คังอิงรับรู้ได้อีกครั้งถึงความเอาใจใส่ของชายหนุ่ม จึงอดตื้นตันไม่ได้ “แผลของคุณยังไม่หายดี อย่าเทียวไปเทียวมาอย่างนี้สิคะ”
พอพูดจบ คังอิงก็รู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม คำพูดแบบนี้ดูคลุมเครือไปหรือเปล่า? เธอจึงหยุดพูดทันที
สือเจียงหย่วนยิ้มกว้าง “ไม่เป็ไรครับ แผลของผมหายดีแล้ว ถ้าคิดว่าที่ผมออกไปซื้ออาหารให้เป็เื่ลำบาก งั้นเที่ยงนี้คุณก็เลี้ยงข้าวผมเป็การตอบแทนสิ”
พูดจบเขาก็เอาผักไปไว้ในครัว แล้วเดินออกไปด้านนอกอีกครั้ง เตรียมหยิบข้าวสารถุงหนึ่งลงจากรถจิ๊ป
คังอิงรีบตามออกไปทันที เห็นเขาทำท่าจะยกข้าวสาร เธอจึงรีบรับถุงข้าวสารใบนั้นมาเอง เพราะกลัวว่าการกระทำของเขาจะทำให้แผลฉีกขาด เธอจึงยกถุงข้าวสารเข้าไปในบ้านเอง
มองดูพระอาทิตย์ที่ลอยเด่นอยู่กลางท้องฟ้า เงาไม้ดูจะสั้นที่สุด คังอิงรู้สึกหิวมาก เธอไม่มีเวลาจะมัวเกรงอกเกรงใจเขาอีก จึงรีบเดินเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมทำอาหาร
ภายในครัวมีเครื่องครัวครบครัน คาดว่าป้ารองของสือเจียงหย่วนคงมีฐานะดีพอตัว แม้จะย้ายบ้านไปแล้ว แต่เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ยังคงทิ้งไว้ที่บ้านหลังเก่า
คังอิงหยิบหม้อหุงข้าวไฟฟ้ายี่ห้อ Triangle ออกมาตวงข้าวสำหรับสามคนใส่ลงไป เธอคิดว่าสือเจียงหย่วนเป็ผู้ชาย แถมยังได้รับาเ็ คงจะกินเยอะแน่ๆ จึงใส่ข้าวสารเพิ่มเข้าไปอีกหน่อย
การใช้งานหม้อหุงข้าวไฟฟ้าไม่มีอะไรแตกต่างจากชาติก่อน เธอแค่เสียบปลั๊กไฟ แล้วกดปุ่มหุงข้าวเท่านั้น
ป้ารองของสือเจียงหย่วนเป็คนทันสมัยจริงๆ การทำอาหารของเธอไม่เหมือนกับเพื่อนบ้านที่อยู่ละแวกใกล้เคียง ป้ารองของสือเจียงหย่วนไม่ได้ใช้เตาฟืนแบบคนอื่นๆ แต่กลับใช้เตาแก๊สแทน
คังอิงลองยกถังแก๊สดู พบว่ามันหนักมาก ภายในถังยังมีแก๊สอยู่เต็ม เธอรู้สึกว่าได้กำไรอีกแล้ว เพราะของพวกนี้ไม่ได้รวมอยู่ในค่าเช่าบ้าน
ช่างเถอะ คิดเื่พวกนี้ไปก็เท่านั้น รอป้ารองของสือเจียงหย่วนมาที่นี่เมื่อไหร่ เธอจะตอบแทนอีกฝ่ายอย่างดีแน่นอน
เมื่อคังอิงคิดได้แบบนั้น จึงไม่คิดอะไรมากอีก เธอเริ่มทำอาหารอย่างตั้งใจต่อ
สือเจียงหย่วนซื้อปลากะพงมาหนึ่งตัว หมูสามชั้นหนึ่งชิ้น ตับหมู กับผักกวางตุ้งอีกเล็กน้อย คังอิงรู้ว่าปลากะพงเหมาะกับการบำรุงแผลเป็ที่สุด เธอจึงตั้งใจจะทำน้ำแกงปลากะพง หมูสามชั้นหั่นเป็ชิ้นๆ แล้วนำไปผัดไฟแรงเป็เมนูผัดหมูสองไฟ [1] ส่วนตับหมูก็นำไปผัดเร็วๆ ด้วยไฟแรงเช่นเดียวกัน
แต่การผัดตับหมูต้องควบคุมไฟให้ดี หากผัดนานเกินไปจะทำให้ตับหมูแข็ง ไม่อร่อย แต่ถ้าผัดไม่นานพอ รสชาติก็จะออกมาไม่ดี
คังอิงค่อนข้างให้ความสำคัญกับอาหารการกินมาก ยามปกติเธอมักจะลงมือทำอาหารเองหนึ่งถึงสองจานเพื่อเป็รางวัลให้กับตนเอง ดังนั้นอาหารจานธรรมดาๆ พวกนี้ เธอจึงทำเป็อยู่แล้ว
เริ่มจากหั่นเนื้อ ล้างผัก คังอิงลงมือทำงานต่างๆ อย่างคล่องแคล่ว
สือเจียงหย่วนถูกคังอิงไล่ออกจากครัวโดยอ้างว่าเขาาเ็ เห็นคังอิงสวมผ้ากันเปื้อนกำลังวุ่นอยู่กับการทำอาหารในครัว เขาจึงนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในลานบ้าน เขาดื่มชาไป พลางรอกินข้าวไป จนในใจพลันเกิดความรู้สึกอุ่นๆ ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เขาดื่มชาด้วยความสุขใจพลางคิดว่า ต่อไปหากเขามาที่อำเภอหลี่ว์ น่าจะมาขอกินข้าวที่นี่ได้ แต่ไม่รู้ว่าอาหารที่คังอิงทำจะอร่อยหรือเปล่า ดูจากท่าทางของเธอ ไม่น่าจะเป็คนทำอาหารไม่เป็ แต่รสชาติที่ทำออกมาจะเป็อย่างไรนั้น เขาก็ไม่รู้
สือเจียงหย่วนนึกถึงคุณหนูโอวหยางที่เพิ่งจะกลับมาจากการเรียนต่อต่างประเทศที่อยู่เมืองหลวง เธอเคยชวนสือเจียงหย่วนไปกินข้าวด้วยกัน เธอบอกว่าตนเองทำสเต็กเป็ แต่ตอนที่สือเจียงหย่วนหั่นสเต็ก กลับเจอเืไหลเยิ้ม ทำเอาเขารู้สึกคลื่นไส้ จนต้องทิ้งสเต็กแล้วรีบวิ่งหนีออกมาทันที
สือเจียงหย่วนดื่มชาอย่างสบายใจ พลางปล่อยใจให้ล่องลอยคิดไปต่างๆ นานา จนเขาไม่รับรู้ถึงความเ็ปจากแผลที่หลังอย่างสิ้นเชิง
การที่สือเจียงหย่วนนั่งด้วยท่าทางยิ่งใหญ่หาญกล้าอยู่ในลานบ้านแบบนี้ ดูไม่ค่อยเข้ากับรูปแบบการใช้ชีวิตในยามปกติของเขาเลย ตอนคังอิงทำอาหารอยู่ในครัว เธอเงยหน้าขึ้นก็จะเห็นสือเจียงหย่วนกำลังนั่งจิบชาอยู่ที่ลานบ้านตลอด
ทั่วร่างของชายหนุ่มผู้นี้ดูผ่อนคลายเป็ธรรมชาติ ราวกับไม่ว่าเขาจะไปที่ไหน ก็มีความสามารถในการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เสมอ ท่าทางผ่อนคลายแบบนี้ มักจะเป็ความมั่นใจจากลูกหลานตระกูลใหญ่เท่านั้น
คังอิงในชาติก่อนประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ เธอย่อมรู้จักกับลูกหลานตระกูลใหญ่จำนวนมาก และในตัวสือเจียงหย่วนนั้น คังอิงก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายบางอย่างที่คุ้นเคยในตัวเขา
อย่างไรก็ตามเมืองหลวงอยู่ไกลจากที่นี่เป็พันหลี่ แถมสือเจียงหย่วนยังเป็คนพื้นที่ กลิ่นอายแบบนี้อาจจะติดตัวเขามาั้แ่เกิดก็เป็ได้? สุดท้ายคังอิงจึงสรุปแบบนั้น
ครัวที่นี่เป็ครัวแบบเปิด มีผนังสามด้าน อีกด้านหนึ่งเป็ทางเดินเข้าออกที่เชื่อมต่อกับลานบ้านโดยตรง ครัวที่นี่จึงไม่มีเครื่องดูดควัน แถมยังไม่อึดอัดอีกด้วย
คังอิงใส่ปลากะพงลงในหม้อดินอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นยกหม้อดินไปวางบนเตาแก๊สแล้วเปิดไฟ ต้มน้ำแกงปลากะพงทิ้งไว้
จากนั้นเธอใช้หม้อเหล็กต้มน้ำจนเดือด แล้วนำเนื้อหมูสามชั้นใส่ลงไป ต้มประมาณห้านาทีจนสุกราวแปดส่วน คังอิงใช้ตะเกียบจิ้มเนื้อหมูสามชั้นในหม้อ เมื่อเห็นว่าตะเกียบแทงทะลุได้อย่างง่ายดาย แสดงว่าสุกได้ที่แล้ว เธอจึงตักเนื้อหมูสามชั้นออกมาพักไว้ให้เย็น จากนั้นจึงหั่นเป็ชิ้นบางๆ ใส่ต้นหอมลงไปผัด พอผัดเสร็จแล้วก็โรยกระเทียมสับลงไปอีกหยิบมือ ตักใส่จาน เนื้อหมูสามชั้นที่ดูใสน่าอร่อยแบบนี้ เหมาะกับการกินคู่กับข้าวสวยเป็ที่สุด
พอล้างหม้อจนสะอาด จากนั้นคังอิงก็ผัดผักกวางตุ้งสีเขียวสดเสร็จภายในสามนาที
อาหารจานสุดท้ายคือตับหมูผัด เธอตั้งใจจะผัดตับหมูเป็จานสุดท้าย เพราะตับหมูนั้นควรกินตอนที่ยังร้อนอยู่ หากผัดทิ้งไว้แล้วปล่อยให้เย็น รสชาติจะไม่อร่อยเหมือนเดิม
ชั่วเวลานั้นเอง น้ำแกงปลากะพงที่กำลังต้มด้วยไฟแรงก็เริ่มส่งกลิ่นหอมออกมา คังอิงใส่ “เพี้ยฟาน” [2] ลงไปในหม้อดิน มันเป็พืชป่าชนิดหนึ่งที่มีที่กลิ่นหอมฉุน ปกติชาวเขาจะเก็บมาขายในเมือง ซึ่งถ้าใส่ลงไปในน้ำแกงปลา หรือน้ำแกงเนื้อแล้ว จะช่วยดับกลิ่นคาวได้เป็อย่างดี คังอิงเจอมันตรงที่เก็บเครื่องปรุงรส
น้ำแกงปลากะพงเริ่มมีสีขาวขุ่น คังอิงหั่นขิงเป็แผ่นบางใส่ลงไปจำนวนหนึ่ง พอดีเห็นว่าชั้นบนสุดของตู้เก็บจานชามมีโหลแก้วใส่เก๋ากี้วางไว้ เธอจึงเปิดฝาขวดออก แล้วลองดมดู พบว่ากลิ่นยังหอมอยู่ เป็เพราะโหลนี้ปิดผนึกอย่างดี ภายในขวดจึงไม่มีกลิ่นแปลกปลอม คังอิงล้างเก๋ากี้จำนวนหนึ่ง แล้วใส่ลงในน้ำแกงปลา น้ำแกงปลาสีขาวกับเก๋ากี้สีแดงดูน่าอร่อยอย่างมาก
ตอนนี้ปุ่มหุงข้าวของหม้อหุงข้าวเด้งขึ้นมาแล้ว คังอิงหยิบชามตะเกียบออกมาจากตู้เก็บจานชาม พลางเรียกสือเจียงหย่วนที่อยู่ใต้ต้นไม้ “อาหารเสร็จแล้วค่ะ มากินกันเถอะ”
สือเจียงหย่วนวางแก้วชาลง จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะอาหารในครัวอย่างรวดเร็ว เขาทำท่าจะช่วยยกของ แต่คังอิงก็ยกชามตะเกียบกับอาหารมาวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว
สือเจียงหย่วนมองดูอาหารน่ารับประทานบนโต๊ะ แล้วกล่าวชม “ดูไม่ออกเลยว่าคุณทำอาหารเป็ ไม่รู้ว่ารสชาติจะเป็ยังไงบ้าง”
“รสชาติจะเป็ยังไง คุณลองชิมดูก็จะรู้ค่ะ” คังอิงยิ้มพลางวางตะเกียบไว้ตรงหน้าสือเจียงหย่วน
สือเจียงหย่วนหยิบตะเกียบขึ้นมาเตรียมตัวจะลงมือกินข้าว แต่กลับถูกคังอิงขัดจังหวะ “ดื่มน้ำแกงร้อนๆ ก่อนกินข้าวนะคะ ไม่งั้นท้องจะเสียเอาได้”
คังอิงพูดด้วยน้ำเสียงราวกับคุณครูอนุบาลกำลังพูดกับเด็กๆ จริงๆ แล้วเป็เพราะเธอกินอาหารมากเกินไปในชาติที่แล้ว ทำให้กระเพาะกับลำไส้ไม่ดี จนต้องดื่มยาจีนบ่อยๆ ดังนั้นในชาตินี้พอเธอมีร่างกายแข็งแรง เธอก็อยากให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงเช่นกัน
สือเจียงหย่วนที่กำลังจะคีบอาหารชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็วางตะเกียบลงอย่างเชื่อฟังแล้วตักน้ำแกงปลากะพงมากินสองสามอึก
น้ำแกงปลาสีขาวขุ่นดูคล้ายนมที่ไร้กลิ่นคาวปลา ทั้งยังมีกลิ่นยาจีนอ่อนๆ กินแล้วรู้สึกสดชื่นจนหยุดไม่ได้ จะหยุดก็แต่ตอนที่เขาซดไปหมดชาม
เชิงอรรถ
[1] อาหารตำรับเสฉวนดั้งเดิม เป็หนึ่งในสิบจานคลาสสิกจากนครฉงชิ่ง และมณฑลเสฉวน ชื่อสองไฟหมายถึงผ่านการปรุงสุกสองครั้ง ครั้งแรกนำไปต้มให้สุก ก่อนนำมาผัดให้สุกรอบสองเพื่อให้น้ำมันออกมาจากเนื้อหมู ใส่เครื่องปรุงรส และทำให้รสชาติเข้าเนื้อจนมีกลิ่นหอม
[2] เพี้ยฟาน หรือ ผักหวานตัวผู้ ฯลฯ เป็พืชสมุนไพร ยอดและใบอ่อนมีรสขมอมหวาน พบได้ในหลายพื้นที่ของจีนแผ่นดินใหญ่ ไต้หวัน ไทย เมียนมาร์ ลาว อินเดีย เวียดนาม และกัมพูชา คนไทยพื้นเมืองภาคเหนือนิยมกินเป็ผักแกล้มลาบ หรือยำ เพื่อทำให้อาหารมีรสชาติกลมกล่อม เมื่อนำใบไปตากแห้ง จะมีกลิ่นหอมคล้ายน้ำผึ้ง ชื่อภาษาจีนของเพี้ยฟาน คือ 过山香 แปลว่า กลิ่นหอมที่พัดผ่านขุนเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้