เล่มที่ 7 บทที่ 196 เชื้อเชิญ
อักขระกระบี่หยินหลีเองก็เพิ่งจะกำเนิดูเาและลำเนาไพรได้ไม่นาน จึงไม่ถือว่าเป็ห้วงมิติที่สมบูรณ์ พอมีดบินฮั่วอู๋เข้ามา ก็กลายเป็ัสีดำทันที จากนั้นก็อาละวาดทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า ทันใดนั้นูเาก็ถล่มดินทลายไปจนหมด กระทั่งห้วงมิติดินิถู่แทบจะแตกสลายเลยทีเดียว แม้แต่อสรพิษเกล็ดงูและกุ่ยิก็ไม่อาจยืนดูอย่างเงียบๆได้ และบัดนี้พวกมันกำลังต่อสู้กับัร้ายสีดำอย่างดุเดือด
อสรพิษเกล็ดงูและกุ่ยิมีขั้นบำเพ็ญเพียงขั้นกุ่ยเจี้ยงเท่านั้น หลังจากเข้ามาที่ห้วงมิติดินิถู่แล้ว แม้จะดูดกลืนไออสูรไปมากเท่าไร แต่ก็ถือว่ายังพัฒนาไม่สมบูรณ์ พอเผชิญหน้ากำลังัร้าย จึงถูกกดข่มจนไม่อาจโต้ตอบได้ เพียงแค่ไม่กี่กระบวนท่า อสรพิษเกล็ดหินก็ถูกัร้ายฉีกกระชากจนโลหิตเข้มข้นสาดกระจายไปทั่ว ย้อมพื้นดินจนเป็สีแดงคล้ำ ยังดีที่อสรพิษเกล็ดหินหลอมรวมเข้ากับดินิถู่จนกลายเป็เซียนูเาประจำห้วงมิติไปแล้ว จึงทำให้มันไม่มีวันตาย เพราะหากดินิถู่ไม่แตกสลายไป อสรพิษเกล็ดหินก็จะไม่ตายไปด้วยเช่นกัน แค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น อสรพิษเกล็ดหินก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง และพุ่งเข้าสู้กับัร้ายอย่างไม่ยอมแพ้...
ทว่ากุ่ยิกลับแตกต่างออกไป อย่างไรก็ตามมันก็ถือว่าเป็เผ่าพันธุ์พิเศษ แถมยังอาศัยข้อได้เปรียบของดินิถู่เล่นงานัร้ายได้หลายครั้ง
แต่ก็ได้แค่หลายครั้งเท่านั้น
เพราะัดำเกิดจากมีดบินฮั่วอู๋ แม้จะตกจากขั้นศาสตราวุธลงมา แต่ก็มีมนต์สะกดสูงถึงสามสิบหกสาย แล้วจะถูกกุ่ยิทำร้ายได้ง่ายๆเชียวหรือ?
แม้จะเล่นงานอีกฝ่ายได้หลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจสกัดอีกฝ่ายไว้ได้ ไม่เพียงเท่านี้ เพราะว่าพลาดพลั้งจึงทำให้ัดำสบโอกาสได้พอดี เพียงครู่เดียวเกล็ดดำบนตัวก็กลายเป็ลำแสงกระบี่อันคมกริบ สะบั้นเข้าใส่กุ่ยิจนกลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย...
หลินเฟยที่เพิ่งจะก้าวเข้ามาก็เห็นว่ากุ่ยิถูกสะบั้นจนแตกสลายไปเสียแล้ว ทันใดนั้นเอง เขาเองก็ไม่เหลือเวลาให้คิดแล้วว่ากุ่ยิจะเป็ตายร้ายดีอย่างไร หลินเฟยจำต้องรีบบงการกระบี่สี่สีและกล่องกระบี่เจิงหนิงทันที ครู่เดียวลำแสงสี่สีก็พวยพุ่งขึ้นราวกับเสาค้ำฟ้าขนาดใหญ่สี่ต้น จากนั้นก็ตรึงห้วงมิติดินิถู่ที่กำลังจะแตกสลายเอาไว้ ขณะเดียวกันก็โคจรอักขระกระบี่หยินหลี เพื่อให้ห้วงมิติดินิถู่อันกว้างใหญ่แปรสภาพเป็กรงขัง และใชู้เาลำเนาไพรเป็โซ่ตรวนพันธนาการัร้ายสีดำเอาไว้อย่างหนาแน่น...
ัดำเพิ่งจะถูกกักขังก็กลายร่างเป็มีดบินฮั่วอู๋ขึ้นอีกครั้ง พริบตาถัดมาก็มีลำแสงคมกริบจำนวนมากปรากฏขึ้น จากนั้นก็สะบั้นทำลายจนกรงขังแตกเป็โพรง
“ก็มีฝีมือเหมือนกันนี่...” หลินเฟยเองก็ไม่ได้รีบร้อน เพียงแค่ส่งลำแสงกระบี่ทั้งสี่ออกไปเพื่อปิดล้อมทั้งหน้าและหลังของมีดบินฮั่วอู๋ ขณะเดียวกันกล่องกระบี่เจิงหนิงก็ส่งเสียงหวีดร้องยาวออกมา และพริบตาถัดมาก็มีไอโเี้มากมายะเิออก เพียงครู่เดียวพลังของกระบี่ทั้งสี่ก็พุ่งขึ้นเป็เท่าตัว จากเดิมยังมีมนต์สะกดแค่ยี่สิบเจ็ดสาย บัดนี้ถึงกับพุ่งทะลุขีดจำกัด กระทั่งมีพลังเทียบเท่ามนต์สะกดสามสิบสายเลยทีเดียว...
กระบี่ทั้งสี่หลอมรวมกันเป็หนึ่ง จึงทำให้มีพลังไม่ด้อยไปกว่าศาสตราวุธเลยด้วยซ้ำ ลำแสงกระบี่ทั้งสี่หมุนวนไปเรื่อยๆ เอาแต่กลืนกินหมอกควันดำอย่างบ้าคลั่ง...
แต่ถึงอย่างไรกล่องกระบี่เจิงหนิงกับกระบี่ทั้งสี่ก็เป็สิ่งที่มีไอชั่วร้ายเข้มข้น ต่อให้เป็หลินเฟยเรียกใช้ ก็ยังรู้สึกลำบากไม่น้อย แค่ครู่เดียวก็มีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มหน้าแล้ว แต่หลินเฟยก็ไม่สนใจจะเช็ด เพราะบัดนี้เขากำลังใจจดใจจ่อกับการบงการกล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ทั้งสี่อยู่ เพราะเ้าตัวรู้ดีว่านี่เป็เพียงวิธีทีเดียวที่จะกดข่มมีดบินฮั่วอู๋เอาไว้ได้...
เพราะก่อนหน้านี้มีดบินฮั่วอู๋ได้เผาทำลายมนต์สะกดของตัวเองไป ทำให้มนต์สะกดมากมายรั่วไหลออกมา สุดท้ายก็ถูกกล่องกระบี่เจิงหนิงดูดกลืนเข้าไป ทำให้มนต์สะกดของกล่องกระบี่เจิงหนิงพวยพุ่งขึ้น หากกดข่มและหลอมมีดบินฮั่วอู๋ได้สำเร็จละก็ กล่องกระบี่เจิงหนิงก็จะมีมนต์สะกดสูงถึงสามสิบหกสายเลยทีเดียว แถมยังมีมนต์สะกดเทียนกังเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย เช่นนั้นก็จะกลายเป็ศาสตราวุธโดยสมบูรณ์...
เวลายังคงผ่านไปช้าๆ ไอโเี้ของกล่องกระบี่เจิงหนิงก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดขณะที่ลำแสงกระบี่ทั้งสี่แปรสภาพเป็ดาวอัปมงคลทั้งสี่ และสาดลำแสงแดงขาวทองและเขียวลงมารวมเข้ากับกรงขังที่เกิดจากดินิถู่ อสรพิษเกล็ดหินและกุ่ยิเห็นดังนั้นก็บินออกมาสมทบพอดี จากนั้นก็แปลงกายเป็ูเาและแม่น้ำเข้ากดทับทันที และพริบตาถัดมาก็เกิดเสียงสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว ในที่สุดก็สามารถกดข่มมีดบินฮั่วอู๋ได้...
“สำเร็จ!”
หลังจากเสร็จเื่ทั้งหมด หลินเฟยก็คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะปาดหยาดเหงื่อบนหน้าผากออก บัดนี้มีดบินฮั่วอู๋ถูกดินิถู่กดข่มโดยสมบูรณ์แล้ว ต่อให้เป็อสุรกายกุ่ยหวังมาเอง ก็เกรงว่ายากจะแย่งมีดบินฮั่วอู๋ไปได้ สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็แค่รอเวลาเท่านั้น ปล่อยให้กล่องกระบี่เจิงหนิงและกระบี่ดาวอัปมงคลทั้งสี่ค่อยๆหลอมละลายไป ซึ่งจะต้องมีสักวันที่สามารถหลอมเอามนต์สะกดทั้งสามสิบหกสายมาเป็ของกล่องกระบี่เจิงหนิงได้แน่นอน ถึงตอนนั้นแล้วกล่องกระบี่เจิงหนิงก็จะพัฒนากลายเป็ศาสตราวุธในที่สุด...
ชั่วขณะที่ก้าวออกมาจากห้วงมิติดินิถู่ หลินเฟยก็เกิดชะงักลงทันที
เพราะหลินเฟยรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของนักพรตเฮยซานวาบผ่านไป
“บ้าน่า...” หลินเฟยชะงักชั่วครู่ ก่อนจะหันไปมองซากปรักหักพัง และก็เป็อย่างที่คิดไว้ บัดนี้ศพของนักพรตเฮยซานหายไปแล้ว...
‘ดูท่าผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันที่มีชื่อเสียงผู้นี้ ก็รู้จักแกล้งตายเป็กับเขาด้วยสินะ?’
‘หน้าไม่อายจริงๆ...’
แต่เมื่อคิดดูแล้วก็สมเหตุสมผล...
เพราะในอดีตตอนที่นักพรตเฮยซานทรยศหลบหนีออกจากสำนักชิงอวิ๋น ก็มีหลายครั้งที่เ้าสำนักชิงอวิ๋นลงมือเอง แต่นักพรตเฮยซานก็หนีตายมาได้หลายครั้ง จนสุดท้ายสามารถหลบหนีเข้ามาที่พิภพซ่างจงได้ แถมยังมีหลายครั้งที่รอดพ้นจากการไล่ล่าของนักฆ่าที่สำนักชิงอวิ๋นส่งมาอีกด้วย แค่นี้ก็เพียงพอที่จะให้คนนับหน้าถือตาแล้ว มิน่าล่ะ ถึงมีคนพูดว่า “แม้นักพรตเฮยซานจะพูดไม่รู้เื่ และเอาแต่ใจเป็ที่สุด แต่สิ่งที่ถนัดก็คือการหนีเอาตัวรอดนั่นเอง...”
“สงสัยจะเป็อาวุธล้ำค่าบางอย่างที่ใช้เป็ตัวตายตัวแทนแน่ๆ...” หลินเฟยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เข้าใจขึ้นมาทันที ภายใต้การโจมตีของมีดบินฮั่วอู๋ ต่อให้เป็ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันก็ไม่อาจรับมือได้ ทว่านักพรตเฮยซานกลับหนีรอดไปได้ แสดงว่าเขาคนนี้จะต้องมีอาวุธล้ำค่าที่เป็ตัวตายตัวแทนแน่นอน...
หลินเฟยหัวเราะน้อยๆออกมา โดยไม่สนใจเื่ราวของนักพรตเฮยซานอีก เพราะถึงจะหนีไปได้ก็ไม่เป็ไร สุดท้ายหลังจากผ่านคืนนี้ไป เกรงว่าอีกฝ่ายจะไม่กล้ามาหาเื่อีกเป็แน่
บัดนี้หลินเฟยมีชิ้นส่วนประตูมิติหนึ่งชิ้น แถมยังเล่นงานอสุรกายกุ่ยหวังเสียปางตาย จนถึงกับสูญเสียมีดบินฮั่วอู๋และเืที่หล่อเลี้ยงไปจำนวนมาก ดังนั้นสำหรับอสุรกายกุ่ยหวังที่ใกล้จะถึงอายุขัยแล้ว จึงนับว่าสาหัสไม่เบา เกรงว่า่นี้คงไม่อาจมาหาเื่ได้อีกนาน ทำให้แรงกดดันของหลินเฟยน้อยลงไปมาก...
สิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้ก็คือตามหาชิ้นส่วนประตูมิติชิ้นที่สอง...
มีความเป็ไปได้สูงว่าชิ้นส่วนที่สองจะอยู่กับผู้ขาย ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินเฟยประมูลชิ้นแรกได้ หอว่านเย่วก็นำความของผู้ขายมาแจ้งว่าหากสนใจชิ้นที่สอง ให้มาพบกันที่หุบเขาร่วนสือในอีกหนึ่งเดือนให้หลัง
----------------------------------------------------------------------------------------------------------