หร่านซูอวี้นั้นรู้สึกไม่พอใจ เพราะต่อให้เซี่ยจื่ออวี้พูดอะไรผิดไป กวนฮุ่ยเอ๋อก็ไม่ควรตำหนิหวังเจี้ยนหัวลูกชายเธอต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้!
“คนหนุ่มสาวย่อมไม่รอบคอบเลยเข้าใจผิดไปบ้าง พวกลูกควรเรียนรู้จากคุณน้ากวนเอาไว้ล่ะ!”
หร่านซูอวี้มีจุดหนึ่งที่เหมือนเซี่ยจื่ออวี้ นั่นคือก่อนจะบรรลุเป้าหมายเธอมักมีความอดทนสูงอยู่เสมอ แม้ในใจจะเดือดดาลสักเท่าไร แต่เธอยังคงรักษาสีหน้าเอาไว้ได้ เธอบริภาษตัวซวยอย่างเซี่ยจื่ออวี้ในใจ นึกว่าจะมีประโยชน์บ้าง ที่ไหนได้ดันมีความแค้นกับเซี่ยเสี่ยวหลานเสียนี่!
คำพูดของหร่านซูอวี้ กวนฮุ่ยเอ๋อไม่คิดจะรับไว้
“ไม่ต้องเรียนรู้จากฉันหรอก ขอเพียงต่อจากนี้ให้ความสำคัญกับการพิสูจน์ความจริงก็พอ เป็นักศึกษาทั้งคู่ อย่าเลียนแบบพวกแม่บ้านในชนบทที่เอาแต่กุเื่แล้วแพร่ข่าวลือ!”
จู่ๆ คนตระกูลจี้ก็คลุ้มคลั่ง กวนฮุ่ยเอ๋อยังข้องใจอยู่เลย ตอนนี้พอได้ยินเซี่ยจื่ออวี้ยุแยงคนอื่นต่อหน้า เธอก็เริ่มสงสัยว่าคนตระกูลหวังคือผู้ที่คอยกระพือข่าวอยู่เื้ั สิ่งที่เซี่ยจื่ออวี้ทำเมื่อครู่คือการทำลายชื่อเสียงผู้อื่น เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานมีชีวิตที่ดีไม่ได้ ทั้งโง่เง่าและชั่วร้ายเหลือเกิน
เซี่ยจื่ออวี้หน้าตาดูซื่อสัตย์ น่าเชื่อถือ ในขณะที่เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสะสวยดูมีเลศนัย แต่ใครจะไปคิดว่าหน้าตากับนิสัยของทั้งคู่จะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เซี่ยจื่ออวี้ไม่ค่อยอยากเชื่อสักเท่าไร เซี่ยเสี่ยวหลานทำอย่างไรถึงสามารถหาเงินหลายหมื่นหยวนมาซื้อเรือนสี่ประสานได้ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งปีกัน
แม้จะบอกว่าหลังปฏิรูปเศรษฐกิจจะเต็มไปด้วยโอกาสในการหาเงิน แต่หลังลงมือทำจริงก็รู้ว่าการหาเงินนั้นไม่ง่ายเลยสักนิด เงินก้อนเล็กนั้นย่อมหาได้ไม่ยาก แม้เปิดแผงขายของว่างริมทางได้เงินมากกว่าเงินเดือนของข้าราชการก็จริง แต่มันก็เท่านั้น ธุรกิจที่จะทำเงินก้อนโตได้นั้นทำได้ยากเหลือเกิน ความล้มเหลวของชั้นเรียนกวดวิชาให้บทเรียนอันเ็ปแก่เซี่ยจื่ออวี้!
เพราะรู้พื้นเพกันดี ดังนั้นเซี่ยจื่ออวี้จึงยังคงคับข้องใจเื่บ้านหลังนั้นของเซี่ยเสี่ยวหลานว่าได้มาอย่างไร
แต่เธอก็รู้ตัวแล้วว่าวันนี้คงไม่อาจไปต่อได้ ทั้งที่เคยบอกไว้ว่าต้องอดทน รอให้เซี่ยเสี่ยวหลานเผลอไผลแล้วค่อยจู่โจมแท้ๆ
ทว่า่เวลาที่ผ่านมาเซี่ยจื่ออวี้กำลังอยู่ในสภาพตกต่ำ พอเห็นเซี่ยเสี่ยวหลานมีชีวิตดีกว่าที่ตนคิดไว้จึงเกิดความวู่วาม รู้สึกอิจฉาริษยาที่เซี่ยเสี่ยวหลานโชคดีกว่าเธอ อย่างไรก็ตามตอนนี้เซี่ยจื่ออวี้ต้องพยายามกู้สถานการณ์
“คุณน้ากวน ขออภัยด้วยค่ะ ครั้งหน้าฉันจะไม่ทำพลาดอีกแล้ว”
เธอจะไม่เบามือแบบนี้อีกแน่นอน
กวนฮุ่ยเอ๋อเ็ากับคนตระกูลหวังมาก เธอไม่เพียงแต่ไม่ตอบรับคำขอโทษ แต่ยังพาเซี่ยเสี่ยวหลานเดินไปทางอื่นด้วย
เซี่ยเสี่ยวหลานโบกมือให้เซี่ยจื่ออวี้
“พี่สาว โลกใบนี้ช่างแคบเหลือเกิน ท่าทางพวกเราคงหนีกันไม่พ้นเป็แน่ อย่างไรวันเวลายังอีกยาวไกล พวกเรามีโอกาสเจอกันอีกมาก หากอยากรื้อฟื้นความหลังไม่จำเป็ต้องรีบร้อนหรอก พี่น่าจะจำสิ่งที่ฉันเคยพูดไว้ที่หน้าโรงเรียนอันชิ่งเซี่ยนอีจงได้ใช่ไหมคะ”
เซี่ยจื่ออวี้แทบอกแตกตาย เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าพวกคุณน้าจานพากันแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ทุกคนล้วนแสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่อยากสุงสิงกับตระกูลหวัง หร่านซูอวี้หน้าแดงก่ำ หากไม่อยู่ท่ามกลางสายตาผู้คน เธอคงตบหน้าเซี่ยจื่ออวี้สักฉาดแน่นอน
“เป็บ้าอะไรของเธอ มีน้องสาวแบบนี้แล้วยังไม่รู้จักสานสัมพันธ์อันดีอีก เจอหน้ากันยังจะหาเื่คนเขาไปทำไม?”
หร่านซูอวี้เลือกที่จะลืมไปว่า เมื่อครู่เธอแอบเห็นด้วยกับพฤติกรรมของเซี่ยจื่ออวี้ นั่นเพราะตัวเธอเองก็รู้สึกอิจฉาตระกูลโจวเช่นกัน การได้เห็นตระกูลโจวขายหน้าย่อมเป็เื่ดี
แต่เซี่ยจื่ออวี้กลับไม่ชนะ ทั้งยังลากหวังเจี้ยนหัวไปเอี่ยว และถูกกวนฮุ่ยเอ๋อตำหนิจนไม่สามารถสู้หน้าคนอื่นได้อีกด้วย เมื่อเป็เช่นนี้หร่านซูอวี้ย่อมรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก!
เซี่ยจื่ออวี้ก้มหน้ากัดริมฝีปาก แก้ตัวไม่ออกสักคำ
เธอกับเซี่ยเสี่ยวหลานจะคืนดีกันได้อย่างไร ชาตินี้ทั้งชาติคงไม่มีทางเป็ไปได้ นั่นเพราะเธอรู้ดีอยู่เต็มอกว่าที่มือของพ่อเธอต้องขาดนั้นมีต้นเหตุมาจากซี่ยเสี่ยวหลานเป็คนบงการ เซี่ยจื่ออวี้ไม่มีวันลืมความแค้นอันใหญ่หลวงเช่นนี้
“แม่ พอแล้วครับ มันไม่เกี่ยวกับจื่ออวี้หรอก!”
หวังเจี้ยนหัวสมองเต็มไปด้วยความสับสน เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็แฟนกับโจวเฉิงได้อย่างไร
ทั้งสองคนอยู่คนละโลกกันแท้ๆ ก็เหมือนตัวเขาที่หากไม่ได้ไปเป็ยุวปัญญาชนที่หมู่บ้านต้าเหอ สองพี่น้องตระกูลเซี่ยก็คงไม่ใช่เป้าหมายในการเลือกคู่ครองของเขา และหากไม่มีช่องทางในการทำความรู้จัก เขาไม่มีวันคุยภาษาเดียวกับเด็กสาวจากชนบทได้อย่างแน่นอน!
สาเหตุที่เขากับจื่ออวี้คบกันเพราะพวกเขาเคยร่วมทุกข์มาด้วยกันนั่นเอง
แม้จะเป็เช่นนั้น แต่พ่อแม่ของเขาก็ยังไม่ค่อยยอมรับจื่ออวี้สักเท่าไร และหวังเจี้ยนหัวก็รู้ว่าแม่ของตนยังไม่ล้มเลิกความคิดอยากเปลี่ยนคู่ครองให้กับเขา
เวลานี้สถานะของตระกูลโจวอยู่สูงกว่าตระกูลหวัง เช่นนั้นคนตระกูลโจวยอมรับเซี่ยเสี่ยวหลานได้อย่างไรกัน?
หวังเจี้ยนหัวคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่า คงเพราะเซี่ยเสี่ยวหลานสามารถสอบเข้าหัวชิงได้ โจวเฉิงถูกใจหน้าตาของเธอ ตระกูลโจวให้การยอมรับในด้านการศึกษาของเธอ หวังเจี้ยนหัวลอบกำหมัดแน่น เซี่ยเสี่ยวหลานคงหมายตาอำนาจของตระกูลโจวเป็แน่!
เซี่ยเสี่ยวหลาน้าทำให้เขาและจื่ออวี้ไม่มีความสุข
หวังเจี้ยนหัวทั้งรู้สึกคับแค้นและรู้สึกร้อนใจราวกับเป็ดที่อยู่ในเตาเผา หร่านซูอวี้เดินไปคุยกับคนอื่นด้วยความหงุดหงิด ในขณะที่เซี่ยจื่ออวี้จงใจเดินรั้งท้าย
“เจี้ยนหัว คุณน้ากวนคนนี้เขา... ฉันว่าคู่ครองที่เสี่ยวหลานหามาคนนี้ ออกจะเกินความคาดหมายอยู่นะ”
ตอนนั้นที่หน้าโรงเรียนเซี่ยนอีจงเซี่ยเสี่ยวหลานพูดไว้ว่า จะไม่ทำให้เซี่ยจื่ออวี้ ‘ผิดหวัง’ เธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดี จากนั้นก็หาคู่ครองที่ดีกว่าเซี่ยจื้ออวี้แน่นอน
เพียงไม่นานเซี่ยเสี่ยวหลานก็เริ่มจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยหัวชิงได้
และตอนนี้ก็เหมือนจะหาลูกข้าราชการที่เก่งกาจกว่าหวังเจี้ยนหัวมาเป็คู่ครองได้อีกด้วย
หัวใจของเซี่ยจื่ออวี้รู้สึกร้อนรุ่ม เธอโกรธแค้นที่์ไม่ยุติธรรม ถึงได้มอบความโชคดีให้กับเซี่ยเสี่ยวหลานถึงเพียงนี้!
“ตระกูลโจว... ไม่ได้รับผลกระทบจาก่ปฏิวัติวัฒนธรรม เดิมทีตำแหน่งงานของคุณอาโจวกับพ่อของฉันอยู่ในระดับเดียวกัน”
หวังเจี้ยนหัวพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาอย่างยากลำบาก
ความคิดของเซี่ยจื่ออวี้แล่นไปมาอย่างรวดเร็ว
เดิมทีอยู่ระดับเดียวกัน หวังก่วงผิงถูกส่งไปทำงานที่ไร่หลายปี ตอนนี้ ‘คุณอาโจว’ ที่ว่าคงมีอำนาจมากกว่าเดิมไม่ใช่หรือ!
“เจี้ยนหัว สถานะทางครอบครัวไม่ใช่ทุกอย่าง ฉันเชื่อว่าอีกหน่อยเธอจะต้องประสบความสำเร็จมากกว่าคุณอาโจวคนนั้นแน่นอน!”
หลังหวังเจี้ยนหัวเรียนจบมหาวิทยาลัย หากเขาเลือกเดินตามเส้นทางของหวังก่วงผิง เข้าทำงานในหน่วยงานราชการ วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีจะทำให้เขาสามารถก้าวข้ามตำแหน่งปฏิบัติการณ์ขั้นพื้นฐาน และได้เข้าทำงานในฐานะพนักงานระดับแผนกทันที ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเขาจะได้เป็พนักงานขั้น 21 มีเงินเดือนห้าถึงหกสิบหยวน
อยู่ด้อยกว่าโจวเฉิงสองขั้น!
อย่าดูถูกความแตกต่างเพียงสองขั้นนี้ บางคนทำงานทั้งชีวิตก็ไม่สามารถก้าวข้ามมันได้ อีกทั้งโจวเฉิงยังอายุน้อยกว่าหวังเจี้ยนหัว หากหวังเจี้ยนหัว้าไล่ตามให้ทัน ไม่รู้ว่าเขาต้องใช้เวลาอีกกี่ปี ถึงอย่างไรโจวเฉิงกับหวังก่วงผิงพ่อของเขา ก็ตำแหน่งห่างกันแค่สองขั้นเท่านั้น
ยิ่งคิดให้ละเอียด หวังเจี้ยนหัวก็ยิ่งรู้สึกท้อแท้
ถ้าชั้นเรียนกวดวิชาประสบความสำเร็จจะดีแค่ไหนกัน สามารถใช้มันโฆษณาตัวเองจนย้ายมหาวิทยาลัยได้ ถึงเวลาจัดสรรตำแหน่งงาน อย่างน้อยเขาก็คงได้เริ่มจากตำแหน่งรองหัวหน้าตำบล แม้จะยังด้อยกว่าโจวเฉิง แต่ก็คงด้อยกว่าไม่มากนัก
คำพูดเหล่านี้หวังเจี้ยนหัวไม่อาจพูดลงรายละเอียดกับเซี่ยจื่ออวี้ได้ เขาบอกแค่ว่าโจวเฉิงเพิ่งอายุยี่สิบต้นๆ ก็ได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ เซี่ยจื่ออวี้ถึงกับนั่งไม่ติด!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้