บทที่ 7 : ช่างซ่อมรถม้าพลังช้างสาร และการเข้าเมืองครั้งแรก
"รถม้าเพลาหักเ้าค่ะคุณหนู..."
เสียงรายงานของบ่าวรับใช้ชายดังขึ้นด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง ทำเอาบรรยากาศแห่งชัยชนะเมื่อครู่เงียบกริบลงทันที
หญิงชราตระกูลหลิวถอนหายใจยาว ส่วนคุณหนู หลิวชิงชิง หน้าซีดเผือด
ในป่าร้อยอสูรที่อันตรายรอบด้าน หากไม่มีรถม้า การจะพาคนเจ็บและหญิงชราเดินทางกลับเข้าเมืองที่อยู่ห่างออกไปอีกครึ่งวันเดินทางนั้น แทบจะเป็ไปไม่ได้เลย
"โธ่... ์ช่างไม่เมตตา" หลิวชิงชิงน้ำตาคลอ
แป้งหอม (หรือในนามใหม่ 'ไป๋หอม') ยืนมองรถม้าไม้สักทองที่ล้อข้างขวาแบะออกจนเพลาหลุด ตัวถังรถเอียงกะเท่เร่
เธอกระซิบถาม ต้นกล้า ('เทียนกล้า') เบาๆ "นี่นาย... ซ่อมเป็ไหม? นายเรียนสายวิทย์-คณิตมานี่"
"สายวิทย์-คณิตนะโว้ย ไม่ใช่ช่างกลโรงงาน" ต้นกล้ากระซิบตอบ "แต่... หลักการมันก็คงไม่ต่างจากคานดีดคานงัดเท่าไหร่หรอกมั้ง"
ชายหนุ่มขยับเข้าไปใกล้รถม้า ท่ามกลางสายตาสงสัยของคนตระกูลหลิว
เขาย่อตัวลงสำรวจความเสียหาย เพลาไม้ขนาดใหญ่หักครึ่งท่อนเพราะแรงกระแทกจากการต่อสู้เมื่อครู่
"อืม... ไม้แกนกลางหัก แต่ดุมล้อยังดีอยู่ ถ้าหาท่อนไม้แข็งๆ มาดาม แล้วใช้เถาวัลย์มัดก็น่าจะพอถูไถไปได้"
"ท่านเทียนกล้า..." บ่าวรับใช้ชายพูดอย่างเกรงใจ "ไม้เพลานี้หนักหลายร้อยจิน (หน่วยน้ำหนักจีน) ต้องใช้คนงานสี่ห้าคนช่วยกันยก... ตอนนี้พวกข้าาเ็ คงไม่มีแรง..."
"ไม่เป็ไร ข้าจัดการเอง"
ต้นกล้าพูดเรียบๆ เขาถอดเสื้อนักเรียนตัวโคร่งออก (เหลือเพียงเสื้อยืดสีขาวบางๆ ด้านในที่เผยให้เห็นมัดกล้ามชัดเจน) ส่งให้แป้งหอมถือ
"ฝากหน่อยนะ"
จากนั้นเขาก็เดินไปที่รถม้า สอดมือทั้งสองข้างเข้าไปใต้ท้องรถ สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมลมปราณ (ที่เขาเองก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แค่ว่าเป็พลังร้อนๆ ในท้องน้อย)
"ฮึบ!"
ครืดดดด!
ภาพที่ปรากฏทำเอาทุกคนตาถลนออกจากเบ้า
รถม้าคันมหึมาที่ทำจากไม้สักทองทั้งหลัง ยกตัวลอยขึ้นจากพื้นด้วยฝีมือของชายหนุ่มเพียงคนเดียว! กล้ามแขนของเขาปูดโปนขึ้นเป็มัดสวยงาม เส้นเืปูดนูนแสดงถึงพละกำลังมหาศาล
"แม่เ้า..." แป้งหอมอุทานเบาๆ ‘นี่มัน Hulk เวอร์ชันหล่อชัดๆ’
ต้นกล้าใช้ไหล่ข้างหนึ่งแบกรถม้าไว้ ส่วนมืออีกข้างคว้าท่อนไม้เนื้อแข็งที่วางอยู่แถวนั้น (ซึ่งน่าจะเป็ซากต้นไม้ที่เขาทำหักเมื่อวาน) ยัดเข้าไปแทนที่เพลาเดิม แล้วใช้เถาวัลย์ที่เหนียวดุจลวดสลิงมัดตรึงไว้อย่างรวดเร็วและแ่า
"เสร็จแล้ว!"
เขาวางรถม้าลงเบาๆ ตุบ! ล้อรถกลับมาตั้งตรงพร้อมใช้งานอีกครั้ง
"ทะ... ท่านจอมยุทธ์... ท่านช่างมีพละกำลังดุจเทพเ้า!" บ่าวรับใช้รีบคุกเข่าโขกศีรษะ
หลิวชิงชิงมองต้นกล้าด้วยแววตาเป็ประกายระยิบระยับ แก้มเนียนใสขึ้นสีแดงระเรื่อ "ท่านพี่เทียนกล้า... ท่านเก่งกาจเหลือเกินเ้าค่ะ"
แป้งหอมยืนมองฉากนั้นแล้วรู้สึกคิ้วกระตุกยิกๆ
‘แหม... แม่นางชิงชิง สายตานี่หวานหยดจนมดขึ้นรถม้าแล้วมั้ง! นั่นของฉันย่ะ! (หมายถึงเพื่อนฉัน!)’
"อะแฮ่ม!" แป้งหอมกระแอมเสียงดัง เดินเข้าไปแทรกกลาง "ท่านพี่เ้าคะ... ซ่อมเสร็จแล้วก็รีบไปกันเถอะเ้าค่ะ น้องหิว... เอ้ย น้องเกรงว่าฟ้าจะมืดเสียก่อน"
"อะ... อื้อ ไปกันเถอะ" ต้นกล้ารับเสื้อคืนจากแป้งหอมมาสวม เขารู้สึกขนลุกแปลกๆ กับสายตาของแป้งหอมที่มองมา เหมือนแม่เสือที่กำลังหวงเหยื่อยังไงชอบกล
...
การเดินทางดำเนินต่อไป
แป้งหอมได้รับเชิญให้เข้าไปนั่งในรถม้ากับหลิวชิงชิงและท่านย่า ส่วนต้นกล้านั่งคู่กับคนขับรถม้าด้านหน้า (เพราะเขาบอกว่าอยากชมวิว แต่จริงๆ คือเขินสาวๆ)
ภายในรถม้าบุด้วยผ้าไหมนุ่มลื่น กลิ่นกำยานหอมกรุ่นช่วยให้ผ่อนคลาย
"แม่นางไป๋หอม..." หลิวชิงชิงเอ่ยถาม "พวกท่านมาจากสำนักใดหรือเ้าคะ? ฝีมือวรยุทธ์ล้ำเลิศ แถมยังมีอาวุธรูปร่างประหลาด..."
นางชำเลืองมอง 'ไม้กันสั่น' ในมือแป้งหอม ที่ตอนนี้กลายเป็ 'กระบองเทพเ้า' ในสายตาคนอื่นไปแล้ว
แป้งหอมยิ้มแห้งๆ สมองหมุนจี๋หาคำแก้ตัว
"อ๋อ... สำนักเราชื่อสำนัก... เอ้อ... 'สยามเทวา' น่ะเ้าค่ะ อยู่บนยอดเขาไกลโพ้น ท่านอาจจะไม่เคยได้ยิน ส่วนอาวุธนี้เรียกว่า... 'คทากันสั่น' เอาไว้... เอ่อ... ควบคุมสมดุลของจักรวาล!"
‘แถสีข้างถลอกแล้วฉัน’ แป้งหอมก่นด่าตัวเองในใจ
"โอ้! คทากันสั่น ควบคุมสมดุลจักรวาล!" หลิวชิงชิงตาโต ยกมือทาบอก "ช่างลึกล้ำยิ่งนัก!"
ระหว่างทาง แป้งหอมใช้สกิล 'สตรีมเมอร์ช่างจ้อ' หลอกถามข้อมูลของโลกนี้จนได้ความว่า
ที่นี่คือ 'อาณาจักรเมฆาคราม' เป็โลกที่ผู้คนนับถือผู้ฝึกตน (เซียน)
ค่าเงินที่ใช้คือ 'เหรียญทองแดง, เหรียญเงิน, เหรียญทอง' และสำหรับผู้ฝึกตนจะใช้ 'หินลมปราณ'
"แล้ว... ข้าวกะเพราไก่ไข่ดาวจานละกี่บาท... เอ้ย กี่เหรียญเ้าคะ?" แป้งหอมถามหยั่งเชิง
"ข้าวกะ... อะไรนะเ้าคะ?" หลิวชิงชิงงง "ถ้าเป็อาหารจานเดียวทั่วไป ก็ประมาณ 5-10 อีแปะ (เหรียญทองแดง) เ้าค่ะ"
แป้งหอมคลำกระเป๋ากระโปรงตัวเอง... ว่างเปล่า
มีแต่เศษทิชชูใช้แล้ว กับลิปสติกแท่งโปรด
‘ฉิบหายแล้ว... ถังแตก! เป็ท่านเซียนแต่ไม่มีตังค์สักแดงเดียว!’
...
สองชั่วโมงต่อมา
"ถึงแล้วขอรับ! เมืองเมฆาหยก!"
เสียงะโของคนขับรถม้าทำให้ต้นกล้าและแป้งหอมชะโงกหน้ามองออกไป
ภาพเบื้องหน้าทำเอาเด็กกรุงทั้งสองคนต้องอ้าปากค้าง
กำแพงเมืองสูงตระหง่านเสียดฟ้า สร้างจากหินสีขาวนวลดูแข็งแกร่ง ธงรูปเมฆสีครามโบกสะบัดอยู่บนยอดหอคอย ประตูเมืองขนาดมหึมาเปิดกว้าง มีผู้คนเดินเข้าออกขวักไขว่ ทั้งพ่อค้าแม่ขาย จอมยุทธ์พกดาบ และชาวบ้านทั่วไป
"โห... อย่างกับฉากในหนังฟอร์มั์" ต้นกล้าพึมพำ ดวงตาเป็ประกายด้วยความทึ่งในสถาปัตยกรรม
"ยิ่งกว่า Universal Studio อีกแก..." แป้งหอมกระซิบข้างหูเขา "ของจริงระดับ 8K ชัดตาแตก"
เมื่อรถม้าของตระกูลหลิวเคลื่อนผ่านประตูเมือง ทหารยามรีบทำความเคารพอย่างนอบน้อม ผู้คนที่เดินขวักไขว่ต่างแหวกทางให้อย่างรู้ตระกูล
รถม้าแล่นผ่านตลาดที่คึกคัก กลิ่นอาหารหอมฉุยลอยมาเตะจมูกแป้งหอม
ซาลาเปาลูกั์, หมั่นโถวนึ่งร้อนๆ, เป็ดย่างสีสวยที่แขวนโชว์หน้าร้าน
โครกคคคค~
เสียงท้องของแป้งหอมร้องประท้วงดังสนั่น จนต้นกล้าต้องแกล้งกระแอมกลบเกลื่อน
"อีกเดี๋ยวก็ถึงคฤหาสน์แล้วเ้าค่ะ" หลิวชิงชิงยิ้มเอ็นดู (หรือขำก็ไม่รู้) "ข้าจะให้พ่อครัวจัดโต๊ะชุดใหญ่ต้อนรับท่านผู้มีพระคุณเต็มที่"
คำว่า 'โต๊ะชุดใหญ่' ทำให้ดวงตาของแป้งหอมลุกวาวเท่าไข่ไดโนเสาร์
"รักตระกูลหลิวที่สุดเลยเ้าค่ะ!"
...
รถม้าเลี้ยวเข้าสู่ประตูคฤหาสน์ขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบหนึ่งบล็อกถนน
สวนหินที่จัดวางอย่างประณีต สระบัวกว้างใหญ่ และเรือนพักหลายหลังที่สร้างอย่างวิจิตรบรรจง บ่งบอกถึงความร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีของตระกูลหลิว
เมื่อลงจากรถม้า บ่าวไพรีบวิ่งเข้ามารับใช้
แต่เมื่อเห็นสภาพของ 'ท่านเซียน' ทั้งสอง...
ชายหนุ่มรูปงามแต่ใส่กางเกงขาสั้นมัดเถาวัลย์
หญิงสาวโฉมงามแต่ใส่เสื้อขาดรุ่งริ่งกระโปรงสั้นจุ๊ดจู๋
บ่าวไพต่างพากันก้มหน้าซ่อนรอยยิ้ม
"เชิญท่านทั้งสองทางนี้เ้าค่ะ ท่านย่าสั่งให้เตรียมน้ำร้อนและเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ไว้ให้แล้ว" หลิวชิงชิงผายมือเชื้อเชิญ
"ขอบคุณ์... ข้าจะได้อาบน้ำจริงๆ สักที!" แป้งหอมแทบจะร้องไห้
"แล้วก็... ขอสบู่... เอ้ย สมุนไพรขัดตัวเยอะๆ เลยนะเ้าคะ!"
ต้นกล้าเดินตามไปเงียบๆ แต่ในหัวเขากำลังคิดคำนวณอย่างหนัก
พวกเขาเข้ามาในโลกนี้โดยไม่มีอะไรติดตัวเลย นอกจากความรู้ยุคปัจจุบันและพละกำลังที่เพิ่งได้มา
การจะหาทางกลับบ้าน... คงต้องเริ่มจากการเอาตัวรอดในเมืองนี้ให้ได้ก่อน
"แป้ง..."เขากระซิบเรียกหญิงสาวที่กำลังเดินดมกลิ่นดอกไม้ข้างทาง
"หืม?"
"ห้ามขายไม้กันสั่นกินเด็ดขาดนะ... นั่นสมบัติชิ้นเดียวของเรา"
แป้งหอมหัวเราะคิกคัก "บ้า! ใครจะขาย... นี่มัน 'คทากันสั่น' เชียวนะ อาวุธเทพประจำกายข้า!"
ทั้งสองเดินเคียงคู่กันเข้าสู่เรือนรับรอง ท่ามกลางแสงตะเกียงที่เริ่มถูกจุดขึ้นต้อนรับราตรีแรกในเมืองมนุษย์ต่างมิติ
โดยไม่รู้เลยว่า... ความโดดเด่นของรูปร่างหน้าตา และพฤติกรรมแปลกประหลาดของพวกเขา กำลังถูกจับตามองจาก 'ใครบางคน' บนเรือนยอดตึกสูงในเงามืด!
