เทียนอู่ฮ่องเต้รับปากไว้แล้ว ทว่าก็กำชับกูเฟยเยี่ยนอีกครั้งถึงจะให้นางออกไป เื่ที่กำชับก็คือการจะปกปิดจิ้งหวางได้อย่างไร เพราะต่อจากนี้เขาจะเรียกนางเข้ามาที่พระราชวังเป็ประจำ
กูเฟยเยี่ยนเดิมทีดีใจที่ตนเองมีชีวิตรอดออกมาจากห้องทรงพระอักษร แต่ภายในใจกลับหนักหน่วงเหลือเกิน
นางมักจะรู้สึกว่าการที่เทียนอู่ฮ่องเต้ทรงปิดบังพระอาการประชวร จะต้องเป็เพราะมีความลับอะไรแน่นอน
นางควรที่จะบอกจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยหรือปกปิดเอาไว้ดี?
หลังจากที่ลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ตัดสินใจปล่อยไปชั่วขณะ เพราะถึงอย่างไรนางก็ไม่ทราบว่าจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยถือว่านางเป็คนของเขาอย่างแท้จริงหรือไม่ อีกทั้งนางไม่เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยกับเทียนอู่ฮ่องเต้ว่าเป็เช่นไร นางไม่สามารถนำชีวิตน้อยๆ ของตนเองไปเสี่ยงอันตรายอันมหึมาได้
กูเฟยเยี่ยนคิดว่าไม่ว่าอย่างไรก็ตามเทียนอู่ฮ่องเต้ก็เป็บิดาของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย ปัจจุบันนี้ยังต้องพึ่งพาอาศัยจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยอยู่ ยังไงก็คงไม่มีเจตนาทำร้ายต่อจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย
ขอแค่ไม่เป็อันตรายต่อความปลอดภัยของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็พอ นางไม่สนใจและไม่สามารถควบคุมเื่ราวซับซ้อนมากมายภายในราชวงศ์และภายในราชสำนักได้
กูเฟยเยี่ยนยังไปไม่ถึงหน้าประตูทางเข้าพระราชวัง เซี่ยเสี่ยวหม่านก็โผล่ออกมาจากด้านข้าง กูเฟยเยี่ยนประหลาดใจมากทีเดียว “เ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ”
อันที่จริงแล้วเซี่ยเสี่ยวหม่านดักซุ่มอยู่นอกประตูห้องทรงพระอักษรมาโดยตลอด หากไม่ใช่เป็เพราะซูไท่อีออกมาก่อน แล้วบอกเขาว่าเกิดเื่อะไรขึ้น เขาก็คงจะร้อนใจตายไปแล้ว
เขาแสร้งทำเป็ไม่ทราบเื่ราวพลันเอ่ยถามด้วยความรีบร้อน “ฝ่าาไม่ได้ทำอะไรเ้าใช่หรือไม่? ”
กูเฟยเยี่ยนตอบไปด้วยความเคร่งขรึม “ฝ่าาทรงชื่นชมทักษะยาสมุนไพรของข้าจึงเรียกข้าไปพูดคุยและบอกอีกด้วยว่าข้ามีคุณูปการ หึ วันหลังเ้ารังแกข้าให้มันน้อยๆ หน่อย”
เซี่ยเสี่ยวหม่านไม่เข้าใจมากๆ นังหนูคนนี้ปะทะเข้ากับความลับอันใหญ่หลวงแล้วฝ่าายังปล่อยนางไปอีก เป็ไปได้หรือไม่ว่านางถูกซื้อตัวเอาไว้แล้ว? ถูกซื้อตัวได้อย่างไรกัน?
เซี่ยเสี่ยวหม่านกำลังจะหยั่งเชิง แต่กูเฟยเยี่ยนกลับเดินไปไกลแล้ว ภายในพระราชวังไม่ใช่สถานที่ซักถามเื่ราว เซี่ยเสี่ยวหม่านจึงทำได้เพียงไล่ตามออกไปก่อน
ทั้งสองคนนั่งเกี้ยวออกไป เมื่อออกมาจากพระราชวังก็ใกล้จะเป็่เวลาฟ้าสางแล้ว
กูเฟยเยี่ยนมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาและคิ้วลู่ลงราวกับอ่อนระโหยโรยแรงและมีเื่ในใจ จวบจนกระทั่งมองเห็นคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ประดับประดาไปด้วยผ้าและโคมไฟสวยงามนางถึงได้สติกลับมา หญิงสาวมองด้วยความตั้งใจจึงรู้ว่าคฤหาสน์แห่งนี้คือคฤหาสน์ตระกูลฉีที่จัดงานแต่งงานไปเมื่อค่ำคืนนี้
นางคิดว่าเมื่อค่ำคืนนี้อวิ้นกุ้ยเฟยใขนาดนั้น ทางด้านของตระกูลฉีคงจะรอแล้วไม่ได้พบกับเื่ประหลาดใจใดๆ ใช่หรือไม่? เมื่อคืนนี้นางไม่ได้แตะต้องชาถ้วยนั้นเสียหน่อย อวิ้นกุ้ยเฟยไม่เข้าใจในสถานการณ์ก็ช่างแล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าจะร่วมมือกับเหมยกงกงมาใส่ร้ายนาง! น่ารังเกียจสิ้นดี! พวกเขาสมควรที่จะมีจุดจบเช่นนี้!
คิดไปคิดมาอารมณ์ของกูเฟยเยี่ยนก็ดีขึ้น
ยามที่ตนเองปราศจากความสุขก็ให้นึกไปถึงความทุกข์ยากลำบากของผู้อื่น ต่อให้เป็เื่ใหญ่เพียงใดมันก็จะไม่ลำบากขนาดนั้นแล้ว นอกจากนี้คือให้นึกไปถึงเื่ราวของศัตรู จิตใจที่ไม่มีความสุขก็จะเเปรเปลี่ยนมามีความสุขเอง
กูเฟยเยี่ยนยิ้มอย่างชั่วร้ายพลางลดม่านลง ไม่ช้าก็ผล็อยหลับไป
ในขณะนี้ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉีกำลังมีเื่ตลกเกิดขึ้นจริงๆ !
ค่ำคืนส่งตัวคู่บ่าวสาวเข้าเรือนหอ เมื่อคืนนี้ฉีอวี้ดื่มจนเมาหัวราน้ำและไม่กลับไปที่ห้อง ตัวเขาเองไม่กลับไปที่ห้องก็ช่างแล้วแต่คนของตระกูลฉียังไม่ส่งเขากลับไปในห้องโดยปล่อยให้เขานอนในห้องหนังสืออีก
องค์หญิงหวายหนิงไม่พอใจที่รอมาทั้งคืนแล้วยังไม่ได้พบกับเื่ประหลาดใจที่หมู่เฟยกล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ บวกกับไม่ได้พบฉีอวี้ นิสัยร้ายขององค์หญิงจึงปะทุขึ้นทันที
นางให้เซวียกงกงกับหญิงรับใช้ที่เป็สินเดิมที่ติดตามมาด้วย ไปสั่งสอนคนรอบกายฉีอวี้ ยามเช้าตรู่เด็กรับใช้สามคน หญิงรับใช้สองคน แม้แต่พ่อบ้านตระกูลฉีล้วนถูกตบเข้าไปที่บ้องหู
“ปรนนิบัติรับใช้อย่างไรกัน? ”
“จงใจอย่างนั้นหรือ? ขู่ขวัญเปิ่นกงจู่ใช่หรือไม่? ”
“ข้าจะบอกอะไรพวกเ้าไว้ ต่อให้เปิ่นกงจู่ถูกลดขั้น แต่ก็ยังเป็บุตรสาวของตระกูลจวิน! ”
“ในใจของท่านพี่อวี้มีเปิ่นกงจู่หรือไม่ พวกเ้ารู้ดีที่สุด! ครั้งนี้เปิ่นกงจู่จะไว้ชีวิตพวกเ้าไปก่อน ไป ไปตามหาท่านพี่อวี้แล้วบอกว่าข้ารอเขาไปเคารพถามสารทุกข์สุกดิบด้วยกัน! ”
……
หากองค์หญิงหวายหนิงยังมีฐานะเป็องค์หญิง เช้าวันนี้ผู้าุโสองคนของตระกูลฉีจะต้องเป็ฝ่ายมาถามสารทุกข์สุกดิบ แล้วฉีอวี้กับนางก็ต้องเข้าไปในพระราชวังด้วยกัน ทว่าบัดนี้นางเป็สามัญชนจึงต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของสามัญชน นางต้องไปถามไถ่พร้อมกับถวายน้ำชาให้กับบิดามารดาของสามี
พ่อบ้านลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบออกไป
องค์หญิงหวายหนิงเฝ้ารอ ยิ่งรอยิ่งไม่แน่ใจ อันที่จริงแล้วหากจิตใจของนางมีความมั่นใจ นางคงไปตามหาคนั้แ่เช้าแล้ว ไม่จำเป็ที่จะต้องสั่งสอนคนอยู่ที่นี่หรอก
นับั้แ่ที่ออกมาจากศาลต้าหลี่ในวันนั้นนางก็ไม่ได้พบท่านพี่อวี้อีกเลย นางไม่มีแม้แต่โอกาสในการอธิบาย เมื่อวานนี้ที่ท่านพี่อวี้อุ้มตัวนางขึ้นไปบนเกี้ยวพระที่นั่ง นางอธิบายมากมายที่ข้างใบหูเขา แต่ท่านพี่อวี้ไม่ตอบกลับมาสักคำจนนางต้องแอบร้องไห้ออกมา
องค์หญิงหวายหนิงรอแล้วรอเล่าก็ยังไม่ได้พบฉีอวี้ แม้แต่พ่อบ้านก็หายตัวไป ในที่สุดหญิงสาวก็ทนไม่ไหวจึงสั่งการให้เซวียกงกงไปดู
แต่ใครจะไปทราบว่าเซวียกงกงจะนำเื่ราวดั่งฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ กลับมา ฉีอวี้จัดเก็บของเรียบร้อยเพื่อเตรียมออกเดินทางไปที่ชายแดนตะวันออก! ในขณะนี้กำลังกราบลาบิดามารดาอยู่ที่ห้องโถงใหญ่
“ไม่นะ! ”
“เขาทำแบบนี้กับข้าไม่ได้! ไม่ได้นะ! ”
องค์หญิงหวายร้องไห้ออกมาอย่างหนักพลางวิ่งไปทางห้องโถงใหญ่ทันที แต่อย่างไรก็ตามเมื่อนางมาถึงห้องโถงใหญ่ก็พบเพียงแค่แม่ทัพใหญ่ฉีกับสวีซื่อฟูเหรินและฉีฟู่ฟางที่สติวิปลาสไปแล้ว
องค์หญิงหวายหนิงเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองอย่างไร้ความเกรงใจ
“ท่านพี่อวี้ล่ะ? ”
“ท่านพี่อวี้อยู่ที่ใด? ”
ทันทีที่แม่ทัพใหญ่ฉีกับสวีซื่อฟูเหรินเห็นนาง ใบหน้าของพวกเขาก็ไม่ดีนัก แม่ทัพใหญ่ฉีลุกขึ้นเดินออกไปทันทีโดยไม่สนใจ
แต่องค์หญิงหวายหนิงขวางไว้ด้วยโทสะ “ท่านพี่อวี้ล่ะ พวกเ้าให้เขาไปใช่หรือไม่? ”
แม่ทัพใหญ่ฉีกำลังจะอ้าปาก แต่ฉีฟู่ฟางที่อยู่ด้านข้างเหมือนจะเกิดความใเพราะจู่ๆ ก็ะโร้องออกมาเสียงดังลั่น “ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ข้า…ปรักปรำกัน! ”
นางหลบซ่อนอยู่ด้านหลังของฟูเหรินด้วยความหวาดกลัว แล้วชี้นิ้วะโไปที่องค์หญิงหวายหนิง “เป็นาง! นางคือคนร้าย! นางจะทำร้ายกูเฟยเยี่ยน! นางจะทำร้ายกูเฟยเยี่ยน! ”
เดิมทีแม่ทัพใหญ่ฉีกับสวีซื่อฟูเหรินต่างก็ทุกข์ใจที่บุตรชายถูกบีบบังคับให้จากบ้านไป แต่เมื่อเห็นสถานการณ์ของบุตรสาวในตอนนี้พวกเขายิ่งทุกข์ใจราวโดนมีดกรีด และแน่นอนว่าความโกรธเหล่านี้ล้วนสาดเข้าใส่องค์หญิงหวายหนิง
ทว่าเฆี่ยนตีก็ไม่ได้ ดุด่าก็ไม่ได้ ทำได้เพียงเมินเฉยไม่สนใจ
สวีซื่อเหลือบมององค์หญิงหวายหนิงด้วยความอาฆาตแค้นแวบหนึ่ง พลันปกป้องฉีฟู่ฟางจากนั้นพากันเดินออกไปด้านข้าง ทางด้านของแม่ทัพใหญ่ฉีนั้นจ้องมององค์หญิงหวายหนิงด้วยความเหี้ยมโหดแล้วเดินเลี่ยงออกไป
องค์หญิงหวายหนิงตกตะลึงอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อนใดๆ หญิงสาวได้ยินเพียงแค่เสียงกรีดร้องอันบ้าคลั่งของฉีฟู่ฟางที่ค่อยๆไกลออกไป เสียงกรีดร้องนั้นซ้ำไปซ้ำมาว่า “นางจะทำร้ายกูเฟยเยี่ยน นางจะทำร้ายกูเฟยเยี่ยน นางจะทำร้ายกูเฟยเยี่ยน…”
“อ้า…”
ในที่สุดองค์หญิงหวายหนิงก็ทนไม่ไหวประกบปิดไปที่ใบหูราวกับใกล้บ้าเต็มที “อ้า…อ้า…”
กูเฟยเยี่ยน กูเฟยเยี่ยน ล้วนเป็เพราะกูเฟยเยี่ยน!
นางตกระกำลำบาก กูเฟยเยี่ยนก็อย่าได้คิดอยู่ดีกินดี!
“กูเฟยเยี่ยน ฝากไว้ก่อนเถอะ! ต่อให้เปิ่นกงจู่ตายก็จะลากเ้าให้ตายไปด้วยกันอย่างแน่นอน! ”
ใบหน้าที่แต่งองค์ทรงเครื่องอย่างประณีตขององค์หญิงหวายหนิงแปรเปลี่ยนมาเป็ดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบแล้วหันมาออกคำสั่งกับเซวียกงกงด้วยความเ็า “ไปเตรียมการซะ ข้า้าพบหมู่เฟยกับพี่ชายใหญ่ในตอนนี้ ตอนนี้! ”
ข่าวที่องค์หญิงหวายหนิงได้ออกจากตระกูลฉีไปในวันนั้น และในวันรุ่งขึ้นของงานสมรสฉีอวี้ก็ได้ออกเดินทางไปที่สนามรบได้แพร่กระจายไปทั่วสารทิศ
กูเฟยเยี่ยนกลับมานอนต่อที่จิ้งหวางฝู่ เมื่อตื่นขึ้นมาก็เป็่เวลาหลังเที่ยงแล้ว นางไม่แปลกใจที่ได้ยินข่าวคราวเช่นนี้ เพราะนางรู้สึกมาโดยตลอดว่าฉีอวี้ไม่ได้ชื่นชอบองค์หญิงหวายหนิงจริงๆ สำหรับคนแบบฉีอวี้นั้นหากไม่ได้กำไรกลับมาจะเรียกว่ารักได้อย่างไร?
สิ่งที่กูเฟยเยี่ยนให้ความสนใจคือจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยทรงประทับอยู่ที่ใด
เฉิงอี้เฟยไม่ได้ไปตามจับไป๋หลี่ิชวนด้วยตนเอง นี่จึงหมายความว่าไป๋หลี่ิชวนได้หลบหนีออกไปแล้ว จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยก็ไม่ถึงขนาดต้องไปไล่ตาม เขาไม่ได้กลับมาสองคืนแล้ว ไปไหนกันนะ? มีเื่สำคัญอย่างอื่นหรือ? ถึงอย่างไรนางก็เป็ตัวประกันที่ได้รับการช่วยเหลือออกมา เขาที่เป็เ้านายควรที่จะมาเป็ห่วงเป็ใยกันหน่อยสิ เขาน่าจะยุ่งอยู่ใช่หรือไม่?
ในขณะที่กูเฟยเยี่ยนกำลังหดหู่ เสียงของเซี่ยเสี่ยวหม่านก็ดังขึ้นมาจากด้านนอก “กูเฟยเยี่ยน เตี้ยนเซี่ยเสด็จกลับมาแล้วและ้าพบเ้า! รีบไปที่ศาลากุยอวิ๋นซะ! ” เมื่อได้ยินเช่นนี้กูเฟยเยี่ยนจึงรีบพุ่งออกไปด้วยความดีใจจนเกือบจะชนเซี่ยเสี่ยวหม่าน…