“หมอก็เหมือนอาชีพอื่น เงินเป็สิ่งสำคัญ การที่ผมมาดูแลคุณอย่างใกล้ชิดแทนพยาบาล เป็ความ้าของคุณวิภาวี แน่นอนว่าต้องได้รับเงินพิเศษเพิ่มขึ้นจากเวลาปกติ ดังนั้นคุณไม่ต้องเกรงใจ”
‘ใครว่าผมเกรงใจ อึดอัดจะตายอยู่แล้วต่างหาก’
“แต่ว่า...” ยังไม่ทันที่ผมจะเอ่ยบางอย่างออกไป เสียงประตูห้องก็เปิดออก ร่างของคุณปู่ที่นั่งอยู่บนรถเข็นก็ยิ้มให้อย่างใจดี ผมเกือบเผลอลุกขึ้นวิ่งไปหา หากแต่ถูกคุณหมอจับตัวไว้ได้ทัน ผมหันไปมองหน้าเขา ทว่าเขาทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงมองตรงไปยังผู้มาเยือนด้วยรอยยิ้มบาง ๆ
“เ้าคีย์...เจ็บมากไหม?” แค่คำถามง่าย ๆ ก็ทำเอาผมแทบกลั้นน้ำตาไม่ไหว ก่อนแม่ของผมจะค่อย ๆ เข็นคุณปู่เข้ามาหา ผมเห็นสายตาเป็ห่วงจากคุณปู่อย่างชัดเจน นั่นทำให้ผมไม่อาจกลั้นน้ำตาต่อไปได้ ทว่ามันหยดลงมาสองสามหยด ผมก็รีบปาดออก แล้วยกมือไหว้คุณปู่ธลากรด้วยความคิดถึง
“เจ็บไหม?” เสียงแหบพร่าถาม ผมค่อย ๆ ส่ายศีรษะ
“เห็นหน้าคุณปู่ ผมก็หายเจ็บแล้วครับ” ผมรู้นะ ว่าคำตอบเชย ๆ ของผมมีคนบางคนแอบยิ้มอยู่ด้านข้าง แต่นั่นไม่ทำให้ผมใส่ใจมากนัก
“พ่อพาปู่มาทำไมให้ลำบาก อีกไม่นานผมก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว” ผมเงยหน้าถามพ่อ
“ก็ถามหาแกทุกวัน ทุกชั่วโมง แต่วันนี้ไม่รู้เป็ไง พอบอกว่าแกอยู่โรงพยาบาล ก็จะมาหาแกให้ได้” ฟังเหตุผลของพ่อ ก็ทำให้ผมยิ่งรักปู่มากขึ้นไปอีก จึงก้มลงหอมแก้มซ้ายขวาให้ชื่นใจ
“มาเลย เดี๋ยวพ่อบันทึกวิดีโอไว้ก่อน กลับไปถึงบ้านเดี๋ยวก็ถามหาอีก” คุณพ่อรีบยกมือถือขึ้นมาถ่าย เพื่อใช้เป็หลักฐาน กลัวว่าคุณปู่จะรบเร้าให้พามาโรงพยาบาลอีก
ผมกับคุณปู่คุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนปู่ผมจะชี้มือมาที่คุณหมอ แล้วทำตาโต
“คุณหมอ..มาอยู่นี่ได้ไง” ผมหยุดนิ่ง แล้วหันมองไปยังคุณหมอประจำตัวผม ก่อนคุณหมอนาวินจะส่งยิ้มอบอุ่นให้คุณปู่ของผม แล้วตอบกลับ
“ผมมารักษาหลานของคุณปู่ไงครับ” คำตอบอ่อนโยนของเขาทำให้ปู่ผมยิ้ม แล้วหันไปยังคุณแม่
“วิภาวี...นี่คุณหมอนาวิน รักษาหลานฉันด้วยเหรอ?”
“คุณหมอนาวิน เป็คุณหมอศัลยแพทย์ประสาทที่เก่งที่สุด เป็คนช่วยชีวิตคีย์ไว้ค่ะ และวันนี้ไหน ๆ ก็มาโรงพยาบาลแล้ว ให้คุณหมอจัดยาให้ด้วยเลยนะคะ” ผมหันมองไปยังคุณหมอนาวิน แล้วเอียงศีรษะเล็กน้อย
“แล้วทำไมแม่ ไม่ให้คุณหมอประจำตัวคุณปู่ดูแลล่ะครับ” ผมถามออกไปอย่างคนไม่รู้
“ก็คุณหมอนาวินนี่แหละ คุณหมอประจำตัวคุณปู่” คำตอบของแม่ ทำให้ผมเลื่อนสายตามายังคุณหมอนาวิน เขาแค่ยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร
“ถ้าปู่รู้แต่แรก ว่าคีย์อยู่กับคุณหมอนาวิน ปู่ก็ไม่ห่วงแล้วล่ะ”
“พอกลับถึงบ้านก็ถามหาคีย์อีก ผมถ่ายคลิปไว้หมดแล้วนะ ถ้าเปิดให้ดู สัญญานะ ว่าจะไม่รบเร้าให้พวกเราพามาหาคีย์อีก” คุณปู่ชักสีหน้าเล็กน้อย แล้วหันไปยังคุณพ่อ
“ฉันไม่ใช่เด็ก!” นั่นทำให้ทุกคนพากันหัวเราะกับความอยากเอาชนะของคุณปู่ ก่อนผมจะหันมาสบตากับคุณหมอนาวิน เป็ครั้งแรกที่เขาส่งยิ้มมีความหมายมาให้ นั่นทำให้ผมรีบหลบสายตาเขาทันที
“ถ้างั้นหมอไปรอที่ห้องนะครับ” พูดจบ ร่างสูงสง่าในชุดกาวน์ ก็เดินออกจากห้องไป ท่ามกลางสายตาของทุกคน
“นี่ถ้าฉันมีหลานสาว ฉันจะทาบทามคุณหมอคนนี้ให้เป็หลานเขย” คุณปูธลากรเอ่ยขึ้น ก่อนแม่ผมจะตอบกลับ
“แน่ใจนะคะ ว่าถ้ามีหลานสาวจริง ๆ จะเอาชนะใจคุณหมอนาวินได้ เก่งปานนั้น คงไม่มาหลงรักหลานสาวของคุณพ่อหรอกค่ะ”
“ยัยสะใภ้คนนี้ จะบอกให้รู้ไว้นะ ถ้าฉันมีหลานสาวจริง ๆ ฉันจะยกให้คุณหมอนาวินนี่แหละ ยังไงเขาก็ต้องรักหลานสาวของฉัน เธอก็รู้ว่าความเหมาะสมสำคัญแค่ไหน เขาเป็หมอ ส่วนหลานสาวฉันเป็นักธุรกิจ มีทรัพย์สินหลายร้อยล้าน เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก” สิ้นคำพูดของคุณปู่ ทำให้ผมหวนนึกถึงเื่ราวประหลาดที่เกิดขึ้นกับผม ภาพเหตุการณ์ที่เห็นดูเหมือนคุณภูมิพลต้องแต่งงานกับมยุราโดยปราศจากความรัก ทว่าแต่งงานกันเพราะฐานะเหมาะสม เพราะงั้นพวกเขาจึงดูไม่มีความสุข...
“ว่าแต่เมื่อกี้ คุณหมอนาวินยืนอยู่ตรงนี้ ไปไหนแล้วล่ะ?”
“คุณพ่อครับ คุณหมอเพิ่งจะบอกอยู่ ว่าไปรอที่ห้อง ไม่ทันไรลืมอีกแล้ว”
“พวกแกน่ะ อย่าให้แก่เหมือนฉันบ้างก็แล้วกัน” คุณปู่พึมพำไปตามประสา ก่อนจะถูกพาไปพบคุณหมอประจำตัว หลังจากประตูห้องปิดลง ผมก็ลุกขึ้นฝึกกายภาพด้วยตัวเองต่ออีก เพราะอยากหายออกจากโรงพยาบาลเร็ว ๆ
ในทุกวัน ผมฝึกกายภาพตามที่คุณหมอนาวินบอก และเขาเป็คนดูแลผมอย่างใกล้ชิด ทว่าเป็ผมเองที่พยายามอยู่ห่าง เพราะเริ่มกลัวความรู้สึกแปลก ๆ ของตัวเองเมื่ออยู่ใกล้เขา
“เอ่อ..ผมขอเดินเองได้ไหมครับ” ผมพูด พร้อมขยับตัวไปกับวอล์คเกอร์ช้า ๆ โดยไม่ให้คุณหมอใกล้ชิดมากนัก
เพิ่งสังเกตว่าสายตาของเขาเวลามองมา เหมือนมีบางอย่างเก็บซ่อนไว้ จะว่าไปแล้วสายตานั้นไม่เหมือนกับสายตาของคนทั่วไป ทว่าเป็สายตาแห่งความรู้สึกผิด รู้สึกผิดอะไรนั้นผมไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าผมไม่อยากอยู่ใกล้เขานานกว่านี้
“ระวังนะด้วยนะ” เสียงอบอุ่นเอ่ยเตือน เมื่อเห็นผมพยายามกายภาพด้วยตัวเอง โดยไม่ให้เขาเข้าใกล้ ยังคงมองผมด้วยสายตาเป็ห่วงเช่นเดิม
“พักก่อนเถอะ” เมื่อถึงเวลาพัก เขาเข้ามาแล้วพยุงผมไปนั่งยังเตียงนอน พร้อมอาหารกลางวันถูกยกมาโดยพยาบาลคนสวย
“ของคุณหมอ ฉันเตรียมไว้ให้ที่ห้องพักแล้วนะคะ”
“เอามาให้ผมที่นี่เลยก็ได้ ทานเสร็จแล้วจะได้เริ่มกายภาพกันต่อ” เขาพูดพร้อมหันใบหน้าหล่อเหลามายังผม คุณหมอในชุดกาวน์ย่อตัวลงนั่งใกล้ ๆ มองผมอย่างเงียบ ๆ และผมก็เริ่มทำอะไรไม่ถูก เป็ครั้งแรกที่ภายในห้องมีเพียงเขาและผมนั่งอยู่โดยไม่รู้จะพูดอะไร
“ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยชีวิตผมไว้” ผมเอ่ยขอบคุณเพื่อทลายบรรยากาศเงียบเชียบ ทว่าคุณหมอเพียงแค่ยิ้มแล้วตอบกลับ
“เป็หน้าที่ของหมอ ไม่ต้องขอบคุณหรอก”
“ถึงยังไง ก็ต้องขอบคุณอยู่ดี ถ้าไม่มีหมอ ผมก็คงตายไปแล้ว” เสียงเปิดประตูดังขึ้น ถาดอาหารของคุณหมอถูกพยาบาลยกมาวางไว้ใกล้ ๆ ผมหันมองไปยังถาดอาหารของคุณหมอ ทว่ารู้สึกแปลกใจ เมื่อเมนูของเขาเป็ไข่เจียว และต้มมะระซึ่งตรงกับของโปรดคุณภูมิพล ที่มยุราเคยทำให้บ่อย ๆ
“อยากกินไหมล่ะ ผมแบ่งให้ได้นะ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้ม ผมกลืนข้าวในคอลงอย่างช้า ๆ พร้อมส่ายศีรษะเบา ๆ
“ไม่ครับ ขอบคุณ”
“ต้มมะระเป็อาหารคนแก่น่ะ คุณย่าผมทำให้กินบ่อย ๆ ั้แ่เด็ก ผมก็เลยชอบ จริง ๆ มะระก็มีสรรพคุณหลายอย่างดีต่อสุขภาพด้วยนะ”
“ผมว่าคุณหมอ ไม่ได้ชอบที่สรรพคุณมันหรอกครับ” ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมพูดไปแบบนั้น แต่ก็ทำให้คุณหมอหยุดชะงัก ก่อนพยักหน้าขึ้นลงยอมรับช้า ๆ
“ก็ถูก..ผมชอบเพราะมันมีรสชาติเฉพาะของมัน จะขมก็ว่าขม แต่ในรสขมก็มีความอร่อย นั่นแหละคือรสชาติที่ผมชอบ” คุณหมอพูดจบก็ตักต้มมะระกินอย่างเงียบ ๆ ผมเองก็ตักอาหารกินโดยไม่พูดอะไร หลายครั้งที่ผมแอบมองคุณหมอนาวิน จะว่าไปแล้วเขาอายุไม่มาก ห่างจากผมราวสิบปี แต่บุคลิกท่าทางไม่ต่างจากชาติที่แล้วของเขาเท่าใดนัก ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ผมถึงต้องรับรู้เื่ราวของเขา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับผม
“ทำไมคุณถึงอยากเป็หมอ?” ผมถามเพราะอยากรู้ เขาค่อย ๆ วางช้อนลง แล้วเคี้ยวอาหารเบา ๆ
“อาจเพราะว่าหมอได้เงินเยอะ” ผมพยักหน้าเบา ๆ แล้วตอบกลับ
“เข้าใจแล้ว ว่าทำไมถึงไม่อยากเป็ตำรวจ”
“คุณพูดว่าอะไรนะ” น้ำเสียงของคุณหมอนาวินเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ผมจึงเงยหน้ามองเขา แต่เพิ่งเข้าใจว่าไม่ใช่เพียงแค่น้ำเสียง ทว่าเป็สีหน้าที่เคร่งขรึมผิดจากเมื่อครู่ นั่นทำให้ผมรู้แล้วว่าเผลอพูดอะไรไม่ควรออกไป
“ผมหมายถึงว่า หมอ เป็อาชีพที่ได้เงินเยอะจริง ๆ มากกว่าอาชีพอื่น ๆ” ผมไม่รู้หรอก ว่าที่ถูไถแก้ตัวไปจะทำให้เขาพอใจไหม แต่นั่นก็ทำให้ผมไม่สบตาเขาอีก ก้มกินอาหารของตัวเองไปอย่างเงียบ ๆ
“คุณหมอแต่งงานหรือยัง?” ขณะที่เคี้ยวอาหารอยู่ เขาส่ายศีรษะช้า ๆ
“ผมไม่ค่อยมีเวลา คุณก็เห็น เวลาส่วนใหญ่ผมอยู่กับคนไข้มากกว่า” เหตุผลของเขา ผมก็พอเข้าใจได้ไม่ยากนัก
หลังจากนั้นคุณหมอนาวิน ก็ลุกขึ้นเดินไปรินน้ำใส่แก้ว แล้ววางไว้ให้ผมโดยที่ไม่ทันได้เอ่ยขอ จริง ๆ แล้วเขาไม่ใช่คนพูดเยอะ ดูเงียบ ๆ เคร่งขรึม ขนาดเวลากินอาหารยังดูตั้งใจ ตอนรักษาคนไข้ ก็คงใช้ความตั้งใจมากกว่านี้ ไม่รู้ว่าผมเผลอมองนานเกินไปจนอีกฝ่ายรู้ตัว เขาวางช้อนในมือลงแล้วมองหน้าผม ให้ตายเถอะ สายตาของเขาทำให้หัวใจผมเต้นผิดจังหวะอีกแล้ว ยอมรับว่าทำอะไรไม่ถูกจึงก้มหน้าลงตักอาหารเข้าปากช้า ๆ
” ผมแต่งงานกับใครไม่ได้หรอก” คำพูดแปลก ๆ ของเขาสะกิดให้ผมต้องเงยหน้าสบสายตาเขาอีกครั้ง
“ทำไมล่ะครับ ขนาดผมเป็ผู้ชายยังมองว่าคุณหมอเพียบพร้อมทุกอย่าง เชื่อว่า ยังมีผู้หญิงที่คู่ควรกับคุณหมออีกมากที่รออยู่” เขาสบสายตาผมนิ่ง แล้วส่งยิ้มให้โดยไม่ตอบอะไร