หลงอวี้มองไปทางเฟิงฉางเกอ เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่นอกจากจะใแล้วก็มีความอ่อนเพลียอยู่ด้วย การก้าวเดินก็ดูอิดโรยเช่นกัน
“าเ็จริงๆ ด้วย”
หลงอวี้กังวลขึ้นมาทันที รีบวิ่งไปทางเฟิงฉางเกอ
“พ่อบุญธรรม ร่างกายท่านเป็อะไรไหม?”
หลงอวี้เถามด้วยความกังวล
“ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรหรอก ก็แค่โรคเก่าๆ น่ะ”
เฟิงฉางเกอแย้มยิ้มด้วยความโล่งอกยินดี
“คิดไม่ถึงเลยว่าเ้าออกไปแค่สามเดือนก็ก้าวสู่วรยุทธ์ขั้นแปดได้แล้ว ทั้งยังเอาชนะหลิงเลี่ยกับเฟิงอวิ๋นที่วรยุทธ์ขั้นเก้าได้อีก...”
“ทั้งหมดเป็เพราะโอสถที่พ่อบุญธรรมเตรียมไว้ให้ข้า”
หลงอวี้ตอบกลับด้วยความเคารพนอบน้อม
ความจริงแล้ว หากไม่ได้โอสถที่เฟิงฉางเกอเตรียมไว้ให้เขาละก็ เกรงว่าเขาคงไม่สามารถเข้าร่วมลัทธิสยบฟ้าได้ ต่อให้เข้าไปได้ก็ยังมีอุปสรรคอีกมากมาย จะพัฒนามาถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?
ไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น หากเขาเสียเวลาไปเพียงครึ่งเดือน เขาจะไม่มีสิทธิ์ได้ไปที่ป่าโสมโบราณ และยิ่งไม่มีทางได้รับโสมโบราณมากมายมาจากป่าโสม
โอกาสต่างๆ ที่เขาได้มาด้วยความบังเอิญ ล้วนเริ่มมาจากโอสถสองเม็ดที่เฟิงฉางเกอเตรียมไว้ให้ทั้งสิ้น!
“เส้นทางแห่งวรยุทธ์นั้น หากพึ่งพาสิ่งของภายนอกเพียงอย่างเดียวย่อมไม่มีทางทำสำเร็จ ที่เ้าพัฒนามาถึงจุดนี้ได้ ปัจจัยสำคัญที่สุดคือตัวเ้าเอง”
เฟิงฉางเกอหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะตบบ่าของหลงอวี้ จากนั้นสีหน้าก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็จริงจัง
“แต่ว่า เ้าห้ามลำพองใจเพราะเื่นี้เด็ดขาด เส้นทางแห่งวรยุทธ์นั้นยาวไกล วิถียุทธ์เก้าขั้นเป็เพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น! บนโลกนี้ยังมียอดฝีมืออีกมาก ด้วยพร์ของเ้า โลกของเ้าหลังจากนี้จะกว้างใหญ่มากขึ้น ต่อให้เ้าก้าวสู่วิถียุทธ์ขั้นเก้าได้ เ้าก็เป็แค่กบในกะลาอยู่ดี”
“พ่อบุญธรรม ท่านรู้จักิญญาแท้ไหม?”
หลงอวี้ใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยถาม
เขานึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ผู้าุโอวี้ปล่อยิญญาแท้ต่อสู้กับยอดฝีมือของลัทธิพันไหมสามคนก่อนหน้านี้
เหนือวิถียุทธ์เก้าขั้นขึ้นไป คือการสร้างิญญาแท้ จุดนี้ลูกศิษย์ระดับพิเศษของทุกสำนักลัทธิล้วนรับรู้กันหมด ส่วนเฟิงฉางเกอนั้น แม้จะมีวิถียุทธ์เพียงขั้นแปด แต่ดูจะมีความรู้ประสบการณ์กว้างขวางเป็อย่างมาก
“ย่อมรู้จักอยู่แล้ว”
เฟิงฉางเกอหัวเราะเล็กน้อย
“วิถียุทธ์ขั้นเก้า อันที่จริง มันถูกเรียกว่า ‘ขอบเขตระดับหลอมกาย’ เหนือระดับหลอมกายขึ้นไปนั้นคือการสร้างิญญาแท้ได้ ก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับิญญาแท้!”
ขอบเขตระดับหลอมกาย ขอบเขตระดับิญญาแท้!
หลงอวี้ไม่เคยได้ยินคำพูดเหล่านี้มาก่อนเลย แต่มันได้ไปกระตุ้นจิตใจที่ชอบความท้าทายของเขาขึ้นมา
วิถียุทธ์เก้าขั้นเป็เพียงพื้นฐาน อยู่ในขอบเขตระดับหลอมกาย
เหนือระดับหลอมกายขึ้นไป คือขอบเขตระดับิญญาแท้ นี่ต่างหากที่นับว่าเข้าสู่วิถียุทธ์ได้อย่างแท้จริง!
หลงอวี้นึกถึงสิ่งที่ผู้าุโอวี้เคยพูดให้ฟังว่า ยอดฝีมือวิถียุทธ์ หากขึ้นไปถึงขอบเขตในตำนานได้ ก็จะผสานเป็หนึ่งเดียวกับฟ้า เดินทางกลางเวหาได้
มันจะเป็ขอบเขตพลังแบบไหนกัน?
ผู้าุโอวี้ที่เป็ยอดฝีมือระดับิญญาแท้ ยังบอกว่าชาตินี้ตัวเขาคงไม่อาจก้าวขึ้นสู่ขอบเขตนั้นได้ เช่นนั้น ยอดฝีมือระดับผสานฟ้าจะมีพลังร้ายกาจสักเพียงใดกัน?
เื่นี้ ทำให้หลงอวี้ตั้งตารอคอยเป็อย่างมาก เขาจะพยายามสุดความสามารถเพื่อไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุด ด้วยสัญลักษณ์ัปรภพนี่แหละ
“แล้วก็เ้า ‘อวี๋เฟย’ สักวันหนึ่ง ข้าจะต้องหาตัวเ้าให้เจอและรู้ให้ได้ว่าเ้าเป็ใครกันแน่!”
หลงอวี้ตัดสินใจหนักแน่น!
“เอาล่ะ เสี่ยวอวี้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่อยเปื่อย”
เฟิงฉางเกอเงยหน้า กวาดตามองภายในคฤหาสน์ตระกูลเฟิงรอบหนึ่งก่อนจะพูดเสียงเรียบ
ภายในคฤหาสน์ตอนนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างจับจ้องมาที่พวกเขาสองคนด้วยสีหน้าแตกต่างกัน
เหล่าลูกหลานตระกูลเฟิงมองเฟิงอวิ๋นที่ถูกโค่นล้ม ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เฟิงอวิ๋นเป็ประมุขคนใหม่ของตระกูลเฟิง ทว่าตอนนี้กลับถูกหลงอวี้โค่นล้ม เช่นนั้น ตระกูลเฟิงต่อจากนี้ใครจะเป็ผู้นำเล่า?
เฟิงอวิ๋น? เฟิงฉางเกอ? หลงอวี้?
หากยกตำแหน่งประมุขตระกูลเฟิงให้กับหลงอวี้ พวกเขาย่อมไม่มีวันยอม หากเป็เช่นนั้นตระกูลเฟิงยังจะเรียกว่าตระกูลเฟิงได้อีกหรือ? เปลี่ยนไปเรียกตระกูลหลงเลยไม่ดีกว่าหรืออย่างไร!
เฟิงเหยาที่แต่เดิมมีสีหน้าเ็า เปลี่ยนเป็ประหลาดใจสุดขีด นางไม่เคยคิดมาก่อนว่าหลงอวี้ที่เคยเป็แค่สวะ จะแข็งแกร่งขึ้นถึงเพียงนี้
หลิ่วอวี้ที่มองอยู่นั้นก็ตะลึงจนนิ่งค้าง
“อะ อะ อะ... ไอ้สวะนี่แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ”
เฟิงเหยาได้ยินเช่นนั้นก็ได้สติกลับมา แววตาดูซับซ้อน
“มันไม่ใช่ไอ้สวะเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว แต่น่าเสียดายที่มันฆ่าฮวาอวิ๋นกับฮวาชิงตายในป่าโสมโบราณ พี่ชายของสองคนนั้น ฮวาปู๋เซี่ย ไม่มีทางปล่อยมันไปแน่”
ฮวาปู๋เซี่ย ลูกศิษย์ระดับพิเศษอันดับหนึ่งของสำนักน้ำแข็งเยือก หากได้เจอกันละก็…. ด้วยลักษณะนิสัยของฮวาปู๋เซี่ยจะต้องลงมือฆ่าหลงอวี้ทันทีแน่!
เฟิงลั่วและเฟิงหยางทั้งสองคนต่างอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ลูกพี่ใหญ่ที่พวกเขาภาคภูมิใจอย่างเฟิงอวิ๋น ผู้เป็ถึงลูกศิษย์ระดับพิเศษสิบอันดับแรกของลัทธิสยบฟ้า กลับพ่ายแพ้ให้หลงอวี้ที่เคยเป็แค่สวะเนี่ยนะ?
บิดาของเฟิงอวิ๋น เฟิงฉางเทียนผุดลุกขึ้นยืน
“ลูกพ่อ!”
เฟิงฉางเทียนรีบปรี่ไปหาเฟิงอวิ๋น คิดจะตรวจดูว่าาแของเฟิงอวิ๋นว่าเป็อย่างไรบ้าง!
แต่ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ผู้คนนับร้อยในคฤหาสน์ก็ยืนขึ้นพร้อมกัน หนึ่งในนั้นมีฉินต้วนที่เป็ประมุขตระกูลฉินด้วย ตัวเขาในชุดสีดำได้ก้าวมาขวางทางเฟิงฉางเทียนไว้
“สหายฉางเทียน เ้าจะรีบร้อนขนาดนี้ไปทำไม?”
ฉินต้วนแย้มยิ้มเสแสร้ง ขวางทางเดินของเฟิงฉางเทียนไว้
“บุตรชายของเ้า ‘เฟิงอวิ๋น’ พ่ายแพ้ให้กับสวะคนหนึ่ง ไม่เหมาะจะเป็ประมุขของตระกูลเฟิงอีกต่อไป”
“หากตระกูลเฟิงไม่มีผู้นำที่เหมาะสมละก็ ข้าว่าตระกูลนี้ก็ควรจะยุบทิ้งได้แล้ว”
อีกด้านหนึ่ง ได้มีเสียงพูดแก่ชราแต่เปี่ยมพลังของปู่ทวดตระกูลถานดังขึ้น
ปู่ทวดตระกูลถานลุกขึ้นยืน กวาดตามองรอบๆ จนสุดท้ายก็ไปหยุดที่หลงอวี้ เขาหัวเราะเบาๆ
“สหายน้อยผู้นี้ฝีมือไม่ธรรมดา พวกเราไม่้าเล่นงานเ้า เ้าสามารถพาพ่อบุญธรรมของเ้าออกไปจากที่นี่ได้ พวกเราไม่ขัดข้องใดๆ!”
ฝ่ายตระกูลหลัว ชายวัยกลางคนที่ดูสง่างามผู้หนึ่งก็ได้ยืนขึ้นเช่นกัน ดวงตาที่ราวกับจิ้งจอกหรี่่ลง พูดด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์
ฉินต้วน ปู่ทวดตระกูลถาน ประมุขตระกูลหลัว ทั้งสามฝ่ายเปิดฉากกดดันขึ้นพร้อมกัน ผู้คนในคฤหาสน์พากันตกตะลึงไป นี่มันเื่อะไร สามตระกูลใหญ่ร่วมมือกันกดดันตระกูลเฟิง คิดจะทำลายตระกูลเฟิงให้สิ้นตระกูลเลยหรือ
หากเฟิงอวิ๋นยังเป็เหมือนเมื่อก่อน สามตระกูลใหญ่คงไม่กล้าทำอะไรบ้าๆ อย่างเปิดเผยเช่นนี้แน่ อย่างมากที่สุดก็แอบเล่นลูกไม้ตุกติกเท่านั้น
แต่ตอนนี้ เฟิงอวิ๋นถูกหลงอวี้ทำร้ายจนสาหัส ส่วนหลงอวี้ก็ไม่ลงรอยกับตระกูลเฟิงด้วย!
“ขับไล่ออกจากเมืองอวี้กวนทั้งหมดเลยหรือ อำมหิตจริงๆ”
ลูกหลานของตระกูลเฟิงไม่น้อยคิดเช่นนั้น สามตระกูลใหญ่ไม่กล้าฆ่าล้างบางลูกหลานของตระกูลเฟิงต่อหน้าผู้คนทั้งเมืองแน่ แต่หากขับไล่ลูกหลานตระกูลเฟิงออกไปจากเมืองอวี้กวนได้ ถ้าเช่นนั้นพวกมันจะฆ่าแกงอย่างไรก็ย่อมทำได้ตามใจไม่ใช่หรือ?
ต่อให้พวกเขาเลือกเข้าร่วมกับสามตระกูลใหญ่ แต่สุดท้ายก็ต้องถูกกลั่นแกล้งสารพัด
ว่าง่ายๆ คือ นับจากนี้ไป เกรงว่าตระกูลเฟิงแห่งเมืองอวี้กวนจะไม่สามารถคงอยู่ได้อีกต่อ!
สายตาของเหล่าลูกหลานตระกูลเฟิงตอนนี้จับจ้องไปทางหลงอวี้ด้วยความเคียดแค้น พวกเขารู้สึกว่า หากไม่ใช่เพราะหลงอวี้ทำร้ายเฟิงอวิ๋นจนาเ็ละก็ ตระกูลเฟิงที่มีเฟิงอวิ๋นคุ้มครองอยู่ย่อมไม่มีทางเผชิญเื่แบบนี้แน่!
“ลูกชายข้าาเ็ ข้าจะพาเขาจากไปเดี๋ยวนี้ ไม่ขอยุ่งเื่ของตระกูลเฟิงอีก”
เฟิงเทียนฉางที่ถูกฉินต้วนขวางทาง หน้าถอดสี รีบพูดทันที
“ได้ พวกเ้าไปเถิด”
ฉินต้วนในชุดดำพูดเสียงเรียบ เหลือบมองเฟิงอวิ๋นเล็กน้อย จากนั้นก็หลีกทางให้
เฟิงฉางเทียนไม่แม้แต่จะเหลือบมองลูกหลานตระกูลเฟิงคนอื่นๆ ด้วยซ้ำ เดินไปอุ้มเฟิงอวิ๋นขึ้นมา จากนั้นก็จากไปทันที!
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คนของตระกูลเฟิงเบิกตาโตอ้าปากค้าง ถึงอย่างไรเ้าเฟิงฉางเทียนก็เป็ถึงยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นแปด สามารถเป็ผู้นำให้กับตระกูลเฟิงได้อยู่แล้ว
แต่มันกลับเลือกที่จะหนีไปทั้งอย่างนั้น?
ฉินต้วนดูทั้งสองเดินจากไป ดวงตาพลันมีจิตสังหารปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง
ปล่อยสองคนนั้นไปง่ายๆ แบบนี้ จะเป็ไปได้อย่างไร?
ต้องรู้ว่าเฟิงอวิ๋นมีพร์สูงมาก ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ถือเป็ภัยคุกคาม พวกเขาสามตระกูลใหญ่ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ อยู่แล้ว เพียงแต่ตอนนี้ต้องทำให้ตระกูลเฟิงยุบตัวลงเสียก่อน จึงปล่อยพวกมันไปชั่วคราว
หลงอวี้หรี่ตาลงมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เขาพบว่าหลังจากที่เฟิงฉางเทียนพาเฟิงอวิ๋นจากไป ก็มีชายชุดดำหลายคนลอบตามหลังไปด้วย แต่ละคนล้วนเป็ยอดฝีมือวิถียุทธ์ขั้นแปดเป็อย่างต่ำ
เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่คิดปล่อยให้เฟิงฉางเทียนและเฟิงอวิ๋นหนีรอด!
‘พวกมันไม่คิดปล่อยเฟิงอวิ๋นไป และแน่นอนว่า ไม่มีทางปล่อยข้าไปด้วยเช่นกัน’
หลงอวี้คิดในใจพร้อมมองจิตสังหารในดวงตาของปู่ทวดตระกูลถานและฉินต้วน เขาย่อมรู้เื่นี้อยู่แล้ว
เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขาได้ทำร้ายเฟิงอวิ๋นจนสาหัส ดูแข็งแกร่งเกินไป ทั้งสามตระกูลใหญ่จึงคิดจะกำจัดตระกูลเฟิงก่อนค่อยมาเล่นงานเขาทีหลัง!
“เสี่ยวอวี้ เ้าพาเสี่ยวเหยากับภรรยาข้าไปจากที่นี่ก่อน”
เฟิงฉางเกอมีสีหน้าเคร่งเครียด พูดฝากฝังกับหลงอวี้
ประมุขของทั้งสามตระกูลใหญ่ ปู่ทวดตระกูลถานมีวรยุทธ์ขั้นเก้ามานานแล้ว ต่อให้แข็งแกร่งไม่เท่ากับเฟิงอวิ๋น แต่ก็ไม่แตกต่างกันมาก
ส่วนประมุขตระกูลฉินอย่างฉินต้วนนั้นก็เพิ่งก้าวขึ้นสู่วิถียุทธ์ขั้นเก้าได้ไม่นาน แข็งแกร่งไม่ธรรมดาเช่นกัน
ส่วนประมุขตระกูลหลัว ชายวัยกลางคนที่ดูสง่างามผู้นั้นเองก็เป็ยอดฝีมือขั้นเก้าเช่นกัน ปกติแล้วมักจะถ่อมตน ไม่ค่อยติดต่อกับผู้อื่นเท่าไรนัก
ตอนนี้เขากลับลุกขึ้นมาร่วมมือกับตระกูลอื่นหมายจะกำจัดตระกูลเฟิง!
ยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นเก้าของสามตระกูลใหญ่ร่วมมือกัน ต่อให้เป็หลงอวี้ก็ไม่มีทางต่อกรได้ ดังนั้นให้หลงอวี้พาลูกเมียหนีออกไปก่อนจะดีกว่า
เมื่อเฟิงฉางเกอพูดเช่นนั้น เฟิงเหยาและหลิ่วอวี้ก็หน้าถอดสีไปทันที
ให้หลงอวี้พาพวกนางไป?
หมายความว่าเฟิงฉางเกอคิดจะอยู่ที่ตระกูลเฟิงเพื่อรับมือกับการรุมโจมตีของทั้งสามตระกูลใหญ่อย่างนั้นหรือ
“เหยาเอ๋อร์ พวกเราไป”
หลิ่วอวี้กัดฟัน ดึงเฟิงเหยาเดินไปยังจุดที่หลงอวี้อยู่ทันที
แม้ว่านางจะเป็คนของตระกูลหลิ่วแห่งเขตพระราชฐาน แต่ก็ได้แต่งเข้าตระกูลเฟิงมานานแล้ว นางต้องยอมรับว่า หากไม่ติดตามหลงอวี้ไปละก็ พวกนางไม่มีทางหนีรอดจากการไล่ล่าของทั้งสามตระกูลใหญ่ได้แน่
เฟิงเหยามีท่าทางไม่ค่อยยินยอมเล็กน้อย เพียงแต่ก็ยังเดินตามมาอยู่ข้างๆ หลงอวี้อยู่ดี
หลงอวี้เห็นเช่นนั้นก็ลอบส่ายหน้าในใจ แม่ลูกคู่นี้ช่างไร้หัวใจเสียจริง คิดแต่จะเอาตัวรอด ไม่คิดเพื่อเฟิงฉางเกอเลยแม้แต่น้อย!
“ถ้าจะไป พวกเ้าไปกันเองเถิด”
หลงอวี้ส่ายหน้า เวลาแบบนี้จะให้เขาทิ้งเฟิงฉางเกอไว้คนเดียวได้อย่างไร?
ตระกูลเฟิงนั้นเป็รากฐานของเฟิงฉางเกอ และเป็สถานที่ที่หลงอวี้เติบโต
ให้เขายืนมองตระกูลเฟิงถูกสามตระกูลใหญ่ทำลายเฉยๆ นั่นไม่ใช่วิถีของหลงอวี้อย่างแน่นอน!
ยอดฝีมือวรยุทธ์ขั้นเก้าสามคนแล้วจะทำไม?
หลงอวี้ก้าวเท้าไปยืนขวางเฟิงฉางเกอ กวาดตามองปู่ทวดตระกูลถาน ฉินต้วน และประมุขตระกูลหลัวเล็กน้อย ก่อนจะประกาศกร้าว
“วันนี้ หากพวกเ้าคิดล้มล้างตระกูลเฟิง ต้องผ่านด่านข้าไปก่อน!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้