโค้งขนาดเล็กตัดไขว้ไปข้างหน้า สร้างความเสียหาย 120% ของค่าพลังโจมตีพื้นฐานให้กับเป้าหมาย 5 ตัวที่อยู่ข้างหน้าในระยะ 4 เมตรและมีโอกาส 20% ที่จะทำให้เป้าหมายกระเด็นถอยหลัง การใช้มานา:7 หน่วย เวลาคลูดาวน์: ไม่มี
[เปลวเพลิงแห่งความพิโรธ]:เลเวลปัจจุบัน: LV5 (เลเวลสูงสุด) สกิลฝึกหัดขั้นสูงของนักรบฝึกหัดที่จะปลดล็อคเมื่อสกิลฝึกหัดสำหรับผู้เริ่มต้นทั้งหมดถึงระดับสูงสุดหลังจากเปิดใช้งาน พลังโจมตีทางกายภาพจะสูงขึ้นจากการเผาไหม้พลังชีวิตและการสังเวยพลังป้องกันผล: พลังชีวิต (HP) -50 พลังป้องกัน -50พลังโจมตีทางกายภาพ +50 ระยะเวลาแสดงผล: 30วินาที การใช้มานา: 20 หน่วยเวลาคลูดาวน์: 1 นาที
สกิลอุปกรณ์สวมใส่:
[พุ่งทะยานเมฆา]: เมื่อปา ‘ทะยานเมฆา’ ออกไปด้วยพละกำลังทั้งหมดของคุณ‘ทะยานเมฆา’ ที่ถูกปาออกไปจะเจาะทะลวงผ่านศัตรูทั้งหมดในแนวเส้นตรงเบื้องหน้าของคุณเหมือนกับดาวตกและมีโอกาสที่จะสร้างความเสียหายร้ายแรง อย่างไรก็ตาม ‘ทะยานเมฆา’ที่ถูกปาออกไปนั้นจะไม่กลับมาหาเ้าของโดยอัตโนมัติ ผล: การโจมตีแบบเจาะเกราะและล็อคเป้าหมายในแนวเส้นตรง รัศมี 15 เมตร พลังโจมตี300% และมีโอกาส 1%ที่จะทำให้เป้าหมายตายในทันที HP -50 MP -50 เวลาคูลดาวน์: 100 วินาที
[เงาจันทร์]: สกิลจันทราเฉพาะตัวของ ‘จันทร์ต้องสาป’ เมื่อร่ายสกิล มันจะเปล่งแสงจันทร์สีเงินซึ่งส่องสว่างเงาของเป้าหมายและแช่แข็งเงาทั้งหมดภายใต้แสงจันทร์รวมทั้งหยุดยั้งทุกการเคลื่อนไหวของเงานั้นและเ้าของมัน ผล:ทุกเป้าหมายในรัศมี X เมตร จะติดสถานะมึนงงเป็เวลา 5 วินาที(X= เลเวลปัจจุบัน) การใช้มานา: 0หน่วย เวลาคูลดาวน์: 60 วินาที
อุปกรณ์สวมใส่:
อาวุธ: มือขวา: ทะยายเมฆา (หอก) มือซ้าย:ดาบทราย (ดาบสองมือ)
กำไลเทพจันทรา: จันทร์ลี้ลับ (ลูกแก้วราศีเมถุน,ลูกแก้วแห่งความอำมหิต)
หมวก: หมวกเงิน
หน้ากาก: ไม่มี
สร้อยคอ: ไม่มี
ต่างหู: ไม่มี
แหวน: แหวนแห่งความว่องไว
เหรียญตรา: ไม่มี
เครื่องสวมใส่ส่วนบน: เกราะหนังอสูร
เข็มขัด: ไม่มี
เครื่องสวมใส่ส่วนล่าง: กางเกงหนังอสูร
สนับ: สนับแขนเหล็ก
รองเท้า: รองเท้าหนังหมาป่า
หลิงเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขณะมองไปที่ค่าสถานะในปัจจุบันของเขาตอนนี้เขามีไอเทมระดับนางฟ้าหนึ่งชิ้น ระดับทองหนึ่งชิ้น และระดับเงินอีกสองชิ้นอุปกรณ์สวมใส่ชุดนี้เป็สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปไม่เคยหวังว่าจะมีเขามีความสามารถที่จะกวัดแกว่งอาวุธสองมือในมือทั้งข้างซ้ายและข้างขวาของเขาโดยเมื่ออาวุธทั้งสองชิ้นซ้อนทับกัน เขาสามารถสร้างค่าความเสียหายได้ถึง 281 หน่วย! นอกจากนี้หากเขาใช้สกิล ‘เปลวเพลิงแห่งความพิโรธ’เขาจะสร้างค่าความเสียหายได้มากกว่า 300 หน่วย!
ช่างเป็พลังโจมตีที่รุนแรงที่แม้กระทั่งผู้เล่นอาชีพนักรบซึ่งมีพลังโจมตีทางกายภาพสูงสุดก็อาจจะไม่สามารถทำได้ที่เลเวล20!และไม่ต้องพูดถึงผู้เล่นอาชีพอื่น