เป็ไปตามที่กานต์คาดไว้ 4-5 วันนี้ หุ้นที่ได้ซื้อไว้ จู่ ๆ ราคาก็พุ่งพรวดขึ้นแบบวันต่อวัน ประชาเฝ้าราคาอยู่แบบไม่มีกะจิตกะใจทำงานอื่น จนราคาใกล้แตะ 7.50 บาท ก็รีบโทรหากานต์ เมื่อกานต์โทรกลับไปก็ยืนยันราคาขายตามที่แจ้งไว้ หลังจากนั่งรอโทรศัพท์จนถึงเกือบสี่โมงเย็น ประชาก็โทรมาแจ้งข่าวดีในที่สุด
กานต์ปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ รอยยิ้มที่เปื้อนอยู่เต็มหน้าตอนนี้หุบอย่างไรก็หุบไม่ลง เมื่อสองแม่ลูกเห็นก็รู้ในทันทีว่าคงเป็ไปด้วยดีอย่างแน่นอน
"ไปเถอะ ขึ้นไปคุยกันบนบ้าน" เมื่อเข็นจักรยานเข้าไปจอดไว้ใต้ถุนบ้านเรียบร้อยแล้ว กานต์ก็ชวนทั้งคู่ขึ้นไปคุยกันบนบ้าน
"ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว คุณประชานัดที่ธนาคารบ่ายวันพรุ่งนี้ นิดไปกับพ่อเหมือนเดิมนะ"
"ขายได้เท่าไรพี่"
"ประมาณ 15 ล้าน" อนงค์สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ มันเป็เื่ที่เกินฝันไปมาก
"ของนิดสิบสองกว่า ๆ ส่วนของพี่สองกว่า ๆ"
"ต้องยกประโยชน์ให้ลูกสาวเรา ถ้าไม่กล้าเสี่ยงลงทุน ชาตินี้ทั้งชาติพวกเราคงจะไม่มีโอกาสได้เห็นเงินล้าน"
"นั่นสิพี่ ตอนลูกบอกจะเอาเงินสามหมื่นไปซื้อหุ้น นงนี่เสียดายเงินใจแทบขาด" นึกถึงความรู้สึก่นั้นก็อดขำไม่ได้ "ไม่นึกเลยว่าเงินสามหมื่นบาทของลูกจะกลายเป็เงินสิบกว่าล้านภายในเวลาไม่กี่เดือน แม่ขอบใจนิดมากนะลูก" อนงค์กานต์ส่งยิ้มหวานกลับไปให้เมื่อแม่พูดจบประโยค
"แต่พ่อยังสงสัยอยู่นะ นิดเลือกได้ยังไงว่าจะซื้อตัวไหน หุ้นมีเป็ร้อยตัวเลยนะ นิดแนะนำวิธีเลือกให้พ่อหน่อยสิ คราวหน้าพ่อจะได้นำไปใช้บ้าง"
นั่นไง ในที่สุดคำถามนี้ก็มาจนได้ โชคดีที่เตรียมตัวไว้แล้ว
"จู่ ๆ ชื่อหุ้นก็โผล่มาในหัวนิดเองจ้ะ"
"หืม...?"
"จริง ๆ นะพ่อ มันชอบโผล่มาแวบ ๆ ในหัวนิด นิดเป็แบบนี้ั้แ่ที่นอนข้ามวันจนพ่อกับแม่ใกันไง จำได้ไหมจ๊ะ" กานต์และอนงค์ผงกหัวเบา ๆ และตั้งใจฟังเื่ราวจากลูกสาวมากยิ่งขึ้น
"ตอนนั้นที่นิดหลับ นิดฝันว่าเดินหลงทางอยู่ที่ไหนไม่รู้ พ่อกับแม่ก็ไม่ได้อยู่กับนิดด้วย" เสียงของอนงค์กานต์สั่นเครือเมื่อเล่ามาถึงตอนนี้ "นิดเดินตามหาพ่อกับแม่อยู่นานก็ไม่เจอใครเลย เดินต่อไปอีกสักพักก็ไม่พบทางเดินอีก พบแต่ประตูสีขาวสิบกว่าบานตั้งเรียงกันขวางหน้านิดอยู่"
"แล้วก็มีเสียงบอกว่าประตูหนึ่งในนั้นจะพานิดกลับไปหาพ่อแม่ แต่นิดมีโอกาสเลือกได้แค่ 3 ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกกับครั้งที่สองนิดเลือกผิด ครั้งสุดท้ายนิดเลยไม่กล้าเลือกอีกจึงนั่งร้องไห้อยู่ที่หน้าประตูแบบนั้น แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นมาในหัวนิด ไม่รู้ว่าเสียงใคร เค้าบอกว่าจะพานิดกลับบ้านเอง แล้วก็บอกให้นิดเปิดประตูเลข 3"
"นิดไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเชื่อใจเสียงนั่น อาจเพราะเสียงดูใจดีมั้ง นิดเลยเดินไปเปิดประตูเลข 3 พอเปิดเสร็จนิดก็ได้ยินเสียงแม่เรียกนิดให้ตื่นอยู่" เล่าถึงตอนนี้อนงค์กานต์ก็มองสบตากับทั้งสองคนนิ่ง ๆ "แล้วตอนที่พ่อกับแม่พานิดไปโรงพยาบาล ก็มีเสียงผู้หญิงเสียงเดิมเหมือนในฝันเปี๊ยบ บอกนิดให้พาแม่ไปตรวจร่างกาย ตอนนั้นนิดเลยหาข้ออ้างไปเรื่อยเพื่อให้แม่เข้าตรวจร่างกายให้ได้"
ได้ฟังถึงตอนนี้ กานต์และอนงค์ก็พากันขนลุกเกรียว พร้อมกับคิดทบทวนถึงเื่ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนตามไปด้วย ตอนนั้นถ้าลูกไม่คะยั้นคะยอให้อนงค์เข้าตรวจร่างกาย ก็ไม่มีทางรู้เลยว่ามดลูกเธอผิดปกติ และหากทิ้งไว้เนิ่นนานกว่านั้นก็จะกลายเป็เนื้อร้ายที่ทำลายชีวิตเธอได้ แบบนี้เรียกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจริง ๆ
เมื่อเห็นพ่อแม่ฟังและเริ่มคล้อยตามเื่ที่เธอเล่า เธอก็เอ่ยปากต่อ "ส่วนเื่หุ้น ตอนที่นิดได้ฟังคุณหมอคุยกันที่โรงพยาบาล นิดก็สนใจขึ้นมา ตอนนั้นเองชื่อหุ้น jpl ก็แวบเข้ามาเลย เหมือนจะบอกว่าให้ซื้อตัวนี้นะ แต่เสียดายที่ยังไม่มีเงินซื้อ โชคดีที่ต่อมาได้นั่งดูโทรทัศน์แล้วเห็นสูตรไก่ทอดพอดี นิดเลยอยากทำขายเพื่อหาเงิน ก็เลยบอกพ่อและแม่ว่าจะขายไก่ทอดไง"
"แล้วหุ้นตัวต่อมาก็มีแวบขึ้นมาในหัวเหมือนกันหรือลูก" อนงค์กานต์ผงกหัวตอบรับทันทีที่กานต์ถาม
"สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกและครอบครัวเรานะพี่" อนงค์คล้อยตามเื่เล่าของลูกอย่างหมดใจ เพราะปาฏิหาริย์นี้ช่วยให้เธอหายเจ็บป่วยกลับมาร่างกายแข็งแรงได้ "แล้วตอนนี้นิดพอจะเดาออกไหมลูกว่าเสียงนั้นเป็เสียงใคร" อนงค์กานต์ส่ายหัวเบา ๆ
"พี่ว่าอาจเป็เทวดาหรือนางฟ้าที่สถิตอยู่ในบ้านนี้ก็ได้ ท่านคงช่วยปกป้องคุ้มครองนิดและครอบครัวเราอยู่ พวกเราหาวันดี ๆ สักวันทำบุญบ้านดีกว่า จะได้ทำบุญอุทิศถวายเทวดานางฟ้าประจำบ้านด้วย" อนงค์เห็นด้วยกับสามี ส่วนอนงค์กานต์ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็กำลังกราบขอโทษเทวดาและนางฟ้าประจำบ้านอยู่ในใจที่ดึงท่านมาเกี่ยวข้องกับเื่แต่งของเธอในครั้งนี้
"แล้วตอนนี้มีชื่อหุ้นตัวใหม่รึยังลูก" กานต์อยากรู้ต่อ
"เงียบเลยจ้ะพ่อ สงสัย่นี้ยังไม่ใช่เวลาดีที่จะซื้อ แต่มีแวบเื่อื่นเข้ามาแทน
"เื่อะไร"
"เื่ซื้อที่จ้ะ"
"หืม…?? "
