Chapter 5
คนตัวเล็กสวมกางเกงยีนทรงสกินนี่สีดำ หลังจากเป่าผมที่เปียกหมาดจนแห้งสนิท ก่อนจะเดินไปเลือกหยิบเสื้อคอแหลมสีขาวแขนยาวที่อยู่ในตู้เสื้อผ้ามาใส่ ใกล้ยกมือข้างหนึ่งขึ้นปัดเรือนผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตที่หล่นมาปรกหน้า เพื่อไม่ให้ผมข้างหน้าที่ยาวจนเกินไปบดบังคิ้ว
เขายืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ มือเรียวทั้งสองข้างจัดชายเสื้อที่ยาวเลยสะโพกให้เรียบร้อย ใกล้เอียงคอมองเสื้อที่สวมใส่อยู่ โดยปกติเขาจะชอบใส่เสื้อยืดแขนยาวคอแหลมอยู่แล้ว แต่ไม่มีเสื้อตัวไหนที่คอลึกเท่าตัวนี้ และเพราะเนื้อผ้าบางๆ พลิ้วๆ ของมันทำให้เขาคิดหนัก
แต่เมื่อเขาหยิบสร้อยสีพิงค์โกลว์ที่มีจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวมาใส่ที่คอ ใกล้ตัดสินใจได้ทันทีว่าจะใส่ชุดนี้ไปกินเลี้ยงงานวันเกิดตัวเอง เพราะทุกอย่างดูลงตัวหมดแล้ว
เรียบง่าย แต่ดูดี
นี่แหละ…สไตล์ของใกล้ใจ
ครืด~
เสียงสั่นครืดที่ดังมาจากโทรศัพท์เครื่องสีดำเรียกความสนใจจากเขาที่กำลังฉีดน้ำหอมอยู่ ใกล้วางขวดน้ำหอมกลิ่นโปรดที่ตำแหน่งเดิม ก่อนจะคว้าโทรศัพท์มากดรับสายโดยไม่ได้ดูชื่อที่ระบุอยู่บนหน้าจอ
ใกล้ยอมรับว่า...ตอนนี้รีบมากเลย
“สวัสดีครับ ใกล้ใจครับ”
[ใกล้ พ่อเองลูก]
“อ่า...คุณพ่อ ใกล้ไม่ได้ดูว่าใครโทรหาน่ะครับ” ใกล้เอาโทรศัพท์แนบกับหูแล้วใช้ไหล่ช่วยพยุงไว้ ก่อนจะใช้ทั้งสองมือเก็บของใช้ให้เข้าที่ดังเดิม “คุณพ่อโทรมาหาใกล้ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
[พ่อ...] ปลายสายพูดด้วยเสียงแ่เบา ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“งานเลี้ยงตอนเย็นมีปัญหาเหรอครับ?”
[ไม่ใช่ลูก…พ่ออยากโทรมาขอโทษใกล้ที่ไม่ได้อวยพรวันเกิดต่อหน้า เมื่อเช้าแขกมาเยอะมาก พ่อเลยไม่มีเวลาปลีกตัวไปหาใกล้เลย]
คนตัวเล็กยิ้มออกมาอย่างโล่งอก ก่อนเอ่ย “โธ่ ใกล้ก็นึกว่าเื่อะไร”
[…]
“เมื่อคืนตอนห้าทุ่มห้าสิบเก้าคุณพ่อก็ไลน์มาอวยพรใกล้แล้วนี่ครับ...คุณพ่อไม่ได้ลืมวันเกิดใกล้สักหน่อย อย่าคิดมากนะครับคุณพ่อ…วันนี้เป็วันที่คุณพ่อต้องยิ้มให้ได้เยอะๆ เลยนะครับ”
[พ่อรักใกล้มากนะครับ]
“ใกล้ก็รักคุณพ่อเหมือนกันครับ”
[เพราะพ่อจัดงานเลี้ยงต่อตอนเย็น ใกล้ก็เลยต้องออกไปกินเลี้ยงข้างนอกแทน...จริงๆ ใกล้ชวนเพื่อนมากินเลี้ยงวันเกิดที่บ้านเราก็ได้นะลูก เดี๋ยวพ่อให้หมายกับเจี๊ยบแบ่งโซนไว้ให้ดีไหม? เปลี่ยนใจมาจัดที่บ้านตอนนี้ยังทันนะลูก]
“คุณพ่อครับ…ไม่ต้องรู้สึกผิดและไม่ต้องคิดมากนะครับ ใกล้เต็มใจที่จะไปจัดงานข้างนอกเอง” ใกล้พูดก่อนจะหัวเราะเบาๆ เมื่อนึกถึงประโยคที่จะพูดต่อไป “ใกล้จัดงานวันเกิดที่บ้านั้แ่เกิดจนถึงอายุสิบเก้า...ปีนี้ถือว่าใกล้ได้ออกไปเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง”
[เอาแบบนั้นจริงๆ เหรอลูก]
“ครับ…กินเลี้ยงให้สนุกนะครับคุณพ่อ ไม่ต้องกังวลเื่ใกล้แล้วครับ”
[แล้วปีนี้ใกล้อยากได้ของขวัญอะไรพิเศษไหมครับ?]
ใกล้ที่เก็บของเสร็จแล้วกลับมาจับโทรศัพท์ที่แนบหูอยู่พลางมองเงาสะท้อนของตัวเองที่อยู่ในกระจก พ่อเคยบอกว่าเขายิ้มเหมือนแม่มาก ตอนแรกใกล้ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ ทว่าตอนนี้ที่เขาเห็นรอยยิ้มของตัวเองชัดๆ อีกครั้ง
ใกล้เชื่อแล้วว่า...นางฟ้าของพ่อ
อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเขาเลย
“ใกล้อยากให้คุณพ่อ ทุกคนในบ้าน และ…” ประโยคสุดท้ายถูกพูดด้วยเสียงแ่เบา ก่อนจะหยุดเว้น่ ใกล้ถูกจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวที่เป็เงาสะท้อนอยู่ในกระจกขโมยความคิดในหัวไป่เวลาหนึ่ง รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏในตอนที่มีบางความรู้สึกแทรกเข้ามา มือเรียวข้างหนึ่งเคลื่อนขึ้นมาลูบที่จี้นั้นเบาๆ ก่อนเอ่ย “...และอยากให้คนที่ใกล้รักมีความสุขครับ”
[ขออะไรให้ตัวเองบ้างสิใกล้]
“ใกล้ขอให้ตัวเองมีความสุขทุกวันอยู่แล้วครับ...ในโอกาสพิเศษแบบนี้เลยอยากขอให้คนพิเศษบ้าง”
[แล้วตอนนี้มีคนพิเศษที่ส่งผลให้หัวใจเต้นแรงหรือยังครับ?]
ใกล้หัวเราะก่อนเอ่ย “ความลับครับ”
[เดี๋ยวนี้หัดมีความลับกับพ่อนะใกล้ใจ] พ่อพูด ก่อนจะมีเสียงของใครบางคนที่เอ่ยเรียกพ่อลอดเข้ามาในสาย [โอเคๆ เดี๋ยวผมไป...ใกล้ครับ พ่อต้องไปต้อนรับแขก่เย็นแล้วครับ]
“ครับคุณพ่อ...ใกล้รักคุณพ่อนะครับ”
[พ่อก็รักใกล้ครับ]
ใกล้วางสายจากพ่อแล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะทำงาน เขาที่กำลังเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์ชะงักฝีเท้าเพราะได้ยินเสียงสั่นครืดอีกครั้ง ใกล้คิดว่าต้องเป็พ่อแน่ๆ ทว่าชื่อที่ระบุอยู่บนหน้าจอผิดไปจากที่คิดไว้
“ครับ พี่ดอม”
[ใกล้...เราจองโต๊ะกี่คนไว้ครับ?]
“สิบสองคนครับพี่ดอม”
[พี่จะบอกว่า...พี่ขอชวนฟ้าไปด้วยนะ พี่จะได้มีเพื่อนคุยด้วย]
ใกล้เคยเจอและคุยกับหมื่นฟ้ามาบ้าง ทุกครั้งที่เจอเ้าตัว ใกล้ไม่เคยรู้สึกอะไรเลย แต่ครั้งนี้เขากลับตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก คงเพราะใกล้แอบหวังว่า...
ใน 100% คงจะมีสัก 0.1% ที่หมื่นฟ้าจะชวนพันลี้มางานวันเกิดเขา
แม้ความหวังครั้งนี้แทบจะเป็ไปไม่ได้เลย
“ดะ ได้ครับพี่ดอม”
“โอเคครับ ไว้เจอกันนะ”
ตึก ตัก ตึก ตัก
แต่หัวใจดวงน้อยๆ ก็เร่งจังหวะรอแล้ว
หลังวางสายจากพี่ชาย ใกล้ก็ออกมาจากห้อง เขาตัดสินใจนั่งแท็กซี่ไปที่ร้านเนื้อย่างเกาหลีแถวสยาม เพราะวันนี้เป็วันหยุด แถวนั้นคงรถเยอะมากๆ ใกล้ไม่อยากเสียเวลาหาที่จอดรถ
คนตัวเล็กเงยหน้ามองกลุ่มเมฆสีเทาบนท้องฟ้าที่บ่งบอกว่าฝนตั้งเค้าจะตกลงมาในไม่ช้า ใกล้รีบสาวเท้าไปหยุดยืนตรงฟุตปาธ ก่อนจะโบกเรียกรถแท็กซี่ที่กำลังขับผ่านมา เมื่อรถโดยสารสีชมพูสดเคลื่อนมาจอดตรงหน้า เขาก็รีบเปิดประตูแล้วขึ้นรถทันที
“ไปสยามครับ”
“ครับ~”
ใกล้ยิ้มพลางมองคุณลุงคนขับรถที่ตอบรับอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะล้วงหยิบโทรศัพท์ที่สั่นแจ้งเตือนออกมาจากกระเป๋ากางเกง เขามองข้อความจากแอปพลิเคชันไลน์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ
มีข้อความจากกลุ่มไลน์ที่เมย์กับพายอยู่
Ppie : กำลังออกแล้วค่า~
MaMay : เราออกจากบ้านแล้ว ใกล้ออกจากคอนโดหรือยัง?
ถัดมาเป็ข้อความที่มาจากห้องแชตส่วนตัว
กันต์เอง : รถติดมากเลยว่ะ กูอาจจะถึงช้าหน่อยนะ
และสุดท้ายเป็ข้อความจากเค้ก
Cake : ใกล้ วันนี้เรากับส้มมีเรียนชดเชย คงไปงานวันเกิดใกล้ไม่ได้แล้ว ขอโทษนะใกล้ เดี๋ยวจะเอาของขวัญไปให้ที่มหา’ ลัยนะ
ใกล้ใช้นิ้วปัดหน้าจอแล้วกดเข้าแอปพลิเคชันไลน์เพื่อตอบข้อความทุกคน แต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนเพิ่มข้อมูลการติดต่อจากเบอร์โทรศัพท์ของเขา
ใกล้ขมวดคิ้วเมื่อเห็นภาพโปร์ไฟล์เป็สีดำและมีอิโมติคอนรูปก้อนเมฆสีฟ้าตรงชื่อผู้ติดต่อ ก่อนที่ข้อความล่าสุดจากก้อนเมฆสีฟ้าจะช่วยไขข้อสงสัยทั้งหมดให้เขา
☁ : เมฆเองนะใกล้
☁ : แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับ
☁ : ขอให้มีความสุขมากๆ นะ
ใกล้คงไม่ต้องเดาว่าเมฆเอาเบอร์เขามาจากไหน ทศคงอยากเอาคืนเขาจากการถูกเรียกตอบคำถามในห้องเรียนด้วยวิธีนี้ คนตัวเล็กส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะกดเข้าไปในห้องแชตนั้นแล้วเคลื่อนนิ้วไปที่คำว่า ‘บล็อก’
ทว่าข้อความถัดมารั้งเขาไว้ก่อน...
☁ : ใกล้จะอ่านแล้วไม่ตอบเราก็ได้ แต่อย่าบล็อกเราเลยนะครับ
☁ : ขอให้เราได้รู้ว่าใกล้เห็นข้อความจากเราบ้าง
☁ : เราชอบใกล้จริงๆ นะ เราไม่โกรธเลยที่พี่ใกล้มาต่อยเรา เพราะวันนั้นเราทำตัวแย่จริงๆ
แต่ข้อความพวกนี้...เหนี่ยวรั้งเขาไว้ได้ไม่กี่นาทีหรอก
นิ้วเรียวกดลงไปที่คำว่า ‘บล็อก’ แล้วรีบกลับไปตอบข้อความเพื่อนๆ ใกล้คิดว่าสิ่งที่ตัวเองทำไม่ใจร้ายจนเกินไป เพราะตลอดเวลาที่เมฆรุกจีบเขา เ้าตัวไม่เคยให้เกียรติกันเลย นับวันเมฆยิ่งแสดงพฤติกรรมไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายคนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อย่างเหตุการณ์ล่าสุดที่เ้าตัวคุกคามเขาในห้องน้ำ
ใกล้คิดว่า...
ถ้าเขาไม่ถอยห่างจากเมฆ
เขาคงเป็คนใจร้ายจริงๆ ...ที่ปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในความเสี่ยงกับคนแบบนี้
ใกล้พรมนิ้วไปบนแป้นพิมพ์ไม่หยุด เพราะนอกจากตอบกลับข้อความเพื่อนๆ แล้ว ใกล้ยังต้องตอบข้อความลูกของเพื่อนพ่อที่ไลน์มาอวยพรวันเกิด โดยปกติเขาจะจัดงานวันเกิดที่บ้านทุกปี พ่อจึงชวนเพื่อนของเ้าตัวมาร่วมงาน และเพื่อนของพ่อจะพาลูกชายและลูกสาวที่อายุไล่เลี่ยกับเขามาร่วมงานด้วย ทว่าพวกเราไม่ได้สนิทกันสักเท่าไหร่ เพราะนานๆ เจอกันที และจะติดต่อกันแค่วันสำคัญเท่านั้น
เรียกว่ารู้จักกันแค่ผิวเผิน...
ข้อความนี้มาจากทีน เดือนคณะวิศวะของมหา’ ลัยชื่อดัง
Teen : ใกล้ แฮปปี้เบิร์ดเดย์นะครับ ปีนี้ทีนอดไปหาใกล้เลย ทีนอยากเจอใกล้จังเลยอะ
Teen : อาทิตย์หน้าทีนจัดปาร์ตี้ที่บ้าน ใกล้ว่างมาไหมครับ?
Teen : ทีนซื้อน้ำหอมมาฝากจากฝรั่งเศสเลย ส่วนของขวัญก็เตรียมไว้ให้แล้วครับ
ข้อความนี้จากพลอย ลูกสาวคนสวยของคุณลุงเพชร เพื่อนสนิทของพ่อ
PaPloy : ใกล้ใจ~ สุขสันต์วันเกิดนะคะ ขอให้มีความสุขมากๆ เลยน้า
และอีกหลายๆ ข้อความที่ใกล้ต้องตอบกลับ
คนตัวเล็กพรูลมออกจากปากในตอนที่ตอบกลับหมดทุกข้อความแล้ว เขากดล็อกหน้าจอก่อนจะเก็บใส่กระเป๋ากางเกงพลางยื่นหน้ามองทางข้างหน้า
“รถติดหน่อยนะหนู…”
“ครับคุณลุง”
“รีบไหม?”
ใกล้หัวเราะแหะๆ ก่อนตอบคนที่สบตากับเขาผ่านกระจกมองหลัง “นิดหน่อยครับคุณลุง”
“นัดไปเที่ยวกับแฟนเหรอ?”
ดวงตาเรียวรีเบิกกว้าง ริมฝีปากบางขยับมุบมิบคล้ายจะพูดบางอย่าง ทว่าทุกประโยคที่อยู่ในหัวถูกกลืนลงคอไปหมดเลย ใกล้ไม่ค่อยเข้าใจตัวเองที่รู้สึกเขินอายกับคำถามของคุณลุง ทั้งที่ความจริงเขาไม่มีแฟนด้วยซ้ำ “เอ่อ…ปะ เปล่าครับ พอดีใกล้รีบไปงานวันเกิดน่ะครับ”
“อ๋อ...รีบไปงานวันเกิดแฟนนี่เอง”
ใกล้ยกมือข้างหนึ่งลูบที่บริเวณใบหูของตัวเอง ตอนนี้มันร้อนจี๋เลย และคงแดงแจ๋อีกแน่ๆ “ไม่ใช่วันเกิดแฟนครับ…วันเกิดตัวเองครับคุณลุง”
“อ้าว เหรอ? ...งั้นลุงขอให้มีความสุขมากๆ นะ”
มือเรียวทั้งสองยกขึ้นไหว้คุณลุง ก่อนเอ่ย “ขอบคุณครับคุณลุง”
“แต่แฟนไปรอที่ปลายทางแล้วใช่ไหม?”
คุณลุงทำให้ใกล้นึกถึงญาติผู้ใหญ่ฝั่งของพ่อที่ชอบหลอกถามเื่ราวความรักของเขาใน่วันตรุษจีน หากเขาไม่ตอบคำถาม ญาติๆ จะไม่ยอมให้อั่งเปา
และใกล้ไม่เคยรับอั่งเปาเลยสักซอง...
“ไม่มีแฟนไปรอหรอกครับ...ใกล้ยังไม่มีแฟนครับ”
“หือ?”
ใกล้ไม่รู้จะตอบญาติๆ ยังไง
เพราะตอบความจริงไปว่า…ไม่มีแฟน
“...”
“ไม่มีจริงๆ เหรอ?”
ทุกคนก็ไม่เชื่อเหมือนคุณลุงเลย
“จริงๆ ครับ”
“หน้าตาดีขนาดนี้…ลุงไม่เชื่อหรอก อำลุงหรือเปล่าเนี่ย”
ใกล้หลุดหัวเราะเมื่อเห็นคุณลุงส่ายหน้าอย่างแรง เ้าตัวดูไม่เชื่อจริงๆ “ไม่ได้อำครับคุณลุง”
“ไม่น่าเชื่อเลยแฮะ” คุณลุงพูดปนหัวเราะ
เชื่อเถอะครับคุณลุง...
ใกล้ไม่มีแฟนจริงๆ
เพราะตอนนี้ยังแอบรักคนคนหนึ่งอยู่เลย
“ฟังเพลงไหมหนู?”
คนโดนถามพยักหน้าหงึกหงักก่อนตอบ “ฟังก็ได้ครับคุณลุง”
ใกล้มองคุณลุงเอื้อมมือไปเปิดวิทยุ เ้าตัวปรับเลือกคลื่นเสียงอยู่นาน ก่อนจะหยุดที่สถานีวิทยุที่เขาชอบฟังตอนเรียนมัธยม
“เอาคลื่นนี้นะหนู...คลื่นเพลงวัยรุ่น หนูน่าจะชอบ”
“ได้ครับคุณลุง ขอบคุณนะครับ”
หัวทุยเอนพิงที่กระจกหลังจากตอบอีกฝ่ายไปแล้ว ดวงตาเรียวรีมองรถหลายคันที่จอดสนิทอยู่ข้างๆ กัน ก่อนจะเคลื่อนสายตามองท้องฟ้าครึ้มๆ
“เพลงที่เราจะเปิดต่อไป ผมว่าคงโดนใจคนแอบรักไม่น้อยเลย”
ใกล้หลุดยิ้มออกมาเมื่อได้ยินประโยคคำพูดของดีเจประจำคลื่นวิทยุ ั้แ่เขาแอบรักพันลี้ ใกล้ฟังเพลงแอบรักเยอะมาก เขาคิดว่าตัวเองต้องเคยฟังเพลงที่ดีเจกำลังจะเปิดแน่ๆ
“ไปฟังกันเลยครับ…แอบชอบ ละอองฟอง”
“หือ?” ใกล้ร้องเบาๆ ในลำคอ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย เขาไม่เคยฟังเพลงนี้มาก่อนเลย ไม่น่าเชื่อว่าคนแอบรักตัวยงอย่างเขาจะพลาดเพลงนี้ไปได้
และทำนองเพลงน่ารักๆ ที่เริ่มบรรเลงขึ้นสามารถเรียกรอยยิ้มจากเขาได้เป็อย่างดี ใกล้เชื่อแล้วว่าในวันที่เรามีความสุข ต่อให้ท้องฟ้าจะมืดครึ้มสักเท่าไหร่ บรรยากาศรอบข้างจะหม่นหมองสักแค่ไหน มันไม่สามารถทำให้หัวใจที่เบิกบานเหี่ยวเฉาได้เลย
‘เช้าแล้ววันนี้ยังไม่สาย ตื่นมาก็ร้องเพลงถึงเธอ ท่องเอาไว้ตัวโน้ตอย่าให้หาย กลั่นมาจากหัวใจ ขอให้เธอโปรดฟังนะคนดี’
เพลงนี้...
‘ไม่รู้ตอนนี้เธออยู่ไหน ไม่รู้ว่าหัวใจ ของเธอคิดถึงใคร รู้ไหมว่าฉันก็หวั่นไหว ก็ภายในหัวใจ ฉันคิดถึงแต่เธอนะคนดี’
น่ารักมากๆ เลย :)
ซ่า~
“อ่า...” ใกล้ร้องเหมือนโดนขัดใจตอนที่มีเสียงซ่าแทรกเข้ามา คล้ายคลื่นวิทยุกำลังถูกรบกวนจากการที่รถเคลื่อนตัวออกจากตำแหน่งเดิม ตอนนี้เสียงเพราะๆ ของนักร้องชายและบทเพลงน่ารักๆ ถูกแทนที่ด้วยเสียงรบกวนนั้น
“เดี๋ยวลุงปรับให้ใหม่นะหนู”
“ครับคุณลุง”
คุณลุงพยายามกดอะไรสักอย่างอยู่หลายนาที จนในที่สุดเสียงรบกวนนั้นก็หายไป ทว่าเพลง ‘แอบชอบ’ ที่เขาอยากฟังจบไปแล้ว
“จบไปอีกหนึ่งบทเพลงนะครับ เพลงต่อไปจะเป็เพลงเศร้าครับ”
“เพลงเมื่อกี้จบไปแล้วหนู เสียดายแทนเลย ดูท่าหนูจะชอบมากเลยนะ”
ใกล้หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ย “ใกล้เพิ่งเคยฟังเพลงเมื่อกี้ครั้งแรกครับ ก็เลยตั้งใจฟังมากๆ ...แต่ไม่เป็ไรครับคุณลุง ใกล้รู้ชื่อเพลงแล้ว เดี๋ยวไปหาฟังเอาก็ได้ครับ”
“ชื่อเพลงอะไรนะหนู”
“แอบชอบครับ”
#ใกล้แค่พันลี้
ใกล้ที่มาถึงร้านเนื้อย่างเกาหลีเป็คนแรกเดินตามพนักงานไปยังโต๊ะที่ได้จองไว้แล้ว ไม่นานนักพี่ดอม พี่เบบ และที่รักก็มาถึง เมื่อทั้งสามคนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วจึงยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลใบใหญ่ให้เขา ใกล้รับมาก่อนจะเปิดถุงดู ภายในนั้นมีกล่องของขวัญนอนแน่นิ่งอยู่สองกล่อง
“ใกล้...กล่องที่ห่อด้วยกระดาษสีเหลืองเป็ของขวัญจากเรานะ” เ้าของแก้มย้อยๆ ที่มีนามว่าที่รักเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ใกล้พยักหน้ารับคนที่นั่งเยื้องอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วหันไปมองพี่ทั้งสองคนที่นั่งอยู่ข้างกาย
“ส่วนกล่องที่ห่อด้วยกระดาษสีเขียวอ่อนคงเป็ของพี่ดอมกับพี่เบบใช่ไหมครับ?”
พี่ดอมที่นั่งติดกับเขาพยักหน้า ส่วนที่พี่เบบที่นั่งถัดจากเ้าตัวไปยื่นหน้ามามองเขาแล้วเอ่ย “พี่หวังว่าใกล้จะชอบของขวัญที่พี่เลือกให้นะ”
“พี่เบบ~ อะไรที่เลือกด้วยใจ ใกล้ก็ชอบหมดแหละ…” ที่รักพูดกับพี่สาวตัวเองแล้วหันมาพยักหน้าให้เขา “เนอะใกล้เนอะ”
อดยิ้มกับความน่ารักของที่รักไม่ได้เลย เ้าตัวเป็คนที่ทำให้ท้องฟ้าสีครึ้มในวันนี้สดใสขึ้นทันตา “ใช่ครับ”
“แต่ๆ …เราขอสารภาพไว้ก่อนเลยนะใกล้...เราไม่ได้เป็คนเลือกของขวัญให้ใกล้เองกับมือ แต่เราส่งกระแสจิตไปหาพี่เบบว่าให้เลือกของขวัญที่น่ารักๆ เหมาะกับใกล้ แล้วเมื่อกี้พี่เบบบอกแล้วว่าเลือกอะไรมาให้ใกล้ เราว่าเหมาะกับใกล้มากๆ เลย”
“จริงๆ แค่รักมา เราก็ดีใจมากแล้วนะ แต่ก็ขอบคุณสำหรับของขวัญครับ”
“ไม่เป็ไรเลยใกล้ แค่นี้เอง…เล็กน้อยมากๆ” คนที่เขาให้คำนิยามว่า ‘เป็ความน่ารักของโลกใบนี้’ ยกมือขึ้นแล้วเอานิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ัักันเพื่อแทนคำว่าเล็กน้อย
ใกล้หัวเราะ ก่อนเอ่ย “ขอบคุณนะรักที่วันนี้มาทำให้เรายิ้มได้”
“ด้วยความยินดีเลยค้าบ~”
คำว่า ‘ค้าบ’ ของที่รักไม่เคยเหมือนใคร และคงไม่มีใครพูดได้เหมือนเ้าตัว เพราะน้ำเสียงที่ที่รักใช้ออดอ้อนเหลือเกิน ใกล้นั่งมองเ้าตัวคุยกับพี่สาวก่อนจะหันไปมองคนข้างกายที่ใช้มือสะกิดเรียกเขา
“ครับ พี่ดอม”
“งานเลี้ยงตอนเย็น โอเคใช่ไหม?”
“โอเคครับพี่ดอม ก่อนออกมาจากคอนโด คุณพ่อเพิ่งโทรคุยกับใกล้เอง...ดูเหมือนว่าแขกจะเยอะกว่าตอนเช้านะครับ”
“พี่แค่เป็ห่วง กลัวแขกมาเยอะเกินแล้วจะเกิดปัญหาเพราะดูแลไม่ทั่วถึง คุณแม่ยังบอกว่าจะส่งคนงานที่บ้านไปช่วยดูแลแขกในงานอยู่เลย”
“อ๋อ ฝากขอบคุณคุณน้าด้วยนะครับพี่ดอม แต่ว่าทุกอย่างในงานเรียบร้อยหมดแล้วครับ พี่ดอมกับคุณน้าไม่ต้องเป็ห่วงนะครับ”
“โอเคครับ เดี๋ยวพี่ไลน์ไปบอกคุณแม่ก่อน”
ใกล้พยักหน้ารับพี่ชาย ก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งเยื้องอยู่ฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง เพราะเขารู้สึกเหมือนกำลังโดนดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองอยู่ และเป็อย่างที่รู้สึกจริงๆ ด้วย เ้าของแก้มย้อยๆ กำลังจ้องเขาตาแป๋วเลย
“ใกล้นี่น่ารักจังเลยน้า~” ที่รักเอียงคอมองเขา ก่อนเอ่ยต่อ “มองมุมไหนก็น่ารัก...ยิ้มหวานมากๆ ด้วย”
ใกล้หัวเราะพลางคิดว่าคนที่ชมเขาคงไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองทำตัวน่ารักขนาดไหน ในโลกนี้คงไม่มีใครน่ารักน่าเอ็นดูได้เท่าที่รักแล้ว
“เราว่าไม่มีใครน่ารักได้เท่าที่รักแล้ว”
“หน้าตาน่ารักยังไม่พอ ใกล้ยังรู้จักพูดเอาใจกันอีก...ฮึ่ย! อยากจะฟัดใกล้จริงๆ เลย”
“ที่รักเอ้ย~” พี่เบบเอ่ยพร้อมส่ายหน้า ใกล้คิดว่าพี่เบบคงรู้สึกมันเขี้ยวที่รักไม่ต่างจากเขา
แต่จู่ๆ คนที่น่ามันเขี้ยวที่สุดในโลกก็เริ่มขมวดคิ้วคล้ายเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เ้าตัวละสายตาจากพี่สาวแล้วหันมาสบตากับเขาอีกครั้ง
“ทำไมใกล้เลือกมาจัดงานวันเกิดที่ร้านนี้ ไม่กลัวไม่เป็ส่วนตัวเหรอใกล้”
คำถามของที่รักทำให้ใกล้หยุดนึกคิดไปชั่วครู่ เขาเม้มริมฝีปากเมื่อเห็นคนข้างกายทั้งสองที่นิ่งอึ้งอยู่ ใกล้เดาว่าพี่ดอมกับพี่เบบแค่ชวนที่รักมาร่วมงาน แต่ไม่ได้เล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เขามาฉลองงานวันเกิดที่ร้านเนื้อย่างเกาหลีให้เ้าตัวฟัง
“เอ่อ...” พี่ดอมที่กำลังจะตอบบางอย่างหยุดเว้น่ไปอีกครั้ง
“พอดีปีนี้ที่บ้านเรามีจัดงานอื่นของคุณพ่อด้วย เราไม่อยากให้คนที่บ้านต้องเหนื่อยเพิ่มอีก เพราะถ้าเราจัดที่บ้านก็ต้องเตรียมงานเยอะมาก...” ใกล้ส่งยิ้มให้ที่รัก ก่อนเอ่ยต่อ “บวกกับเราไม่อยากให้จัดงานใหญ่โต ปีนี้เราอยากให้งานวันเกิดมีบรรยากาศสบายๆ คล้ายนัดกันมากินข้าวใน่วันหยุดมากกว่า”
“อ๋ออ...ใกล้เป็คนที่คิดถึงคนอื่นก่อนเสมอเลยนะเนี่ย ไม่อยากให้จัดงานใหญ่โตเพราะกลัวคนที่บ้านจะเหนื่อยเพิ่ม…เราฟังแล้วชื่นใจแทนคนที่บ้านใกล้เลย”
ใกล้อมยิ้ม ก่อนเอ่ย “พอเริ่มโตแล้วเราถึงเข้าใจประโยคที่ว่า...ตอนเด็กๆ มักจะอยากจัดงานวันเกิดใหญ่ๆ เพื่อให้มีเพื่อนมาเยอะๆ แต่เมื่อโตขึ้นเราจะอยากจัดงานเล็กๆ แล้วชวนแค่คนที่สนิทมาร่วมงาน…ความสำคัญของงานวันเกิดไม่ใช่แค่มาร่วมสนุกแล้วเป่าเค้กในงาน แต่มันคือการได้นั่งพูดคุย ได้แชร์เื่ราวใน่ที่ไม่ได้เจอกัน ได้ยิ้มหัวเราะกับเื่ตลกๆ ที่ไม่น่าเกิดขึ้นในชีวิตของแต่ละคน”
“โอ้โห มุมมองต่องานวันเกิดของใกล้ดีมากๆ เลย...เราฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นมาก” ที่รักยิ้มกว้าง ก่อนเอ่ยต่อ “งั้นวันนี้เรามายิ้มกันเยอะๆ เลยนะใกล้”
“ครับ”
ใกล้ตอบรับแล้วส่งยิ้มให้เ้าตัว สิ่งที่เขาตอบที่รักไปทั้งหมดคือความจริง ใกล้ไม่อยากให้พี่เจี๊ยบและคนอื่นๆ ในบ้านต้องเหนื่อยเพิ่ม และเขาอยากให้งานวันเกิดปีนี้มีบรรยากาศอบอุ่นที่มีแค่คนสนิท เพียงแต่ใกล้ไม่สามารถบอกความจริงอีกเื่กับที่รักได้ เพราะเขาเชื่อว่า…ต่อให้บอกว่าเข้าใจและไม่คิดมากที่พ่อจัดงานหมั้นในวันเกิดเขา แต่คนอื่นอาจจะไม่เข้าใจพ่อ
ใกล้ไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด
ไม่อยากให้ใครมองพ่อไม่ดี
ไม่อยากให้คนอื่นรู้สึกว่าพ่อรักลูกตัวเองไม่มากพอ
แม้ใกล้จะพอรู้ว่าที่รักเป็คนมองโลกในแง่ดี เ้าตัวคงไม่ตัดสินพ่อของเขาว่าเป็คนยังไงจนกว่าจะได้รู้จักกันจริงๆ แต่เื่บางเื่ยากเกินกว่าจะเข้าใจได้ ใกล้เลยคิดว่าควรหลีกเลี่ยงเื่ซับซ้อนแล้วให้รับรู้แต่สิ่งที่ซึมซับได้ง่ายจะดีกว่า
และพี่ดอมกับพี่เบบที่ยิ้มบางๆ อยู่ ทำให้รู้ว่าทั้งสองคนเข้าใจในเจตนาที่แท้จริงของเขา ใกล้ไม่ได้อยากปิดบังความจริงกับที่รัก แต่เขาแค่ตัดทอนเื่ราวที่มากไปด้วยความรู้สึกให้ลดน้อยลง
เพื่อให้เกิดคำถามขึ้นภายในใจอีกฝ่ายให้น้อยที่สุด...
“ใกล้ใจ~”
ใกล้หันมองตามเสียงเรียกที่ดังมาจากทางด้านขวา เ้าของเสียงสดใสเดินนำเมย์และกันต์มาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“มากันแล้ว~” ใกล้เอ่ยเมื่อเพื่อนสนิททั้งสามคนเดินมาหยุดยืนที่หัวโต๊ะฝั่งขวา
“รถโคตรติดเลย”
“ดีที่ฝั่งที่เรามาไม่ติดเท่ากันต์อะ” เมย์เอ่ย
ใกล้เคลื่อนมือไปตบที่ว่างข้างกายดังแปะๆ เป็เชิงชวน พายยื่นถุงกระดาษสีขาวเล็กๆ ให้เขา เมื่อมองดูโลโก้บนถุงใบนั้นจึงทำให้รู้ว่าเพื่อนซื้อของราคาแพงให้อีกแล้ว
“เรารู้นะว่าใกล้กำลังจะดุเื่ที่ซื้อของแพงๆ ให้อะ...” พายพูดขึ้น ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วเขยิบเข้ามาใกล้ๆ เขา “อันนี้เป็ของขวัญของเรากับเมย์ ช่วยกันหารคนละครึ่ง...แล้วราคาก็ไม่ได้แพงอย่างที่คิดหรอก”
ใกล้รับถุงของขวัญมา ก่อนเอ่ย “ทีหลังไม่ต้องซื้อของแพงๆ ให้เรานะ เราเกรงใจ”
“เกรงใจอะไร...แค่นี้เอง”
ใกล้ส่งยิ้มให้พาย ก่อนเอ่ยชวนเพื่อนอีกสองคนที่ยืนอยู่ “เมย์ กันต์...นั่งเลยๆ”
“กันต์จะนั่งฝั่งไหน?”
“เราได้หมด เมย์เลือกก่อนเลย”
“งั้นเรานั่งข้างพายเอง มันต้องมีคนคุมเวลาออกนอกสถานที่”
“ฮ่าๆ โอเค”
ใกล้มองเพื่อนสนิททั้งสองคนที่กำลังทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวทั้งสองฝั่ง เมย์เลือกนั่งที่เก้าอี้ฝั่งเดียวกับเขา ส่วนกันต์นั่งอีกฝั่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพาย โต๊ะนี้สามารถนั่งได้สิบสองคน เก้าอี้ตัวยาวถูกแบ่งให้นั่งได้ฝั่งละหกคน และเป็ที่นั่งแบบเปิดสองฝั่ง ทุกคนสามารถลุกออกจากเก้าอี้ได้ทั้งทางด้านซ้ายและขวา
ในตอนนี้ฝั่งของใกล้มีคนนั่งไปแล้วห้าคน แต่ฝั่งตรงข้ามมีเพียงแค่ที่รักกับกันต์เท่านั้น เขากะพริบตาปริบๆ พลางมองพื้นที่ว่างตรงหน้า คงเพราะกันต์กับที่รักไม่เคยเจอกันมาก่อน ทั้งสองคนถึงได้เว้นระยะห่างจากกันขนาดนี้ ใกล้จึงตัดสินใจแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันเพื่อให้บรรยากาศในตอนนี้ผ่อนคลายมากขึ้น
“พี่ดอมรู้จักเพื่อนใกล้ทุกคนแล้ว แต่พี่เบบกับที่รักคงเพิ่งเคยเจอเพื่อนๆ ของใกล้ครั้งแรก งั้นใกล้ขอแนะนำเพื่อนให้รู้จักนะครับ เวลาเจอกันที่มหา’ ลัยจะได้ทักทายกันครับ” ใกล้สบตาพี่เบบสลับกับที่รัก ก่อนจะผายมือไปทางเพื่อนสนิทคนแรก “คนนี้ชื่อพายครับ”
พายยกมือไหว้สวัสดีพี่ดอมและพี่เบบ ก่อนจะลดมือทั้งสองลงแล้วเปลี่ยนไปโบกมือทักทายที่รักแทน พี่เบบส่งยิ้มให้เ้าตัวอย่างเป็มิตร ส่วนเ้าของแก้มย้อยๆ ก็โบกมือตอบกลับพายเช่นกัน
“ส่วนคนนี้เมย์...” ใกล้ละสายตาจากพี่เบบและที่รักไปชั่วครู่เพื่อหันมองตามมือตัวเองที่ผายไปทางกันต์ “แล้วคนนี้ก็กันต์ครับ”
เมย์กับกันต์ยกมือไหว้สวัสดีพี่ดอมและพี่เบบเหมือนที่พายทำแล้วส่งยิ้มให้ที่รักทั้งคู่ เมื่อใกล้เห็นปฏิกิริยาของทุกคนจึงทำให้รู้สึกโล่งอก เพราะทุกคนดูเป็มิตรต่อกัน
“ใกล้ เอาถุงของขวัญมาวางฝั่งนี้สิ พายจะได้นั่งสบายๆ”
และที่รักก็ผูกมิตรกับเพื่อนของเขาได้เป็อย่างดี
“ไม่เป็ไรๆ เรานั่งได้สบายมาก” พายรีบยกมือขึ้นโบกไปมา
ใกล้เหลือบมองถุงกระดาษที่วางแนบอยู่ข้างกาย แม้พายจะยืนยันว่านั่งได้สบายๆ แต่เขาคิดว่ามันเกะกะอยู่พอสมควรเลย ใกล้จึงตัดสินใจหยิบถุงของขวัญทั้งสองถุงส่งให้ที่รักที่กำลังยื่นมือมารอรับอยู่
“ฝากหน่อยนะรัก”
“ได้เลยค้าบ”
ถุงกระดาษที่ด้านในบรรจุกล่องของขวัญถูกเอาไปวางไว้ที่นั่งฝั่งตรงข้ามเขา ตอนนี้ใกล้จึงไม่รู้สึกเคว้งคว้างอีกต่อไป เพราะพื้นที่ว่างตรงหน้าถูกเติมเต็มแล้ว
ถึงจะไม่มีใครให้ได้สบตา...
อย่างน้อยๆ ก็มีของขวัญจากทุกคนให้ได้มอง
เ้าของใบหน้าหวานคิดพลางอมยิ้ม ก่อนจะมองกันต์ที่ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้ของเ้าตัว เพื่อนสนิทหยิบกล่องสีเงินทรงยาวออกมาโชว์เขา
“อันนี้ของขวัญจากกู...เอาใส่รวมไว้ในถุงนี้ได้ไหม?” กันต์ว่าพลางเอาของขวัญไปจ่อรอที่ปากถุงกระดาษ เมื่อเขาพยักหน้ารับ เ้าตัวจึงหย่อนมันลงไปอย่างระมัดระวัง
“ขอบคุณมากนะกันต์”
“ของขวัญเหมือนทุกๆ ปีนะ...หวังว่ามึงจะยังชอบอยู่”
“ชอบสิ...ปีหน้าขอแบบนี้อีกนะ”
กันต์ยิ้มแล้วยกมือทำท่าโอเค “โอเคเลย”
“เหลือพี่ฟ้าที่ยังมาไม่ถึงใช่ไหมครับ?”
“ใช่” พี่ดอมเอ่ยตอบ
“งั้นใกล้ว่าเราสั่งอาหารรอพี่ฟ้ากันเลยดีไหมครับ?”
“ดีนะ เดี๋ยวให้ฟ้ามาสั่งเพิ่มเองก็ได้ เผื่อเพื่อนใกล้จะหิวแล้ว” พี่เบบพูดพร้อมรับเมนูจากพนักงาน
“โอเคครับ”
ใกล้มองเมนูที่อยู่ในมือของพายเรียบร้อยแล้ว เขาเลือกร้านเนื้อย่างเกาหลีร้านนี้เพราะเป็บุฟเฟ่ต์ ทุกคนจะได้ไม่ต้องเกรงใจเขาถ้าอยากสั่งอาหารเพิ่มอีก
ใกล้ยื่นหน้าไปมองพายที่กำลังเขียนจำนวนอาหารที่้าใส่แผ่นกระดาษเล็กๆ ที่พนักงานแนบมากับเมนู ดวงตาเรียวรีเบิกกว้างเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพกุ้งตัวโตๆ ที่อยู่ในเมนู
“เราเลือกจ่ายราคาซีฟู้ดไว้...ทุกคนสั่งอาหารทะเลได้นะ” เอ่ยพลางเคลื่อนนิ้วไปจิ้มที่ภาพกุ้ง พายหัวเราะแล้วหันมามองเขา
“ใกล้จะเอากุ้งใช่ไหม เดี๋ยวเราสั่งเผื่อ”
คนโดนถามพยักหน้าหงึกหงัก “เอามาแค่ 2 ถาดก่อนนะ”
“โอเค”
ในระหว่างที่ใกล้กำลังดูอาหารในเมนูโดยมีพายเป็คนถือไว้ให้อยู่นั้น พี่ดอมที่นั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยบางประโยคที่เรียกความสนใจจากเขาได้เป็อย่างดี
“พันลี้มาแล้ว ไอ้ฟ้ายังไม่โผล่มาเลย”
แม้ประโยคคำพูดของพี่ดอมแทบจะเป็ไปไม่ได้เลย และเขาอาจจะหูฝาดไปเอง แต่ใกล้ยังเลือกหันไปมองทางเ้าของเสียง
เป็ในตอนนี้ที่ทฤษฎีของคนที่ตกหลุมรักดวงจันทร์ถูกคนตัวสูงที่มาปรากฏตัวลบล้างไปจนหมดสิ้น เพราะพันลี้ทำให้เขารู้ว่า...
พระจันทร์ดวงกลมๆ
ไม่ได้มาปรากฏตัวแค่ตอน 17.30 น เท่านั้น
เปลือกตาสีอ่อนไม่กะพริบปิดเลยสักวินาทีเดียว เพราะใกล้กลัวว่าคนตรงหน้าจะหายไป หัวใจที่เคยเต้นเร็วแรงทุกครั้งที่ได้เห็นคุณพระจันทร์ค่อยๆ ผ่อนจังหวะช้าลงจนแทบจะหยุดเคลื่อนไหว
“พี่ลืมบอกไปว่าชวนพันลี้มาด้วย ที่รักจะได้มีเพื่อนคุย และอีกอย่างคือ...” พี่ดอมโน้มหน้ามากระซิบที่ข้างหูแ่เบา “ทำความรู้จักกันไว้ก็ดี...เวลาเจอกันที่มหา’ ลัยจะได้ทักทายกัน”
เมื่อจบประโยคคำพูดของพี่ดอม ในสมองของใกล้ก็ว่างโล่ง ภายในโสตประสาทเงียบสงบไร้เสียงใดๆ คล้ายโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ใกล้มองพระจันทร์ดวงเดิมยิ้มหัวเราะกับเพื่อนสนิทอย่างที่รักโดยไม่วางตา
เพราะใกล้คิดเสมอว่า...ไม่มีความเป็ไปได้ที่พันลี้จะมางานวันเกิดเขา ตอนนี้จึงเหมือนเขากำลังดูภาพยนต์เื่โปรดที่มีตัวละครแสนรักคอยดำเนินเื่อยู่ ใกล้เห็นพันลี้กับที่รักขยับปากพูดคุยกัน แต่เขาไม่ได้ยินเสียงใดๆ เลย
ราวกับว่าโลกให้โอกาสเขาได้เก็บเพียงแค่ภาพรอยยิ้มของพันลี้เท่านั้น แต่เป็ในวินาทีถัดมาที่เขาได้ยินเสียงบางอย่างกลับมาดังก้องในโสตประสาทอีกครั้ง
ตึก ตัก ตึก ตัก
การที่หัวใจกลับมาเต้นเร็วทั้งที่ตอนแรกสงบนิ่งไป ใกล้คิดว่าปฏิกิริยาของร่างกายที่ผิดแปลกไปจากเดิมกำลังบอกบางอย่างกับเขา และตอนนี้ใกล้รู้แล้วว่าหัวใจดวงน้อยๆ บอกอะไร...
หัวใจที่เต้นช้าลงจนแทบหยุดเต้น
สามารถกลับมาเต้นเร็วแรงได้อีกครั้ง
อาการนี้คือ...การตกหลุมรัก (คุณพระจันทร์) ซ้ำๆ
ที่รักยิ้มขำแล้วเขยิบให้เพื่อนสนิทได้นั่งข้างกาย ทว่าเ้าตัวเหลือบมองพื้นที่ว่างสลับกับถุงของขวัญของเขา คล้ายกำลังกะระยะห่าง ใกล้คิดว่าที่รักคงอยากเหลือที่นั่งไว้ให้ใครสักคนถึงได้เขยิบให้พันลี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ในตอนที่คนตัวสูงกำลังทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ ที่รัก ใกล้ลอบมองคุณพระจันทร์ที่แต่งตัวดูดีมากๆ เรือนผมสีบลอนด์ทองถูกเซตเปิดหน้าผาก เ้าตัวสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียวขี้ม้าตัวโคร่งกับกางเกงยีนสีดำขาดเข่า และรองเท้าผ้าใบยี่ห้อ Vans สีดำ แต่วันนี้นาฬิกาข้อมือถูกแทนที่ด้วยสร้อยข้อมือสีเงิน
“รัก...มึงเขยิบอีกนิดได้ไหม? กูจะตกขอบแล้ว”
“ได้อีกแค่นิดเดียวนะ เพราะ…” ใกล้มองเ้าของแก้มย้อยๆ ที่แสดงสีหน้าเป็กังวลขณะเหลือบมองพื้นที่ว่างข้างกายที่เว้นไว้ “เพราะพี่ฟ้าตัวใหญ่ เดี๋ยวจะนั่งไม่พอ”
ที่แท้ที่รักก็เว้นที่ไว้ให้พี่ฟ้านี่เอง...
พี่ฟ้าคงเป็คนสำคัญของที่รักแน่ๆ เลย
เ้าตัวถึงไม่ยอมแบ่งที่นั่งให้เพื่อนสนิท แต่เลือกเก็บไว้ให้พี่ฟ้าแทน
แม้พื้นที่ว่างของฝั่งที่รักจะเหลืออยู่เยอะพอสมควร แต่เขาเข้าใจถึงสาเหตุที่ที่รักเว้นระยะห่างจากถุงของขวัญที่วางคั่นกลางระหว่างเ้าตัวกับกันต์ เพราะที่รักคงไม่อยากทำให้กันต์รู้สึกอึดอัด ถ้าหากขยับเข้าไปใกล้มากกว่านี้ เมื่อใกล้เข้าใจอย่างนั้นจึงเอ่ยออกไป
“ไม่เป็ไรหรอกรัก นั่งให้สบายเถอะ ถ้าไม่พอเดี๋ยวเราต่อโต๊ะให้...”
“ได้ใช่ไหมใกล้?”
“ได้ครับ เพราะเพื่อนใกล้ก็เหลืออีกหลายคน ยังไงก็ต้องต่อโต๊ะแหละ”
ขอโทษที่โกหกนะรัก...
เพราะเราไม่อยากให้รักเกรงใจเราน่ะ
แล้วอีกอย่าง...คุณศศินจะได้นั่งสบายๆ ด้วย
“โอเค...จะได้หายห่วง”
ที่รักพยักหน้ารับแล้วส่งยิ้มให้เขา ใกล้จึงส่งยิ้มตอบกลับเ้าตัว และเป็ในตอนนั้นที่เขาเผลอสบตากับใครบางคน ใกล้รีบหลุบตาลงต่ำเมื่อเห็นคุณพระจันทร์อมยิ้มขณะมองเขา
ใกล้พอจะรู้ว่าพันลี้เป็คนขี้เล่น ยิ้มง่าย และบนใบหน้าของเ้าตัวมักจะมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงจะรู้อย่างนั้นแล้ว...ร่างกายของเขาก็ยังปั่นป่วนอยู่ดี
ตั้งรับไม่ทันเลย
รับมือไม่ได้แน่ๆ
แย่แล้วใกล้ใจ…
“ใกล้...” พายใช้นิ้วสะกิดแขนของเขาเบาๆ พลางเรียกด้วยเสียงแ่เบาจนคล้ายเสียงกระซิบ ใกล้จึงหันไปมองเ้าตัว “หูของใกล้แดงแจ๋เลย”
ใกล้กลืนน้ำลายลงคอ เขาอยากยกมือขึ้นปิดที่ใบหูทั้งสองข้าง แต่กลัวจะผิดสังเกต ใกล้พยายามคิดหาวิธีปิดบังอาการเขินอายของตัวเองที่ปรากฏเด่นชัดอยู่ที่ใบหูนานหลายนาที ก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ อย่างคนหมดหนทาง แล้วหันไปหาเพื่อนสนิทพลางเบะปากเหมือนอยากจะร้องไห้
;___________;
“ใกล้...” ใกล้มองกันต์ที่เอ่ยเรียกเขาเบาๆ เ้าตัวยกมือขึ้นมาแล้วลูบบริเวณหน้าอกของตัวเอง “หายใจเข้าลึกๆ ดิ...มันจะช่วยลดอาการเขินได้”
อากาศที่ไม่ค่อยจะบริสุทธิ์สักเท่าไหร่ถูกโกยเข้าเต็มปอดของคนตัวเล็กตามคำแนะนำของเพื่อน ใกล้แทบจะสำลักออกมาตอนที่ควันจากเตาของโต๊ะที่อยู่ข้างๆ ซัดเข้าเต็มโพรงจมูก
“โอ๊ย...สงสาร” เมย์พูดปนหัวเราะ
พายเอื้อมมือมาลูบที่หลังของเขา ก่อนเอ่ยถาม “ไหวไหม?”
“พาย เราขอถุงได้ไหม?” ใกล้พูดพร้อมพยักพเยิดหน้าไปทางถุงกระดาษที่ใส่ของขวัญอยู่
“จะเอามาทำอะไร?”
“จะเอามาคลุมหัว...คนอื่นจะได้ไม่เห็นหูแดงๆ ของเรา”
นี่คงเป็ครั้งแรกที่เขาสามารถพูดให้เพื่อนๆ หัวเราะได้โดยไม่ต้องฝืน ใกล้ชอบหามุกตลกๆ มาเล่นกับเพื่อน แม้ว่ามุกของเขาจะฝืดมากๆ แต่เพื่อนทุกคนก็ยังช่วยขำเพื่อให้กำลังใจ เขาจะได้สรรหามุกมาเล่นในกลุ่มต่อไป ทว่าครั้งนี้ใกล้อยากบอกทุกคนว่าไม่ได้เล่นมุกเลย
เขาอยากเอาถุงมาคลุมหัวจริงๆ นะ
“พันลี้จะไปไหนน่ะ…ทำไมลุกออกจากโต๊ะล่ะ?”
เมื่อได้ยินประโยคคำถามของพาย เขาจึงหันไปหาคำตอบทันที ใกล้เห็นพันลี้ยืนหัวเราะขณะโดนที่รักชี้หน้าอยู่ ตอนนี้เ้าของแก้มย้อยๆ ดูหงุดหงิดมากๆ เลย
“เดี๋ยว...เดี๋ยวนะพันลี้ ถ้าไม่ใช่เื่จริงมีเสียน้ำตาเพราะที่รักคนโหดแน่ๆ”
คนโหดที่ดูเอาเื่มากๆ รีบสาวเท้าออกไปจากร้าน ในขณะที่คนโดนคาดโทษยังยิ้มหัวเราะแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้เหมือนเดิม ใกล้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนที่เขากำลังเขินพันลี้จนหูแดงอยู่ เขาจึงเอ่ยถามคนข้างกายที่คาดว่าอยู่ในเหตุการณ์
“รักไปไหนเหรอครับพี่ดอม?”
พี่ดอมหัวเราะ ก่อนเอ่ย “ก็พันลี้น่ะสิ...บอกที่รักว่าฟ้าวนรถกลับไปแล้วเพราะรถติดมาก”
“แต่ความจริงพี่ฟ้ายังไม่มาใช่ไหมครับพี่ดอม?”
“ใกล้ลองถามคนสร้างเื่ดู…” พี่ดอมพยักพเยิดหน้าไปที่ฝั่งตรงข้าม “ว่าไงลี้ เ้าของวันเกิดถามอะ”
ใกล้เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งตรงข้ามกับพี่ชาย หากตอนนี้มีเครื่องวัดอุณหภูมิติดอยู่ที่ตัวเขา ใกล้คิดว่าเครื่องจะต้องพังเพราะอุณหภูมิที่พุ่งสูงอย่างเฉียบพลันแน่ๆ
พันลี้กัดริมฝีปากน้อยๆ ขณะวางกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลและโทรศัพท์เครื่องสีดำลงบนโต๊ะ เ้าตัวจ้องมองเขาแล้วอมยิ้ม ใกล้รู้ว่าตอนนี้ตัวเองกะพริบตาถี่จนเกินไป อาการนี้จะเกิดขึ้นเวลาที่เขารู้สึกประหม่ามากๆ ใกล้ไม่เคยคิดเลยว่าการสบตากับใครสักคนต้องใช้พลังงานมากขนาดนี้
โดยเฉพาะ...การสบตากับคุณศศิน
ที่มีแววตาขี้เล่นปนเ้าชู้นิดๆ
ใกล้ต้องมีพลังมหาศาลขนาดไหนกันนะ
แต่ต่อให้เขาเป็ธานอส..ยังสู้ไม่ไหวเลยมั้ง
ใกล้มองถุงของขวัญที่ถูกคุณพระจันทร์จับขยับให้พ้นทาง เ้าตัวใช้มือเลื่อนมันออกไปเล็กน้อยเพื่อเคลียร์พื้นที่ กันต์ช่วยรับ่โดยการเอื้อมมือไปดึงถุงของขวัญมาวางไว้แนบข้างลำตัวราวกับอยากเปิดทางให้พันลี้ได้มานั่งตรงข้ามเขา
เป็ในตอนนี้ที่พื้นที่ว่างตรงหน้าถูกเติมเต็มด้วยคุณพระจันทร์แทนถุงกระดาษ ใกล้คิดว่าตัวเองต้องนั่งมองถุงของขวัญจนจบงานซะแล้ว และคงไม่มีใครมานั่งฝั่งตรงข้ามให้ได้สบตา
แต่ยังคงเป็ดวงจันทร์ดวงเดิม
ที่คอยขับไล่ความรู้สึกเคว้งคว้างที่อยู่ภายในใจของเขา
ที่คอยเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
และยังคงเป็คุณพระจันทร์คนนี้...ที่ทำให้จักรวาลเว้าแหว่งกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
“เ้าของวันเกิดอยากรู้ความจริงเลย...หรืออยากเดาเองก่อนครับ”
ตึก ตัก ตึก ตัก
จดบันทึกไว้ในใจเลยนะใกล้ใจ...ว่าตอนที่ได้คุยกับพันลี้ครั้งแรก
“เอ่อ...เราว่ารู้ความจริงเลยดีกว่า”
“ความจริงคือ…” พันลี้อมยิ้มขณะสบตากับเขา ก่อนเอ่ยต่อ “จะไม่มีใครวนรถกลับเพียงเพราะรถติด แต่ทุกคนจะพยายามมาให้เร็วที่สุด...เพื่อรักษาความรู้สึกของเ้าของวันเกิด”
“...”
“เพราะฉะนั้นพี่ฟ้าจะมาแน่นอน”
“…”
“ไม่ต้องกังวล...โอเคไหมครับ?”
น่าประทับใจแค่ไหน...
ใกล้ไม่ได้พยักหน้ารับหรือตอบกลับอีกคนโดยทันที เพราะประโยคคำพูดของพันลี้ที่ซึมลึกเข้าไปในใจอย่างรวดเร็วทำให้รู้สึกบางอย่าง มันเป็ความรู้สึกที่มากกว่าคำว่า ‘ประทับใจ’
ไม่รู้เป็เพราะรอยยิ้มที่เขาให้คำนิยามว่า ‘โลกนี้จะไม่เป็อะไร’ เมื่อได้เห็น น้ำเสียงที่แสนอ่อนโยน หรือประโยคคำพูดของพันลี้ที่ส่งผลให้ในหัวมีแต่คำว่า ‘ขอบคุณ’
ขอบคุณที่ทำให้ทุกก้าวในระหว่างที่เดินทางไปดวงจันทร์
น่าจดจำเสมอ...
แต่หากมีใครสักคนตั้งคำถามว่า...ทำไมประโยคคำพูดของพันลี้ถึงได้ซึมเข้าไปในหัวใจของเขาได้อย่างง่ายดายนั้น ใกล้คงตอบได้เพียงแค่ว่า...
คนที่เจอเื่ราวมามากมายอย่างเขา
คนที่คอยบอกคนอื่นเสมอว่าตัวเองไม่เป็อะไร
คนที่พยายามเข้มแข็งให้ได้มากที่สุดเพื่อก้าวข้ามผ่านบางอย่างไปให้ได้
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ไม่ต้องกังวล’ ก่อนที่ตัวเองจะเจอเื่ที่ทำให้ผิดหวังหรือเสียใจ ใกล้เลยรู้สึกเหมือนได้รับการปกป้องจากทุกอย่างบนโลกที่กำลังโถมลงมาทับ มันจึงไม่แปลกที่มีบางความรู้สึกที่มากกว่าความประทับใจเกิดขึ้นภายในใจของเขา
แต่เป็ในตอนนี้ที่ใกล้รู้สึกว่าเราสบตากันนานจนเกินไปแล้ว เขาจึงพยักหน้าเพื่อแทนคำตอบ พันลี้อมยิ้มแล้วพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ คล้ายบอกว่าเข้าใจในสิ่งที่เขาสื่อผ่านภาษากายนี้
“ใกล้...”
คนโดนเรียกละสายตาจากคนตรงหน้าแล้วหันมองเ้าของเสียง พายเอาแก้วเปล่าสองใบที่อยู่ในมือทั้งสองข้างโบกไปมา ใกล้เดาว่าแก้วอีกใบในมือของพายคงเป็แก้วของเขา
“พะ พายจะไปเอาน้ำเหรอ” เพราะอาการเขินอายไม่ยอมลดน้อยลงเลย มันเลยทำให้เขาพูดกระอึกกระอักกับทุกคน
“ใช่ ใกล้จะเอาน้ำอะไร เดี๋ยวพวกเราไปเอาให้”
“เดี๋ยวเราไปด้วย”
“ไม่ต้องหรอก เ้าภาพนั่งสบายๆ อยู่ที่โต๊ะนี่แหละ”
ใกล้ใช้เวลาตัดสินใจเกือบนาที ก่อนเอ่ย “งั้นเอาน้ำอะไรก็ได้ พายเลือกมาให้เราเลย”
“โอเค~”
“ดะ เดี๋ยว...” ใกล้เอ่ยรั้งเมื่อเห็นเพื่อนทั้งสามคนลุกออกจากโต๊ะ “จะไปเอาน้ำกันทุกคนเลยเหรอ?”
เพื่อนสนิททั้งสามคนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนพยักหน้าตอบรับ ใกล้ไม่แปลกใจเลยที่เพื่อนขมวดคิ้วคล้ายสงสัยแบบนี้ เพราะปกติเขาไม่ใช่คนกลัวการอยู่คนเดียวและไม่ค่อยแสดงอาการงอแงใส่เพื่อนๆ ด้วย
ตอนนี้ใกล้ก็ไม่ได้กลัวการอยู่คนเดียว ทว่าเขากลัวการอยู่กันตามลำพังระหว่างเขากับใครบางคนมากกว่า เพราะหัวใจของเขาอาจจะถูกจู่โจมอย่างหนักจนพังไม่เป็ท่า ใกล้จึงทำหน้าตางอแงใส่เพื่อนทั้งสามคนที่ยืนถือแก้วเปล่าอยู่
“อย่างอแงใกล้ใจ เดี๋ยวจะโดนตี”
พายพูดพร้อมยกนิ้วชี้เขา ก่อนที่เ้าตัวจะพยักหน้าชวนเมย์กับกันต์เดินไปที่ตู้กดน้ำที่อยู่ไม่ไกลจากโต๊ะมากนัก ใกล้ลอบถอนหายใจพลางชะเง้อคอมองเพื่อนๆ ที่ยืนยิ้มหัวเราะขณะเลือกน้ำอัดลมกันอยู่ที่หน้าตู้สี่เหลี่ยม
ทว่าเพลงเกาหลีที่เปิดคลออยู่ภายในร้านได้สักพักแล้วถูกเปลี่ยนเป็เพลงไทยทำนองน่ารักๆ แทน ใกล้หลับตาลงพลางภาวนาให้พนักงานบางคนช่วยเปลี่ยนเพลงเร็วๆ
ที่นี่เป็ร้านเนื้อย่างเกาหลีนะ
เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ
ทำไมถึงได้เปิดเพลง...
‘เช้าแล้ววันนี้ยังไม่สาย ตื่นมาก็ร้องเพลงถึงเธอ ท่องเอาไว้ตัวโน้ตอย่าให้หาย กลั่นมาจากหัวใจ ขอให้เธอโปรดฟังนะคนดี’
เพลง ‘แอบชอบ’
‘ไม่รู้ตอนนี้เธออยู่ไหน ไม่รู้ว่าหัวใจ ของเธอคิดถึงใคร รู้ไหมว่าฉันก็หวั่นไหว ก็ภายในหัวใจ ฉันคิดถึงแต่เธอนะคนดี’
เปลือกตาสีไข่ไก่ค่อยๆ เปิดก่อนจะหันไปมองคนข้างกายที่อยู่อีกด้าน ใกล้หวังให้พี่ดอม พี่เบบ และที่รักยังนั่งอยู่ที่โต๊ะ เขายอมรับว่ารีบกวาดสายตาไปทางด้านขวาด้วยความรวดเร็วเพื่อไม่ให้เห็นคนตรงหน้า สาเหตุที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะใกล้ไม่อยากเห็นพันลี้ แต่เขารู้ตัวเองดีว่า...
ถ้าเราได้สบตากันอีกครั้ง
ในตอนที่มีเพลง ‘แอบชอบ’ เปิดอยู่
ชีพจรของใกล้ใจคงวิ่งเป็เส้นตรงแน่ๆ
ตอนนี้ใกล้คิดว่าสิ่งที่จะทำให้หัวใจของเขาหยุดเต้นไม่ใช่การสบตากับพันลี้เพียงอย่างเดียว แต่เป็การที่ทุกคนลุกออกไปจากโต๊ะหมดเลย ใกล้เม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะรวบรวมความกล้าหันกลับไปมองที่นั่งฝั่งตรงข้าม
และเป็ในตอนนี้ที่...
‘ในความจริงฉันไม่อาจรู้เลย แม้ว่าเธอนั้นไม่รู้จักฉันสักหน่อย แต่ฉันก็แอบชอบเธอไม่ใช่น้อย หัวใจฉันยังเฝ้ารอ และเฝ้าคอย เฝ้าคอยให้เธอหันมา’
...เราได้สบตากันอีกครั้ง
เป็การสบตากันตรงๆ โดยไม่ต้องรอให้อีกคนหันกลับมามองอย่างในเนื้อเพลง เพราะพันลี้อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว ใกล้ไม่รู้ว่าตัวเองหูแดงแค่ไหน เพราะไม่มีพายคอยช่วยสังเกต แต่ใกล้คิดว่าคุณพระจันทร์คงเห็นความผิดปกติแน่ๆ เ้าตัวถึงได้หลุดยิ้มออกมา
อย่าเอาแต่นิ่งสิใกล้ใจ
ทำอะไรสักอย่างสิ
ยิ้มสู้กับพันลี้เลย
‘บอกกับฉันสักนิดได้ไหม ว่าเธอก็คิดอยู่หน่อยหน่อย ว่าเธอก็แอบชอบฉันไม่ใช่น้อย’
“เ้าของวันเกิดนั่งคนเดียวได้ไหมครับ? ...เดี๋ยวลี้จะไปเอาน้ำ”
ฮืออออออ...
สุดท้ายเขาก็ร้องไห้สู้กับคุณพระจันทร์
พันลี้พูดพร้อมยกแก้วเปล่าขึ้นโชว์เขา เ้าตัวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเป็เชิงถาม ใกล้จึงรีบพยักหน้าเพื่อตอบอีกฝ่าย แต่จู่ๆ คุณพระจันทร์ก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“อยู่คนเดียวได้จริงๆ อะ”
“อะ อื้อ เราอยู่ได้”
พันลี้อมยิ้ม “...ก็เมื่อกี้ลี้เห็นงอแงกับเพื่อน”
“เราไม่ได้งอแงนะ แค่...” คิดข้อแก้ตัวออกไหมใกล้ใจ แต่คิดไม่ออกก็ต้องออกแหละ “แค่ถามเพื่อนเฉยๆ”
“อ๋อ...” พันลี้อมยิ้ม สายตาที่เ้าตัวใช้มองเขาคล้ายกำลังบอกว่า ‘ยอมเชื่อก็ได้’
“...”
“งั้นลี้ขอไปเอาน้ำก่อนนะ”
“ครับ…”
ใกล้พยายามไม่หลบสายตาพันลี้ เขามองตามคนตัวสูงที่ลุกออกไป เมื่อเห็นพันลี้เดินไปถึงตู้น้ำที่มีทุกคนยืนอยู่ เขาถึงได้ฟุบหน้าลงกับโต๊ะแล้วทนฟังเพลงที่ทำให้เขินแทบบ้า
‘ให้ใจฉันได้ชื่นฉ่ำ เมื่อเฝ้าคอย เฝ้าคอยให้เธอหันมามองฉันสักที’
ฮือออ...
เพลงยังไม่จบอีกเหรอเนี่ย
คราวนี้ไม่มีเสียงอะไรมารบกวนเลยนะ...
‘…ก็เมื่อกี้ลี้เห็นงอแงกับเพื่อน’
นี่ไง...เสียงรบกวน
หัวทุยส่ายไปมาอยู่บนโต๊ะพลางบ่นเสียงแ่ “เพราะคุณศศินนั่นแหละที่ทำให้เรากลายเป็คนงอแง”
“อะไร~ แค่ไม่อยู่เป็เพื่อน เสียใจขนาดเอาหน้าฟุบโต๊ะเลยเหรอเนี่ย?”
ใกล้ลอบถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนทั้งสามคนที่เพิ่งกลับมานั่งที่โต๊ะในตำแหน่งเดิม “ตอนนี้เราไม่รู้จะพูดอะไรดี...รู้สึกหน้าร้อนไปหมดเลยพาย”
“ถ้าหูมึงแดงมากกว่านี้อีกนิดเดียวนะ...คือสีเดียวกับมะเขือเทศเลยอะ” กันต์พูดปนหัวเราะ
“จบแล้วใกล้ใจ...” พูดพลางส่ายหน้าเบาๆ เหมือนคนสิ้นหวัง “เมื่อกี้พันลี้ต้องเห็นหูแดงๆ ของเราแน่ๆ เลย”
“มึงก็บอกไปสิว่าหูแดงเพราะอากาศร้อน…แถๆ ไปเถอะ”
ใกล้ส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนเอ่ย “ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเราจะโดนว่าไม่เนียน ไปเรียนมาใหม่”
“ฮ่าๆ มึงคิดว่าพันลี้จะว่ามึงแบบนั้นเหรอ? ...จากที่กูดูพันลี้คุยกับมึงนะ เขาไม่ว่ามึงหรอก”
“...”
“เราว่าพันลี้คงแกล้งเชื่อคนขี้เขินมากกว่า” พายพูดสมทบ เ้าตัวพูดเหมือนเห็นว่าเมื่อกี้พันลี้ใช้สายตาแบบนั้นกับเขาเลย
สายตาที่คล้ายกับบอกว่า ‘ยอมเชื่อก็ได้’ แบบนั้นน่ะ
“พันลี้คงแกล้งเชื่อจริงๆ นั่นแหละ” ใกล้พูดพลางหลุบตามองแก้วที่พายยื่นให้
“เราเอาน้ำผลไม้รวมมาให้นะ”
“อื้อ ขอบคุณนะพาย”
มือเรียวรับแก้วน้ำผลไม้รวมมาจากเพื่อนก่อนจะเอาปากงับหลอดไว้ ใกล้ดูดน้ำรสชาติเปรี้ยวอมหวานพลางชะเง้อคอมองคนตัวสูงที่ทำเขาเขินจนเสียอาการไปหมด
เพราะว่าตู้กดน้ำไม่ได้อยู่ไกลจากโต๊ะของเขามากนัก ใกล้จึงเห็นพันลี้ที่ยืนคุยกับพี่ดอมชัดพอสมควร เ้าตัวยิ้มหัวเราะกับพี่ชายของเขาเหมือนปกติ แต่ทว่ารอยยิ้มที่เปื้อนอยู่บนใบหน้าเริ่มเลือนหายไป
คุยอะไรกันนะ
ทำไมรอยยิ้มของคุณพระจันทร์ถึงได้หายไป...
ใกล้รีบละสายตาจากทั้งสองคนเมื่อเห็นพี่เบบกำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ เขาวางแก้วน้ำลงแล้วหันไปส่งยิ้มให้แฟนพี่ชายขณะที่เ้าตัวหย่อนก้นนั่งลงข้างๆ เขา
“เดี๋ยวพี่นั่งตรงนี้ก่อนนะ ดอมยังไม่มา มัวแต่คุยอะไรกับพันลี้ไม่รู้”
“ไม่เป็ไรครับพี่เบบ พี่เบบนั่งข้างๆ ใกล้เลยก็ได้นะครับ...จะได้ไม่ต้องลุกออกไปอีก”
พี่เบบส่งยิ้มให้เขา ก่อนที่เ้าตัวจะหันไปรับถาดอาหารที่พนักงานทยอยเอามาเสิร์ฟ ในระหว่างที่พนักงานคนหนึ่งเอื้อมมือมาเปิดเตาย่างตรงหน้าเขา ใกล้เลยลอบมองคุณพระจันทร์อีกครั้ง
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นพี่ดอมเดินถือน้ำกลับมาสองแก้ว ใกล้เดาว่าอีกแก้วต้องเป็ของพันลี้แน่ๆ ดวงตาเรียวรีมองตามคุณพระจันทร์ที่กำลังคุยอะไรกับพนักงานคนหนึ่งก่อนจะชี้นิ้วมาที่โต๊ะ ใกล้เลยรีบหลุบตามองที่เตาย่างทันที
ตอนที่พันลี้ชี้มาที่โต๊ะ...เ้าตัวหันกลับมามองด้วย
แต่พันลี้คงไม่เห็นว่าเขากำลังมองหรอกเนอะ...
ใช่นั่นแหละ...ไม่เห็นหรอก
ใจเย็นๆ ไว้ใกล้ใจ อย่าตื่นเต้น เดี๋ยวเขาจับได้ว่า...
“แอบชอบ”
ใกล้เบิกตาโตเมื่อได้ยินประโยคคำพูดนั้น ก่อนจะหันไปมองคนข้างกาย พี่ดอมที่ไม่รู้ขยับเปลี่ยนที่กับพี่เบบั้แ่ตอนไหนกำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่ ใกล้กลืนน้ำลายลงคอแล้วส่งยิ้มแห้งๆ ให้พี่ชาย
“เพลง ‘แอบชอบ’ ใช่ไหมดอม?” พี่เบบที่กลับไปนั่งตำแหน่งเดิมเอ่ยขึ้น
“ใช่ค่ะ เพลงที่เราส่งให้คุณตอนจีบกันใหม่ๆ ”
“ไม่ต้องมองเราแบบนี้เลย ไม่เขินหรอก”
คนตัวเล็กพรูลมออกจากปากในตอนที่รู้ว่าพี่ดอมไม่ได้จับได้ว่าเขาแอบชอบพันลี้ เ้าตัวแค่กำลังพูดถึงเพลง ‘แอบชอบ’ กับแฟนสาวอยู่
ใกล้ส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะกวาดสายตามองหาคุณพระจันทร์อีกครั้ง เป็ในตอนนั้นที่เขาเห็นคนตัวสูงกำลังเดินออกไปจากร้าน ใกล้คิดว่าพันลี้ไม่น่าจะกลับก่อนเพราะพี่ดอมเอาแก้วที่มีน้ำสีชาไปวางไว้ตรงที่นั่งเ้าตัวแล้ว
“พันลี้ไปไหนล่ะ?”
และพี่เบบก็ช่วยถามพี่ดอมให้เขา
“อ๋อ...ลี้บอกว่าที่รักหายไปนานแล้ว มันเลยออกไปดูหน่อย”
คำตอบของพี่ดอมช่วยคลายความกังวลให้เขา ใกล้จึงหันกลับมาสนใจเตาย่างที่ร้อนจัดจนส่งไอร้อนมาััผิวกายเขา
“ใกล้...กุ้งสองถาดของใกล้มาแล้ว”
“พาย เอามาให้เรา...เดี๋ยววันนี้เราย่างแล้วก็แกะกุ้งให้ใกล้กินเอง”
“ไม่ต้องหรอกกันต์ เราทำเองได้”
“เ้าภาพ...อยู่เฉยๆ เลย อย่าดื้อ” กันต์มองเขาด้วยสายตาดุๆ ก่อนจะรับถาดกุ้งไปเทใส่เตาย่างของตัวเอง
“งั้นใกล้เอาหมูสไลด์ไปแทน เราสั่งมาเผื่อ”
“ขอบคุณนะพาย”
ใกล้ที่รับถาดหมูสไลด์มาถือไว้เหลือบมองเตาย่างที่ขนาบข้างอยู่ทั้งสองฝั่ง เตาย่างฝั่งขวาเป็ของพี่ดอมกับพี่เบบ และอีกไม่นานคงมีที่รักกับพี่ฟ้ามาร่วมด้วย เตาย่างฝั่งซ้ายเป็ของกันต์ เมย์ และพาย
ส่วนเตาย่างตรงหน้า
คงเป็ของ...
“กุ้งถาดนั้น...ของผมครับ”
ใกล้ใจกับพันลี้
:)
ใกล้มองคนตัวสูงที่ไม่รู้มาั้แ่ตอนไหนทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวแล้วขยับมานั่งที่ตำแหน่งเดิม เ้าตัวรับถาดสีขาวที่มีกุ้งจำนวนมากมาจากพนักงาน ใกล้เดาว่าที่พันลี้เดินไปคุยกับพนักงานแล้วชี้กลับมาที่โต๊ะ เพราะเ้าตัวคงสั่งให้พนักงานเอากุ้งถาดพิเศษมาให้
ดีจัง...
พันลี้ชอบกินกุ้งเหมือนกันเลย
“โห กินหมดเหรอพันลี้?” พี่เบบเอ่ยถามคนที่กำลังคีบกุ้งตัวโตใส่เตาย่าง
เป็ในตอนนี้ที่คุณพระจันทร์เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะหลุบตามองเตาย่างตรงหน้า ใกล้เริ่มเป็กังวล เพราะปกติพันลี้จะมีรอยยิ้มเปื้อนอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา
เขาเผลอทำอะไรให้พันลี้ไม่สบายใจหรือเปล่านะ...
เขามองพันลี้เยอะไปแน่ๆ เลย
หัวใจของเขาสั่นระรัวด้วยความกังวล แต่เพียงชั่วครู่หัวใจดวงน้อยๆ ก็เริ่มเต้นเร็วแรงกว่าเดิม เพราะเห็นคุณพระจันทร์กลับมาอมยิ้มขณะย่างกุ้งตัวโต
“เท่าที่ดู...ลี้ว่าไม่น่าจะกินหมด”
“แบ่งมาให้พี่ไหม? ...เสียดายของ”
“คุณอย่าไปยุ่งของน้องเลย มาแย่งหมูของเราดีกว่า”
“เราไม่ได้อยากแย่งของน้อง แค่เห็นว่ามันเยอะ กลัวจะเหลือทิ้งแล้วถูกปรับอีก”
“ไม่ถูกปรับหรอก คุณเชื่อเราสิคะ”
ใกล้หยิบตะเกียบแล้วค่อยๆ คีบเอาหมูสไลด์ในถาดใส่เตาย่าง แต่เขาเอาเนื้อหมูสีแดงสดไปวางไว้แค่ตรงขอบๆ เตาเท่านั้น เพราะใกล้ไม่อยากล้ำเข้าไปในเขตของกองทัพกุ้ง เขาลอบมองคนตรงหน้าที่คีบกุ้งตัวโตสีส้มใส่จานตัวเอง
ใกล้พยายามละสายตาออกจากคุณพระจันทร์ แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน นั่นคงเป็เพราะใกล้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ใกล้เ้าตัวอีกเมื่อไหร่ เขาเลยอยากมองเพื่อเก็บภาพพันลี้ไว้ให้ได้มากที่สุด
“ใกล้...” คุณพระจันทร์เอ่ยทั้งที่ก้มหน้ามองกุ้งในเตาย่าง ใกล้นิ่งเงียบและเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ ก่อนที่อีกคนจะคีบหมูสไลด์ใส่จานเขา “ใกล้จะไหม้แล้ว...เอาขึ้นจากเตาได้แล้วครับ”
ที่แท้พันลี้จะบอกว่า ‘ใกล้ไหม้แล้ว’
ไม่ได้เรียกชื่อสักหน่อย...
หายใจได้แล้วนะใกล้ใจ
ใกล้พยักหน้ารับพลางมองหมูที่สุกแล้วในจานตัวเอง เขาเม้มริมฝีปากเพื่อกลั้นยิ้ม แต่การกลั้นยิ้มครั้งนี้ยากมากๆ เลย ตอนนี้ใกล้อยากขอบคุณพันลี้ที่ทำให้เขารู้ว่า...การกลั้นน้ำตาไม่ได้ยากไปกว่าการกลั้นยิ้มเลย
เขาเอาหมูสไลด์อีกชิ้นลงเตาย่างในตอนที่เหลือกุ้งอยู่ตัวสุดท้าย แต่ใกล้ยังคงเอาหมูของตัวเองวางไว้ที่ขอบเตาเหมือนเดิม ทว่าคุณพระจันทร์ใช้ตะเกียบคีบหมูของเขาไปวางไว้ใกล้ๆ กุ้งตัวโตที่นอนแน่นิ่งอยู่ตรงกลางเตาย่าง
พันลี้เงยหน้าขึ้นสบตาเขา ก่อนเอ่ย “อย่าเอาไว้ขอบเตาครับ...เดี๋ยวไม่สุก”
“อะ อื้อ” ใกล้ตอบด้วยเสียงแ่เบาพร้อมพยักหน้ารับ ก่อนจะต่อว่าตัวเองที่พูดไม่เพราะเลย เขาควรจะตอบว่า ‘ครับ’ แต่ดันตอบว่า ‘อื้อ’ แทน ใกล้ได้แต่หวังให้คุณพระจันทร์ให้อภัยคนแอบรักที่ทำตัวไม่ถูกอย่างเขา
ใกล้ตื่นเต้นจริงๆ นะ คุณศศิน
พูดผิดพูดถูก...ตอบผิดตอบถูกไปหมดเลย
“อ้าว มากันแล้วเหรอ?”
คนตัวเล็กละสายตาออกจากจานตัวเองแล้วเงยหน้ามองแขกคนสุดท้ายที่มาร่วมงานวันเกิดของเขา ใกล้ยกมือขึ้นไหว้พี่ฟ้าที่หยุดยืนตรงหัวโต๊ะกับที่รัก
“สวัสดีครับพี่ฟ้า”
“ครับ...ขอโทษที่พี่มาช้านะ”
“ไม่เป็ไรครับ แค่พี่ฟ้ามาใกล้ก็ขอบคุณมากๆ แล้วครับ”
“ไปเอาน้ำก่อนเลยไอ้ฟ้า…กูไม่ได้เอามาเผื่อ กลัวไม่ถูกใจ”
“เออ เดี๋ยวกูไปเอาเอง”
ที่รักเพิ่งหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาวได้ไม่ถึงนาที เ้าตัวก็หยัดกายลุกขึ้นอีกครั้ง ก่อนเอ่ย “เดี๋ยวรักไปเอาน้ำเป็เพื่อนพี่ฟ้านะครับ...รักจะไปเติมน้ำลิ้นจี่ของตัวเองด้วย”
ที่รักเป็คนแรกและเป็คนเดียวที่มาถึงร้านปุ๊บก็ขอไปกดน้ำลิ้นจี่ใส่แก้วมาดื่มเลย ใกล้มองพี่ฟ้าพยักหน้ารับที่รักแล้วเดินไปที่ตู้กดน้ำด้วยกัน
ใกล้ว่า...สองคนนี้
กำลังตกหลุมรักซึ่งกันและกันแน่ๆ เลย
เพราะที่รักดูติดพี่ฟ้า และพี่ฟ้าก็ดูติดที่รัก
“ใกล้...” เ้าของชื่อหันมองตามเสียงเรียก กันต์ยกจานที่มีกุ้งตัวโตๆ ที่สุกแล้วให้เขาดู ก่อนเอ่ย “สุกหมดแล้วนะ แต่กูขอรอให้มันหายร้อนก่อน เดี๋ยวกูแกะให้นะ”
ใกล้ยิ้มกว้างแล้วพยักหน้ารับ “ขอบคุณนะกันต์”
ทว่าเสียงแกะเปลือกกุ้งที่ดังกร๊อบแกร๊บเรียกความสนใจจากเขาได้ไม่น้อย ใกล้มองคุณพระจันทร์ที่ตั้งหน้าตั้งตาแกะกุ้ง ควันสีขาวที่ลอยออกมาจากเนื้อสีขาวอมส้มทำให้รู้ว่ากุ้งตัวโตๆ กำลังคลายความร้อนออกมาหลังจากถูกแกะเปลือก
และปลายนิ้วชี้ของคุณศศินที่ขึ้นสีแดงนิดๆ
ช่วยยืนยันว่ากุ้งยังร้อนอยู่จริงๆ
สงสัยคุณศศินอยากกินกุ้งมาก...ถึงได้ยอมแกะทั้งที่มันยังร้อนอยู่
“ลี้! กินกุ้งเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ที่รักที่เพิ่งมาถึงโต๊ะหลังจากไปเอาเครื่องดื่มกับพี่ฟ้าเอ่ยถามพร้อมเบิกตาโตคล้ายใที่เห็นกุ้งจำนวนมากที่ถูกแกะเปลือกแล้วอยู่ในจานของเพื่อน
“อย่าเว่อร์ไอ้แก้มย้อย…ก็แค่นิดเดียวเอง”
“อย่าเห็นแก่กินขนาดนั้นสิลี้ เกรงใจใกล้บ้าง ใกล้อุตส่าห์พามาเลี้ยง แกะให้เ้าของวันเกิดบ้างสิ…แล้วแบ่งให้เพื่อนเ้าของวันเกิดด้วย…”
เมื่อได้ยินที่รักพูดแบบนั้น ใกล้อยากจะบอกเ้าตัวว่าไม่ต้องให้พันลี้แกะกุ้งให้เขาหรอก ไม่ใช่เพราะกลัวตัวเองจะเขินจนเก็บอาการไม่อยู่ หรือไม่อยากกินกุ้งที่พันลี้แกะให้เองกับมือ
แต่เพราะ...ใกล้ไม่อยากชอบคุณพระจันทร์ไปมากกว่านี้
ตอนนี้เขาก็ชอบคุณพระจันทร์ไปตั้งเยอะแล้ว
“หมายถึงแบ่งให้มึงด้วยใช่ไหม?”
“ใช่…”
คุณพระจันทร์ส่ายหน้าพลางเหลือบมองเ้าของแก้มย้อยๆ ที่หัวเราะอยู่ “จริงๆ เลยนะไอ้แก้มย้อย”
ใกล้เฝ้ามองภาพบรรยากาศงานวันเกิดของเขาในตอนนี้ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ เขารู้สึกว่างานวันเกิดปีนี้เป็ความสุขที่แท้จริง ใกล้จึงอยากมอบความสุขกลับไปให้ทุกคนอย่างเต็มที่เหมือนกัน
มอบความสุขในแบบที่เ้าของวันเกิดอย่างเขาควรจะทำ...
“กินไปเถอะ ใครอยากสั่งซีฟู้ดอีกก็เอานะ เราเลือกราคาซีฟู้ดไว้อยู่แล้ว ไม่ได้เสียอะไรเพิ่มหรอก”
ให้ทุกคนได้กินกันอย่างเต็มที่โดยไม่ต้องเกรงใจเขา
“ใกล้นี่ใจดีจริงๆ”
ใกล้ส่งยิ้มให้เ้าของแก้มย้อยๆ ที่เอ่ยชมเขา แต่เป็ในตอนนี้ที่ใกล้รู้สึกว่ามีบางอย่างยื่นมาตรงหน้า เขาจึงละสายตาจากที่รักแล้วหันมองคุณพระจันทร์แทน ใกล้จ้องมองกุ้งจานโตที่พันลี้ยื่นให้
ตึก ตัก ตึก ตัก
“อะ…ของขวัญวันเกิด”
ตึก ตัก ตึก ตัก
“...”
ใกล้เชื่อว่าหัวใจจะไม่ร่ำร้องพร่ำเพรื่อ และมันจะไม่ส่งเสียงดังราวกับอยากบอกบางอย่างให้โลกได้รับรู้ ถ้าหากคนคนนั้นไม่มีผลต่อหัวใจ
แต่ในความจริงแล้ว
พันลี้คงไม่ได้มีผลต่อหัวใจ...
“เมื่อกี้เราถามพี่ดอมว่าใกล้ชอบอะไร จะซื้อของขวัญมาให้ย้อนหลัง แต่พี่ดอมบอกใกล้ชอบกินกุ้ง งั้นเราแกะกุ้งเป็ของขวัญวันเกิดให้ก่อนละกัน…วันนี้อายุครบยี่สิบใช่ปะ?”
เพราะพันลี้เป็ดวงจันทร์...
ที่มีอิทธิพลที่สุดในจักรวาลของใกล้ใจ
“อะ อื้อ”
“ในจานมีกุ้งยี่สิบตัวตามอายุ…สุขสันต์วันเกิดครับ แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จัก”
“ขอบคุณมาก แล้วก็ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน”
“ครับผม”
ในตอนที่ใกล้รับจานกุ้งมา เขารู้สึกผิดที่ตัวเองไม่สามารถสรรหาคำขอบคุณที่ดีพอมามอบให้คุณพระจันทร์ได้ ทั้งที่เ้าตัวสร้างความประทับใจให้เขาขนาดนี้ พอนึกย้อนกลับไปแล้ว คำพูดของคนแอบชอบอย่างเขาห้วนมากเลย ใกล้น่าจะเติมคำว่า ‘ครับ’ ลงท้ายประโยคไปหน่อย แต่เขาก็เข้าใจว่าตอนนั้นใมากจึงไม่มีสติมากนัก ถ้าใกล้มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพันลี้อีก คราวหน้าเขาจะพยายามพูดให้เยอะกว่านี้ และจะทำให้เ้าตัวประทับใจในตัวเขาบ้าง
ใกล้มองกุ้งจำนวนยี่สิบตัวในจานแล้วหลุดยิ้มออกมา ก่อนจะใช้ตะเกียบคีบกุ้งตัวโตมาใส่ปาก ในขณะที่เคี้ยวกุ้งรสหวานอยู่ก็ลอบมองพันลี้ที่เริ่มเอาทิชชูมาเช็ดทำความสะอาดมือ
ใกล้คิดว่า...
ของขวัญวันเกิดและวิธีทำความรู้จักของพันลี้
ทำให้คำว่า ‘ตั้งเยอะ’ ถูกเพิ่มปริมาณเป็เท่าทวีคูณ
ใกล้เคยบอกว่า...ไม่อยากชอบคุณพระจันทร์ไปมากกว่านี้แล้ว
แต่ตอนนี้...
ใกล้ใจชอบพันลี้มากกว่า ‘ตั้งเยอะ’ ไปแล้วนะ
:)
#ใกล้แค่พันลี้
X : @SP251566
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้