บทที่ 31 เตรียมตัวปรุงยา
หลังจากผู้รอบรู้สายลมแห่งเหมันต์กลับไปแล้วก็บำเพ็ญเพียรเข้าฌานทันที เวลาผ่านไปยังไม่ทันจะถึงครึ่งเดือน เขาก็รักษาอาการาเ็ในกายหายจนหมด และแม้จะ้าฟื้นฟูพลังยุทธ์ให้กลับคืนมาทั้งหมด ทั้งเสาะหายาวิเศษตัวอื่นเข้ามาช่วยเสริม แต่ในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งปีเห็นทีจะเป็ไปไม่ได้ อย่างน้อยส่วนที่ยากที่สุดได้รับการแก้ไขแล้ว อุปสรรคอื่นๆ หาใช่ปัญหาของสำนักใหญ่เช่นสำนักเทียนเต๋าอีกต่อไป
หลังจากนั้น ‘ยาหอมทะลวงฟ้าเจิ้งหยวนตัน’ ของตระกูลลู่ก็กลายเป็ที่รู้จักในนาม ‘ยานิพพาน’ ชื่อเสียงโด่งดังแพร่กระจายไปทั่วทั้งเทียนตู ไม่นานหอยาเทียนฉยงของตระกูลลู่ในเมืองเทียนตู ก็แน่นขนัดไปด้วยผู้คน หรือแม้แต่บนูเาเทียนฉยงเองซึ่งเป็ที่ตั้งของคนตระกูลลู่ ก็พลันมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันใด
แม้ว่าลู่อวี่จะอยู่ใน่ฝึกตน แต่ก็พอจะรู้เื่ราวบางอย่างของโลกภายนอก ถึงได้กล้าพูดเช่นนั้นออกไป ตู้เสวียนเฉิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่ แม้ว่าตระกูลลู่จะเป็ที่น่าสนใจในขณะนี้ แต่ผู้คนมากมายต่างก็คอยจับตามอง บ้างก็คอยสืบเสาะสอดแนม จะไม่ระวังหลังไว้ก็คงไม่ได้” ขณะที่พูด ก็หยิบถุงเก็บของออกมายื่นให้ลู่อวี่ไปพลาง แล้วพูดต่ออีกว่า “โชคดีที่ภารกิจสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ของที่้าก็ครบถ้วนแล้ว ไม่ทราบว่าสหายน้อยจะเริ่มปรุงยาอายุวัฒนะเมื่อใดเล่า?”
“เริ่มได้ทุกเมื่อ!” ลู่อวี่รับถุงเก็บของมาอย่างพึงพอใจ ตรวจสอบมันด้วยพลังจิตพลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “ท่านผู้เฒ่าตู้ โปรดรออยู่ที่นี่สักสองสามวัน หลังจากที่ข้าปรุงยาอายุวัฒนะแล้ว คงต้องใช้เวลานานถึงสามเดือนอาการาเ็ของท่านถึงจะฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ ในภายหน้าข้าคงต้องหวังพึ่งพาบารมีท่านไม่น้อย!”
ตู้เสวียนเฉิงเวลานี้ทั้งดีใจและคาดหวังไปพร้อมๆ กัน พยายามสะกดกลั้นความตื่นเต้นดีใจไว้ พร้อมกับหันไปประสานมือก้มคารวะลู่อวี่อย่างซาบซึ้งใจ
ลู่อวี่ไม่เสียเวลาพูดไร้สาระ รวบรวมถุงเก็บของที่บรรจุยาวิเศษไว้ แล้วลุกขึ้นยืนเดินตรงไปที่ห้องปรุงโอสถที่อยู่ด้านหลังที่พักทันที ห้องปรุงโอสถนี้สร้างขึ้นใหม่หลังจากที่เขามาอยู่ที่นี่ แต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และได้รับการตรวจตราความปลอดภัยอย่างดี ดังนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
“เหว่ยเฉิง เปลี่ยนวัตถุดิบยาเหล่านี้ใหม่เสีย ไม่รู้ว่าคนชั่วคนใดที่รวบรวมพวกมันมาตามคำสั่งของนายน้อย ของเหล่านี้แปดในสิบส่วนได้สูญเสียพลังการรักษาไปแล้ว จะยังมีประโยชน์อะไรอีกเล่า!”
“ลู่หนาน สตรีเช่นเ้ามาปรุงยาอะไรตรงนี้? ในภายภาคหน้าหากไม่สามารถออกเรือนได้ ก็อย่าไปบ่นเอากับปู่ของเ้าเล่า มาเอา ‘น้ำผนึกน้ำแข็ง’ นี้ไปผสมให้เข้ากัน แล้วเพิ่มผง ‘ดอกหานหยาง’ เข้าไปด้วย แต่หากเ้าเติมผิด ก็กลับไปฝึกฝนกับข้าอย่างหนัก!”
“รู้แล้ว! ท่านน่ะโยนเื่มากมายให้ข้าทำอยู่เสมอ แต่ตนเองกลับไปแอบพักผ่อน เหมือนท่านปู่ยิ่งนัก! พี่ลู่ยังดีเสียกว่า เขาไม่เคยรังแกข้าเลย!” เสียงใสของเด็กสาวฟังดูแล้วคงจะไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
ลู่อวี่ที่อยู่ห่างออกไปไกลแต่กลับได้ยินเสียงชัดเจนมาถึงตรงนี้ ก็อดยิ้มฝืดๆ ออกมาไม่ได้ หลังจากที่เขาเข้าร่วมประมูลผลิญญาหยกเขียวที่เมืองเทียนตูเซียน ผู้เฒ่าห้าลู่หงิก็หอบเอาสมาชิกในครอบครัวย้ายมาที่นี่ เขาให้เหตุผลอย่างสวยหรูว่า “นำทุกคนมาเพื่อปกป้องและช่วยเหลือ”
เื่ของเื่คือลู่หงิแรกเริ่มทั้งลำบากและเดือดร้อน แต่ในบั้นปลายกลับมีความสุขเพิ่มพูน ไม่เพียงแต่มีพลังยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น คล้ายจะเป็ะด้วยรูปลักษณ์ที่เยาว์วัย อีกทั้งยังประสบความสำเร็จในการปรุงยาอายุวัฒนะไท่หยวนขั้นหกได้สำเร็จ
ตามกฎแห่งโลกบำเพ็ญเพียรในเทียนตู เพียงเท่านี้ก็ถือว่าได้รับการเลื่อนขั้นเป็คนปรุงโอสถขั้นหกแล้ว และยาอายุวัฒนะไท่หยวนจะไม่ใช่เพียงตำรับยาในของเขาหนิงชุยเฟิงแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป
ในบรรดาครอบครัวของผู้เฒ่าห้าลู่หงิที่หอบมาด้วยกัน มีเด็กหญิงตัวเล็กๆ ผู้หนึ่งนามว่า ลู่หนาน นางมีอายุเพียงสิบสี่ปีน้อยกว่าลู่อวี่อยู่สี่ถึงห้าปี เป็สตรีที่มีใบหน้าอ่อนหวานและน่ารักน่าชังไม่น้อย อีกทั้งยังมีชีวิตชีวาฉลาดหลักแหลม และมีไหวพริบ
ดังนั้นแม้ว่าในตระกูลลู่ ลู่อวี่จะมีฐานะเป็ถึงนายน้อยของตระกูล แต่สำหรับคนในตระกูลลู่แล้วไม่นับว่าลู่อวี่เป็อะไร และทิ้งห่างความสามารถกับลู่หนานไปหลายขุม นางจึงถือเป็เ้าหญิงตัวน้อยของตระกูลลู่อย่างแท้จริง
ลู่หนานเป็หลานสาวสายเืโดยตรงของท่านผู้เฒ่าใหญ่ แม้ว่าขีดระดับความสามารถจะยังไม่นับว่าเป็อัจฉริยะของตระกูล แต่กลับมีคุณสมบัติยอดเยี่ยม มีพลังยุทธ์อยู่ในขั้นพลังจิตแล้วั้แ่อายุยังน้อย แม้ว่าเพิ่งจะบรรลุขั้นขึ้นมาได้ แต่สำหรับเด็กสาวอายุเพียงสิบสี่ปี ก็ถือว่าเก่งกาจสมฐานะลูกหลานตระกูลลู่
แม้แต่ลู่อวี่จอมเสเพลในชาติก่อน ก็ยังรักเด็กหญิงตัวเล็กๆ ผู้นี้มาก ดังนั้นตอนนี้แม้ว่า ลู่อวี่จะเป็ “คนเสเพลกลับตัวกลับใจ” ทั้งยังฝีมือดีจนกลายเป็คนปรุงโอสถขั้นห้า และมีพลังยุทธ์อยู่ใน่ปลายของขั้นพลังจิต แต่ก็ไม่อาจทำให้เด็กสาวตัวเล็กๆ เช่นนางมอบความเคารพให้ได้ สิ่งนี้มันทำให้ลู่อวี่ไร้หนทางแก้ไข แต่นัยหนึ่งกลับมีความสุขและยินดีมากเช่นกัน
หลังจบคำพูดของนาง เขาจึงจินตนาการออกได้เลยว่า สีหน้าและท่าทางของผู้เฒ่าห้าคงแปลกประหลาดใจไม่น้อยทีเดียว
สองขายาวของลู่อวี่เดินดุ่มๆ ผ่านผู้ดูแลประตูมาถึงห้องปรุงโอสถ และเห็นลู่หนานกำลังทำหน้าบูดบึ้งขณะกำลังยกโถดินเผาใบเล็กที่บรรจุ “น้ำผนึกน้ำแข็ง” เดินเข้ามา ผมหางม้าของนางแกว่งกวัดไปมาอยู่ด้านหลัง ดูแล้วน่ารักน่าชังไม่น้อย
“อ๊ะ! ท่านพี่ลู่อวี่มาแล้ว!” ใบหน้าของเด็กหญิงตัวเล็กๆ พลันสดใสขึ้นมาทันที นางรีบวิ่งเข้ามาหาเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ดูท่าคงจะเบิกบานใจไม่น้อย พลางกะพริบดวงตากลมโตปริบๆ ทำเอาลู่อวี่เกือบเสียอาการ ผู้เฒ่าห้าเห็นเช่นนั้นจึงเข้ามาช่วยเหลือ และพูดแก้ต่างให้ว่า “นายน้อยมาถึงที่นี่ มีอะไรให้ช่วยเหลือหรือ?”
“อืม วัตถุดิบในการปรุง ‘ยาชะล้างอวี้จิง’ พร้อมแล้ว ข้าจะเริ่มปรุงยาวันนี้ หากไม่มีเื่อะไรสำคัญ ก็ให้ทุกคนไปพักผ่อนเสีย!” ลู่อวี่รีบแจ้งเื่ทันที
“ท่านพี่ลู่อวี่ ข้าขอเข้าไปดูท่านปรุงยาได้หรือไม่? ข้าสัญญาว่าจะไม่ส่งเสียงหรือขยับตัวเลย ได้หรือไม่!” เมื่อได้ยินว่านายน้อยของตระกูลลู่กำลังจะปรุงยาอายุวัฒนะ ดวงตากลมโตของเด็กสาวก็ลุกวาวขึ้นทันที มันฉายแววความอยากรู้อยากเห็นและรอคอยอย่างเด่นชัด กายเล็กๆ รีบเบียดเข้ามาอยู่ข้างกายลู่อวี่ทันที พลันใช้ศีรษะทุยดันเข้าหาอ้อมแขนของผู้พี่
“ก็ได้ ก็ได้ หากเ้ารับปากว่าจะไม่รบกวนข้า ก็แล้วแต่เ้าเถิด มิเช่นนั้นครั้งหน้าหากไปขอร้องใครเข้า ก็คงไม่เป็ผล รู้หรือไม่?” ลู่อวี่ยื่นมือไปขยี้หัวกลมๆ ของเด็กสาวตัวเล็ก และพูดด้วยความรัก
แม้ว่าชาติที่แล้วเขาจะอยู่ตัวคนเดียวโดดเดี่ยว แต่กลับไม่ได้มีนิสัยรักสันโดษ เพียงแต่รักแท้นั้นหายากเสียจริง ในเวลานั้นเขาประสบความสำเร็จจนมีชื่อเสียงแล้ว คนที่เข้าหาล้วนมีจิตใจซับซ้อนยากจะหยั่งถึง ในชีวิตนี้แม้ว่าจะมีบิดาอย่างลู่เหว่ยจุนคอยดูแล และพอััได้ถึงความอบอุ่นของครอบครัวบ้าง แต่สำหรับเขาแล้ว ลู่หนานที่อายุน้อยกว่าเขามาก กลับทำให้เขาััได้ถึงการฝากฝังและพึ่งพาความรักจากครอบครัวมากกว่า
เด็กหญิงตัวเล็กะโโลดเต้นด้วยความดีใจ ทำเอาลู่หงิที่กำลังเฝ้าดูอยู่ข้างๆ พลอยลุ้นระทึกไปตามๆ กัน ด้วยนางยังถือโถ “น้ำผนึกน้ำแข็ง” ไว้ในอ้อมแขน แม้ว่ามันจะไม่ได้เป็ของมีค่าหรือมีความพิเศษอะไรมากนัก เพียงแต่ “น้ำผนึกน้ำแข็ง” นั้นกว่าจะปรุงออกมาได้ก็นับว่าลำบากไม่น้อย หากทำหกก็คงเป็ที่น่าเสียดาย
โชคดีที่นางไม่ได้ะโแรงเกินไป จึงไม่ทำให้โถ “น้ำผนึกน้ำแข็ง” หกรดพื้น ผู้เฒ่าห้าจึงรีบเข้าไปคว้าโถดินเผามาถือครอง และจ้องมองนางด้วยความไม่พอใจ “ระวังด้วยเล่าเ้าเด็กดื้อ อยู่ไม่สุขเช่นนี้แล้วยังคิดจะมาเรียนวิชาปรุงโอสถอีกหรือ?”
“เชอะ!” เด็กหญิงตัวเล็กบุ้ยปากงอนๆ ทั้งยังทำหน้าทำตาแสนน่ารักไม่สนใจอีกฝ่าย
ลู่อวี่จึงโบกมือห้ามแล้วพูดว่า “เอาละๆ ท่านผู้เฒ่าห้าพอแล้ว ท่านมาช่วยข้าเตรียมวัตถุดิบเสียก่อน เสี่ยวหนานเดินมาดูใกล้ๆ ได้” ขณะที่พูด ก็หยิบเอายาวิเศษที่เตรียมไว้ออกมาวางบนโต๊ะหินในห้องปรุงยาไปด้วย พร้อมเริ่มขั้นตอนการปรุงยาแล้ว
สามวันต่อมา ลู่อวี่ยื่นขวดหยกใบหนึ่งให้กับตู้เสวียนเฉิงแล้วพูดว่า “นี่คือ ‘ยาชะล้างอวี้จิง’ ท่านใช้มันรักษาได้ทุกเมื่อ ที่ตระกูลลู่ของข้ามีห้องบำเพ็ญเพียรเข้าฌานเป็การเฉพาะ”
ตู้เสวียนเฉิงหยิบขวดหยกขึ้นมา พลางประคองถือมันไว้แน่นด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นสักพักถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ ผู้เฒ่ายิ้มแย้มและหันไปพูดกับลู่อวี่ว่า “ข้าทำให้สหายน้อยหัวเราะเยาะแล้ว เพียงแต่ในที่สุดความคาดหวังที่รอคอยมานานกว่าร้อยปี จะได้สิ้นสุดลงเสียที ถึงได้เสียอาการต่อหน้าสหายน้อยเช่นนี้!”
“ไม่ผิด ย่อมเป็ไปตามธรรมชาติของมนุษย์! หากเป็ข้าคงไม่อาจทำเช่นท่านได้!” ลู่อวี่พูดอย่างเห็นอกเห็นใจ แต่ก็รู้สึกโล่งใจไปพร้อมๆ กัน
แม้ว่า่นี้จะไม่ประสบพบกับอันตรายใดๆ อีก ทั้งหมดเป็เพราะเขาอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตระกูลลู่ แต่เมื่อใดที่ออกจากขอบเขตของตระกูลแล้ว เกรงว่าอันตรายและปัญหาคงจะทยอยกันดาหน้าเข้ามาไม่ขาดสายแน่
คราวนี้จึงถือโอกาสใน่ที่ตู้เสวียนเฉิงบำเพ็ญเพียรเข้าฌานฟื้นฟูพลังยุทธ์อยู่นั้น เตรียมวางแผนฝึกฝนอย่างหนักใน่เวลาหนึ่ง เพื่อรับมือกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรยามนี้เขาก็มีความแค้นเคืองใจกับคนตระกูลเมิ่งและคนจากเขาหนิงชุยเฟิงแล้ว
อีกอย่างสถานะคนปรุงโอสถขั้นห้าที่ปกปิดไว้ คงเก็บเป็ความลับไว้ได้อีกไม่นาน ดังนั้นผลที่ตามมาย่อมเป็อันตรายต่อตัวเขาเองด้วยเช่นกัน
แม้ว่าจากนี้จะมีตู้เสวียนเฉิงคอยปกป้องอย่างลับๆ หลังจากที่ถูกเขาช่วยชีวิตเอาไว้ แต่เขาก็ไม่อาจละทิ้งฝีมือและพลังยุทธ์ของตนเองไปได้ อีกทั้งในภายภาคหน้าก็ไม่อาจอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตระกูลลู่ได้ตลอดไป
หลังจากที่ขั้นพลังยุทธ์ของตู้เสวียนเฉิงกลับมาสู่ขั้นเกิดเทพเ้า การฝึกฝนบำเพ็ญเพียรแต่ละครั้งย่อมต้องใช้เวลานานร่วมปี เช่นนั้นแล้วคงเป็ไปไม่ได้หากเขาต้องรอคอยเวลานานนับปีหรือหลายสิบปี เพียงเพื่อรอให้เขาตามปกป้อง ดังนั้นจึงถือโอกาสฝึกฝนอย่างหนักใน่สถานการณ์ปลอดภัย เพื่อให้ขั้นพลังอยู่ในระดับที่สามารถรับมือกับอันตรายรอบด้านและปกป้องชีวิตตนเองไว้ได้
ในชาติก่อนของเขา ลู่อวี่อาศัยความช่วยเหลือจากยาอายุวัฒนะ เร่งระดับความเร็วในการฝึกฝนเพื่อบรรลุขั้นพลังยุทธ์ ในเวลาเดียวกัน เขากลายเป็ที่เคารพนับถืออย่างกว้างขวาง ด้วยสภาพแวดล้อมและชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของเขา แต่ในยามนี้กลับไม่มีเช่นนั้นแล้ว
อย่าว่าแต่ตำหนักมหาเทพผู้มีอำนาจเกรียงไกรจะตอบสนองอย่างไร หากรู้ว่าเขาเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าแล้ว อย่างน้อยคนตระกูลเมิ่งและคนจากเขาหนิงชุยเฟิงคงไม่มีวันเฝ้าดูการเติบโตของนายน้อยตระกูลลู่แน่ นี่คือปมความขัดแย้งที่ไม่มีทางแก้ไขได้
ที่จวนตระกูลเมิ่งในเมืองเทียนตูเซียน เมิ่งชิวเลียนหรือผียายแก่ตระกูลเมิ่ง ได้นำเมิ่งเทียนอิงและเมิ่งเทียนเจวี๋ยลูกหลานของตระกูลมารอต้อนรับเซินหยวนชิง หัวหน้าลูกศิษย์ของเขาหนิงชุยเฟิง พร้อมด้วยคณะผู้ติดตามอย่างจางอวี้หลางและเกาจวิ้นเจี๋ย
หลังจากงานประมูลจบลงจนถึงตอนนี้ ทันทีที่ ‘หอยาเทียนฉยง’ ของตระกูลลู่ที่เชี่ยวชาญด้านยาอายุวัฒนะได้เปิดตัว ‘ยาหอมทะลวงฟ้าเจิ้งหยวน’ ‘ยาอายุวัฒนะน้ำค้างขาวขั้นห้า’ และ ‘ยาเม็ดมรณะ’ อันลึกลับซับซ้อน ก็ได้สร้างความฮือฮาไปทั่วทั้งโลกบำเพ็ญเพียรในเทียนตู ไม่เพียงตระกูลลู่จะได้รับเซียนหยกจำนวนมากเท่านั้น แต่ยังเพิ่มชื่อเสียงและสร้างฐานอำนาจของตระกูลไม่น้อย
สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงคนตระกูลเมิ่งไม่ปรารถนาให้เกิดขึ้น แต่ยังเป็สิ่งที่คนจากเขาหนิงชุยเฟิง ไม่อาจยอมรับได้! ทันทีที่สถานะของเขาหนิงชุยเฟิงถูกสั่นคลอนโดยตระกูลลู่ ไม่เพียงแต่จะสูญเสียผลประโยชน์จำนวนมหาศาลเท่านั้น แต่การแบ่งขั้วอำนาจในเทียนตู จะถูกจารึกใหม่อีกครั้ง!
ผียายแก่ตระกูลเมิ่ง มองเซินหยวนชิงที่อยู่ตรงข้ามด้วยความเหลือเชื่อพลันถามว่า “ เ้าแน่ใจหรือ? เื่ที่ตระกูลลู่มีคนปรุงโอสถขั้นห้า และคนผู้นั้นยังเป็ลู่อวี่ที่ไร้ความสามารถและไร้วิชาความรู้? เื่นี้เห็นทีจะเป็ไปไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยระยะเวลาหรือพลังยุทธ์ก็ตาม มันไม่มีทางเป็ไปได้”
เซินหยวนชิงนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่ตรงข้ามกับผียายแก่ตระกูลเมิ่ง แต่หัวใจกลับปั่นป่วน ตอนที่เพิ่งทราบข่าว เขาก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับนางเช่นกัน ถึงแม้ตอนนั้นเขาจะไม่เคยสนใจลู่อวี่ที่เป็ศิษย์เขาหนิงชุยเฟิงด้วยกันเลยก็ตาม แต่ด้วยเหตุนี้ถึงรู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางได้เล่าเรียนวิชาปรุงโอสถจากเขาหนิงชุยเฟิงมาก่อนแน่
เขารู้ดีว่า หาก้าศึกษาวิชาปรุงโอสถ ให้อาศัยเพียงความตั้งใจศึกษาของตนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ หากไม่ศึกษามานานเป็หลายสิบปี เพียงแค่จำแนกประเภท รวบรวม และจัดการยาวิเศษ ถึงแม้จะมีคำแนะนำจากอาจารย์ และต่อให้เป็คนที่มีความสามารถสูง หากใช้เวลาไม่ถึงสามปีหรือห้าปีก็ดี ย่อมไม่มีทางทำได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่กลายเป็คนปรุงโอสถขั้นห้าได้ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน