เมื่อสตรีสองนางนั้นกลับมาจากบ้านหลี่แล้ว ก็ไปบ่นกับคนในตระกูล “ล้วนต้องโทษหวังฝูจื้อ มิเช่นนั้นบ้านหลี่คงจะขายเต้าหู้ให้ข้าแล้ว”
“ก่อนหน้านี้หากบ้านหลี่มีเื่ดีอันใดจะนึกถึงคนตระกูลเราเป็อันดับแรก ตอนนี้หวังฝูจื้อทำความลับหลุดออกไป ทำให้บ้านหลี่ขุ่นเคือง ต่อให้มีเื่ดีๆ ก็ไม่มีส่วนของตระกูลเราอีก”
สตรีหลายนางพูดเื่นี้กับหวังไห่และเฟิงซื่อ ขอร้องให้นางไปคุยกับจ้าวซื่อ เพื่อให้หลี่หรูอี้ยอมขายเต้าหู้ให้พวกนาง
“วันนี้ซื่อโก่วจื่อและอู่โก่วจื่อเพิ่งไปขายเต้าหู้ ยังไม่รู้ว่าจะทำกำไรได้หรือไม่ อีกสองสามวันค่อยว่ากันเถิด คำพูดของหรูอี้ถูกต้องแล้ว พวกเ้ารอไปก่อนค่อยว่ากันอีกที” เฟิงซื่อไม่มีหน้าไปขอร้องจ้าวซื่อจริงๆ นางกลัวว่าจะเกิดการกระทบกระทั่งจนทำลายมิตรภาพที่มี คิดรอให้จ้าวซื่อคลอดก่อน รอให้คนบ้านหลี่อารมณ์ดีเสียก่อนค่อยไปคุยกันอีกครั้ง
สตรีทั้งหลายกลับไปถึงบ้านของตน ก็นำเื่นี้คุยกับผู้าุโในบ้าน ทำให้แต่ละคนเคียดแค้นหวังฝูจื้อที่ตัดหนทางร่ำรวยของคนในตระกูลจนหมด
จนกระทั่งยามบ่าย เมื่อหลี่หรูอี้ใช้ดีเกลือทำเต้าหู้เสร็จแล้ว หลี่ซานก็ขับเกวียนไปขายของที่ตลาดเล็กในอำเภอฉางผิง ยังไม่ทันออกจากหมู่บ้านก็เห็นพวกซื่อโก่วจื่อเดินมาพร้อมรอยยิ้มเต็มใบหน้าและรถเข็นที่ว่างเปล่า จึงรู้ได้ทันทีว่าขายเต้าหู้หมดเกลี้ยง
ซื่อโก่วจื่อทักทายอย่างเป็มิตร “ลุงหลี่ ้าให้ข้าไปช่วยชั่งเต้าหู้หรือไม่ขอรับ”
“ไม่ต้อง พวกเ้าเองก็เหนื่อยแล้ว รีบกลับบ้านไปพักผ่อนเถิด” หลี่ซานนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงรีบกล่าวขึ้นว่า “หรูอี้รอพวกเ้าอยู่ที่บ้านข้า”
สองพี่น้องนำรถเข็นไปเก็บที่บ้านของตน จากนั้นจึงเข้าไปทักทายหม่าซื่อแล้วรีบเดินไปยังบ้านหลี่ โดยไม่แม้แต่จะดื่มน้ำก่อน
“พอพวกเราไปถึงอำเภอซั่ง ก็ไปขายเต้าหู้อยู่ข้างๆ ตลาดเช้าที่อยู่นอกตัวอำเภอ พี่ชายข้าะโเรียกลูกค้าเสียงดังจนดึงดูดผู้คนเข้ามาที่ร้านได้ ที่นั่นมีคนเคยซื้อเต้าหู้ที่ลุงหลี่ขายในตำบลจินจีอยู่ด้วย พอรู้ว่าเต้าหู้อร่อย ไม่ต้องให้พวกเราพูดมากก็ควักเงินซื้อไปแล้ว เต้าหู้ของพวกเราขายหมดในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม คนมาทีหลังซื้อไม่ทันก็มาตำหนิพวกเรา ทั้งยังบอกว่าพรุ่งนี้ให้พวกเรานำเต้าหู้ไปขายให้มากหน่อย”
“คนของสำนักศึกษาชิงซงก็มาซื้อเต้าหู้ของพวกเราด้วย”
สองพี่น้องเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง ใบหน้าเล็กๆ เต็มไปด้วยความสุข
หลี่หรูอี้รู้สึกสงบใจขึ้นมาก ถามต่อไปว่า “มีคนพูดหรือไม่ว่าเต้าหู้แพงเกินไป?”
อู่โก่วจื่อกล่าวด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข “มี ลูกค้าเก่าที่เคยซื้อเต้าหู้ของลุงหลี่กล่าวว่า เต้าหู้ตระกูลหลี่ขายชั่งละสี่ทองแดง เหตุใดพวกเราจึงขายห้าทองแดง ข้าจึงบอกเขาว่า พวกเราเดินจากตำบลจินจีมาถึงอำเภอซั่ง เป็ระยะทางยี่สิบกว่าลี้ พื้นรองเท้าย่อมสึกหรอ ขาก็ล้า จึงเก็บเพิ่มอีกหนึ่งทองแดงเป็ค่าเดินทางให้พวกท่าน พวกเขาจึงไม่ว่าอะไรอีก”
ซื่อโก่วจื่อมองหลี่หรูอี้ด้วยสายตาเลื่อมใส รับน้ำดื่มมาจากจ้าวซื่อแล้วรีบกล่าวขอบคุณ ทว่าจู่ๆ ท้องเกิดร้องขึ้นมาจึงรีบก้มหน้าด้วยความเขินอายแล้วหลบไปดื่มน้ำทางด้านข้าง
หลี่หรูอี้ตบไหล่อันผอมบางของอู่โก่วจื่อ “เ้ารีบกลับบ้านไปกินข้าวแล้วพักผ่อนเถิด พรุ่งนี้ข้าจะขายเต้าหู้ให้พวกเ้าร้อยห้าสิบชั่ง”
ไม่ทันไรปริมาณซื้อขายเต้าหู้ก็เพิ่มขึ้นอีกห้าสิบชั่งแล้ว หนึ่งชั่งได้เงินราวหนึ่งทองแดงครึ่ง ห้าสิบชั่งก็ทำเงินได้เจ็ดสิบห้าทองแดง
สองพี่น้องออกไปจากบ้านหลี่ด้วยความดีอกดีใจเป็ที่สุด ขณะกำลังกลับบ้านก็พบกับคนตระกูลหวังหลายคนที่ตั้งใจมาพบแต่แสร้งทำเป็ไม่ตั้งใจ พวกเขาถามไถ่เื่ขายเต้าหู้ว่าเป็อย่างไรบ้างและได้เงินมากน้อยเพียงใด
“ขายหมดเกลี้ยงขอรับ”
“พวกเราไปขายเต้าหู้กันที่อำเภอซั่ง เดินทางไปกลับเป็ระยะทางสี่สิบลี้ กว่าจะได้เงินก็ลำบากยากเย็น”
สองพี่น้องตอบความจริงไปส่วนหนึ่งและปิดบังไว้ส่วนหนึ่ง คนตระกูลหวังได้ยินว่า พวกเขาไปขายที่อำเภอซั่ง ซึ่งอยู่ทางเหนือของตำบลจินจี แม้ไกลอยู่บ้าง แต่ก็ขายเต้าหู้หมดเกลี้ยง ในใจย่อมรู้สึกอิจฉาริษยา คิดจะไปบ้านหลี่เพื่อถามเื่ขอซื้อเต้าหู้อีกครั้ง
เมื่อสองพี่น้องกลับถึงบ้าน หม่าซื่อก็นำหมั่นโถวแป้งหยาบขึ้นจัดเรียงบนโต๊ะพร้อมผักดองอีกหนึ่งชาม
ซื่อโก่วจื่อนำเงินทองแดงกำหนึ่งที่อู่โก่วจื่อมอบให้ไปยังบ้านคนที่มีความสัมพันธ์ดีต่อกัน เพื่อขอซื้อไข่ไก่ยี่สิบฟอง
อู่โก่วจื่อทอดไข่รวดเดียวแปดฟอง จากนั้นจึงนำผักดองไปทำเป็น้ำแกง ทั้งยังผสมมันหมูลงไปด้วยหนึ่งช้อน เมื่อทำอาหารเสร็จเรียบร้อยก็เรียกคนในครอบครัวมากินด้วยกัน “หรูอี้บอกว่า จ่ายเงินมากก็หาเงินได้มาก อีกอย่างหากนำเงินไปซื้อของกิน ของกินก็ไปอยู่ในท้อง ไม่นับว่าใช้เงินมั่วซั่ว”
หม่าซื่อเรียนรู้จากจ้าวซื่อมาไม่น้อย ตอนนี้จึงรู้จักมอบอำนาจให้บุตรีแล้ว นางไม่บ่นว่าอู่โก่วจื่อใช้เงินสิ้นเปลืองอีก ได้แต่ร่วมกินข้าวไปกับลูกๆ
กินข้าวเสร็จแล้วในปากยังหลงเหลือรสชาติของไข่ไก่ ทำให้ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข ลิ่วโก่วจื่อบุตรชายอายุเจ็ดขวบของนางรู้ว่าพี่สี่และพี่ห้าเหนื่อยมากแล้ว จึงแย่งงานล้างจานไปทำ
อู่โก่วจื่อเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วปิดประตูให้สนิท จากนั้นจึงไปนั่งนับเงินที่โต๊ะไม้ ซึ่งขาโต๊ะหักไปข้างหนึ่ง เมื่อตรวจนับเรียบร้อยแล้วพบว่าหลังจากหักเงินทุน เต้าหู้ร้อยชั่งทำกำไรได้ร้อยสี่สิบทองแดง
เหตุใดจึงขาดไปสิบทองแดงเช่นนั้นหรือ สาเหตุเป็เพราะตอนชั่งให้ลูกค้าจะชั่งให้หนักกว่าความเป็จริงเล็กน้อย เต้าหู้ร้อยชั่งจึงมีส่วนที่หายไปราวสองชั่ง
กิจการถุงเงินไหมผสานที่อู่โก่วจื่อทำก่อนหน้านี้จะต้องมีการคิดรูปแบบถุงเงินที่ใช้ผ้าไหมและผ้าป่านมาผสมกัน ทั้งยังต้องหาเด็กหญิงในหมู่บ้านมาเป็แรงงานอีกด้วย ค่อนข้างยุ่งยากเลยทีเดียว ไม่ง่ายเหมือนกับการขายเต้าหู้
หากจะกล่าวถึงกำไร เมื่อคำนวณจากรายรับั้แ่วันแรก ขายถุงเงินได้เงินมากกว่าขายเต้าหู้ แต่พรุ่งนี้หลี่หรูอี้จะขายเต้าหู้ให้อู่โก่วจื่อร้อยห้าสิบชั่ง กำไรของการขายเต้าหู้อาจสูงกว่าการขายถุงเงินเสียอีก
อู่โก่วจื่อแบ่งให้ซื่อโก่วจื่อยี่สิบทองแดง ให้หม่าซื่อสิบทองแดง ที่เหลือก็นำไปเก็บอย่างดี
เช้าวันต่อมา อู่โก่วจื่อและซื่อโก่วจื่อก็เดินทางไปขายเต้าหู้ที่อำเภอซั่ง เมื่อเต้าหู้ร้อยห้าสิบชั่งเดินทางไปถึงที่หมาย ก็ถูกลูกค้าที่รออยู่แย่งกันซื้อจนหมด ยังคงมีคนซื้อไม่ทันและมีคนสั่งจองเต้าหู้อีกยี่สิบชั่ง เพื่อนำไปทำอาหารในงานเลี้ยงด้วย
คราวนี้ขายหมดเร็วกว่าวันแรกเสียอีก
“พรุ่งนี้จะขายให้พวกเ้าสองร้อยชั่ง” แต่เมื่อหลี่หรูอี้มองสภาพร่างกายของสองพี่น้องแล้วพานให้รู้สึกกังวลขึ้นมา “เต้าหู้หนักเพียงนี้ พวกเ้าเข็นไปไหวหรือ”
อู่โก่วจื่อเป็ผู้มีไหวพริบดีคนหนึ่ง “หากเข็นไม่ไหวก็จ้างคนอื่นเข็น ข้าจะจ่ายเงินสองทองแดง เพื่อจ้างคนจากตำบลจินจีมาช่วยเข็นรถให้พวกเรา”
หลี่หรูอี้กล่าวอย่างเนิบช้าว่า “หากเ้าหาเงินได้มากแล้วก็ซื้อลาไปทำเป็เกวียนลาเถิด ไว้ใช้ขนเต้าหู้ไปขาย”
อุณหภูมิในยามค่ำคืนลดต่ำลงจนติดลบ เมื่อตื่นมาตอนเช้าพบว่าต้นไม้ใบหญ้าเต็มไปด้วยน้ำค้างแข็ง กระทั่งน้ำในแม่น้ำก็ยังแข็งไปแล้ว หากผ่านไปอีกไม่กี่วันคงมีหิมะตกเป็แน่ ฤดูหนาวใกล้จะมาถึงแล้ว เมื่ออากาศหนาวผู้คนคงไม่อยากออกจากบ้าน
แต่พ่อค้าตัวเล็กๆ เช่นสองพี่น้องซื่อโก่วจื่อที่ต้องไปขายเต้าหู้ หากไม่ออกจากบ้านไฉนเลยจะทำเงินได้ หากมีเกวียนเอาไว้ขนเต้าหู้ คนก็สามารถนั่งหลบลมอยู่ในเกวียนได้
อู่โก่วจื่อพยักหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเล็กน้อยว่า “อืม... วันนั้นเ้าพูดเื่ซื้อลากับข้าแล้ว ข้าลองกลับบ้านไปคิดดูแล้วเห็นว่า เ้ากล่าวได้ถูกต้องจริงๆ ข้าวางแผนไว้ว่า จะขายเต้าหู้เพื่อเก็บเงินให้ได้มากๆ เมื่อได้มากพอแล้วก็จะไปซื้อลา”
ซื่อโก่วจื่อที่นั่งดื่มน้ำหวานซานจาที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวอยู่ข้างๆ กล่าวขึ้นว่า “น้องห้า ครอบครัวเราจะซื้อลาหรือ” นี่ทำให้เขาตะลึงพรึงเพริดยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกเสียอีก บ้านสวี่เป็ครอบครัวยากจน ก่อนหน้านี้แม้แต่ข้าวก็ยังกินไม่อิ่ม ตอนนี้กลับจะซื้อลาแล้ว
อู่โก่วจื่อมองไปทางซื่อโก่วจื่อด้วยสายตาคาดหวัง “ข้ามีเงินไม่พอซื้อลา ยังขาดอีกหลายร้อยทองแดง…”
ดวงตาของซื่อโก่วจื่อเปล่งประกายวูบไหวก่อนที่จะก้มหน้าดื่มน้ำหวานซานจาต่อไป
หลี่หรูอี้มองสลับไปมาระหว่างสองพี่น้อง สุดท้ายสายตาก็หยุดอยู่ที่ร่างของซื่อโก่วจื่อ นางจึงกล่าวขึ้นอย่างเนิบช้าว่า “อู่โก่วจื่อ พี่สี่ของเ้าจะเก็บเงินไว้ใช้แต่งงานกระมัง”
จ้าวซื่อกล่าวขึ้นอย่างสนอกสนใจ “เป็เด็กดีจริงๆ รู้จักเก็บเงินไว้แต่งภรรยาด้วย”
เมื่อได้ยินดังนั้นซื่อโก่วจื่อที่กำลังดื่มน้ำหวานซานจาก็ถึงกับสำลัก ส่งเสียงกระแอมกระไออยู่ครู่หนึ่งจนน้ำตาไหล ใบหน้าแดงระเรื่อ ไม่ทราบว่าเป็เพราะเขินอายหรือเป็เพราะอาการไอ
เมื่อสองพี่น้องกลับไปแล้วจ้าวซื่อจึงพูดขึ้นว่า “มองไม่ออกเลยว่าซื่อโก่วจื่อจะรู้จักเก็บเงินด้วย”
หลี่หรูอี้ยิ้มบางๆ “ต้องให้เวลาเขาคิดสักหน่อย”
.............................
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้