“วูบ!”
ทันใดนั้นทวนจันทร์ปรากฏในมือของหวงเหยียนิ ทั้งยังมีเจตจำนงต่อสู้อันแรงกล้าแผ่กำจาย
หวงเหยียนินั้นใช้ทวนมาั้แ่เด็กจึงมีฝีมือพอตัว และอำนาจทวนก็บรรลุขั้นผันแปร่ปลายแล้ว จากนั้นเขาใช้ทวนจันทร์เสี้ยวบุกโจมตีเย่เฟิง จู่ ๆ มีพลังหยวนมารวมตัวที่กลางอากาศก่อนจะกลายเป็รังสีทวนนับไม่ถ้วน
“ดูซิว่าครั้งนี้เ้าจะหนีไปได้ยังไงอีก?” หวงเหยียนิกล่าวเสียงเย็น เดิมทีเขาคิดว่าจะเอาชนะเย่เฟิงโดยไม่ต้องใช้ทวนจันทร์เสี้ยว แต่ตอนนี้เขาจำต้องใช้มันแล้ว
“เ้าคิดว่าตัวเองมีอาวุธแค่คนเดียวงั้นหรือ?” เย่เฟิงกล่าว พลันหอกสีเงินปรากฏในมือเขา พร้อมตัวหอกเปล่งแสงเป็ประกาย
จากนั้นเย่เฟิงแทงหอกโจมตี พลันรังสีหอกเข้าปะทะกับรังสีทวนของหวงเหยียนิ ตามมาด้วยเสียงดังตูม ทว่าหอกของเย่เฟิงกลับทรงพลัง รังสีหอกกลืนกินรังสีทวนก่อนจะพุ่งเข้าหาหวงเหยียนิ
หวงเหยียนิต้องหน้าถอดสี เขาหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว แต่กลับสายเกินไป รังสีหอกนั่นกรีดผ่านหน้าอกของเขา เสื้อผ้าบริเวณนั้นฉีกขาด ทิ้งรอยเืเป็ทางยาว พร้อมกับมีเืไหลออกมาไม่หยุด
“รังสีหอกของเย่เฟิงผู้นี้ทรงพลังมาก เพิ่งสำแดงหอกก็ทำร้ายหวงเหยียนิได้แล้ว หรือว่าเขาจะเอาชนะหวงเหยียนิได้?”
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใและไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง พวกเขาไม่เคยเห็นรังสีหอกที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อน เรียบง่ายแต่กลับทรงพลังและไร้เทียมทาน
“เมื่อครู่ข้าไม่ได้ลงมือ แต่เ้าบอกว่าข้าจะหนี บัดนี้ข้าออกกระบวนท่าเดียวเ้าก็เกือบถูกทะลวงหน้าอกแล้ว ศึกต่อสู้นี้คงไม่จำเป็ต้องดำเนินต่อไปแล้วกระมัง?” เย่เฟิงกล่าวเย้ยหยันขณะมองหวงเหยียนิ ทำหวงเหยียนิกัดฟันกรอด แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองลอยฟ้าที่ดูอยู่บนอัฒจันทร์ต่างก็เผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา
เขาหวงเหยียนิอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 9 หนึ่งในสี่อัจฉริยะบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋น ชาวเมืองลอยฟ้ายังขนานนามเขาว่าเป็องค์ชายผู้สูงส่ง แต่จะถูกผู้อื่นเล่นงานเช่นนี้ได้อย่างไร?
การที่ถูกเย่เฟิงเล่นงานในการประลองยุทธ์เลือกคู่ ทำให้หวงเหยียนิโมโหเป็อย่างมาก
“สวะ ข้าหวงเหยียนิขอสาบานว่าต้องฆ่าเ้าให้จงได้!” หวงเหยียนิขึ้นเสียงด้วยโทสะ จากนั้นรังสีทวนถูกปลดปล่อยอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังผสานด้วยอำนาจขั้นผันแปร่ปลาย ทุกการโจมตีล้วนแฝงด้วยพลังอันน่าทึ่ง
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายเฉียบคม เขาเองก็แทงหอกไม่ยั้งเช่นกัน ก่อนจะเข้าปะทะกับรังสีทวนของหวงเหยียนิ ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น พลังอันมหาศาลเช่นนั้นทำให้หวงเหยียนิรู้สึกแขนชา จึงอดถอยหลังไปหลายก้าวไม่ได้ เพียงเวลาสั้น ๆ ตามตัวหวงเหยียนิก็เต็มไปด้วยาแหลายแห่ง
“เป็ไปได้ยังไง? เ้าอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่พลังกายจะแข็งทนทานเยี่ยงนี้ได้ยังไง?”
หวงเหยียนิเผยสีหน้าบูดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เขาอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 9 มีพลังกายเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดทั่วไป แต่จากการปะทะกับเย่เฟิง หวงเหยียนิยังคงมีความสามารถไม่พอ ซ้ำยังรู้สึกว่าเขากับเย่เฟิงอยู่คนละชั้นกัน หากเป็เช่นนี้ต่อไป เขาเองก็ไม่กล้ารับประกันว่าอาวุธที่อยู่ในมือตนจะจัดการเย่เฟิงได้หรือไม่
“ตัวเองมีฝีมือไม่ถึง แล้วจะหาข้ออ้างมาทำไมตั้งเยอะแยะ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มเ็าพร้อมกับเดินไปข้างหน้าอีกครั้ง
พลังกายของเขามีถึงสามแสนจิน ในการโจมตียังผสานด้วยอำนาจฟ้าดินขั้นกายา เพียงพึ่งพาพลังเช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 9 ทั่วไปจะรับมือได้ แน่นอนว่าหวงเหยียนิเองก็ไม่มีทางต่อต้านเย่เฟิง
“เย่เฟิงผู้นี้ร้ายกาจมาก อยู่แค่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่กำราบหวงเหยียนิที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 9 ได้ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก!”
“ใช่ การโจมตีของเย่เฟิงทรงพลังมาก อีกอย่างข้ายังััถึงพลังแห่งอำนาจในการโจมตีที่เขาสำแดงด้วย ดูเหมือนจะเป็อำนาจฟ้าดิน ทั้งยังอยู่ขั้นผันแปร่ปลาย!”
“อะไรนะ? อยู่แค่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่พลังแห่งอำนาจบรรลุขั้นผันแปร่ปลายแล้ว? ถ้างั้นข้าสงสัยจริง ๆ ว่าเย่เฟิงผู้นี้ใช่มนุษย์หรือไม่!”
เมื่อผู้คนที่ชมอยู่บนอัฒจันทร์เห็นเย่เฟิงกำราบหวงเหยียนิได้ต่างก็พากับวิพากษ์วิจารณ์ โดยพูดถึงพลังของเย่เฟิง แต่ขณะเดียวกันก็ยังรู้สึกใอย่างมาก
“เคล็ดวิชาหอกเงินประกายของเย่เฟิงผู้นี้ทรงพลังกว่าตอนที่เย่เฟิงใช้เมื่อปีที่แล้ว สงสัยหวงเหยียนิคงพ่ายแพ้แล้วละ!” องค์าาจ้าวกล่าวพลางลูบเคราตัวเอง ส่วนจ้าวซินอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตาเผยประกายความผันผวนเล็กน้อย พร้อมกับกำมือแน่น
“เ้าหมอนี่แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?” จ้าวหยางตาส่องประกายเย็นเยือก เขารู้จักเย่เฟิงมาได้สักพักใหญ่ ๆ แล้ว ทั้งยังรู้ว่าศักยภาพและพลังต่อสู้ของเย่เฟิงเป็อย่างไร แต่กลับไม่คิดว่าเย่เฟิงจะทรงพลังมากถึงเพียงนี้
หวงเหยียนิถูกรังสีหอกกดดันจนถอยหลังไปหลายก้าวอย่างต่อเนื่อง บนหน้าผากต้องเต็มไปด้วยเหงื่อ และเริ่มตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก
ครู่ต่อมาผู้คนได้ยินเสียงดังปัง หอกของเย่เฟิงแปรเปลี่ยนเป็กระบอง ซึ่งกระบองนั้นฟาดไปที่ร่างหวงเหยียนิเต็มแรง ร่างหวงเหยียนิจึงกระเด็นไปกองกับพื้นพร้อมกระอักเืออกมา
หวงเหยียนิหน้าขาวซีด เขาอยากลุกขึ้นยืน แต่กลับรู้สึกเย็น ๆ ที่ลำคอ ก่อนจะพบว่ามีปลายหอกจี้อยู่ที่ลำคอเขา นาทีนี้ผู้คนต่างต้องตาเบิกกว้างด้วยความใ แม้เมื่อครู่นี้พวกเขาดูออกว่าหวงเหยียนิจะพ่ายแพ้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังใอยู่ดี
เย่เฟิงขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 เอาชนะหวงเหยียนิขั้นยุทธ์แท้ที่ 9 ทั้งยังลงมือเฉียบขาดจนหวงเหยียนิไร้กำลังต่อต้าน ซึ่งพวกเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีคนเอาชนะข้ามระดับถึงสี่ขั้นและง่ายดายเพียงนี้
ผู้ฝึกยุทธ์เมืองลอยฟ้าที่ชมอยู่บนอัฒจันทร์ต่างเผยสีหน้าดูไม่ได้ขึ้นมา องค์ชายของพวกเขาคือผู้แข็งแกร่ง ทว่าบัดนี้กลับพ่ายแพ้ให้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 พวกเขาจะยอมรับได้อย่างไร?
“มีปัญญาแค่นี้แต่คิดจะฆ่าข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงตาส่องประกายคมกริบขณะเชิดหน้ามองหวงเหยียนิ
“ไอ๊สวะ เ้าจะทำอะไร?”
หวงเหยียนิถอยหลังด้วยสีหน้าตื่นตระหนก เขาเห็นจิตสังหารในแววตาของเย่เฟิง เขารู้ว่าเย่เฟิงทำสิ่งใดจะไม่คิดถึงผลลัพธ์ หากเขาไม่ทำอะไรสักอย่าง เย่เฟิงอาจจะฆ่าเขาก็เป็ได้
“ก่อนหน้านี้เ้า้าฆ่าข้า แต่เ้ากลับมาถามข้าว่าจะทำอะไรงั้นหรือ?” เย่เฟิงเหยียดยิ้มอย่างชั่วร้าย พร้อมกับขยับหอกในมือเล็กน้อย จู่ ๆ ทำให้มีเืซึมตรงคอของหวงเหยียนิเล็กน้อย
“เ้ากล้าหรือ!”
ผู้ฝึกยุทธ์เมืองลอยฟ้าเห็นเย่เฟิงเตรียมลงมือทำร้ายหวงเหยียนิต่างก็ลุกพรวดจากที่นั่ง พร้อมกับไอสังหารพวยพุ่งออกจากร่าง
“หอการค้าเทียนจี๋อยากฆ่าข้า ข้าจึงถล่มหอการค้าเทียนจี๋ เ้าว่าตอนนี้ข้ากล้าสังหารเขาหรือไม่?”
ท่าทีของเย่เฟิงแสดงถึงความไม่สนใจไยดีอย่างเห็นได้ชัด แล้วมีหรือเขาจะเกรงกลัวการคุกคามจากอีกฝ่าย?
“เช่นนั้นเ้าคิดจะทำอะไร?” ผู้ฝึกยุทธ์เมืองลอยฟ้าเผยสีหน้าไม่สู้ดี พวกเขารู้ดีว่าตัวเองคุกคามเย่เฟิงไม่ได้ จึงไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
“เย่เฟิง ถือว่าเห็นแก่ข้า เ้าจะไว้ชีวิตเขาสักครั้งได้หรือไม่?”
ขณะนั้นเสียงขององค์าาจ้าวดังมาจากอัฒจันทร์หลัก ทำให้ผู้คนหันไปมองเขาด้วยความสนใจ
“องค์าาขอร้องแทนหวงเหยียนิเช่นนี้ น้ำเสียงที่พูดกับเย่เฟิงก็ดูค่อนข้างเกรงใจ เห็นชัดว่าตอนนี้เย่เฟิงมีความสำคัญแค่ไหนกับองค์าาจ้าว!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขึ้น
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ เขารู้ว่าเหตุใดองค์าาจ้าวจึงขอร้องแทนหวงเหยียนิ นั่นก็เพราะองค์าาจ้าวคำนึงถึงสถานการณ์โดยรวม ถึงอย่างไรหากหวงเหยียนิตายที่อาณาจักรจ้าว เ้าเมืองลอยฟ้าต้องมาถามหาคำอธิบายจากอาณาจักรจ้าวอย่างแน่นอน เช่นนั้นอาณาจักรจ้าวอาจจะเกิดความวุ่นวายขึ้นได้
แต่ขณะเดียวกันจ้าวซินอี๋ที่อยู่ข้าง ๆ องค์าาจ้าวก็พยักหน้าให้เย่เฟิง ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายตอบรับคำขอขององค์าาจ้าว
“ในเมื่อองค์าาขอร้องแทนเ้า เช่นนั้นข้าจะปล่อยเ้าไป แต่หากเ้ายั่วโมโหข้าอีกครั้ง ข้าไม่ปล่อยไว้แน่!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะมองหวงเหยียนิ จากนั้นหอกในมือเขาแปรเปลี่ยนเป็กระบองอีกครั้ง ก่อนจะตีร่างหวงเหยียนิจนร่างหวงเหยียนิกระเด็นตกเวทีประลอง
ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างก็ใ เย่เฟิงเด็ดขาดมาก แม้หวงเหยียนิจะเป็นายน้อยแห่งเมืองลอยฟ้า เป็หนึ่งในสี่อัจฉริยะบุรุษแห่งแดนชิงอวิ๋น แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกเย่เฟิงทำร้ายเช่นนี้ เื่นี้ไม่เพียงแต่ทำให้หวงเหยียนิอับอายขายหน้า แต่ยังส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของหวงเหยียนิ
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จากเมืองลอยฟ้าต่างมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาตแค้น เมืองลอยฟ้าของพวกเขาคือการดำรงอยู่นอกเหนือเจ็ดอาณาจักรแห่งแดนชิงอวิ๋น มีพลังเทียบเท่าหนึ่งอาณาจักร
บัดนี้นายน้อยของพวกเขาถูกทำร้ายในที่แห่งนี้ พวกเขาจะนิ่งเฉยได้อย่างไร? พวกเขาต้องเอาชีวิตของเย่เฟิงมาชำระความอัปยศนี้ให้ได้
“เย่เฟิงชนะหวงเหยียนิ เช่นนั้นพลังของเขาก็น่าจะแข็งแกร่งมากนอกเหนือจากซือคงเสวียนและเว่ยเจิ้นเทียน หลังจบการประลองยุทธ์เลือกคู่ เย่เฟิงคงได้เป็หนึ่งในสี่อัจฉริยะบุรุษเป็แน่!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองเย่เฟิงด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา
“ใช่ หากตบะของเย่เฟิงไม่ต่ำต้อย ตำแหน่งราชบุตรเขยก็อาจเป็ของเขา!” คนที่อยู่ข้าง ๆ คนนั้นกล่าวเสริม เย่เฟิงอยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 3 แต่สามารถเอาชนะหวงเหยียนิที่อยู่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 9 หากตบะของเย่เฟิงอยู่ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด เขาก็อาจจะเอาชนะซือคงเสวียนและชิงตำแหน่งราชบุตรเขยมาครองได้
แน่นอนว่าซือคงเสวียนย่อมได้ยินคำพูดเหล่านี้ ส่งผลให้แววตาของเขาเผยประกายเย็นะเืเป็พิเศษ
