เช้าวันต่อมา ไซพานอันซึ่งเตรียมตัวเดินทางเป็ที่เรียบร้อยได้มารออยู่หน้าตำหนักอ๋อง เมื่อจ้าวซีเหอได้ยินบ่าวเข้ามารายงาน เขาจึงอาบน้ำอย่างเฉื่อยชา พร้อมทั้งบ่นไปด้วย “มาทำไมแต่เช้า เช่นนั้นก็รออยู่ด้านนอกต่อไปเถอะ”
ผิดกับหนิงมู่ฉือที่รีบตื่นขึ้นมาเตรียมตัวแต่เช้า ก่อนจะออกไปพบไซพานอันที่รออยู่หน้าตำหนัก จากนั้นทั้งสองคนก็นั่งรถม้าออกไปนอกเมือง
จ้าวซีเหอที่ยังคงอยู่ในตำหนักอ๋องได้แต่นึกแปลกใจ ถึงเวลาทานอาหารเช้าแล้ว แต่เหตุใดเขาถึงไม่เห็นเงาของหนิงมู่ฉือเลย เมื่อให้บ่าวรับใช้ไปตามถึงได้รู้ว่าที่แท้นางเดินทางไปกับไซพานอันั้แ่เช้าแล้วนั่นเอง
เขาไม่พอใจยิ่งนัก ไม่ทานมันแล้วอาหารเช้า วางถ้วยข้าวและตะเกียบในมือลงบนโต๊ะอย่างแรง ก่อนจะะโเรียกฉีอันให้เตรียมรถม้าเพื่อตามไป “หนิงมู่ฉือ นับวันเ้ายิ่งจะใจกล้ามากขึ้น ตอนนี้แม้แต่จะออกไปข้างนอกก็ถึงกับไม่ยอมมารายงานให้ข้ารู้ก่อน! คอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะจัดการเ้าอย่างไร!”
แม้จะออกเดินทางช้ากว่า แต่เขาได้บอกให้คนขับรถม้าเร่งตามไปให้ทัน เขาจึงตามทันรถม้าของทั้งสองคนหลังจากที่เพิ่งออกจากประตูเมืองมาได้ไม่ไกล
“ซื่อจื่อ ท่านมาได้อย่างไรเ้าคะ“
“แม่นางหนิง ท่านรู้จักหนอนตามตูดหรือไม่” ไซพานอันพูดพร้อมกับยิ้มให้หนิงมู่ฉือ ขณะที่สายตาเหลือบมองไปยังจ้าวซีเหอ เป็การบอกอย่างชัดเจนว่าหนอนตัวนี้หมายถึงอีกฝ่าย
“ไซพานอัน เ้าหมายถึงผู้ใด” จ้าวซีเหอหรี่ตาอย่างข่มขู่ ทำให้ไซพานอันขนลุกและเสียวสันหลังด้วยความหวาดกลัว
“ไม่…ไม่ได้หมายถึงผู้ใด แหะๆ” ไซพานอันรีบหันหน้ากลับไปอย่างขลาดกลัว หนิงมู่ฉือที่นั่งอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา คุณชายไซผู้นี้เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวจ้าวซีเหอมาก แต่ก็ยังชอบเข้าไปหาเื่ ไม่เคยจะหลาบจำ
และดูจ้าวซีเหอก็เหมือนจะชื่นชอบที่จะทะเลาะกับไซพานอันเช่นกัน
รถม้าแล่นออกนอกเมืองไปด้วยกัน เวลานี้เองที่จ้าวซีเหอคิดขึ้นมาได้ว่า หากให้ทั้งสองคนนั่งรถม้าไปด้วยกัน เขาไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เขาจึงบอกให้คนขับรถม้าขับรถม้าเข้าไปเทียบรถม้าของไซพานอัน ก่อนจะะโขึ้นไป ทำให้ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ในรถม้าสะดุ้งใ
“ท่าน...ท่านเข้ามาได้อย่างไร!” ไซพานอันคาดไม่ถึงว่าจ้าวซีเหอจะทำเื่เหลวไหลเช่นนี้
“ข้าจะเดินทางไปด้วย ช่างบังเอิญเหลือเกิน ข้าเองก็อยากลองชิมรังนกจากบนูเาลูกนั้นเช่นกัน พวกเรานับว่ามีวาสนาต่อกันจริงๆ ในเมื่อต้องไปด้วยกัน ข้าจึงอยากจะขอติดรถม้าไปด้วย”
นั่งบนรถม้าคนอื่น ทั้งยังทำหน้าเหมือนมันเป็เื่ที่ถูกต้องแล้ว คงมีแค่จ้าวซีเหอคนเดียวเท่านั้นแหละที่จะทำเช่นนี้ได้
“ท่านเองก็มีรถม้า เหตุใดถึงจะมานั่งคันเดียวกับพวกเราอีก รถม้าของข้ามีขนาดเล็ก คงให้ซื่อจื่ออย่างท่านนั่งไปด้วยไม่ได้!” สำหรับไซพานอันแล้ว จ้าวซีเหอก็เหมือนตัวเชื้อโรคที่สลัดอย่างไรก็ไม่หลุด
“ข้ามีรถม้าที่ไหน หากมีจะมาขอนั่งด้วยเพื่ออันใด” หนิงมู่ฉือเปิดผ้าม่านออกดู ก่อนจะพบว่ารถม้าของจ้าวซีเหอที่เคยขับตีคู่กันมาได้หายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงรถม้าที่นางนั่งอยู่คันเดียว
จ้าวซีเหอนี่มีนิสัยไร้ยางอายเป็อันดับต้นๆ เสียจริง ไซพานอันอดไม่ได้ที่จะนับถือ
ชายหนุ่มทั้งสองเอาแต่เถียงกันไปตลอดทาง หนิงมู่ฉือที่นั่งอยู่ด้วยได้แต่จนปัญญา ทั้งสองทะเลาะกันเป็เด็กๆ ไปได้
ไม่นานก็เดินทางมาถึงทางเข้าป่า รถม้าผ่านเข้าไปไม่ได้จึงต้องจอดแค่ตรงนี้ ทั้งสามลงจากรถม้า ในมือถืออุปกรณ์ลงมาด้วย ก่อนจะเดินไปทีู่เาลูกนั่นซึ่งอยู่ในป่า
ในป่าไม่มีถนน มีแต่ทางเดินขรุขระ เดินไปได้ไม่ไกลไซพานอันก็เหนื่อยจนเดินไปต่อไม่ไหว
“สมกับเป็คุณชายที่ถูกเลี้ยงดูอย่างตามใจมาั้แ่เด็กจริงๆ เพิ่งจะเดินมาได้ไม่เท่าไหร่ก็เหนื่อยแล้ว หนิงมู่ฉือเป็สตรีแท้ๆ ยังไม่เหนื่อยเลย เ้าเป็บุรุษกลับบ่นว่าเหนื่อย แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน”
จ้าวซีเหอถือพัดเดินไปเดินมาพร้อมทั้งบ่นออกมาเป็ประโยคที่ไซพานอันไม่อยากจะฟัง “อย่ามาทำเป็พูดดีหน่อยเลย ท่านลองมาแบกของพวกนี้เดินดูบ้างดีหรือไม่เล่า รูปร่างผอมบางอย่างท่านสู้ข้าไม่ได้แน่!”
หนิงมู่ฉือที่เดินนำอยู่ด้านหน้าหันหน้ากลับไปมองทั้งสองคน ด้วยความเร็วเช่นนี้คาดว่าขากลับฟ้าคงมืดก่อนเป็แน่
“เยี่ยงนั้นเ้าที่มีรูปร่างใหญ่โตถึงสมควรเป็คนแบกอย่างไรเล่า”
“ท่าน!”
ทั้งสองคนโต้เถียงกันไปตลอดทาง
“ว๊าย!” จู่ๆ หนิงมู่ฉือที่เดินนำอยู่ข้างหน้าก็ร้องอุทานอย่างใออกมา
“ฉือเอ๋อร์ เป็อะไรไปหรือ!” จ้าวซีเหอได้ยินเสียงร้องะโอย่างใรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น
“ไม่…ไม่มีอะไร แค่มีหนอนตกลงมาโดนตัวข้า ข้าใจึงร้องออกมาเท่านั้น ตอนนี้ข้าไล่มันออกไปแล้ว” จ้าวซีเหอถอนหายใจอย่างโล่งอก สตรีนางนี้นี่...ชอบใอยู่เรื่อยเลย ทำเขาใไปด้วย ไม่ช้าหรือเร็วเขาต้องหัวใจวายตายเพราะนางแน่
ในที่สุดทั้งสามคนก็เดินทางออกมาจากป่ามาได้ ภาพวิวทิวทัศน์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าทำให้หนิงมู่ฉือถึงกับตาโตอ้าปากค้าง นางไม่เคยรู้เลยว่านอกเมืองหลวงจะสวยงามถึงเพียงนี้
่นี้เป็ฤดูใบไม้ผลิ อากาศจึงอบอุ่น ต้นไม้แตกยอดผลิใบ ฝูงนกส่งเสียงร้องอย่างเบิกบาน เป็โอกาสอันดีในการเกิดใหม่ของทุกสรรพสิ่ง และเป็เวลาที่ดีของนกนางแอ่นในการสร้างรัง
ภาพตรงหน้ามีแต่สีเขียวขจี ทำให้นางรู้สึกผ่อนคลายและสบายตายิ่ง
“คุณชายไซ รังนกที่ท่านกล่าวถึงอยู่ที่ใดหรือ” ูเาปกคลุมด้วยสีเขียวของต้นไม้ การตามหาจึงทำได้ยาก
“เื่นี้ข้าเองก็จำไม่ค่อยได้ เพราะตอนนั้นข้ายังเด็กมาก แต่ข้าจำได้ว่ามันอยู่ในถ้ำ นกนางแอ่นเข้าไปสร้างรังเอาไว้”
เช่นนั้นก็ลำบากแล้ว ูเาทั้งลูกเต็มไปด้วยต้นไม้ ทั้งยังผ่านมาหลายปีแล้ว หากมีถ้ำอยู่ ป่านนี้หน้าปากถ้ำก็คงจะมีต้นไม้ขึ้นปิดปากถ้ำไปแล้ว น่าจะต้องใช้เวลาหากันอยู่นาน
“พวกเราแยกกันหาดีกว่า แม้จะเป็ป่านอกเมือง แต่ก็ถือว่าไม่ได้กว้างมาก ไม่น่ามีสัตว์ดุร้ายอาศัยอยู่ น่าจะปลอดภัยพอสมควร หนึ่งชั่วยามหลังจากนี้ไม่ว่าคนใดคนหนึ่งในพวกเราจะหาเจอหรือไม่เจอก็ให้กลับมาเจอกันที่นี่”
ชายหนุ่มทั้งสองคนเห็นด้วยกับแผนนี้ของหนิงมู่ฉือ หากไปตามหาด้วยกันทั้งสามคนจะต้องเสียเวลามากเป็แน่
ทั้งสามคนแยกย้ายกันไปคนละทิศคนละทาง จนต่างคนต่างไม่เห็นเงาของกันและกัน
จ้าวซีเหอไม่ได้มีใจที่จะตามหาถ้ำของนกนางแอ่นอยู่แล้ว ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้ออกมานอกเมืองสักครา ทั้งยังมีตัวขัดขวางอย่างไซพานอันตามมาด้วย ในเมื่อตอนนี้ไม่เห็นเงาของอีกฝ่ายแล้ว เขาจึงเปลี่ยนทิศทางเดินไปยังทิศทางที่หนิงมู่ฉือเดินไป
“ไอโยว! ฉือเอ๋อร์ บังเอิญเหลือเกิน คิดไม่ถึงเลยว่าข้าจะได้เจอเ้า ดูท่าพวกเราจะมีวาสนาต่อกันมาก” เขายิ้มพร้อมกับเดินตรงเข้าไปหาหญิงสาว
ชายหนุ่มคิดเื่ใดอยู่มีหรือหนิงมู่ฉือจะไม่รู้ วาสนาอันใดกัน บังเอิญอย่างไรกัน อีกฝ่ายี้เีตามหาถ้ำจึงเดินมาหานางมากกว่า
“เหตุใดท่านถึงไม่รออยู่ที่ตำหนักอ๋องสบายๆ จะมาลำบากลำบนที่นี่เพื่ออันใดกัน” นางเอ่ยพร้อมกับนึกถึงบนรถม้าที่ไซพานอันพูดว่าอีกฝ่ายคือหนอนตามตูด
“เพราะข้าเป็ห่วงเ้าอย่างไรเล่า!” แม้จะพูดด้วยใบหน้าที่เหมือนไม่จริงใจนัก แต่ชายหนุ่มก็พูดเื่จริง
“มีคุณชายไซอยู่ด้วยข้าจะมีอันตรายได้อย่างไร” ก็แค่มาเก็บรังนก ต้องทำให้เป็เื่ใหญ่โตถึงเพียงนี้เชียวหรือ นางคิดในใจ