เซี่ยนอีจงก็เครียดเช่นกัน
เื่แบบนี้มีให้เห็นไม่บ่อยเหล่าวังและอาจารย์ฉีได้พบปะกับเซี่ยนเสี่ยวหลานแล้วไม่อยากปล่อยปะละเลยต้นกล้าต้นนี้ทางโรงเรียนคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหัวรั้นเกินไปหน่อยเว้นค่าเล่าเรียนให้แล้วยังไม่พออีกหรือ? คนที่ยากจนกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเมื่อมาเรียนในเซี่ยนอีจงก็ได้รับการดูแลแบบนี้เหมือนกันคนอื่นเขากัดหมั่นโถวเย็นชืดกินน้ำซุปไม่เสียเงินทุกมื้อยังสามารถยืนหยัดเล่าเรียนต่อไปได้อย่างเซี่ยเสี่ยวหลานจะทนลำบากไม่ได้เลยหรือ?
เซี่ยเสี่ยวหลานคิดอยู่ในใจ ความลำบากเช่นนี้เธอเคยลิ้มลองในชาติก่อนแล้วต้องลิ้มลองอีกสักรอบไปเพื่ออะไรกัน?
มิใช่ว่าเธอทนลำบากไม่ไหว เพียงแต่นี่เป็เื่ที่ไม่จำเป็ทำไมต้องบังคับตนเองให้อดทนด้วย หากเซี่ยนอีจงไม่เห็นด้วยเธอก็จะไปสมัครที่เซี่ยนเอ้อร์จง ผลเกาเข่าของเอ้อร์จงปีนี้ยิ่งด้อยกว่าเซี่ยนอีจงอีกทั้งโรงเรียนมีผู้สอบติดระดับปริญญาตรีเพียงสองคนเท่านั้น
ทว่าเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ยี่หระ
ก่อนหน้านี้ยังกังวลอยู่ลึกๆเพราะเธอไม่รู้ว่าตัวเธอยังจดจำความรู้ได้มากน้อยเท่าไรหลังจากจัดการทบทวนแบบเรียนแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานจึงประเมินความสามารถของตนเองได้แม่นยำยิ่งขึ้นใครก็ล้วนบอกว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยในยุค 80 นั้นยาก ั้แ่ฟื้นฟูเกาเข่าเมื่อหลายปีก่อน นักเรียนไม่รู้ว่าจะเรียนอย่างไรอาจารย์ก็ไม่ทราบว่าควรสอนอย่างไรเหล่าอาจารย์อยู่ใน่กำลังปรับปรุงการออกข้อสอบเกาเข่า ประสบการณ์ล้วนค่อยๆสะสมมาทีละน้อย
เกาเข่าที่เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าร่วมในชาติก่อนคือปี 95 ห่างจากปี 77 ซึ่งเป็ปีที่ฟื้นฟูเกาเข่าถึง 18 ปี อีกอย่างมหาวิทยาลัยยังไม่ขยายจำนวนในการรับเข้าเรียน ไม่ว่าจะเป็อาจารย์หรือนักเรียนล้วนมีประสบการณ์ต่อ ‘เกาเข่า’ แบบที่คนในปี 83 ไม่มีทางเทียบได้คุณค่าแท้จริงในวุฒิการศึกษาเมื่อก่อนของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่ต่ำต้อยเธอแค่เลือกสาขาวิชาหลักผิดไป แต่เธอมีสมองที่เรียนรู้ได้
‘ฟังบรรยายที่โรงเรียน’กับ ‘ทบทวนด้วยตนเอง’ เซี่ยเสี่ยวหลานชื่นชอบอย่างหลังมากกว่า
เพียงระลึกความรู้ที่เคยร่ำเรียนก็ย่อมได้แล้ววิชาสายวิทยาศาสตร์ของเธอนั้นดีมาตลอดวิชาที่สูญเสียคะแนนร้ายแรงอย่างภาษาจีนและรัฐศาสตร์ซึ่งต้องพึ่งการท่องจำทั้งหมดอาจไม่ถึงขั้นติดมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสี่ยงโด่งดัง แต่เซี่ยเสี่ยวหลานเชื่อมั่นว่าสอบปริญญาตรีชั้นนำสักแห่งย่อมไม่ใช่ปัญหาใหญ่แน่
เธอมีความมั่นใจ ทัศนคติจึงแน่วแน่ตามไปด้วย
ทางโรงเรียนไม่มีวิธีอื่นแล้ว เลยให้เธอสอบอีกหนึ่งครั้ง ในการสอบครั้งนี้มิใช่อาจารย์ใหม่ผู้มักไม่ได้รับความเคารพเท่าที่ควรมาคุมประพฤติขณะสอบอีกแล้วและไม่ให้ข้อสอบทั้งหมดแก่เซี่ยเสี่ยวหลานในคราวเดียว แต่เป็การสอบแยกทีละวิชาสอบเสร็จหนึ่งวิชาก็มีอาจารย์ประจำวิชามาคอยตรวจให้คะแนนในทันที
วิชาภาษาจีนเป็ข้อสอบชุดแรก เธอยังคงมีท่าทางแบบเดิม
ขณะสอบคณิตศาสตร์ อาจารย์ก็ตรวจข้อสอบวิชาภาษาจีนของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
“สอบได้ 66 คะแนน”
อาจารย์ฉีเคืองขุ่นไม่น้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานช่างทำได้เสมอต้นเสมอปลายเสียจริง ได้คะแนนมากกว่าครั้งก่อนแค่หนึ่งคะแนน! แต่อาจารย์ฉีปวดลูกตาเหลือเกิน พวกคำถามที่เขียนจากความทรงจำง่ายๆเ่าั้คือส่วนทำคะแนนที่ล้ำค่า เซี่ยเสี่ยวหลานกลับเว้นว่างทิ้งไว้ทั้งหมด... ไม่ได้การเซี่ยเสี่ยวหลานต้องมาเรียนที่เซี่ยนอีจงต้นกล้าคุณภาพผู้นี้ห้ามโดนคะแนนวิชาภาษาจีนถ่วงรั้งไว้ ตนจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานแก่เซี่ยนเสี่ยวหลานให้ได้!
อาจารย์ฉีตั้งปณิธานกับตัวเอง
คณิตศาสตร์ได้ 92 คะแนน สามารถกำจัดผู้เข้าสอบได้จำนวนมากแล้ว มากกว่าครั้งก่อน 3 คะแนน
“ตรงนี้ไม่ควรเสียคะแนนเลย... ทำไมคำถามยากทำได้ ที่ง่ายๆกลับผิดเล่า?”
อาจารย์วิชาคณิตศาสตร์เกือบเอาหน้ามุดลงข้อสอบ
นักเรียนคนนี้ยังมีพื้นที่ให้พัฒนา! ยังมีเวลาอีกตั้งสิบกว่าเดือน บางทีเธออาจสอบคณิตศาสตร์ได้ถึง 100 คะแนนขึ้นไป ในเซี่ยนอีจงเองคะแนนเดี่ยววิชาคณิตศาสตร์สูงแบบนี้ถือว่าคือผู้เชี่ยวชาญที่หาคนเปรียบได้ยาก
ไม่ต้องกล่าวถึงภาษาอังกฤษ ตรวจเสร็จอย่างรวดเร็ว
100 คะแนน
อาจารย์ภาษาอังกฤษใบหน้าขึ้นสีแดง ในใจนั้นตื่นเต้นมากเมื่อครั้งเพิ่งฟื้นฟูเกาเข่า วิชาภาษาอังกฤษไม่ถูกรวมเข้าในคะแนนเกาเข่าจนถึงปีที่แล้ว ภาษาอังกฤษยึดอัตราส่วนร้อยละ 30 คำนวณเข้าคะแนนรวม ทว่ากระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศเกณฑ์ใหม่เกี่ยวกับเกาเข่าให้ทราบโดยทั่วกันทั้งประเทศแล้วเกาเข่าในปี 84 วิชาภาษาอังกฤษจะใช้ระบบหนึ่งร้อยคะแนนคำนวณรวมเข้ากับคะแนนเกาเข่าไม่ว่าสายศิลป์หรือสายวิทย์ มันเป็วิชาบังคับสอบผู้สอบทั่วประเทศคร่ำครวญอย่างน่าสงสาร... ผู้สอบในเมืองใหญ่ยังดีหน่อยสำหรับผู้เข้าสอบในท้องถิ่นแล้ว ตัวอักษรทั้งหมด 26 ตัวและตัวอักษร 26 ตัวนี้ยังประสมกันเป็คำเดี่ยวภาษาอังกฤษจำนวนนับไม่ถ้วนที่พวกเขาได้รู้จักช่างไม่เป็มิตรใดๆ กับผู้เข้าสอบเอาเสียเลย!
ภาษาจีน คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ รวมกันแล้วเซี่ยเสี่ยวหลานสอบได้ 258 คะแนน
เหลือวิชารัฐศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมีและชีววิทยา ตอนนี้เสี่ยวหลานทำไปได้258 คะแนนจากคะแนนเต็ม 310 คะแนน หักลบจากคะแนนเต็ม 660 คะแนนเท่ากับมีข้อสอบที่ยังไม่ได้ทำให้เสี่ยวหลานได้เก็บคะแนนอีก 350 คะแนน แต่อีกแค่ 100 คะแนนเธอก็จะสอบผ่านเกณฑ์ของปีก่อนแล้ว เซี่ยเสี่ยวหลานสอบสี่วิชารวมกันจะไม่ถึง 100 คะแนนเชียวหรือ? ไม่ว่าคำนวณอย่างไรเธอก็สามารถสอบผ่านเกณฑ์รับเข้าเรียนต้าจงจวนของปีที่แล้วที่ตั้งไว้ 350 คะแนนได้สบายๆ
่เช้าเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดกันสามวิชาอาจารย์คุมสอบปล่อยให้เธอได้พักผ่อนสักนิด เธอจึงตั้งใจจะไปเลี้ยงอาหารเฉินชิ่ง
เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องเรียนรอเฉินชิ่งออกมา ทว่าแค่การยืนรอก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเลยทีเดียว
สวยเกินไปแล้วจริงๆ
โตมาจนป่านนี้ เคยเจอหญิงสาวที่งดงามสะสวยเช่นนี้ที่ไหนกัน?
พอกริ่งเลิกเรียนดังรอบกายเซี่ยเสี่ยวหลานถึงขนาดกลายเป็พื้นที่อ้างว้างไร้การเหล่านักเรียนแอบเมียงมองเธอ ทว่ากลับไม่กล้าเข้าใกล้เธอราวกับการพูดคุยกับเซี่ยเสี่ยวหลานในโรงเรียนเป็การกระทำความผิดอะไรสักอย่าง
“พี่เฉินชิ่ง!”
เฉินชิ่งเดินอืดอาดตามกลุ่มคนไปข้างหน้า
เซี่ยเสี่ยวหลานทำให้เขากลายเป็จุดสนใจของฝูงชน
ความนิยมในตัวเฉินชิ่งถือว่าไม่เลวมีเพื่อนนักเรียนหญิงชอบพอเขาอยู่บ้าง นักเรียนชายมองเฉินชิ่งด้วยสายตาอิจฉาทว่าในสายตาที่นักเรียนหญิงมองเซี่ยเสี่ยวหลานกลับเจือความไม่เป็มิตร
เฉินชิ่งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
เขารู้แล้วว่าเซี่ยเสี่ยวหลานผ่านการทดสอบของโรงเรียนพอคิดว่าั้แ่วันนี้ไปก็จะได้เป็เพื่อนร่วมชั้นกับเซี่ยเสี่ยวหลานเฉินชิ่งจึงรู้สึกเบิกบานใจ
“เสี่ยวหลาน วันนี้เธอพอทำข้อสอบได้ไหม?”
“ไม่ต่างกับคราวก่อนมากน่ะ พี่เฉินชิ่ง ฉันเลี้ยงข้าวพี่เอง!”
ทั้งสองไปโรงอาหารด้วยกัน ทิ้งไว้เพียงเสียงกระซิบกระซาบ
“นั่นใครน่ะ?”
“คู่หมายของเฉินชิ่ง?”
“ไอ้นี่ ไม่ใช่หรอกน่า...”
“เฉินชิ่งจะสอบมหาวิทยาลัย จะมีคู่หมายได้อย่างไร? พวกเธออย่าพูดไร้สาระนะ!”
นักเรียนหญิงไม่ยอมแพ้ เซี่ยเสี่ยวออกปากเรียกว่า ‘พี่ชาย’ เป็ไปได้ไหมว่าคือน้องสาวที่บ้านน่ะ!
เหล่านักเรียนชายกลับคิดว่าถ้ามีคู่หมายสวยขนาดนั้น ยังต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่ออะไรอีกครอบครัวเฉินชิ่งก็เป็คนชนบท จะหมั้นหมายในอายุเท่านี้ก็ไม่แปลกประหลาดการปรากฏตัวของเซี่ยเสี่ยวหลานเหมือนกับโยนหินลงบนผิวน้ำที่นิ่งสนิทนำมาซึ่งระลอกคลื่นกระทบกันไปเรื่อยๆ
นักเรียนเหล่านี้ยังไม่รู้เซี่ยเสี่ยวหลานมิได้เป็เพียงสาวงามผู้ปรากฏตัวให้ใครต่อใครต้องประทับใจเท่านั้นเธอยังถูกกำหนดให้เปล่งประกายในอันชิ่งเซี่ยนอีจง และเก่งกาจเสียจนผู้เข้าสอบร่วมปีต้องเกิดาแทางจิตใจ!
โรงอาหารของอันชิ่งเซี่ยนอีจงต้องใช้ตั๋วอาหาร
ใช้เงินซื้อตั๋วอาหารได้ หรือขนธัญพืชมาแลกตั๋วอาหารทุกเดือนก็ได้โรงอาหารที่เปิดขายอาหารกลางวันกำลังยุ่งวุ่นวาย คงไม่มีเวลาแลกตั๋วอาหารให้แน่มีเงินยังซื้อข้าวไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจจะเลี้ยงอาหารเฉินชิ่งหันมาอีกทีกลายเป็เฉินชิ่งเลี้ยงเธอมื้อที่สองแทน
ฐานะทางบ้านเฉินชิ่งไม่เลวร้ายเขาจึงไม่จุกจิกกับตั๋วอาหารเล็กน้อยแค่นี้
เฉินชิ่งดีใจแทนเซี่ยเสี่ยวหลาน
“ตอนบ่ายก็ตั้งใจสอบนะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานพยักหน้ารับ เฉินชิ่งคนนี้ช่างนิสัยดีจริงๆแม้จะหน้าแดงบ่อยครั้ง แต่เธอสามารถััได้ถึงความหวังดีของอีกฝ่าย
ครอบครัวเฉินชิ่งช่วยเหลือตนเองมามากมารดาของเธอหย่าได้อย่างราบรื่น แม่ลูกได้ย้ายทะเบียนบ้าน ล้วนเป็ปู่ของเฉินชิ่งที่ช่วยจัดการให้ทั้งนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจดจำน้ำใจเหล่านี้ไว้กับตัวเอง
“พี่เฉินชิ่ง ปีหน้าพี่ต้องสอบติดแน่นอน”
คะแนนปีกลายของเฉินชิ่งนั้นไม่ต่ำ เกิน 400 คะแนนเช่นกันแต่เป็เพราะไม่ได้กรอกแบบแสดงความจำนงให้ดีถึงหลุดอันดับอย่างไรเสียการเรียนซ้ำอีกหนึ่งปีก็ไม่ใช่เื่แย่หากปีที่แล้วเฉินชิ่งถูกรับเข้าเรียนดั่งใจหวัง ก็จะได้เรียนวิทยาลัยเฉพาะทางปีนี้มุมานะอีกสักครั้ง สอบเข้าเรียนปริญญาตรีย่อมดีที่สุด
ปริญญาตรีกับวิชาชีพเฉพาะทางแตกต่างกันแน่นอน
ไม่เพียงแต่จบการศึกษาแล้วได้เงินเดือนตามตำแหน่งซึ่งส่วนต่างห่างกันเป็เงินไม่กี่หยวน
ทว่ายิ่งเวลาผ่านไปความเหลื่อมล้ำระหว่างปริญญาตรีและวิชาชีพเฉพาะทางจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
เมื่อกล่าวถึงเกาเข่าของปีหน้า เฉินชิ่งก็ดูกระวนกระวายเล็กน้อย
“ภาษาอังกฤษฉันไม่ดี ไม่รู้ว่าปีหน้าจะสอบออกมาเป็อย่างไร”
“พี่กังวลเื่นี้หรือ? ไม่เป็ไร ภาษาอังกฤษฉันพอไหวถ้าพี่้าความช่วยเหลือไม่ต้องลังเลที่จะถามฉันเลยนะ!”
“เสี่ยวหลาน...”
เฉินชิ่งซาบซึ้งไปทั้งหัวใจ
เซี่ยเสี่ยวหลานได้เพียงแต่คิดพี่ชายประเดี๋ยวประด๋าวก็หน้าแดงง่ายดายเหลือเกิน แล้วพวกเราจะเป็เพื่อนร่วมชั้นกันได้อย่างไรเล่า!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้