ซูมู่เจ๋อเห็นเงาร่างสตรีนางหนึ่งที่กำลังนั่งเล่นไพ่อยู่ จึงยังไม่เดินเข้าหา และเป็จินว่านหลี่ที่เดินนำหน้าไป ก่อนจะหยุดอยู่ข้างกายเยว่เฟิงเกอ
อย่างไรก็ตาม จินว่านหลี่ยังคงเป็กังวล เนื่องจากเมื่อครู่ตนวางเงินทั้งหมดไว้ข้างสูง ดังนั้น การที่เขาจากไปเช่นนี้จะแพ้หรือชนะก็ไม่อาจบอกได้
สุดท้ายเมื่อจินว่านหลี่ไปหยุดยืนอยู่หลังเยว่เฟิงเกอ สิ่งที่เขาเห็นกลับเป็กองตั๋วเงินและเศษเงินท่วมสูงตั้งอยู่ตรงหน้านาง
ใบหน้าที่ทุกข์ตรมเล็กน้อยของจินว่านหลี่พลันเปลี่ยนเป็รอยยิ้มกว้าง
เขาเบิกตาเมล็ดถั่วเขียวกว้าง มองเงินเ่าั้อย่างไม่อยากจะเชื่อ
รวยแล้ว เขารวยแล้ว
ทว่า เยว่เฟิงเกอราวกับมีตาหลัง นางกล่าวโดยไม่หันศีรษะกลับไป “จินว่านหลี่ เ้าอย่าเพิ่งดีใจเร็วไปนัก เงินพวกนี้เป็ข้าที่ชนะมาได้ แน่นอนว่าย่อมต้องเป็ของข้า”
รอยยิ้มของจินว่านหลี่แข็งค้างอยู่บนหน้า ปากที่อ้ากว้างของเขาถูกคำพูดนี้ของเยว่เฟิงเกอทำเอาอ้าค้างจนแทบจะย้อยลงติดพื้น
เยว่เฟิงเกอยังคงพูดโดยไม่หันศีรษะกลับไปเช่นเดิม “ข้าให้เ้าไปตามซูมู่เจ๋อ เขาออกมาแล้วหรือยัง? ”
พอดีซูมู่เจ๋อเดินมาถึงเื้ัของเยว่เฟิงเกอ ได้ยินนางเอ่ยชื่อของตนก็เกิดสงสัยในทันที
“เ้ารู้จักข้า? ” ซูมู่เจ๋อหรี่ตามองคนที่เขาไม่คิดว่าตนรู้จักคนนี้
ตอนนี้เองเยว่เฟิงเกอถึงได้หันศีรษะไป นางเห็นซูมู่เจ๋อยืนอยู่เื้ั จึงเก็บตั๋วเงินมหาศาลบนโต๊ะเข้าอกเสื้อ และเหลือเพียงเศษเงิน โยนให้จินว่านหลี่ “เอาไปเล่นเถอะ”
จินว่านหลี่แทบน้ำตานองหน้า เศษเงินแค่นี้ไม่เกินสองตาก็คงแพ้หมดเกลี้ยง
เพียงแต่ตอนที่จินว่านหลี่นั่งลงด้วยความหดหู่อยู่นั้น กลับได้ยินเสียงเยว่เฟิงเกอดังขึ้นอีกครั้ง “ครั้งนี้เดิมพันต่ำ”
จินว่านหลี่หันไปก็เห็นว่าเยว่เฟิงเกอเดินก้าวยาวๆ ออกไปจากโรงพนันแล้ว
ซูมู่เจ๋อไม่ได้จากไปพร้อมเยว่เฟิงเกอ เขายังคงหยุดยืนอยู่ที่โต๊ะพนัน สายตาจดจ้องไพ่ในมือจินว่านหลี่
จินว่านหลี่ตัดสินใจเชื่อคำของเยว่เฟิงเกอ เขานำเศษเงินที่เหลือทั้งหมดเดิมพันที่ฝั่งต่ำ
ครั้งก่อนเขาได้เห็นความร้ายกาจของนางไปแล้ว เพราะฉะนั้นการเชื่อฟังนางไม่มีทางผิดพลาดแน่
สุดท้ายเมื่อเปิดไพ่ทั้งหมดออกมา จินว่านหลี่ก็ร้องเสียงดัง “รวยแล้ว ในที่สุดข้าก็รวยแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า”
ไพ่ในมือของเขาเป็แต้มต่ำทั้งหมด
เนื่องจากก่อนหน้านี้เยว่เฟิงเกอเดิมพันสูงตลอด ทำให้ชนะติดกันสามตา
ฉะนั้นคนบนโต๊ะที่เห็นนางเดิมพันสูงตลอด ส่วนพวกเขาที่วางข้างต่ำกลับต้องแพ้ติดๆ สามตา ครั้งนี้จึงเลือกวางเงินทั้งหมดไว้ที่ฝั่งสูงแทน
เดิมทีคนพวกนี้คิดว่าตานี้ไม่มีทางแพ้อีกแน่ แต่จู่ๆ เยว่เฟิงเกอกลับไม่เล่นแล้ว มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนมือมาเป็จินว่านหลี่แทน
กระนั้นการได้เห็นจินว่านหลี่มาลงเล่นแทนกลับทำให้พวกเขาต่างพากันลอบดีใจ
จะอย่างไรจินว่านหลี่คนนี้ก็เป็คนที่มือไม่ขึ้นเอาเสียเลย
ต่อให้เขาจะมีูเาทองหนึ่งลูก ก็ยังคงจะแพ้จนหมดหน้าตัก
ดังนั้น พวกเขาที่ลงฝั่งสูงจึงรู้สึกโชคดีที่ครั้งนี้ไม่ได้เลือกผิด
เพียงแต่เมื่อครู่ที่เยว่เฟิงเกอบอกให้จินว่านหลี่วางไว้ข้างต่ำ นางพูดด้วยเสียงที่ดังมาก คาดว่าคนทั้งโต๊ะคงได้ยินหมดแล้ว ด้วยเหตุนี้ คนพวกนี้จึงเริ่มร้อนใจขึ้นมาบ้างแล้ว พวกเขาต่างเครียดเขม็งพลางแอบคิดในใจว่า ตานี้ตนจะแพ้อีกหรือไม่
และแล้วก็เป็จริงดังที่กังวล พวกเขาแพ้อีกครั้งจนได้
และพวกเขายังลงเดิมพันไปในจำนวนที่ค่อนข้างมาก ตอนนี้จึงเรียกได้ว่าแพ้อย่างราบคาบแล้ว
จินว่านหลี่คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้เขาจะเอาชนะได้ เขารีบกวาดตั๋วเงินทั้งหมดมาตรงหน้าตน จากนั้นใช้มือปาดน้ำลายแล้วเริ่มนับเงิน
ทั้งหมดมีอยู่เจ็ดร้อยห้าสิบตำลึง เพียงพอให้เขาเล่นไปอีกนาน
“มาๆๆ มาเล่นกันต่อ ฮ่าฮ่าฮ่า...” จินว่านหลี่ยิ้มตาปิดจนมองอะไรไม่เห็นแล้ว
คนอื่นๆ ในโต๊ะได้แต่เฝ้ามองจินว่านหลี่โกยเงินของพวกตนเข้าอกเสื้อด้วยความปวดใจ
ซูมู่เจ๋อที่ยืนอยู่หลังจินว่านหลี่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ สายตาของเขาดุร้ายขึ้นกว่าเดิม
เมื่อครู่จินว่านหลี่บอกว่าเป็เยว่เฟิงที่ตามหาเขา แต่พอเขาออกมากลับเห็นเพียงสตรีนางหนึ่งกำลังเล่นพนันอยู่
ยิ่งกว่านั้น เขายังได้รับการยืนยันจากจินว่านหลี่ที่บอกอย่างแน่ใจอีกด้วยว่าเป็แม่นางคนนี้นี่แหละที่ตามหาเขา
ซูมู่เจ๋อหรี่ตาลงหันศีรษะมองออกไปนอกประตู ก็เห็นว่าเยว่เฟิงเกอกำลังยืนพิงขอบประตูมองเขาด้วยสายตาเกียจคร้าน
ถึงแม้ซูมู่เจ๋อจะไม่รู้ว่าสตรีนางนี้คือใคร แต่ในเมื่อนางรู้จักเยว่เฟิง เช่นนั้นคงต้องไปสมาคมด้วยเสียหน่อย
ซูมู่เจ๋อหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ ถามว่า “เ้าเป็ใครกันแน่ เหตุใดต้องอ้างเป็เยว่เฟิง? ”
เยว่เฟิงเกอส่งรอยยิ้มเ้าเล่ห์ให้ซูมู่เจ๋อ “เยว่เฟิงที่เ้าพูดถึงก็คือข้า”
ซูมู่เจ๋อหัวเราะพรืด “เป็ไปไม่ได้ เยว่เฟิงเป็บุรุษ”
ยามที่เขาพูดประโยคนี้ออกมา ยังได้เบนสายตาลงไปมองยังบริเวณที่อยู่ต่ำกว่าคอของนาง ก่อนจะส่ายหน้าแล้วหัวเราะออกมาสองเสียง “เ้าไม่มีทางเป็เขาไปได้”
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าซูมู่เจ๋อกล้าพูดอย่างมั่นอกมั่นใจเพียงนี้ก็อดหลุดหัวเราะออกมาไม่ได้ นางกดเสียงให้ต่ำลงแล้วพูดขึ้นอีกครั้ง “แล้วหากข้ายังยืนยันว่า ตัวข้านี้ก็คือเยว่เฟิงเล่า? ”
เมื่อเยว่เฟิงเกอเปลี่ยนไปใช้เสียงบุรุษพูด ซูมู่เจ๋อก็ถึงกับต้องหรี่ตาหงส์ของเขาทันที ก่อนจะเบิกกว้างอย่างกะทันหัน
“เ้าคือเยว่เฟิง? ” จะอย่างไรซูมู่เจ๋อก็ยังไม่อาจปักใจเชื่อได้ว่าคุณชายคนนั้นจะเป็สตรี
ตอนแรกที่เยว่เฟิงเกอมาปรากฏกายต่อหน้าซูมู่เจ๋อ เขาก็เรียกได้ว่าถูกความพิเศษของนางดึงดูดเข้าให้ บวกกับว่านางมีกลโกงที่แก่กล้าราวเทพเซียน ทักษะสูงส่งกว่ากลวิธีการโกงของเขาอยู่มากโข หลายวันมานี้ในสมองของซูมู่เจ๋อจึงปรากฏภาพคุณชายสูงศักดิ์คนนั้นอยู่ตลอด
เขารอให้ชายที่มีนามว่าเยว่เฟิงคนนั้นมาปรากฏกายตรงหน้าเขาอีกครั้งมาโดยตลอด
แต่ั้แ่ที่เยว่เฟิงไปจากโรงพนันในครั้งนั้นก็หาได้มาปรากฏตัวที่นี่อีก
ซูมู่เจ๋อเองก็เคยถามจินว่านหลี่ว่าคุณชายที่ช่วยให้คนชนะได้คนนั้นหายไปไหนแล้ว เหตุใดจึงไม่แวะเวียนมาพนันที่โรงพนันแห่งนี้อีก
จินว่านหลี่มักจะเอาแต่อ้ำๆ อึ้งๆ ไม่เอ่ยวาจา
ในที่สุดวันนี้เขาก็ได้ยินจินว่านหลี่บอกว่าเยว่เฟิงมาหาเขาแล้วถึงได้รีบร้อนเดินออกมานอกห้อง
ทว่า คนที่เขาเห็นกลับไม่ใช่เยว่เฟิง แต่เป็สตรีนางหนึ่ง
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าซูมู่เจ๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิมมาก นางก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องจำเสียงของนางในแบบฉบับผู้ชายได้
“เป็อย่างไร ครั้งนี้เ้าคงเชื่อแล้วสินะว่าข้าคือเยว่เฟิง” เยว่เฟิงเกอเปลี่ยนกลับมาเป็เสียงผู้หญิง
ซูมู่เจ๋อพิจารณาเยว่เฟิงเกอั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้ง เพียงครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้น “เหตุใดเ้าต้องปลอมตัวเป็บุรุษมาเล่นพนันที่นี่? แล้วตอนนี้ กลับแต่งเป็สตรี? ”
เยว่เฟิงเกอเลิกคิ้วขึ้น “เื่นี้ เถ้าแก่ไม่จำเป็ต้องรู้หรอก สรุปก็คือที่ข้ามาวันนี้ก็เพราะ้าให้เถ้าแก่ซูเล่นพนันกับข้าสักตา”
เมื่อซูมู่เจ๋อได้ยินว่าเยว่เฟิงเกออยากเล่นพนันกับเขาอีก เขาก็ให้รู้สึกสนใจทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้