“ เด็กน้อยข้าต่อสู้กับสัตว์อสูรอยู่อีกฝั่งหนึ่งของม่านพลัง แต่แรงเหวี่ยงของสัตว์อสูรระดับสูงตัวนั้น ทำให้ข้าทะลุม่านพลังเข้ามาและมาตกอยู่ใต้ต้นไม้นี่แหละ”ดวงตาของชิ่วอิง เป็ประกายขึ้นมาทันที
“ ท่านผู้เฒ่าจะบอกว่ามาจากอีกด้านหนึ่งใช่ไหมเ้าคะ แล้วสัตว์อสูรที่ว่ามันตัวใหญ่ขนาดไหนเ้าคะถึงสามารถจับท่านเหวี่ยงเข้ามาในนี้ได้”
“ อสูรที่ข้าต่อสู้ด้วยคือ อสูรงูระดับหกซึ่งมันกำลังจะตายอยู่แล้วแต่หางของมันกลับ สะบัดมาโดนกลางลำตัวข้าความแรงและเร็วทำให้ทะลุม่านพลังเข้ามา อย่างที่เ้าเห็นนี่แหละ”
“ ส่วนสัตว์อสูรตัวใหญ่ขนาดไหน อย่างงั้นรึ อืม! เอาเป็ว่าตัวเท่าต้นไม้ที่เ้านอนประมาณสิบเท่า”
“ห้ะ! สิบเท่าของต้นไม้นี้ อย่าว่าแต่ต่อสู้กับมันเลยเ้าค่ะแค่มันหายใจใส่ข้าคงปลิวกระเด็นไปไกลแล้ว”
“ แต่เด็กน้อยในป่านี้อยู่ไกลติดกับม่านพลังทำไมเ้าถึงเข้ามานอนอยู่ในป่าแบบนี้ล่ะ และเหมือนแมวดำมันจะไม่ใช่แมวธรรมดานะ มันคงไม่ได้มาจากฝั่งโน้นเหมือนกับข้า”
“ แมวดำตัวนี้ข้าเจอตอนที่ตัวยังเล็กนอนาเ็อยู่ในถ้ำเ้าค่ะแต่อยู่ไกลจากที่นี่มากใช้เวลาเดินทางหลายเดือนกว่าจะมาถึงที่นี่ ไม่น่าจะโดนเหวี่ยงมาจากฝั่งโน้นเหมือนท่านผู้เฒ่า”
“ ที่ข้ามานอนอยู่ที่นี่เพื่อตามหาสมุนไพรมาปรุงยาเ้าค่ะ ยังขาดอีกตัวหนึ่งคิดว่าจะออกหาแต่เช้าจึงไม่กลับบ้าน”
“ เ้ารู้เื่สมุนไพรอย่างนั้นรึไม่น่าล่ะถึงมียาห้ามเืและยาแก้ปวดยาสมานแผลพกติดตัวไม่เลวเลย ตัวเล็กแค่นี้ก็รู้เื่สมุนไพรแล้ว”
“ ถ้าเ้าได้ไปอยู่ในที่มีพลังปราณเข้มข้น แล้วฝึกฝนวิชารับรองว่าเ้าจะต้องเก่งขึ้นเป็ร้อยเท่า”ชิ่วอิงอ้าปากค้าง
“ มีที่แบบนั้นด้วยหรือเ้าคะท่านผู้เฒ่า แล้วข้าจะหาที่แบบนั้นเจอจากที่ไหน หรือว่าข้ามม่านพลังไปแล้วก็เจอเลย”
“ ข้าม่านพลังไปก็มีพลังปราณแต่ไม่ได้เข้มข้นขนาดนั้น เ้าสามารถฝึกฝนได้เก่งกว่าที่นี่ ห้าสิบเท่า”
“ ข้าพอใจที่ห้าสิบเท่าเ้าค่ะ ขอแค่ข้าแข็งแกร่งขึ้น และรับครอบครัวไปอยู่ด้วย แค่นี้ข้าพอใจแล้ว”
“ ครอบครัวเ้าโดนปองร้ายอย่างนั้นรึ เ้าถึงต้องหนีมาอยู่ในป่าแบบนี้”
“ ตอนนี้ยังเ้าค่ะคนที่โดนปองร้ายก็คือข้า ที่ต้องมาหาสมุนไพรเพื่อปรุงยาให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น”
“ ข้าขอดูตำรายาที่เ้าว่าหน่อย ”ชิ่วอิงเอา ชื่อสมุนไพรและการปรุงยาให้กับผู้เฒ่าดู
“ ยาพวกนี้เป็แค่พื้นฐานการเตรียมตัวที่จะบำเพ็ญเพียร ให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าคนทั่วไปเท่านั้นเอง ถ้าเ้าอยากเก่ง ก็มีอยู่หนทางเดียว”
“ แบบไหนหรือเ้าคะท่านผู้เฒ่า ”ชิ่วอิงรีบถามด้วยความตื่นเต้น
“ เ้าต้องกราบข้าเป็อาจารย์เท่านั้น ถึงจะสามารถถ่ายทอดวิชา ต่างๆให้ได้ เพราะเ้าไม่ใช่ลูกหลานหรือสายเื”
“ ตกลงเ้าค่ะท่านผู้เฒ่าข้าจะกราบท่านเป็อาจารย์แต่ต้องใช้อะไรบ้างเ้าคะ น้ำชากลางป่าแบบนี้ก็ไม่มี”
“ หรือท่านผู้เฒ่า จะเดินทางกลับไปอยู่ในหมู่บ้านป่าหมอกพร้อมกับข้าเ้าค่ะ”
“ ใบชาข้ามีเ้าแค่หากระบอกไม้ไผ่มาต้มน้ำร้อนชงก็ได้แล้ว อยู่ตรงนี้ปลอดภัยกว่าอยู่นอกป่า”ชิ่วอิงรีบไปตัดไม้ไผ่ใส่น้ำ ใสสะอาดมาตั้งไฟเตรียมชงน้ำชา
“ นี่เ้าค่ะท่านผู้เฒ่าน้ำชาข้าขอคารวะท่านเป็ท่านอาจารย์ เ้าค่ะ”
“ อืม!ดี…ดี ต่อไปเ้าก็เรียกข้าว่าอาจารย์ และเพื่อเป็การรับเ้าเป็ลูกศิษย์ ข้ามีของเล็กน้อยจะมอบให้เ้า”อาจารย์พูดกับมอบถุงผ้าใบน้อยให้
ชิ่วอิงรับถุงใบน้อยมาแบบงงๆ ถุงแค่นี้จะใส่อะไรได้“ คือท่านอาจารย์เ้าคะถุงใบนี้ให้ข้า ใช้เก็บสิ่งได้รึเ้าคะหรือว่ามันเป็สิ่งของแทนใจจากอาจารย์ให้ ลูกศิษย์”
“ นี่คือถุงที่วิเศษสามารถเก็บสิ่งของเข้าไปได้เยอะตามที่เ้า้า เก็บบ้านเป็หลังเข้าไปยังได้เลยมันมีชื่อว่าถุงมิติแต่เ้าจะเปิดใช้ได้ก็ต่อเมื่อเ้ามีพลังปราณ เริ่มต้นระดับหนึ่งก่อนเท่านั้น”ชิ่วอิงตาโต เก็บบ้านได้เป็หลัง
“ แล้วทำยังไงถึงจะมีพลังปราณเริ่มต้นระดับหนึ่งได้ล่ะเ้าคะ ”
“ เ้าต้องโคจรพลังและบำเพ็ญเพียร ถึงจะทำให้มีพลังปราณขึ้นมา และรอบตัวเ้า ก็ต้องมีพลังปราณ ไม่อย่างงั้นก็ต้องอาศัยโอสถ ซึ่งก็ดูจะยากนอกจากจะข้ามไปฝั่งโน้น”
“ ท่านอาจารย์ปกติทุกวันข้าก็นั่งบำเพ็ญเพียรอยู่แล้ว มันแตกต่างกับโคจรพลังอย่างไรเ้าคะ”
“ การนั่งบำเพ็ญเพียรคือการทำให้เกิดสมาธิ จิตตั้งมั่นอยู่กับที่ไม่ฟุ้งซ่านและวอกแวก แต่การโคจรพลังเ้าต้องเอาพลังจิตทั้งหมดรวมไว้ที่จุดตันเถียนตรงท้องน้อยให้เป็ศูนย์รวมทั้งหมด ให้เกิดเป็แสงหรือกลุ่มก้อนพลังแล้วค่อยบังคับโคจรไปให้ทั่วทั้งร่างกายเรียกว่าหนึ่งรอบ”
“ เ้าก็จำแค่ง่ายๆ บำเพ็ญเพียรอยู่กับพลังจิตโคจรพลัง ก็เป็การเคลื่อนย้ายพลัง”
“ อาจารย์ต้องหาที่ตั้งกระโจมก่อน เ้าก็พักก็อยู่ที่นี่และศึกษาเล่าเรียนความรู้ อาจารย์ก็จะหาวิธีหนทางออกไปยังอีกฝั่งหนึ่ง”
กระโจมที่อาจารย์พูดถึงเท่ากับบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งสีขาว ส่วนประกอบที่แปลกตา ชิ่วอิงไม่เคยเห็นมาก่อน ในกระโจมแยกเป็สองห้องนอน และที่นั่งกินข้าว ห้องครัวกับห้องน้ำไม่มี
อาจารย์ผู้เฒ่าที่ดูแข็งแรงขึ้นมา หลังหายจากอาการเ็ปแล้ว ตัดไม้ไผ่มาทำเป็ห้องครัว และทำเป็ห้องอาบน้ำ
“ นี้คือผลไม้ที่มีพลังปราณ ให้เ้ากินและเนื้อย่างนี้ก็เป็เนื้ออสูรที่มีพลังปราณต้องกินแบบนี้สักพักหนึ่งแล้วค่อยกิน โอสถปลุกพลังปราณ”ชิ่วอิงรับมากิน โดยไม่ซักถามอะไร
“ โอ้! มันอร่อยมากเ้าค่ะท่านอาจารย์ผลไม้นี้มันคืออะไรทำไมถึงอร่อยหอมหวานกรอบแบบนี้กัน ”ชิ่วอิงกินเนื้อย่างต่อ “ โอ๊ะ! เนื้อย่างนี้ก็อร่อยมากเ้าค่ะ อร่อยกว่าเนื้อย่างที่ข้า เคยกินมาแล้วเสียอีก
“ ต้องอร่อยอยู่แล้วเพราะผลไม้ปราณอยู่ระดับสอง และเนื้อหมูย่างก็เป็อสูรระดับสาม ข้ามีอาหารเลี้ยงเ้าอยู่ได้นานหลายเดือน จนกว่าจะหาทาง กลับไปฝั่งโน้นได้”
“ อาจารย์เ้าค่ะทำไมข้ารู้สึกร้อนตัววูบวาบแล้วเหมือนมีพลังบางอย่างวิ่งไปตามเส้นเืละ”
“ โอ้!เป็ไปได้ยังไง หรือเพราะว่าร่างกายของเ้าได้ขับพิษและของเสียออกไปหมดแล้ว จึงรองรับพลังปราณได้เป็อย่างดี ไหนเ้าลองนั่งโคจรพลังสิ”
“ แต่เดี๋ยวก่อนให้เ้า กินโอสถเข้าไปด้วยเลยจะได้รู้ว่าสามารถปลุกพลังปราณในที่ไม่มีพลังได้หรือไม่”ชิ่วอิง รับโอสถจากอาจารย์ก็โยนเข้าปากแล้วรีบนั่ง โคจรพลังโดยมีอาจารย์นั่งสอนอยู่ใกล้ๆ
มีความ เ็ปเกิดขึ้นตามกระดูกซึ่งไม่เหมือนกับความเ็ปที่กินยาชุดที่หนึ่ง แต่ก็สร้างความเ็ปให้แก่ ชิ่วอิงไม่น้อย
“อืม! เด็กน้อยผู้นี้ใช้ได้ทีเดียว เหงื่อไหลออกเต็มหน้าผากมือกำแน่นเข่าทั้งสองข้างสั่นเทา รวมถึงหัวไหล่ที่เริ่มห่อเข้าหาตัว เ็ปขนาดนี้กลับไม่ร้องออกมาเลยทั้งที่เป็เด็กผู้หญิงแท้ๆ” ชายชราคิดไปพร้อมกับเอามือลูบหนวดขาวใต้คาง
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป ชิ่งอิงก็ลืมตาขึ้นมา เมื่อความเ็ปหายไปแล้ว อาจารย์ให้นั่งโคจรพลังต่อ จนกว่าจุดตันเถียนจะมีแสงหรือ ดวงไฟเกิดขึ้น
ชิ่วอิงนั่งต่อไปอีกหนึ่งชั่วยาม“ ท่านอาจารย์ข้ามองเห็นแสงไฟกลมเล็กตรงที่จุดตันเถียนแล้วเ้าค่ะ”
“ นอกจากแสงไฟกลมเล็กแล้วเ้ายังเห็นสีอื่นใดอีกหรือไม่” คำถามของอาจารย์ทำให้ชิ่วอิงหลับตาลงอีกครั้งเพื่อไปสำรวจจุดตันเถียน
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป“ อาจารย์ข้าเห็นแต่รูปไฟดวงเล็กและเหมือนมีริ้วเขียวๆ อยู่ด้วยเ้าค่ะถ้าไม่สังเกตก็ไม่เห็น”
“ ไหนเ้าลองใช้พลังที่จุดตันเถียน บังคับให้ไฟมาที่ฝ่ามือของเ้าดู เ้าจะหลับตาหรือว่าลืมตาก็ได้”
ชิ่วอิงใช้วิธีหลับตา รวบรวมพลังและบังคับแสงที่อยู่ในตันเถียนให้มาที่ฝ่ามือ จนรู้สึกว่าที่ฝ่ามือเหมือนมีอะไรลอยอยู่จึงลืมตาขึ้นมาดู
“ อาจารย์! เ้าค่ะข้าทำสำเร็จแล้วมีลูกไฟอยู่ฝ่าบนมือ มันใช้เผาสิ่งของได้หรือไม่นะ”ชิ่วอิงทำท่าจะเอาไฟ เผาสิ่งของที่อยู่แถวนั้น
“ เ้าหยุดก่อน! ตอนนี้ที่ต้องทำคือทำให้ไฟดวงนี้อยู่บนฝ่ามือให้นานที่สุดไม่ใช่จะเอาไปเผาเล่น และเมื่อพลังเ้ามากขึ้นเท่าไหร่ไฟนี้ก็จะดวงใหญ่ขึ้นเท่านั้น” อาจารย์ ถ้าห้ามไม่ทันกระโจมนี้ต้องมอดไหม้เป็แน่
ดวงไฟในมืออยู่อีกไม่กี่อึดใจก็ดับลงชิ่วอิงยังเสียดาย“ ไฟนี้ไม่เพียงแต่บังคับมาที่ฝ่ามือเ้าสามารถบังคับไว้ที่ปลายนิ้วชี้ได้เพื่อใช้มันจุดไฟ หรือใช้ป้องกันตัวยามฉุกเฉินได้”
“ ลูกไฟ เมื่อใหญ่ขึ้นก็ใช้เป็อาวุธ โจมตีศัตรูหรือเหล่าสัตว์อสูรได้”
“ เ้าไม่ได้กลับบ้านมาแล้วหลายวัน ข้าให้เ้ากลับไปได้แต่เ้าต้องวิ่งไปแล้วก็วิ่งมานี่ถือว่า เป็การฝึกกำลังขาของเ้าไปด้วย”
“ ได้เ้าค่ะท่านอาจารย์ข้าจะไปเก็บสมุนไพร ต้นอ่อนสองสามต้นไปปลูกไว้ที่บ้าน ถ้าให้มันเป็ที่รกร้างว่างเปล่าเดี๋ยวผู้คนจะสงสัยอีก”
“ ไป! เ้าดำกลับบ้านกันเถอะเดี๋ยวเราค่อยกลับมาใหม่”ชิ่วอิงออกวิ่งนำหน้าแมวดำไป
“ ช่วยด้วย!ช่วยสามีข้าด้วย!”
“เมี้ยว!” เ้าแมวดำหยุดวิ่งและหันไปมองตรงที่มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือทำให้ชิ่วอิงหยุดวิ่งไปด้วย
“ฮือๆ! ช่วยท่านพ่อข้าด้วย ใครก็ได้ช่วยท่านพ่อข้าด้วย” เสียงเด็กชายวัยสี่ขวบที่ร้องแข่งกับแม่เพื่อขอความช่วยเหลือ
ชิ่วอิงและแมวดำรีบวิ่งเข้ามาดู“ เกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเ้าหรือน้องชาย ข้าขอดูหน่อย”
“ พี่ชายช่วยท่านพ่อของข้าด้วย งูพิษท่านพ่อของข้าถูกงูพิษกัด”
“ นายน้อยโปรดช่วยสามีของข้าด้วยเขาจะไม่ไหวแล้ว พิษงูทำให้เขาหายใจไม่ออกแล้วไม่พูดกับข้าและลูกเลย”
“ รีบเอายาแก้พิษให้เขากินก่อน ” ทีแรกชิ่วอิงจะยื่นยาให้กลัวจะช้าจึงบีบปากคนเจ็บ ยัดเม็ดยาลงกรอกน้ำตามไปทีหลัง”
“ เอาสมุนไพรนี้ขยำแล้วโป๊ะตรงรอยที่ถูกงูกัด”ชิ่วอิง เห็นแผลที่ถูกกัดบวมแดงจึงเอายาแก้ปวดให้กินอีกเม็ดหนึ่ง คนไข้ยังหายใจรวยริน
“ ให้เขานอนพักอยู่ตรงนี้แหละยังไม่ต้องเคลื่อนย้ายจนกว่าอาการจะดีขึ้น แล้วทำไมถึงพากันไม่อยู่ในป่าแถมยังเอาเด็กน้อยมาด้วยอีก”ชิ่วอิง ลืมไปว่านางอายุเยอะกว่าเด็กน้อยไปสองปีกว่าเอง
“ นายน้อยพวกเราพ่อแม่ลูกออกมามหาสมุนไพรเพื่อนำไปขายประทังชีวิต เดิมทีพวกเราไม่ใช่คนที่นี่แต่ถูกขับไล่ออกมาจาก ตระกูลจึงพากันเร่ร่อนจนมาถึงที่นี่”
“ ถึงเร่ร่อนแบบไหนพวกเ้าก็ไม่ควรจะเอาเด็กน้อยเข้าป่ามาด้วยแบบนี้ แล้วนี่เข้ามาอยู่ที่หมู่บ้านป่าหมอกได้กี่วันแล้ว”ชิ่วอิงข้าจะไว้ใจใครไม่ได้ เด็ดขาด
“ พวกเรามาถึงเมื่อวานนี้ตอนเย็นอาศัยนอนอยู่ที่ศาลาในตลาด ชาวบ้านบอกว่าให้หาสมุนไพรไปขายถึงจะมีเงิน และให้ตัวอย่างสมุนไพรมาพวกเราจะเอาเด็กไว้กับใครได้ก็ต้องเอามาด้วย”
“ พี่ชายข้าเข้าป่าได้ข้าแข็งแรง ถ้าไม่เจองูน่าตายตัวนั้นเสียก่อนพวกเราคงเก็บสมุนไพรได้เยอะแล้ว”
