“ครืด”
เมื่อสายฟ้าประกายผ่านผืนฟ้าไปในที่สุดฝนที่อดกลั้นมาตลอดทั้งวันก็ร่วงโรยลงมาใน่พลบค่ำ
ม่านฝนปกคลุมไปทั่วทั้งเมืองทั้งเมืองหรงเฉิงและเมืองเล็กใกล้ๆรวมถึงทิวเขามากมายต่างก็ถูกสายฟ้ากระหน่ำปกคลุมเสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าดังขึ้นต่อเนื่องกัน ราวกับจะทำให้พื้นที่แห่งนี้สนั่นสั่นไหวไปทั่ว
เสียงฟ้าร้องดังลั่นบางที่อินเทอร์เน็ตจึงถูกตัดขาดไปอย่างช่วยไม่ได้เหล่าเด็กนักเรียนที่เมื่ออยู่ห่างจากอินเทอร์เน็ตก็ไม่รู้จะใช้ชีวิตอย่างไรได้แต่นอนกลิ้งอยู่บนเตียง เด็กหญิงบางคนก็นำเอาผ้าห่มมาคลุมกายในขณะที่เด็กชายกลับหัวเราะราวกับ “ได้รับพลังไปพร้อมกับแรงธรรมชาติ”
รถตู้สีดำคันหนึ่งฝ่าฝนอยู่กลางทางด่วนจากตัวเมืองไปยังเขาชิงเฉิง คนที่ทำอะไรเล็กๆ น้อยๆแต่ก็ยังติดขัดอยู่อย่างโจวเหย้าเวยยกยิ้มขึ้นพร้อมกับออกคำสั่ง “ลงมือได้” ความโเี้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา จนทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาดูบิดเบี้ยวไปหมด
หญิงสาวสวมชุดดำหันหน้าไปมา ก่อนจะเอ่ยเตือนขึ้น “ที่บ้านหลินมีระดับลมปราณตอนกลางพักอาศัยอยู่ด้วยอย่าได้วางใจ”
โจวเหย้าเวยไม่คิดแบบนั้น “ผู้หญิงคนนั้นมีแต่ศาสตร์ไม่ได้มีสมองดังนั้นไม่ได้น่ากลัวอะไรหรอก”
ในความมืดดูราวกับว่าเพื่อที่จะยืนยันข้อสรุปของโจวเหย้าเวยคนที่อยู่ที่ชั้นล่างอย่างหลีซีเอ๋อร์ ก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น “ฉันมีข้อมูลการหายไปของหลินลั่วหรานถ้าอยากได้ก็หาอะไรมาแลกเปลี่ยนสิ?”
ไม่ใช่ว่าเธอไม่คิดว่ามันอาจจะเป็การล่อเสือออกจากถ้ำแต่ว่า “ข้อมูลการหายไปของหลินลั่วหราน” นั้นช่างแสนเย้ายวนใจของเธอ สุดท้ายหลีซีเอ๋อร์ก็ตัดสินใจออกไปสาเหตุนั้นก็เป็เพราะเ้าของเสียงะโนั้น ไม่ได้มีพลังศาสตร์เลยแม้แต่น้อยเป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ระดับลมปราณตอนปลายแล้ว หากยังรับมือกับคนธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้แบบนั้นการฝึกในหลายปีที่ผ่านมาของหลีซีเอ๋อร์ ก็คงจะฝึกมาเสียของ
เธอมีความมั่นใจภายในห้านาทีจะต้องจับคนคนนั้นกลับมาได้แน่!
วิชาตัวเบาของหลีซีเอ๋อร์นั้นในสามปีที่ผ่านมาได้พัฒนาไปพอสมควร อย่างน้อยเธอก็สามารถะโออกมาจากตัวคฤหาสน์ได้โดยที่ไม่มีใครรู้
แต่ว่าทำไมคนคนนั้นถึงวิ่งไปทางวัดเขาชิงเฉิงล่ะ?
เมื่อหลีซีเอ๋อร์คิดขึ้นมาว่านี่อาจจะเป็แผนของนักปราชญ์ที่วัดเขาชิงเฉิงคนสวมชุดดำที่วิ่งนำหน้าเธออย่างไม่เร่งไม่ร้อนก็ล้มลง
หลีซีเอ๋อร์นิ่งไปคนที่เดินปรบมือออกมาจากหลังต้นไม้ใหญ่คืออาจารย์ของเธอเอง สีเหิง
“อาจารย์ ท่าน...” หรือว่าอาจารย์กำลังหลอกเธอ?
สีเหิงร่ายเวทออกมา “เชือกวิเศษ” ที่พันรัดอยู่ที่ข้อมือของเธอก็พันรัดตัวของเ้าของจนกลายเป็บ๊ะจ่าง
เมื่อเห็นว่าหลีซีเอ๋อร์จะส่งเสียงร้องออกมาสีเหิงก็ปิดปากของเธอเอาไว้ ไม่รู้ว่าเขาใช้เวทอะไรเพราะหลังจากนั้นหลีซีเอ๋อร์ก็ไม่สามารถส่งเสียงพูดอะไรออกมาได้อีก
แววตาของหลีซีเอ๋อร์เต็มไปด้วยความร้องขอแม้ว่าท่ามกลางฝนกระหน่ำจะทำให้สีเหิงไม่รู้แน่ชัดว่านั่นคือน้ำฝนหรือหยาดน้ำตากันแน่แต่ว่าด้วยนิสัยของลูกศิษย์ของเขาคนนี้ เขาจึงมั่นใจไปกว่าครึ่งว่าเธอกำลังร้องไห้ แต่ว่าเื่การตัดสินใจของฮุยจู๋นั้นเขาเพียงคนเดียวจะไปหยุดยั้งได้อย่างไร จึงได้แต่ไออ้อมแอ้มออกมาเท่านั้น “บริเวณของวัดเขาชิงเฉิงแบบนี้ก็ยังมีพวกผู้ร้ายอยู่ ศีลธรรมนี่ตกต่ำลงทุกวัน”
เขาดึงเชือกวิเศษเข้าไปตัวของหลีซีเอ๋อร์ก็ถูกเขายกขึ้นมาง่ายๆก่อนที่สีเหิงจะเข้าไปดูคนสวมชุดดำที่ล้มลงไปก่อนหน้า
หลีซีเอ๋อร์ถูกล่อออกไปแล้วคนของตระกูลโจวก็คิดว่าเป็ไปตามแผน ดังนั้นจึงเริ่มแอบเข้ามาในตัวบ้านตระกูลหลิน
เมื่อมองไปยังกำแพงที่เต็มไปด้วยเถาดอกไม้เล็กๆคนที่เป็ผู้นำก็ถอนหายใจออกมา บ้านหลินนี่เลือกที่ได้ดีจริงๆ สถานที่ที่ไกลออกมาอีกทั้งยังไม่มีกล้องวงจรปิด มันช่างอำนวยความสะดวกให้แก่พวกเขาเสียเหลือเกิน!
วิ่งเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าวก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับเข้าที่กำแพงบ้านเพียงเท่านั้นก็สามารถข้ามผ่านมาได้อย่างสวยงามแล้วชายสวมชุดดำที่ขึ้นไปยืนอยู่บนรั้วเหล็กแล้วหันกลับมาโบกมือเรียกให้ผู้ติดตามอีกสามคนตามขึ้นมา
อีกสี่คนที่เหลือไม่ได้ตามเข้าไปตรงๆแต่กลับอ้อมไปยังด้านหลังของคฤหาสน์ พวกเขาปีนขึ้นไปยังต้นไม้ที่ยื่นออกมาก่อนที่จะลอบเข้าไปในตัวคฤหาสน์ได้สำเร็จ
ผู้นำแสดงท่าทางกวักมือเรียกให้ตามมาแต่ด้านหลังของเขากลับเงียบสงบ เขารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติไปเขากำหมัดเตรียมป้องกันตัวก่อนที่จะหันหลังกลับไป พระเ้า นี่มันอะไรกัน?!
ผู้นำอดที่จะใขึ้นมาไม่ได้น้ำฝนนั้นร่วงหล่นลงมา ทำให้เสียงเล็กๆ ถูกเสียงฝนกลบไปกำแพงเถาวัลย์ที่ดูสวยงดงามนั้น ไม่รู้ว่ามีกรงเล็บงอกออกมาั้แ่เมื่อไรมันจัดการจับตัวคนทั้งสามเอาไว้ให้ติดอยู่กับกำแพงโดยไร้ซึ่งเสียงใดๆเมื่อพวกเขายิ่งดิ้นรนออกมามากเท่าไร มันก็จะยิ่งรัดแน่นขึ้นมากเท่านั้นในตอนที่ผู้นำกำลังใอยู่นั้น ระหว่างไม่ทำให้คนในบ้านหลินรู้ตัวกับช่วยเพื่อนของตัวเอง เขาใช้เวลาเพียงวินาทีเดียวก็สามารถเลือกได้แล้ว
ต้องรีบจัดการบ้านตระกูลหลินซะ!
แน่นอนว่าเขาใจนเกือบตายคนที่หลบอยู่หลังผ้าม่านที่ชั้นสองอย่างเป่าเจียและพ่อของหลินลั่วหรานหันมาสบตากัน ในสายตาของทั้งสองต่างเต็มไปด้วยความช่วยไม่ได้...ศาสตร์ของทั้งสองนั้นยังต่ำมากพวกเขาสามารถควบคุมพลังได้เพียงเล็กน้อย แม้แต่จะจะบังคับใช้เถาหนามเหล็กวิเศษแบบนั้นขยับโจมตีก็ยังต้องร่วมแรงกันสองคน ทั้งช่วยไม่ได้แล้วก็ลำบากมากทีเดียว
แต่ว่ายังโชคดีที่อีกฝ่ายเป็เพียงคนธรรมดาแม้ว่าหลีซีเอ๋อร์จะไม่อยู่ แต่ว่าทั้งมีพ่อของหลินลั่วหรานและเราก็แอบลอบโจมตีแบบนี้ ก็น่าจะยังรับมือได้อยู่
ในความคิดของเป่าเจียอดที่จะขาดความมั่นใจไปไม่ได้ เธอกับพ่อของหลินลั่วหรานนั้นไม่ได้เหมือนกับหลินลั่วหรานสามปีที่ผ่านมาพวกเขาฝึกศาสตร์กันอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้ไปเรียนวิชาอะไรจากภายนอกไม่อย่างนั้นการรับมือกับคนเพียงไม่กี่คน ก็อาจจะไม่ต้องกังวลแบบนี้?
ไม่กี่นาทีต่อมา เป่าเจียกับพ่อของหลินลั่วหรานก็ใช้ประโยชน์จากสถานที่ในการจัดการคนที่ลอบเข้ามาไปทีละกลุ่ม
คนสวมชุดดำคนหนึ่งเพิ่งจะก้าวผ่านหน้าต่างมาก็ถูกผ้าม่านรัดเข้าที่คอโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง แม้ว่าภายนอกจะดูเหนือธรรมชาติแต่ความจริงมันก็เป็เพียงการที่ผู้เป็พ่อนั้นกำลังควบคุมเม็ดกลมสีทองที่อยู่ใต้ผ้าม่านเท่านั้นด้วยการขยับตัวของเม็ดกลมเ่าั้ จึงทำให้ผ้าม่านลอยขึ้นมาได้
คนที่แอบเข้ามาในบ้านหลินทั้งห้าคนถูกเป่าเจียและพ่อของหลินลั่วหรานใช้แผนการเหล่านี้จัดการไปสามคนแล้วสถานการณ์นี้ทำให้ทั้งสองทั้งดีใจและกังวลใจ ที่ดีใจก็คือดูเหมือนว่าจะเหลืออีกแค่สองคนเท่านั้น ส่วนที่กังวลก็คือพลังของเธอและผู้เป็พ่อของหลินลั่วหราน เหลืออยู่ไม่มาแล้วทั้งสองต่างก็สามารถควบคุมของเล็กๆ ได้อีกแค่คนละครั้ง หากว่าไม่รีบจัดการล่ะก็พวกเขา...
สายตาของเป่าเจียทอดลงไปยังสระน้ำสำหรับคนที่มีธาตุดินและน้ำอย่างเธอ ด้านหน้านี้มีสระน้ำด้านหลังก็เป็กำแพงเถาวัลย์ เป็สถานที่ที่ดีในการหยิบยืมพลังจากสถานที่เหล่านี้ แต่ว่าจะล่อพวกเขาไปตรงนั้นอย่างไร?
“ปัง!”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวเป่าเจียและผู้เป็พ่อหมอบลงกับพื้น ะุเม็ดหนึ่งลอยผ่านหัวของพวกเขาไปก่อนที่จะหลงเหลือรอยกลมเอาไว้ที่กระจก
พวกมันเอาปืนเก็บเสียงมาด้วย! สมควรตายจริงๆ!
เป่าเจียกัดริมฝีปากแน่นนี่ต้องเป็ตระกูลโจวไม่มีผิดแน่ คนที่จะเอาปีนเข้ามาในบ้านของคนอื่นได้แบบนี้นี่ตระกูลโจวกล้าก้าวร้าวอย่างเปิดเผยได้ขนาดนี้แล้วเหรอ!
ในใจของเป่าเจียเต็มไปด้วยความโมโหและในเวลาเดียวกันความสิ้นหวังก็ปรากฏขึ้นมา
เสียงที่ดังขึ้นต่อจากเสียงปืนขึ้นมาคือเสียงสะอื้นร้องไห้ของลั่วตง...แม้แต่ผู้เป็แม่และลั่วตงที่ซ่อนอยู่ที่ห้องใต้ดินก็ยังหลบไม่พ้นเหรอ?
ผู้เป็พ่อกำหมัดทั้งสองแน่นคนหนึ่งคือภรรยาของเขา อีกคนก็เป็เด็กที่เขารับมาเลี้ยงเมื่อหลายปีก่อนแล้วจะให้เขาสงบใจอยู่ได้อย่างไร?
เป่าเจียจับตัวของผู้เป็พ่อเอาไว้ก่อนจะข่มเสียงลงถาม
“บอกมาสิ พวกแก้าอะไร!”
เสียงหัวเราะเยาะดังขึ้นมาจากด้านนอก “คุณหนูฉินนี่ฉลาดจังเลยนะครับ แต่ว่าพวกผมก็เป็เพียงพวกผู้น้อยทั้งนั้นต้องขอรบกวนให้คุณหนูช่วยรอสักครู่ เดี๋ยวคุณชายก็คงจะใกล้มาถึงแล้วล่ะครับ”
โจวเหย้าเวย!
ราวกับว่าเล็บของเป่าเจียจะจิกลึกลงไปในเนื้อของตัวเองสุดท้ายแล้ว มันก็เป็ปัญหาที่เธอสร้างให้กับบ้านหลินถ้าหากว่าใครในบ้านหลินเป็อะไรไปแล้วเธอจะบอกกับเพื่อนรักที่หายตัวไปของเธอได้อย่างไร?
สถานการณ์ “แมวไล่หนู” ที่เกิดขึ้นในบ้านหลินกำลังเดินทางมาถึงตอนที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องยอมสยบให้แก่กันนั้น ใกล้ๆกับตัวคฤหาสน์ก็มีคนกลุ่มหนึ่งกำลังคึกคักกันอยู่
“ทำไมถึงถูกคนธรรมดากลุ่มหนึ่งเอาชนะได้ล่ะ?” หัวหน้าตระกูลเหวินพูดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจ
กัวเหล่าพูดประชดประชันออกมา “นี่ไม่ใช่โอกาสที่จะได้ทำตัวเป็คนดีพอดิบพอดีเลยเหรอ?!” เื่แบบนี้ ไม่ใช่ว่าฮุยจู๋ชอบทำอยู่ไม่ใช่หรือไงมองดูแล้วราวกับเทพสูงส่ง แล้วจะต้องทำให้เืเปื้อนมือตัวเองทำไม? เมื่อรอให้ถึง่วิกฤตแล้ว ก็ปรากฏตัวออกไปช่วยราวกับพระเ้าเพียงแค่บ้านหลินคิดว่าพวกเขาเป็คนดีจริง เท่านั้นก็แสนจะน่าอายเหลือเกินแล้ว คฤหาสน์หลังนี้ ดูเหมือนว่าเขากับมู่เหล่า จะให้ผิดไปเสียแล้ว! แม้ว่าจะรู้จักกันมานานหลายปีแต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะคาดเดาใจของคนระดับพื้นฐานตอนปลายอย่างฮุยจู๋ผิดไป...
สายฟ้าประกายขึ้นทำให้ท้องฟ้าส่องสว่างขึ้นมาสายฝนกระหน่ำนั้นยังคงสาดเทลงมาไม่หยุดเมืองหรงเฉิงยังคงถูกตัดขาดจากโลกอินเทอร์เน็ตถ้าหากว่าไม่ได้ถูกตัดขาดช่องทางการแพร่ข่าวสารที่ว่องไวที่สุดไปไม่อย่างนั้นไม่ว่าจะเป็ใครที่วางแผนจะทำอะไรกับบ้านหลินก็น่าจะรู้สึกตัวขึ้นมากันได้แล้ว
รูปภาพหนึ่งแพร่กระจายไปทั่วอินเทอร์เน็ตราวกับไวรัส
และมันก็น่าะเืใจยิ่งกว่าเสียงฟ้าที่ดังขึ้นในเมืองหรงเฉิงในค่ำคืนนี้เสียอีก!