“นายน้อยฉินครับ เป็อะไรหรือเปล่า? รั่วโหรวกลับมาตำหนักฉินและบอกว่าคุณโดนจับ”
“ผมไม่เป็ไร ไม่ต้องเป็ห่วงหรอกครับลุงฝู” ฉินเฟิงโบกมือและยิ้ม
หัวหน้าจางก็ทักทายฉินเฟิงด้วยรอยยิ้ม“นายน้อยฉินครับ ผมเพิ่งไปดูมาแล้ว นี่เป็เื่เข้าใจกันผิดคุณแค่ปั่นจักรยานเพื่อชื่นชมทัศนียภาพของเขาโค้งงูเท่านั้น คุณจะเข้าร่วมการแข่งรถได้อย่างไร? ท่านรองหลิ่วประมาทไปผมหวังว่านายน้อยฉินจะยกโทษให้เราด้วย”
ขณะที่พูดอย่างนี้หัวหน้าจางก็ยื่นธงขนาดเล็กมาให้“นายน้อยฉินครับ ครั้งล่าสุดที่ร้านอาหารตะวันตกมีอันธพาลอยากจะทำร้ายคุณคุณต้องเสียขวัญแน่นอน...นี่ก็เป็เื่ผิดพลาดในวงการตำรวจที่ไม่สามารถทำหน้าที่ปกป้องความปลอดภัยของประชาชนให้สำเร็จได้นี่คือธงกล้าหาญสำหรับพลเรือน โปรดรับไว้ด้วยครับ”
ฉินเฟิงมาที่สำนักงานสาขาเขตเหนือ3ครั้ง และได้มา 2 ธง เขาตกหลุมรักที่นี่ทันทีเขาคิดเื่ความอบอุ่นและความเอาใจใส่ของครอบครัวนี้ ต่อไปเขาคงต้องมาบ่อยๆเสียแล้ว
“งั้นก็ขอบคุณครับ หัวหน้าจาง” ฉินเฟิงมองไปที่ธงและกล่าว “จริงสิอุบัติเหตุที่ร้านอาหารตะวันตกครั้งก่อน โชคดีที่ท่านรองหลิ่วไปได้ทันเวลาถ้าไม่ใช่เพราะความดูแลเอาใจใส่ของเธอผมคงไม่รู้ว่าจะหนีจากอุบัติเหตุนั้นยังไงธงนี้ควรจะเป็ของเราทั้งคู่เมื่อคุณเห็นท่านรองหลิ่วอีกครั้งผมวานให้คุณบอกเธอเื่ธงด้วย”
“ครับผม ผมจะฝากข้อความไปให้อย่างแน่นอน”
หลังจากแลกเปลี่ยนคำสุภาพฉินเฟิงและลุงฝูก็ออกจากสถานีตำรวจฉินเฟิงสงสัยว่าสีหน้าของหลิ่วปิงปิงจะเป็อย่างไรเมื่อได้ยินว่าเขาได้ธงกลับบ้านอีกอัน
เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง
...
เมื่อพวกเขากลับถึงตำหนักฉินฉินหวงและทุกคนในตำหนักกำลังรอฉินเฟิงที่คฤหาสน์เมื่อพวกเขาเห็นเขากลับมาอย่างปลอดภัยทุกคนก็โล่งอก
“ฉินเฟิงเป็อะไรหรือเปล่า?” เนื่องจากสวี่รั่วโหรวก็อยู่ที่นี่ด้วยฉินหวงจึงสงวนท่าทีกับฉินเฟิง เขาไม่สามารถแสดงสีหน้าเป็ห่วงได้มากนักเขาจึงจ้องฉินเฟิงด้วยอาการไม่พอใจ
“ท่านประธานฉินครับผมไม่เป็ไรผมบอกรั่วโหรวแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมรู้จักกับท่านรองหลิ่วน่ะเราเป็เพื่อนที่ดีต่อกันจนคุยกันได้ทุกเื่ เธอชวนผมดื่มชาและคุยกันแบบเปิดใจ”ฉินเฟิงกล่าวอย่างอย่างครื้นเครง
ฉินหวงและหานอิ๋งอิ๋งจ้องฉินเฟิงด้วยความดูถูกหลิ่วปิงปิงเนี่ยนะจะเชิญเขาดื่มชา? เพื่อนสนิทที่คุยกันได้ทุกเื่?หลิ่วปิงปิงอดไม่ได้ที่จะรอฆ่าเขาล่ะสิไม่ว่า
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอไม่เป็ไรแล้ว ทุกคนก็ไปนอนได้เ้าเด็กเวรทำให้อิ๋งอิ๋งกับรั่วโหรวรอจนถึงตอนนี้ ไปขอโทษพวกเธอซะ”ฉินหวงตำหนิก่อนจะเดินไปที่บันได
สวี่รั่วโหรวมองฉินเฟิงและส่ายมือ“ฉินเฟิง ฉันไม่เป็ไร คุณไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ”
“อิ๋งอิ๋ง ผมรู้สึกผิดที่ทำให้คุณเป็ห่วงผมจะเดินไปส่งคุณไปพักผ่อนที่คฤหาสน์นะ”
“ไม่จำเป็ค่ะ” เมื่อภาพลักษณ์ของฉินเฟิงที่แอบดมชุดชั้นในของสวี่รั่วโหรวโผล่ขึ้นในหัวเธอก็หยุดเขาทันที “ฉันจะกลับไปเอง ฉันกลัวว่าถ้าคุณมากับฉัน ชุดชั้นในฉันจะหายไป”
ฉินเฟิงและสวี่รั่วโหรวเป็สองคนที่ยังเหลืออยู่ในห้องนั่งเล่นหลังจากได้ยินสิ่งที่หานอิ๋งอิ๋งกล่าวสวี่รั่วโหรวก็มองฉินเฟิงไม่เหมือนเดิมสายตาของเธอเริ่มระมัดระวังมากขึ้น
“รั่วโหรว งั้นฉันจะไปส่งเธอที่ห้องเอง” ฉินเฟิงมองสวี่รั่วโหรวด้วยรอยยิ้ม
“ฉะ...ฉันกลับเองได้ค่ะ”สวี่รั่วโหรวเหมือนกวางน้อยขี้ใและวิ่งขึ้นบันไดไปทันที
“ทำไม...พวกผู้หญิงถึงมาสุภาพเอาวันนี้กันนะ? เราก็อาศัยอยู่ด้วยกันอยู่แล้ว”ฉินเฟิงพึมพำขณะกลับไปยังห้องของตัวเอง
เมื่อเขาขึ้นมาบนเตียงท่าทีของเขาก็จริงจังทันที เขายื่นมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและดึงกล่องไม้เล็กๆออกมา
กล่องไม้เป็รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดงเข้มและยาวเท่าฝ่ามือนี่ไม่ใช่กล่องของฉินฟิง แต่มีคนให้เขามาที่เขาโค้งงูคืนนี้ตอนที่ซูชิวเยว่เริ่มกอดฉินเฟิงก่อนที่จะจากไป เธอใส่มันในอ้อมแขนของเขา
แม้การเคลื่อนไหวของซูชิวเยว่จะไวมากฉินเฟิงก็ยังรู้สึกได้แต่ก็ไม่ได้หยุดหรือเผยการกระทำของเธอทั้งสองเพิ่งเจอกันและฉินเฟิงก็ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าซูชิวเยว่จะมีรักแรกพบกับเขา
เขาเปิดกล่องไม้สีแดงอย่างช้าๆกลิ่นสมุนไพรสดโชยเข้าจมูกของเขาเม็ดยาสีแดงเข้มที่มีรูปร่างคล้ายบัวหิมะปรากฏขึ้นต่อสายตาในฐานะนายน้อยจากตระกูลที่ร่ำรวยเขาเคยเห็นบัวหิมะมาก่อนมันหายากมากและพ่อของเขาก็ทำมันเป็ยาเพื่อดื่มทุกครั้ง
แต่บัวหิมะพิเศษที่ซินเจียงมีใบสีเหลืองขณะที่ในกล่องไม้เป็สีแดงแม้รูปร่างของมันจะคล้ายกับบัวหิมะสีแดงเข้มแต่ก็ชัดเจนว่ามันไม่ใช่บัวหิมะ
“นายท่าน นี่คือบัวโลหิตร้อยปีที่หายากและมีมูลค่าตัวดอกจะบานทุกร้อยปีมันจะดูดซับแก่นของฟ้าดิน ตะวันและจันทรา มันมีพลังจิติญญาจำนวนมากและเป็วัตถุดิบที่สำคัญที่สุดในการปรุงยา”เ้าหมูน้อยโผล่มาได้ถูกจังหวะตลอดเวลา ฉินเฟิงจึงเข้าใจความหมายของ ‘เพื่อนแท้’ในทันที
“บัวโลหิตร้อยปี ฟังดูค่อนข้างสุดยอดแฮะ” ฉินเฟิงพึมพำกับตัวเอง
“นายท่านนายท่านรู้หรือเปล่าว่าบัวโลหิตร้อยปีมีขายในระบบราชันเ้าสำราญเท่าไร?” เ้าหมูน้อยไม่รอให้ฉินเฟิงเดาและกล่าวด้วยท่าทีโอ้อวด “10,000 แต้มสำราญ”
ฉินเฟิงผงะด้วยความใและกล่าวอย่างตื่นเต้น“เ้าหมูน้อย เร็วเข้า ฉันจะขายบัวโลหิตร้อยปีและซื้อวิชาดาบวายุ”
“บัวโลหิตร้อยปีชิ้นนี้ไม่ใช่ของในระบบ ดังนั้นมันทำได้แค่เก็บเท่านั้นแต่ขายไม่ได้” เ้าหมูน้อยมองอย่างดูถูก
“นายท่าน นายท่านรู้วิธีใช้บัวโลหิตร้อยปีหรือเปล่า? ข้าไม่เชื่อว่านายท่านอยากจะขายมันหรอกนี่คือสมุนไพรที่เป็ส่วนประกอบหลักในการปรุงยาปราณโลหิตนายท่านรู้หรือเปล่าว่ายาปราณโลหิตเอาไว้ทำอะไร? ถ้าคนธรรมดากินเข้าไปพวกเขาจะสามารถทลายขีดจำกัดสู่กำลังภายในขั้นหนึ่งและก้าวเข้าสู่เส้นทางจอมยุทธ์ทันที เมื่อจอมยุทธ์ระดับต่ำใช้มันพวกเขาอาจจะทลายขีดจำกัดสู่กำลังภายในหรือกำลังภายนอกถึงขั้นสี่เลยทีเดียว”
“ว้าว มันเจ๋งอย่างนี้นี่เองสินะ?” ครั้งนี้ฉินเฟิงเข้าใจแล้วว่าบัวโลหิตร้อยปีมีค่าแค่ไหน
“เ้าหมูน้อย แล้วฉันจะปรุงยาอย่างไรล่ะ?”
“การเชื่อมต่อยาเม็ดของระบบราชันเ้าสำราญถูกปลดล็อกนานแล้วยาสมานทองขั้นต้นที่นายท่านซื้อ ก็เป็ยาเม็ดระดับต่ำสุดแต่นายท่านต้องทลายขีดจำกัดสู่กำลังภายในขั้นที่สี่เท่านั้นถึงจะครบเงื่อนไขสำหรับการปรุงยา ซึ่งตอนนี้นายท่านยังไม่สามารถทำได้”เ้าหมูน้อยกล่าว
ฉินเฟิงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างขาดหายไปทันที“แกกำลังจะพูดว่าฉันต้องทลายขีดจำกัดสู่กำลังภายในขั้นสี่ก่อนถึงจะปรุงยาและสร้างยาปราณโลหิตได้แล้วก็มีแต่ยาปราณโลหิตนี้เท่านั้นที่สามารถให้ผู้ใช้ทลายขีดจำกัดสู่กำลังภายในขั้นสี่ได้อย่างรวดเร็ว...แล้วยังมาใช้ตูปรุงยาปราณโลหิตอีก”
เ้าหมูน้อยบุ้ยปากและเริ่มแกล้งตาย
แต่สุดท้ายแล้วยาปราณโลหิตก็ค่อนข้างดีเยี่ยมเลยทีเดียว แม้เขาจะใช้ไม่ได้เขาก็ยังให้คนอื่นใช้ได้มันค่อนข้างน่าเหลือเชื่อที่ยาเม็ดเดียวจะสามารถสร้างจอมยุทธ์กำลังภายในขั้นหนึ่งขึ้นมาได้
เพียงแค่จิตนึกคิดฉินเฟิงก็เก็บบัวโลหิตร้อยปีเข้าระบบ ครั้งนี้เขายังไม่สามารถใช้ของเล่นชิ้นนี้ได้